The Hamburg data protection authority หน่วยงานที่รับผิดชอบเรื่อง Facebook ในเยอรมันกล่าวว่า Facebook ไม่สามารถบังคับให้ผู้ใช้ต้องใช้ชื่อนามสกุลจริง และห้ามขอหลักฐานแสดงความเป็นตัวตน (เช่น บัตรประชาชน) ด้วย
ที่มาเริ่มจากมีผู้หญิงไปร้องเรียนหน่วยงานดังกล่าวว่าถูก Facebook ระงับบัญชีเนื่องจากไม่ได้ใช้ชื่อจริง และต้องการให้เธอส่งหลักฐานยืนยันตัวตนเพื่อที่จะเปลี่ยนชื่อให้เป็นชื่อจริง โดยเหตุผลที่เธอไม่ต้องการใช้ชื่อจริงนั้นเพราะกลัวกระทบกับหน้าที่การงานนั่นเอง
ทางหน่วยงานเยอรมันได้กล่าวว่า การบังคับใช้ชื่อจริงก็เป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลเช่นกัน
ทางด้าน Facebook นั้นกล่าวว่ารู้สึกผิดหวังกับคำสั่งดังกล่าว เพราะมาตรการการให้ใช้ชื่อจริงของ Facebook นั้น เป็นการปกป้องความเป็นส่วนตัวของบุคคลและเป็นการเพิ่มความปลอดให้ผู้ใช้ได้รับรู้ว่า ณ ขณะนั้นเขากำลังติดต่อพูดคุยกับใครนั่นเอง
ที่มา - Reuters
Comments
"เป็นการเพิ่มความปลอดให้ผู้ใช้ได้รับรู้ว่า" -> ปลอดภัย
มีผลทุกประเทศมั้ย
โดนเกรียนแจ้งทุกรอบ
ผมเห็นช่องโหว่อยู่รำไร เช่นเดียวกับการเปลี่ยนชื่อของอินโด
ข้าขอทรยศต่อคนทั้งโลก ดีกว่าให้ใครมาทรยศข้า
ประเทศแถบอาเซียนน่าจะชอบนะครับ อะไรที่ระบุตัวตน
ต้องมาดูงานที่ pantip สิครับ
ส่งบัตรประชาชนก็มีโลโก้อมยิ้ม
ใครใช้มือถือสมัครก็มี โลโก้มือถือ
จบ
ง่ายๆ
อีกหน่อยที่เยอรมันคงรับจดทะเบียนสมรสโดยใช้ชื่อปลอม ?
จริงๆ ถ้ารับไม่ได้ก็ปิดบัญชีไปก็น่าจะจบรึเปล่าครับ? ศาลไม่น่ามีอำนาจสั่งให้ยอมให้บริการต่อได้นะครับ?
อันนี้ผมแค่สงสัยนะครับไม่ได้ค้าน
ถ้าในกรณีเดียวกัน Google Microsoft Apple Twitter Line หรือผู้ให้บริการรายใหญ่ๆเจ้าอื่นๆ เกิดบ้าจี้ให้เปิดเผยชื่อนามสกุลจริงทั้งใน email หรือบริการทุกอย่างพร้อมโชว์ชื่อจริง (ที่ผู้อื่นมองเห็นได้) ในทุกๆบริการ คงเป็นปัญหาเหมือนกัน ยิ่งเป็นบริการที่มีส่วนแบ่งตลาดมากแล้วแทบจะกลายเป็นสาธารณูปโภคในยุคปัจจุบัน (อยากเรียกสูโดสาธารณูปโภคไปเลย)
ในกรณีนี้จะบอกว่าให้ไปปิดบัญชีซะผมว่ามันทำได้ยากนะครับ ศาลที่พิจารณาน่าจะเกี่ยวข้องกับหน่วยงานสิทธิผู้บริโภคในการกำหนดกฎต่างๆเพื่อคุ้มครองผู้บริโภคนะครับ
คือถ้ามันเป็นข้อกำหนดของการให้บริการ ทางนู้นจะปิดไม่ให้บริการทางเราก็น่าจะต้องจำใจครับ เหมือนวันดีคืนดีเค้าขาดทุนจะปิดบริการก็ต้องจำใจเลิกใช้ไป
ถ้าบังคับชื่อ-นามสกุลมันไม่เวิร์คจริงๆ ด้วยตลาดแบบเสรีมันต้องมีคนทำมาแข่งครับ และถ้าผู้บริโภคเห็นว่ามีตัวเลือกที่ดีกว่าก็ย่อมจะเลือกกันเอง คนที่ทำมาแข่งได้ถูกใจกว่าก็จะกลายเป็นเจ้าใหญ่ไปเอง
ขอบคุณครับ
เข้าใจความหมายของตลาดเสรีผิดนิน้อยนะครับ ตลาดเสรีคือ ผลิตภัณฑ์ชนิดเดียวกัน แต่ต้องไม่อิทธิพลจากแบรนด์ หรือบริษัทเป็นเจ้าของ แค่แปะคำว่า Facebook ก็เรียกการแข่งขันแบบเสรีไม่ได้แล้วครับ (จากที่เรียนมาถ้าความรู้จากปริญญา(ที่ยังไม่ได้มา)มันเก่าแล้วก็ขออภัยครับ)
ผมน่าจะเรียกชื่อผิดจริงๆ ครับ ยอมรับกันตรงๆ เลยว่าผมมีปัญหากับเรื่องชื่อเรียกมาก รวมไปถึงชื่อของพวกวิธีการ ผลิตภัณฑ์ ฯลฯ ด้วยครับ ถ้ายังไงขอให้มองแต่ส่วนเนื้อหามองข้ามชื่อไปแล้วกันครับ (T^T)
Google บังคับอยู่ใน G+ มั้ง (หรือไม่ก็ยกเลิกไปแล้ว)
ยกเลิกไปแล้วครับ
กลัวกระทบหน้าที่การงาน ก็อย่าไปโพสต์อะไรที่มันกระทบเท่านั้นเอง
เรื่องชื่อจริงบังคับหรือไม่ผมก็ ok นะ แต่ควรจะแบน account ทึ่ปลอมตัวเป็นคนอื่นด้วยนะครับ
right to anonymous ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่พอสมควร
แต่ผมเชื่อว่ามันมีเพื่อปกป้องตัวผู้อยู่ภายใต้ชื่อนั้นๆ จากการคุกคามจากกลุ่มคนที่มีและไม่มีอำนาจตามกฎหมายต่อการสืบหาตัวเพื่อคุกคาม หรือกระทำการใดๆ ที่อาจส่งผลต่อการดำรงชีวิตได้
หากเรายอมรับว่านามปากกาตามหนังสือหรือนิตยสารที่ครั้งหนึ่งถูกสร้างมาเพื่อปกป้องนักเขียนจากการใช้ชื่อจริง ต่อการวิจารณ์รัฐแล้ว ผมคิดว่าแนวคิดคล้ายๆ แบบนี้ควรเกิดและถูกใช้บน social networking เช่นกัน
กรณีนามปากกานี่ก็น่าจะเทียบได้กับการสร้างเพจเพื่อใช้นามแฝงหรือเปล่าครับ?
ผมมองว่า pages มันเกิดหลัง profile ปรกตินะ และผมมองว่าหากเค้าต้องการใช้เพียงกลุ่มเพียงบางกลุ่ม ก็ไม่เห็นจำเป็นต้องใช้ pages ให้มันซ้ำซ้อนอะไรขนาดนั้น
ยื่นบัตรประชาชนตรวจสอบแล้ว
ที่จริงน่า จะให้เลือกได้ว่า จะใช้ชื่อจริง หรือจะใช้ชื่อต้องการตั้ง
อยากจิย้ายไปทันที
รู้สึกเหมือน ทำไมยุโรปเค้าปกป้องสิทธิ์ของคนของเค้าดีจัง เค้าพร้อมสั่งองค์กรขนาดใหญ่ให้หยุดทำสิ่งที่ละเมิดสิทธิ์ของคนของเค้า ต่างจากสารขันธ์ของเราที่ไม่หือไม่อืออะไรเลย ทั้งที่คนใช้งานของเรามีอันดับต้นๆ
ผมเห็นด้วยนะ กรณีเป็นห่วงด้านความปลอดภัย หลังตรวจสอบบัตรหรือยืนยันตัวตนลักษณ์ใดก็ตามแล้ว ก็ให้เปลียนชื่อได้ (ที่ไม่ใช่ 4 เดือนข้างหน้า แต่ควร 4 ชั่วโมงหลังยืนยันตัวตน ไม่ก็ไม่ควรเกิน 4 วัน)
ของเรานอกจากไม่หือไม่อือแล้วยังขอความร่วมมือไปยังเฟสบุ๊คให้เปิดเผยข้อมูลบุคคลด้วย
เกี่ยวกับสถานการณ์ในไทย เพราะการบังคับใช้ชื่อจริงนี่แหละ ที่ทำให้ฝ่ายประชาธิปไตยโดนคุกคามจากเผด็จการ
เลยอดปลอมชายเป็นหญิง ปลอมแก่เป็นเด็ก ปลอมฯลฯ เลยสินะครับ
กรุณาดูประเด็นที่ผมตอบด้วยครับ
เรื่องนี้น่าจะมีภาคต่อ
เรื่องเกี่ยวกับการยืนยันตัวตน การเปิดเผยตัวจริง ทำให้ผมนึกถึงประโยคจากภาพยนตร์เรื่อง Captain America ครับ
HYDRA created a world so chaotic that humanity is finally ready to sacrifice its freedom to gain its security.
ถ้า facebook บังคับให้ใช้ชื่อจริงกับทุกคน จะเลิกเล่น facebook วันนั้นเลย
น่าจะตั้งเป็นตัวเลือก ไม่ก็เป็นระดับขั้นความน่าเชื่อถือน่ะครับ
แบบ ถ้ายืนยันด้วยบัตรประชาชนแล้ว ก็อาจจะมีดาวประดับที่รูปโปรไฟล์ ประมาณนี้
เวลาที่มีการติดต่อซื้อขายกันจะได้มีความโปร่งใสขึ้น ไม่ใช่ว่าโอนเงินไปแล้วไม่ได้ของ เจ้าของร้านก็ปิดเฟสหนี
ถ้ายืนยันไปแล้ว ลูกค้าก็จะได้เอาชื่อ-นามสกุล ไปแจ้งความได้
ถ้าใครไม่ยืนยัน คนก็จะไม่ซื้อของ หรือซื้อน้อย เพราะความน่าเชื่อถือต่ำนั่นเอง
พอเปลี่ยนชื่อบ่อยก็โดนระงับไม่ให้เปลี่ยนชื่อแล้วด้วย แย่จัง
คนรู้จักใช้ชื่อจริง+ส่งบัตรประชาชนยืนยันก็ยังโดนแบนไป 5-6 รอบแล้ว =_="
ทำเป็น verify user ไปเลยมั้ย ใครใช้ชื่อจริง มีเอกสารหลักฐานให้มีสัญลักษณ์ ส่วนใครอยากใช้แค่ชื่อเล่น internet name ก็ใช้ไป
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
ทุกวันนี้ชื่อจริงเฟสบุคยังแบน มาตรฐานการตรวจสอบชื่ออยู่ตรงไหนอยากรู้จริงๆ ถ่ายบัตรประชาชนส่งไป ยืนยันกลับมาแล้วก็ยิ่งบางทีก็ติดโทษแบนต่อห้ามคอมเม้นห้ามแชต ห้ามแอดเฟรน ทำได้อย่างเดียวคืออ่าน จุดนี้แหละที่ผมเบื่อเฟสบุคแต่ก็จำใจใช้
สม
เข้าสู่ยุค "ประชากร facebook" แล้วหรือ?
คำถามคือ ทำไม facebook ถึงอยากให้ ใช้ชื่อจริงๆ อันนี้น่าคิด?
ป้องกันประชาชนของตัวเองโดนหลอก โดนแอบอ้าง?
แต่ ประเทศเยอรมัน ก็มีแนวความคิดที่แตกต่างกับชาวบ้านดี อันนี้ผมชอบนะ
อย่าให้ต้องเลิกใช้ fb เหมือน pantip เลย ตั้งแต่ให้ส่งบัตรประชาชน ก็เลิกใช้ pantip ทั้งๆ ที่ใช้มาตั้ง 10 กว่าปี