นายลี เซียนลุง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ บุตรชายคนโตของนายลี กวนยู กล่าวปาฐกถาในงาน Founders Forum แสดงวิสัยทัศน์ถึงนโยบาย Smart Nation ของสิงคโปร์ แม้เนื้อหาส่วนมากจะพูดถึงภาพรวมของนโยบายไอทีประเทศ แต่ช่วงหนึ่งเขาก็พูดถึงเรื่องส่วนตัว ว่าเขาเคยเพลิดเพลินกับการเขียนโปรแกรม โดยโปรแกรมสุดท้ายที่เขาเขียน คือโปรแกรมแก้ Sudoku ที่เขียนด้วย C++ เขาระบุว่าเพราะเขาเขียน C++ จึงค่อนข้างล้าสมัยแล้ว และลูกชายทั้งสองคนของเขาเรียนด้านไอทีจบจาก MIT แนะนำให้เขาอ่านหนังสือสอนภาษา Haskell เขาคิดว่าจะอ่านมันหลังจากเกษียณอายุแล้ว
ปาฐกถาครั้งนี้ครอบคลุมตั้งแต่เรื่องบุคคลากร เขาวางตัว Vivian Balakrishnan รัฐมนตรีกระทรวงสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรน้ำเป็นหัวหน้าสำนักงานโครงการ Smart Nation เพราะ Vivian เป็นแฮกเกอร์เหมือนกัน เขาเขียนแอพพลิเคชั่นที่กระทรวงตัวเองเป็นคนเปิด API เพื่อทดสอบการใช้งาน และในเวลาว่างก็สร้างหุ่นยนต์, ประกอบนาฬิกา, และเขียนโปรแกรม
ด้านกฎหมาย นายลีระบุว่าสิงคโปร์รองรับการยื่นภาษีออนไลน์มาตั้งแต่ปี 1998 และตอนนี้เองแบบภาษีถึง 97% ก็ยื่นออนไลน์ ระบบกฎหมายภาษีของสิงคโปร์ถูกออกแบบให้มีความง่ายเพื่อให้ประชาชนไม่ต้องยุ่งยากเรื่องภาษี ระบบส่วนมากเป็นระบบอัตโนมัติทำให้ประชากร 3 ใน 5 ไม่ต้องยื่นภาษีด้วยตัวเอง กระบวนการเปิดบริษัทใช้เวลา 15 นาทีผ่านระบบออนไลน์
เรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งที่เขาเน้นคือความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ เขาระบุว่าระบบไอทีของสิงคโปร์ถูกโจมตีอยู่เป็นประจำ และบางครั้งก็ถูกเจาะได้สำเร็จ และเป็นเรื่องสำคัญที่หน่วยงานจะแก้ไขได้ในเวลาอันสั้น เขาระบุว่า Cyber Security Agency ที่เพิ่งตั้งขึ้นมาจะประสานงานระหว่างหน่วยงานต่างๆ และหวังว่าจะสามารถทำงานร่วมกับเอกชนได้ในอนาคต แต่ระหว่างนี้อย่างน้อยที่สุดเขาขอให้ภาคเอกชนทำระบบของตัวเองให้ปลอดภัยเพราะหากระบบหนึ่งรั่วก็อาจจะนำไปสู่ระบบอื่นๆ ที่เป็นของ ลูกค้า, คู่ค้า, หรือคู่สัญญาอื่นๆ
ที่มา - Prime Minister's Office Singapore
ที่มาภาพ - World Economic Forum
Comments
อ่านแล้วกลับมามองดูประเทศสารขันแถวๆ นี้แล้วมันรู้สึกอิจฉาแรง ยังไงไม่รู้
The Dream hacker..
เรียกว่าบริหารประเทศด้วยวิสัยทัศน์ + ความรู้ความสามารถล้วนๆ
ในขณะที่คนไทยบางคนยังบอกว่าไม่ต้องมีหรอกวิสัยทัศน์อ่ะ เอาแค่บริหารเก่งๆก็พอ
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
ประเทศเป็นยังไง ดูได้จากผู้นำประเทศแค่คนเดียวก็พอ
ปัญหาทางการเมืองและคอรัปชั่นในไทยมันหยั่งรากฝังลึกมานานครับ การคัดตัวผู้บริหาร/รัฐมนตรีจะเป็นการ'แบ่งอำนาจ'ในพรรคต่างๆ มากกว่าที่จะเป็น'เลือกจากผู้มีความรู้ความสามารถที่เหมาะสม'
นอกจากนี้'ระบบเส้นสาย'ที่เรามองว่าเป็นเรื่องปกติ ก็ทำให้คนที่มีความรู้ความสามารถจริงๆหมดโอกาสตรงนี้ไปด้วยครับ
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
ลีเซียนลุง เป็นรัฐมนตรีได้เพราะบิดาตัวเองและพรรคกิจประชาอยู่เบื้องหลัง แต่โชคดีที่เค้ามีความรู้ความสามารถและวิสัยทัศน์ และไม่โกง(มั้ง)
ของอย่างนี้เรียกว่าเป็นบุญของประเทศสิงคโปร์ เพราะดูแล้วเค้าเป็นเผด็จการประชาธิปไตยซ่อนรูปแบบเขมรดีๆนี่เอง
ทำทุกอย่างเพื่อกำจัดคู่แข่งทางการเมือง เซ็นเซอร์สื่อสารมวลชนเจ้มจ้น ริดรอนสิทธิขั้นพื้นฐานในการชุมนุม
สิงคโปร์นี่เป็นประเทศหนึ่งเดียวที่หักหน้านักรัฐศาสตร์
ทั้งๆที่เป็นเผด็จการ ซึ่งตรวจสอบและคานอำนาจโดยประชาชนได้ลำบาก แต่คุณภาพชีวิตเฉลี่ยของประชากรนี่แตกต่างกับประเทศเผด็จการอื่นๆมากมาย
หลายคนชอบพูดประมาณว่า รัสเซีย กับ จีน เป็นมหาอำนาจ แต่ถ้าดูที่คุณภาพชีวิตเฉลี่ยและช่องว่างระหว่างคนจนกับคนรวย จะเห็นว่ามหาอำนาจเหล่านี้มีประชากรอนาถาไม่น้อยเลย ข้อสังเกตง่ายๆให้ดูว่าถ้าประเทศนั้นดีจริง คนจะไม่พยายามดิ้นรนหนีไปประเทศอื่นครับ
ก็ไม่รู้ว่าประเทศประชาธิปไตย 99.99% แถวๆนี้จะเดินไปทางไหนเหมือนกันครับ :'(
องค์ประกอบ "ประชาธิปไตย" มันมีหลายอย่าง ครับ ความโปร่งใสภาครัฐ เสรีภาพในเรื่องอื่นๆ นอกจากเสรีภาพทางพูด (วิจารณ์ผู้นำ) เช่น การนับถือศาสนา
ผมเข้าใจว่าเวลาที่พูดว่าสิงคโปร์เป็นเผด็จการ มาจากสองอย่าง คือ ผู้นำครองอำนาจนาน (แถบสืบต่อกันในครอบครัว) กับมีการฟ้องหมิ่นประมาทสื่อที่วิจารณ์รัฐบาลเยอะ ระดับที่ไม่ได้รับฟังความคำวิจารณ์ ตรงนี้ถ้าไปดูระดับเสรีภาพสื่อ อย่าง RSF Index ก็จะแย่มากตามนั้น (อันดับ 153 จาก 180)
แต่ประเด็นอื่นๆ เช่น ความโปร่งใสหน่วยงานรัฐ ระบบกฎหมายคาดเดาได้ (แม้จะแย่เรื่องกฎหมายหมิ่นประมาท แต่ก็ "คาดเดาได้") ฟังก์ชั่นหน่วยงานรัฐทำงานได้เป็นอย่างดี พวกนี้เขานำเราหลายอย่าง และอย่างที่เราว่าเขาแย่ เอาเข้าจริงพอมองบ้านเราจริงๆ ก็ไม่ได้ดีกว่าขนาดนั้น อย่าง Democracy Index ของ Economist ให้สิงคโปร์ดีกว่าไทยมาตั้งแต่ปี 2007 เรามาดีกว่าในปี 2012 และแย่ลงไปอยู่ใต้สิงคโปร์อีกรอบในปี 2014
lewcpe.com, @wasonliw
ขอบคุณมากครับสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ยิ่งรู้สึกอนาถใจมากกว่าเดิมเข้าไปอีกเยอะเลย 55555
ผมแอบสงสัยนิดหน่อยว่า ถ้าวิจารณ์รัฐบาลไม่ได้แล้วเค้าจะวัดความโปร่งใสยังไงครับ? ฟังดูคล้ายๆฟังความข้างเดียวพิกลๆ?
เท่าที่เห็นในหนังสือพิมพ์ที่นั่นก็ไม่ได้วิจารณ์ไม่ได้ไปทั้งหมดนะครับ หนังสือพิมพ์ก็วิจารณ์ผลงานรัฐบาลกันตามปกติ พวกประสิทธิภาพการทำงาน ผมสังเกตว่าเขาจะเปรียบเทียบประสิทธิภาพรัฐบาลเขากับชาติอื่นๆ ตลอดเวลา (หลายปีก่อนค่าเงินอาเซียนแข็งค่าทั้งภูมิภาค ผมไปสิงคโปร์พอดี หน้าแรกหนังสือพิมพ์ทำ benchmark ว่าค่าเงินชาติไหนแข็งไปแค่ไหนแล้วขึ้นหน้าแรก) เวลาบอกว่าเขาแย่กว่าเรามันไม่ได้แปลว่าเป็นศูนย์ชนิดว่าใครไปพูดว่าเศรษฐกิจแย่แล้วจะโดนดำเนินคดีแบบนั้น
เราอาจจะวิจารณ์ได้มากกว่า พูดด่านักการเมืองได้มากกว่าโดยไม่ดำเนินคดี แต่ในทางกลับกันข้อมูลภาครัฐเรากลับเปิดเผยน้อยกว่า ระบบกฎหมายมีช่องโหว่มากกว่า
เขาอาจจะถามเราว่าแล้วจะแบบเราจะวิจารณ์อะไรกัน ฟังดูเหมือนพูดแบบไร้ข้อมูลไปเรื่อยๆ
lewcpe.com, @wasonliw
เสริมอีกแง่ คือการบังคับใช้กฎหมายเค้าดีกว่ามากครับ ทำให้กฎหมายที่ออกมาใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ
เอาง่ายๆ ที่เห็นได้ชัด เวลาไปที่โน่น หาบเร่แผงลอยแทบไม่มีให้เห็นเลย หรือการที่ร้านค้าเกือบทั้งหมดก็มี POS ลงบันทึกการขาย แม้จะเป็นร้านขายอาหารรายย่อยในศูนย์อาหาร (hawker center) ก็ตาม
ซึ่งในสังคมในลักษณะนั้น ทำให้รู้สึกได้ว่า ไม่ใช่ว่ารู้จักใครเยอะ เส้นใหญ่ หาช่องทางหลบเลี่ยงการบังคับใช้กฎหมายได้ดีกว่าจะได้ดีกว่าเสมอไป
ผมคิดว่าการจะทำให้ประเทศเจริญ บางทีไม่ต้องเป็นประชาธิปไตยก็ได้
+1 ขอให้ผู้นำมีเป้าหมายเพื่อชาติ ไม่ใช่เพื่อตัวเองยังไงก็เจริญครับ
ส่วนตัวผมชอบระบอบเผด็จการครับ
มีคนบอกไว้ว่า ประชาชนเป็นคนอย่างไร ก็ได้ผู้นำเป็นคนแบบนั้นแหละครับ (พูดง่ายๆ ถ้าผู้นำแย่ก็สะท้อนว่าโดยรวมแล้วคนในประเทศส่วนใหญ่ก็แย่เหมือนกัน)
...สิงคโปร์ถึงโจมตีอยู่เป็นประจำ...
ถึง -> ถูก
บุคคลากร => บุคลากร
มีนายกเขียนโปรแกรมเป็นด้วยล่ะ ฮือๆๆ
ร้องไห้หนักมากกกก
โอ้โหว นายกรัฐมนตรีประเทศเค้ามีความรู้ความสามารถรอบด้าน
นายกรัฐมนโทไทยคนไหนจบปริญญาทางด้านวิทยาศาสตร์บ้างจ๊ะ
ิอย่าว่าจบปริญญาทางด้านวิทยาศาสตร์เลย แค่จบตรงกับงานที่ทำยังหายากเลย
พูดถึงนายกรัฐมนโทครับ ไม่ได้พูดถึงคนทั่วไปอ่ะครับ
คิดว่าคงไม่มีเด็กคนไทยคนไหนเรียนมาเพื่อเป็นนายกรัฐมนโทหรอกมั้งครับ
ก็พูดถึงรัดมนโทนี่แหละครับ เห็นบ่อยไปที่ ศึกษาไม่ได้จบครู, IT ไม่ได้จบ IT, ฯลฯ
เห็นจะมีแต่ทหารนี่แหละที่จบทหารตลอด
แถมควบเก้าอี้ ส ส อีก คืองานมันน้อยไปใช่มั้ยถึงว่างกันจัง
โปรแกรมแรกที่อยากให้คนแถวนี้เขียนคือ Hello coconut shell ครับ
ย่อหน้าที่ 2 : สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรน้ำเป็นหน้าหน้าสำนักงาน > หัวหน้าสำนักงาน (?)
ทั้งนายกฯ ทั้งรัฐมนตรีเขียนโปรแกรมเป็นทั้งคู่ แถมบริหารบ้านเมืองเป็นด้วย
...ร้องไห้หนักมาก
จริงๆ แล้ว C++ ยังไม่ล้าสมัยนะครับ ยังคงมีใช้กันอย่างกว้างขวางในปัจจุบัน
นายก ICT แถว ๆ นี้เขียนโปรแกรมเป็นไหมนะ........
ยกเลิก พรบ.ดิจิตอลสิครับ แล้วผมจะเล่าให้ฟัง
จากที่บอกว่าบนโลกนี้มี 3 OS แล้วไม่น่าจะนะครับ
เอิ่มพึ่งออกมาจากป่าหรือเปล่าครับเขาเป็นอดีตมาเกือบปีแล้วนะครับ...
นั่งขำ ฮ่า ฮ่า ฮ่า
เกษียร > เกษียณ เด้อ
ไม่ธรรมดา
เคยเขียนโปรแกรมได้ไม่เห็นแปลก จบเกียรตินิยมอันดับหนึ่งทางคณิตศาสตร์ 1974 แถมได้ใบประกาศนียบัตรทางวิทยาการคอมพิวเตอร์ (ข้อมูลwiki)
Haskel คืออาราย แก่แล้วสินะเรา
ไม่เกี่ยวกับแก่หรอกมั้งครับ แค่อยู่คนละโลกกับเราเท่านั้นเอง
"The first version of Haskell ("Haskell 1.0") was defined in 1990."
http://en.wikipedia.org/wiki/Haskell_%28programming_language%29
เหดดดดดดดด
ผมเขียนแอพ Android และ iOS ด้วย C++ ไปแล้วหลายโปรเจค
มันยังไม่ล้าสมัยหรอก
เข้ามาอ่านคอมเมนต์แล้วต้องกลับไปอ่านข่าวใหม่ นึกว่าจะคุยกันเรื่อง ไอทีประเทศไทย
ผมไม่คาดหวัง อะไรมากครับ กับผู้นำไทย แต่ผมคาดหวังกับไอทีไทยในอนาคตครับ สิงคโปร์เปิดกว้างเรื่องไอที (เฉพาะ ไอที เท่านั้น เรื่องลิขสิทธิ์ และ freedom of speech ไม่เกี่ยวนะครับ) เช่น
การจัดตั้ง Singapore Internet Exchange เป็น IX ที่ไม่หวังกำไรเพื่อหวังให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายขึ้น เร็วขึ้น มีมาตรฐานในราคาที่ถูก และประชาชนสามารถจับต้องได้ 1 Gbps ทั้งดาวน์โหลดและอัพโหลดสำหรับ Singtel ราคา 50 SGD หรือ 1250 บาท เพื่อสนับสนุนในประชาชนสร้างคอนเทนต์ขึ้นเอง และใช้กันในประเทศครับ ทำให้เกิดตลาดไอทีขนาดใหญ่ในสิงคโปร์ ซึ่งจากราคา 1200 บาทในไทย ยังได้แค่ 30 Mbps เองครับ และในขณะที่ THIX ของไทยเองก็เป็นของบริษัทรัฐบาลที่คอยเก็บเงินเป็นเสือนอนกิน
เมื่อปี 2009 สมัยที่ผมเรียนไอที ที่สิงคโปร์ ผมได้มีโอกาสไปดูงานที่ ท่าเรือของสิงคโปร์ (PSA) เป็นระบบไอทีของเขาเป็น IoT ครับ กล้องวงจรปิดบันทึก และส่งข้อมูล Input เข้าไปที่เซิร์ฟเวอร์เพื่อประมวล ระบบสามารถรู้และตรวจว่า คอนเทนเนอร์ตู้นี้อยู่ที่ไหน และควรทำอย่างไรต่อ? เซิร์ฟเวอร์สามารถคำนวณ Resource Planning ว่า ควรจะเอาตู้ไหนขึ้น-ลงเรือก่อนเพื่อให้โหลดตู้ขึ้นเรือได้เร็วที่สุด ทำให้เรืออกจากท่าได้เร็วที่สุด ทำงานได้ราบลื่นมากที่สุด ผมว่ายิ่งในอนาคตเทคโนโลยี Self-Driving มาถึง รถในท่าเรือก็คงวิ่งเองแล้วครับ และเครื่องยกตู้คงขับเองด้วย เป็นต้น
และยิ่งมีข่าวนี้ ยิ่งสนับสนุนการย้ายส่วนไอทีไปสิงคโปร์เป็นเรื่องที่ถูกต้อง
น้ำตาจะไหล ขอ รมว ICT แบบนี้ได้มั้ย
"แต่ระหว่างนี้อย่างน้อยที่สุดเขาขอให้ภาคเอกชนทำระบบของตัวเองให้ปลอดภัยเพราะหากระบบหนึ่งรั่วก็อาจจะนำไปสู่ระบบอื่นๆ"
ต่างจากบ้านเรามาก จริงๆ....
ผมอ่านแล้วร้องไห้เลย..
นายกสิงคโปร์จะเก่งกว่าได้ไงครับ ต้องนายกคนปัจจุบันของไทยสิครับ ไม่ต้องเรียนถึงเมืองนอกอเมืองนาก็ได้เป็นนายก แถมไม่ต้องเลือกตั้งให้เสียเวลา มีอำนาจคุมกำลังระดับแสนได้ อยากทำอะไรก้แค่กระดิกนิ้วเดี๋ยวลูกน้องจัดให้ นายกสิงคโปร์นี่กระจอกไปเลย ตอนนี้เรามีความสุขมากกว่าคนสิงคโปร์อีกครับ อุ๊บ!!!!
ลาก่อยยย
มันไม่ง่ายเลยที่จะทำ GIF ให้มีขนาดน้อยกว่า 20kB
ม.44 login นี้ สงสัยจะอยู่ได้ไม่นาน อาจจะถูก delete ออกจากระบบ
เห็นปีที่แล้วบอกจะคืนความสุกให้ประชาชน ตอนนี้ก็สุกกันถ้วนหน้าแล้วนะครับ กลัวจะสุกเกินจนไหม้เลยต้องเปิดเครื่องปรับอากาศกันไม่ยั้งเลย #ผิด
สุดยอดเลยครับ
"hello world"
ก่อนจะ hello world ต้องเขียน open coconut shell ก่อนไหม
55 ไม่ทราบเหมือนกันครับ ผมเขียนเป็นแค่นี้ครับ
คนละแนวกัน
นายกไทยเน้นสกิลสายต่อสู้
นายกสิงคโปรสกิลสายเวท
น่าจะเป็นเช่นนั้น
นายกเรานี่ Carry เหรอครับ
ว้ายย
คนละแนวกันจริงๆด้วยครับ
คนนึง pro คนนึง noob
ทำไมเค้าถึงพัฒนา
ทำไมเราถึงไม่พัฒนา
C++ dev อ่านพาดหัวข่าวแล้วสะดุ้งเลย