บริษัทไอทีของไทยมีอยู่เป็นจำนวนมาก แต่โดยส่วนใหญ่มักเป็นบริษัทขนาดเล็กไปจนถึงขนาดกลาง ในวันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับบริษัทไอทีของไทยอีกแห่ง คือ บริษัท เอ็ม เอฟ อี ซี จำกัด (มหาชน) หรือ MFEC ปัจจุบันบริษัทนี้มีพนักงานมากกว่าพันคน รายได้ปีล่าสุดสูงกว่าห้าพันล้านบาท โดยผู้ก่อตั้งและซีอีโอ คือ คุณศิริวัฒน์ วงศ์จารุกร หรือคุณเล้ง
ข้อมูลเปิดเผย: ผม (ลิ่ว) หนึ่งในผู้ก่อตั้ง Blognone ทำงานร่วมกับ MFEC มาตั้งแต่ปี 2008 ก่อนจะลาออกไปเรียนปริญญาโทและยังทำงานเต็มเวลาที่ MFEC ในปัจจุบัน
คุณเล้ง: หลังจากจบจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผมก็เข้าทำงานตำแหน่งนักวิเคราะห์ ฝ่ายสารสนเทศ ที่บริษัท เอสโซ ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) แต่หลังจากทำงานไประยะหนึ่งแล้วคิดว่าควรตามความฝันตัวเองที่อยากเปิดบริษัทมากกว่าจะเป็นพนักงานประจำ
ผมลาออกไปเป็นพนักงานขายอยู่ช่วงหนึ่ง ก่อนจะมาเปิดบริษัทจริงๆ ช่วงที่เป็นพนักงานขายรายได้ไม่แน่นอนเท่ากับตอนทำงานเป็นนักวิเคราะห์ แต่ประสบการณ์ช่วงนั้นก็สอนผมในเรื่องธุรกิจหลายๆ อย่าง ผมเรียนรู้การต่อรอง, กระบวนการขาย, และการสื่อสารมาได้ช่วงนั้น
หลังจากนั้นผมเข้าไปคุยกับทางบริษัท โมเดอร์นฟอร์มกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เพื่อให้เป็นผู้ลงทุนในบริษัทที่จะเปิด ทางโมเดอร์นฟอร์มก็ตอบตกลง ให้เงินลงทุนมา 10 ล้านบาท กลายเป็นจุดเริ่มต้นของบริษัทในตอนนั้น
คุณเล้ง: MFEC เจออุปสรรคใหญ่ตั้งแต่ปีแรกที่เปิดกิจการ เราเจอวิกฤติต้มยำกุ้งตั้งแต่แรก สินค้าที่เราสั่งไปแล้วแต่ค่าเงินบาทตกทำให้เราขาดทุนจากค่าเงินอย่างหนัก ปีแรกปีเดียวเราขาดทุนไป 16 ล้าน แต่ทางโมเดอร์นฟอร์มก็ยังคงเชื่อใจเราและให้ทุนเรามาดำเนินการต่อ
สิ่งที่ทำให้เรารอดพ้นจากวิกฤตินั้นมาได้คือกลยุทธ์การทำธุรกิจที่ focus กับลูกค้า เน้นความต้องการลูกค้าเป็นหลัก และทำผลงานให้มีคุณภาพ ถ้าเราทำดี ลูกค้าก็ให้งานต่อเนื่อง ตราบใดที่มีงาน มีกำไร ไม่มีอะไรที่ unforeseen อีก ก็ผ่านวิกฤติได้
ธุรกิจไอทีในยุคนั้นคงเป็นรูปแบบการรับงานจากบริษัทใหญ่ๆ ที่ต้องการวางระบบไอที กลยุทธ์ช่วงแรกของ MFEC เป็นการเข้าไปทุ่มเทกับลูกค้าเจ้าเดียวเป็นหลัก ผมเข้าไปของานจาก AIS ตั้งแต่งานแรกๆ ที่มูลค่าไม่กี่แสน โดยขอไว้ว่าถ้างานนั้นสำเร็จก็ขอให้ได้ทำงานอื่นๆ อีก หลังจากนั้นก็ได้รับงานจาก AIS มาเรื่อยๆ ทุกวันนี้ AIS ยังเป็นลูกค้ารายสำคัญของเรา รายได้จาก AIS ตอนนี้อยู่ที่ปีละ 500 ล้านบาท
หลังจากเรามี AIS เป็นลูกค้าสำคัญและบริษัทขยายตัวขึ้น เราก็ขยายแผนกอื่นๆ เพิ่มมาเรื่อยๆ ตอนนี้ลูกค้าของเรากระจายไปหลายส่วน ทั้งการเงิน, ธนาคาร, หรืองานภาครัฐ เราก็เข้าไปรับมาจำนวนมาก
คุณเล้ง: ช่วงแรกของบริษัทผมมุ่งที่จะขยายตัวให้เร็ว ปัญหาในตอนนั้นคืออัตราการเปลี่ยนงาน (เทิร์นโอเวอร์) สูงมาก แม้รายได้จะเติบโตดี แต่ในมุมมองการวางทิศทางบริษัทกลับทำได้ยาก
การเร่งขยายตัวโดยเน้นรายได้เป็นหลักยังทำให้เราติดหล่มไปบ้างบางครั้ง ครั้งหนึ่งเราเคยรับโครงการราชการขนาดใหญ่ แล้วติดปัญหาเทคนิคไม่สามารถปิดโครงการได้ตามกำหนด โครงการนั้นเราทั้งขาดทุนและเสียกำลังคนที่เปลี่ยนงานจากการเสียกำลังใจในโครงการนั้นไปจำนวนมาก
แต่การขยายตัวแบบรุนแรงแบบนั้นก็เป็นกลยุทธ์สำคัญในยุคแรกของบริษัท เราขยายตัวจากขาดทุนจนกลับมานำบริษัทเข้าตลาดได้ภายในหกปี และยังเติบโตต่อเนื่องมาเรื่อยๆ จ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นในระดับสูงมาตลอด
คุณเล้ง: ถึงตอนนี้ MFEC กำลังปรับตัวเป็นโหมดการเติบโตแบบยั่งยืน เราปรับโฟกัสมาอยู่ที่คนของเราเอง เราเน้นจะสร้างวัฒนธรรมองค์กรให้เกิดขึ้นในบริษัท วัฒนธรรมองค์กรที่อยากให้ทุกคนมีร่วมกัน มองชัยชนะของบริษัทเป็นชัยชนะร่วมกัน และเมื่อถึงจังหวะที่ทำได้ทุกคนก็พร้อมก้าวออกมาแสดงศักยภาพของตัวเองอย่างสุดฝีมือ แทนที่จะทำงานตามมอบหมายไปวันๆ
ในแง่ของธุรกิจผมวางเป้าการเติบโตไม่สูงเหมือนยุคแรกที่เราเติบโตปีละเท่าตัว หากวัฒนธรรมองค์กรที่วางไว้ประสบความสำเร็จ เราจะเติบโตต่อเนื่องในระยะยาวได้ปีละ 15% หรือเติบโตหนึ่งเท่าตัวทุกๆ ห้าปี
ผมวางแนวทางสนับสนุนให้บุคลากรอาวุโสออกไปเปิดบริษัทโดย MFEC จะเข้าไปร่วมถือหุ้น บริษัทใหม่ๆ นี้จะมีบุคลากรรุ่นใหม่ที่ปรับตัวต่อเทคโนโลยีได้ดี พนักงานในบริษัทเองก็มีเส้นทางเติบโตออกไปเป็นผู้บริหารบริษัทเหล่านั้น
คุณเล้ง: อย่างที่บอกว่าเราสนับสนุนให้พนักงานที่มีศักยภาพออกไปเปิดบริษัทโดย MFEC ร่วมทุน สิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเรามีนวัตกรรมใหม่ๆ ไอเดียใหม่ๆ ที่น่าสนใจ แตกไลน์จากธุรกิจ MFEC และตัว product เกิดจากความคิดหรือการทุ่มเทผลักดันของพนักงานคนหรือกลุ่มนั้นๆ
อย่างตอนนี้เราก็ทำระบบวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคโดยใช้ข้อมูลจาก Social Media (โครงการ Social Insight) เรามีทำระบบ Front-end Trading ให้ลูกค้าเช่าใช้ ตอนนี้เป็นลักษณะร่วมลงทุนโดยเราใช้ man-power ของเราเป็นทุน ในอนาคตก็คงจะโอนย้ายพนักงานไป และ/หรือ ส่งคนไปบริหาร
เรายังมีอีกหลายโครงการที่พนักงานของเราซุ่มทำแล้วเอามาโชว์ บางอันผมปิ๊งไอเดียก็เอาออกไป test แนวคิดกับคนรู้จักในวงการต่างๆ บางอันได้รับการตอบรับที่ดีก็กำลังจะผลักดันให้เต็มรูปแบบ
คุณเล้ง: บ้านเราขาดคนอย่างหนัก คงมีคนพูดกันเยอะแล้วว่าบ้านเรามีวิกฤติโปรแกรมเมอร์ ที่จริงแล้วงานสายไอทีอื่นๆ ก็ขาดคนอีกเหมือนกัน
MFEC ในฐานะบริษัทไอทีขนาดใหญ่เราอยากเข้าไปผลักดันให้เกิดความเปลี่ยนแปลง อย่างแรกคือการเข้าไปช่วยสร้างคนที่ตรงกับความต้องการของอุตสาหกรรม เราวางเป้าว่าเราจะเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างคนที่พร้อมทำงาน 5,000 คนภายในปี 2558
เราอยากกระจายความเจริญไปสู่ส่วนภูมิภาคให้มากขึ้น เราเข้าไปทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัยส่วนภูมิภาคตั้งแต่การร่วมร่างหลักสูตรไปจนถึงการนำศูนย์พัฒนาบางส่วนไปตั้งไว้ในภูมิภาคเพื่อให้พนักงานของเราได้ทำงานในท้องถิ่น
Comments
อยากให้คนไทยอีกหลายๆคนมีความมุ่งมั่นแบบนี้จัง ..
เป็นต้นแบบที่ดีครับ ขอขอบคุณบทสัมภาษณ์ดีๆ ครับ
รับทำเว็บไซต์ ออกแบบเว็บไซต์
ไม่สนใจเปิดกองทุนสำหรับบริษัทภายนอกบ้างเหรอครับคุณเล้ง บริษัทไอทีด้วยกันจะเข้าใจวัฒนธรรมของกันและกันดีกว่านักธุรกิจที่หวังจะเข้ามากอบโกยในช่วงแรกๆ มากกว่า แถมแชร์ channel ขายร่วมกัน ลดต้นทุนได้อีก ผมว่าถ้าคุณเล้งเปิดกองทุน startup มีหลายรายสนใจไป Present ด้วยนะครับ
ประโยคนี้เข้าใจดี ฮ่าๆๆ
ครั้งหนึ่งเราเคยรับโครงการราชการขนาดใหญ่ แล้วติดปัญหาเทคนิคไม่สามารถปิดโครงการได้ตามกำหนด โครงการนั้นเราทั้งขาดทุนและเสียกำลังคนที่เปลี่ยนงานจากการเสียกำลังใจในโครงการนั้นไปจำนวนมาก"(รวมเราด้วยเปล่าหว่า 5555)
สงสัยมานานแต่ไม่เคยหาเลย วันนี้รู้ละ
MFEC = Modern Form Enterprise Computing
เคยโดนหลอกให้รอ แล้วก็เงียบหายไป แต่ก็ดีใจเพราะอยู่ไกลเกินเหมือนกัน
ผมติดดอยอยู่นะฮะ 555
Educational Technician
เป็นบทสัมภาษณ์ที่ดีมากครับ
เคยยื่น Resume สมัยก่อน มี CCNA ติดตัวยังเมินเลยครับ ถถถถ
ปรัชญาการดำเนินงานของแต่ละองค์กรไม่เหมือนกัน ที่ MFEC ผมว่าองค์กรเขาดูกลางๆ ไม่ได้ hyper จนคุมไม่อยู่ และไม่ได้เนือยจนแข่งขันไม่ได้ เท่าที่รู้ปัจจุบันไม่ได้เน้นที่คนเก่งอย่างเดียว แต่เน้นเรื่องการเข้ากันได้กับองค์กรด้วย ลองดูเวอร์ชั่นนี้ที่คุณเล้งให้สัมภาษณ์กับคุณหนุ่มเมืองจันทร์ ผมว่าน่าจะได้คำตอบนะว่าปัจจุบันทาง MFEC รับพนักงานอย่างไร
https://www.youtube.com/watch?v=RfeVCwE9pkk
(ผมทำบริษัท outsource ด้าน develop ดังนั้นก็เคยทั้งเป็นพันธมิตร และคู่แข่ง ในหลายๆ งาน เลยพอรู้คร่าวๆ คับ)
บทสัมภาษณ์ดีมากเลยครับ
oxygen2.me, panithi's blog
Device: ThinkPad T480s, iPad Pro, iPhone 11 Pro Max, Pixel 6