ถือเป็นหนึ่งในเรื่องที่น่าสนใจสำหรับประเด็นสิทธิส่วนบุคคล เมื่ออดีตพนักงานหญิงของบริษัท Intermex บริษัทที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการโอนเงินในสหรัฐอเมริกา ยื่นฟ้องต่อศาลเป็นเงินจำนวนกว่า 5 แสนเหรียญสหรัฐ หลังจากที่โดนไล่ออกเพราะทำการลบแอพที่ติดตามพฤติกรรมพนักงานของบริษัทออกจาก iPhone ของเธอ
อดีตพนักงานของบริษัทคนดังกล่าวมีชื่อว่า Myrna Arias โดยเธออ้างว่า เจ้านายของเธอระบุว่าแอพสำหรับติดตามพฤติกรรมของพนักงานซึ่งใช้เฉพาะในเวลาทำงานนั้น จะทำงานต่อนอกเวลาทำงานด้วย โดยจะติดตามพฤติกรรมของพนักงานไปตลอด แม้กระทั่งตอนขับรถด้วย ซึ่งจุดนี้ทำให้เธอไม่พอใจ โดยระบุว่าเหมือนกับกำไลเท้าสำหรับคุมประพฤติ ทำให้เธอร้องเรียนต่อหัวหน้า แต่ก็ได้รับการระบุว่าเธอควรจะต้องอดทน จนทำให้เธอตัดสินใจลบแอพออกจากเครื่อง ซึ่งเป็นเหตุทำให้เธอถูกไล่ออกนั่นเอง
สำหรับแอพเจ้าปัญหาดังกล่าวคือ Xora ซึ่งทาง Intermex ใช้งานสำหรับติดตามพนักงาน โดยหลังจากเกิดเหตุการณ์นี้ ทาง Ars Technica พยายามติดต่อกับทางบริษัทแต่ก็ไม่ได้รับคำตอบแต่อย่างใด
ที่มา - Ars Technica ผ่าน RT
Comments
อันนี้ก็เยอะเกินไป แต่ก็พอเข้าใจในมุมของบริษัท
ว่าแต่ iPhone มันยอมให้ใช้ GPS service ตลอดเวลาเลยเหรอ??
สามารถขอเป็น background mode ทำงานได้ตลอดเวลาครับ
แต่ไอโฟนมันก็จะคอยถามอยู่เรื่อยๆ หลายๆวันถามทีนึงว่าแอพตัวนี้ใช้งาน Location Service อยู่นะ จะปิดไหม
องค์กรที่ต้องยินยอมรับโทรศัพท์ลูกค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมงนี่ก็สุดๆ จริงๆ ผมขอบาย 1 คนหล่ะ #ทาสชัดๆ
เขาพูดถึงแอพที่ติดตามพฤติกรรมของพนักงานไม่ใช้การต้องรอรับโทรศัพท์จากลูกค้า 24 ชั่วโมงนะครับ
อันที่จริงถ้ารับกับระบบ กฎ กติกา ระเบียบต่างๆในบริษัทไม่ได้ ถ้าไม่ออกเองก็ต้องโดนไล่ออก ไม่มีใครเขาเอาไว้หรอกครับ
และที่สำคัญรู้สึกตำแหน่งสูงๆ ในบริษัทหรือองกาค์กรใหญ่ๆ จำเป็นจะต้องรับโทรศัพท์ได้ตลอด 24 ชั่วโมงนะครับ
โทษทีครับ ไปอ่านต้นฉบับแล้วอินไปหน่อย ดันมาตอบในนี้ Worker fired for disabling GPS app that tracked her 24 hours a day [Updated]
ระเบียบที่ขัดต่อกฎหมายใช้งานไม่ได้ครับ เชื่อเหอะว่าบอสของเธออาจจะถูกไล่ออกเป็นรายต่อไปเพื่อเป็นแพะรับบาปเพราะที่นี่การละเมิดสิทธิส่วนบุคคลเป็นเรื่องใหญ่ไม่มีบอสคนไหนมีอำนาจไปสอดส่องพฤติกรรมของลูกน้องนอกเวลาทำงานครับ ส่วนพวก CEO มันคนละเรื่องครับเพราะงานเขาไม่มีเวลาหยุด แต่สำหรับเคสนี้ค่อนข้างมั่นใจว่าบริษัทมีโอกาสแพ้สูงมากแล้วค่าเสียหายคนที่จะโดนไล่เบี้ยคือหัวหน้างานของเธอนั่นแหละ
กฎกติการะเบียบใดๆก็ตามต้องไม่ขัดับกฎหมายครับจะเห็นได้ว่าในคลิปของ app ตรวจสอบว่าพนักงานได้หยุดพักตามกฎหมายแรงงานด้วยหรือไม่ แต่นอกเวลางานบริษัทไม่มีสิทธิไปล่วงละเมิดความเป็นส่วนตัวครับมันผิดกฎหมายถูกฟ้องก็สมควรแล้วครับ
คงทำงานสาย IT ไม่ได้แล้วหล่ะครับ
โดยเฉพาะสายเน็ตเวิร์ค
+1024
ผมก็ทำสายไอทีนะครับ ก็ไม่จำเป็นนะครับ
แต่ผมไม่ได้ทำเน็ทเวิร์คนะครับ :P
ก็ทิ้งเครื่องไว้ที่ทำงาน แล้วใช้มือถืออีกอัน
น่าคิดนะ
ว่า จริงจริงแล้ว บริษัท ต้องการอะไร
ถ้าทิ้งเครื่องไว้ที่ทำงาน จะ มีปัญหาอะไรมั๊ย
ดูทรงแล้วต่อให้มีกี่เครื่องบริษัทก็คงจะต้องให้ลงอะครับ เพราะตัวงานน่าจะบังคับให้ต้องโดนตรวจสอบตลอดเวลาจริงๆ
ไม่พกมือถือเลยก็ใด้นิครับ
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ถ้าเป็นข้อกำหนดของสถานที่ทำงานว่าต้องพกมือถือล่ะครับ?
I'm ordinary man; who desires nothing more than just an ordinary chance to live exactly what he likes and do precisely what he wants.
น่าจะลงได้แค่เครื่องที่บริษัทแจกให้พนักงานใช่ครับ ส่วนเครื่อวส่วนตัวนี่ไม่แน่ใจว่ากฎหมายสหรัฐฯ อนุญาตหรือเปล่าครับ
เดาว่า ถ้าไม่ใช่ตำแหน่งที่เกี่ยวข้องกับเงินหรือsecurity ที่ต้องเฝ้าระวังเรื่องfraud ก็อยู่ในตำแหน่งที่ต้อง on call standby 24/7 เลยต้องให้ติดตามตัวได้ตลอด(ที่มีGPSจะได้โกหกไม่ได้ว่าอยู่ไกลจากสถานที่ remote/ที่ทำงาน)
ก็คงต้องดูว่าเรื่องบังคับนี้มีก่อนสัญญาจ้างหรือหลังทำสัญญาจ้าง ถ้ามาบังคับทีหลังรับเข้าทำงานแล้ว ก็น่าจะฟ้องได้ แต่ถ้าบอกล่วงหน้าก่อนเซ็นสัญญา ก็อาจถือเป็นหนึ่งในเงื่อนไขของสัญญาจ้าง แต่ก็ไม่แน่ ศาลอาจจะมองว่าเป็นการละเมิดความเป็นส่วนตัวเกินไป
พอเข้าใจนะ เคยทำงานในส่วนที่ต้องstandby 24/7 ไปไหนก็ต้องพก laptop+token VPN ตลอด เพราะโรงงานมันrun 24/7 และมีหลายสาขาทั่วโลก เคยเจอตีสอง โทรมาจากสาขาที่เมกาถามเรื่องไม่ด่วนก็อารมณ์เสียเช่นกัน จะไปเที่ยวตปท.ก็ต้องแจ้งล่วงหน้า (ถ้าแค่ตจว.ยังไงก็มีเนทใช้ remote supportได้)แต่ยังดีที่สุดท้ายยังไม่เคยมีเรื่องด่วนขนาดจนต้องละทิ้งการเดินทางหรือท่องเที่ยวทุกอย่างกลับมาทำงาน อย่างมากก็แค่รอกลับไปเช็คตอนเข้าที่พักตอนค่ำได้
ในอเมริกาเรื่องสิทธิส่วนบุคคลสำคัญนะครับ ผมว่ากรณีนี้น่าจะฟ้องได้
จากที่เรียนมาการกระทำของบริษัทบางทีผมว่าก็มากเกินไปครับ
แต่ถ้าเป็นผมจะใช้มือถือสองเครื่องอันนึงสำหรับทำงานอันนึงเรื่องส่วนตัวและจะไม่ส่งไฟล์ผลงานอะไรที่คิดเล่นๆระหว่างช่วงพักกินข้าวในที่ทำงานเดี๋ยวโดนยึดผลงานไปอีกทำใส่อีกเครื่อง (เครื่องส่วนตัว) แล้วส่งเมลล์ที่บ้านดีกว่า
ผมว่าบางทีสัญญาจ้างที่นี่ก็เอารัดเอาเปรียบมากๆ
The app had a "clock in/out" feature which did not stop GPS monitoring, that function remained on. This is the problem about which Ms. Arias complained. Management never made mention of mileage. They would tell her co-workers and her of their driving speed, roads taken, and time spent at customer locations. Her manager made it clear that he was using the program to continuously monitor her, during company as well as personal time.
เมื่อรับฟังหลักฐานจากทั้งสองฝ่ายปรากฎว่า ผู้จัดการของเธอสอดส่องดูพฤติกรรมของเธอตลอดเวลาแม้แต่ช่วงเวลาส่วนตัวซึ่งตรงนี้ผมว่ามันมากเกินไป ไม่แน่ใจว่าขัดรัฐธรรมนูญของที่นี่ด้วยรึเปล่าแต่คุ้นๆว่าน่าจะขัดรัฐธรรมนูญเพราะเพิ่งสอบไปไม่นาน (เงื่อนไขนี้ในสัญญาจ้างจะใช้ไม่ได้ถึงจะมีในสัญญาจ้างก็ใช้บังคับไม่ได้คือไม่มีผล) เคสนี้ถ้าเจาะปัญหาข้อกฎหมายว่าเงื่อนไขการจ้างนี้ขัดต่อกฎหมายหรือไม่ก็พอถ้าขัดต่อกฎหมายบริษัทแพ้ 100% ครับจะยกข้อสัญญามาอ้างไม่ได้เลยเพราะสัญญาที่ขัดต่อกฎหมายไม่มีผลบังคับครับ
เพราะงานต้อง standby 24 ชม. กับเรื่องติดตั้งโปรแกรมติดตามบนมือถือส่วนตัวนี่มันคนละเรื่องกันนะครับ
ภาระงานกับความเป็นส่วนตัวไม่น่าปนกันแบบนี้ ถ้าเป็นเจมส์บอนก็ว่าไปอย่าง
แต่ถ้าจ่ายค่าจ้างตลอดเวลาที่โปรแกรมทำงานก็พอรับไหวนะ ฮาา
บริษัทที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการโอนเงิน หมายถึงบริษัทที่ขนส่งเงินหรือป่าวครับ เช่นส่งเงินจากธนาคารสำนักงานใหญ่ไปสาขา ไปตู้ ATM
Ooh
แล้วถ้าผมใช้ 3310 ล่ะ คงไม่รับผมเข้าทำงานสินะ
http://www.xora.com/products/overview/product-features/
app นี้หรอครับ หน้าตาเหมือน app ไว้ติดตามงานส่งงานได้ด้วย โดยมีการติดตามลูกน้องด้วย ด้วยผมว่าเหมาะกับไว้ติดตามพนักงานที่ต้องไปทำงานตาม สถานที่ต่างๆ เพราะถ้าเกิดกรณี ลูกค้าแจ้งว่าคนของเรายังไม่ถึง แต่คนของเราบอกถึงแล้ว มีวิธีเดียวที่จะปกป้องตัวเราเองคืน app นี้ละ เป็นผมยอมลงนะแต่อาจตามด้วย Fake GPS Location App ไปอีกตัว 555+