องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ประกาศแผนให้บริการ Wi-Fi ฟรีบนรถโดยสารประเภทยูโรทูฟรีอย่างเป็นทางการ หลังจากทดสอบระบบมาตั้งแต่ช่วงปลายปีก่อน และได้รับเสียงตอบรับค่อนข้างดีจากผู้ที่ได้ลองใช้งาน
ระบบ Wi-Fi ฟรีบนรถโดยสารของขสมก. จะใช้งานผ่าน 3G ซึ่งมีแผนจะติดตั้งบนรถโดยสารประเภทยูโรทูจำนวน 1,500 คัน โดยติดตั้งไปแล้วทั้งสิ้น 550 คันในช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา และคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคมนี้
สำหรับการให้บริการ Wi-Fi ฟรีบนรถโดยสารขสมก. เคยทดสอบกับรถโดยสารสาย 140 มาก่อน ใครที่เคยไปลองใช้มาแสดงความเห็นไว้ได้ครับ
ที่มา - ขสมก.
Comments
ON WiFi นี่คนละอย่างกันกับข่าวใช่ไหมครับ ฮ่าๆ
เคยใช้ ON WiFi อันนี้ฟรี แต่มีโฆษณาตอนล็อกอิน (15 วิ.) บางทีเล่นไปสัก 20 นาที เน็ตหาย ต้องมาต่อ WiFi ใหม่อีกรอบ ความเร็วก็ประมาณ 10 Mbps
แล้วจะเปลี่ยนรถเมื่อไหร่ครับ มังกรทองนี่ไม่ไหวมากๆ นั่งแล้วปวดเข่าแทบทุกที่นั่ง ;-)
Golden Dragon มันเป็นรถร่วมนี่ครับ ไม่ใช่ ขสมก
เจอบนปอ. 138 แต่ยังไม่ได้ลองเลยครับ ติดหนังสือจนยังไม่อยากเสียเวลาไปกด
แล้วก็บ่นกันว่าคนต่างจังหวัดมาเบียดกันอยู่ในกรุงเทพเยอะ ก็ดูสิภาษีประชาชนทั้งประเทศไปลงที่ใหนมากกว่ากัน ตั้งแต่รถเมล์ฟรีแล้ว "รถเมล์ฟรี จากภาษีประชาชน (มีแค่ในกรุงเทพ)"
แต่กรุงเทพคลังเก็บภาษีไปมากกว่างบประมาณที่กรุงเทพได้รับนะครับ
ขอดูข้อมูลหน่อยครับ เพราะผมรู้สึกว่าภาษีจากจังหวัดผม(สมุทรปราการ)ไปอุดหนุนกรุงเทพมากเลยครับ
Update
คนกรุงเสียภาษีเยอะกว่าคนต่างจังหวัด ควรได้สิทธิมากกว่าจริงหรือ? เสียเยอะที่สุดก็จริงครับ และใช้มากที่สุด 72% มากกว่าที่เก็บด้วยครับ
ผมว่าตัวเลขมันแปลก ๆ นะครับ สัดส่วนภาษีอากรของ กทม. ต่อทั้งประประเทศ = 1037317.61 / 1617293.28 = 64.14% แต่เขากลับยกเรื่องรายได้ GDP ของกรุงเทพที่ 26% มาเทียบกับได้รับงบประมาณที่ 72% และ 72% ก็ไม่มีรายละเอียด ซึ่งอาจจะเหมารวมไปถึงสิ่งที่ไม่เกี่ยวกับกรุงเทพโดยตรงแต่ไปอยู่ที่กรุงเทพไปด้วยอีก
Thailand : Public Finance Management Report ที่บอก 72% เอามาจากอันนี้ครับน่าจะระเอียดขึ้นนะครับ ถ้ายังรู้สึกว่า รายงานWorkBank นี้ยังไม่ละเอียดก็คงต้องหาฉบับเต็มมาอ่านแล้วนะครับผมหาไม่เจอครับ = =.
ปล. ดูกราฟแล้วพบว่าส่วนของ GDP ของภาคกลางสูงกว่ากรุงเทพ 1.6 เท่า ขนาดที่ประชากรพอกัน แต่เงินที่ใช้พัฒนาห่างกัน 10 เท่าได้ครับ มันทำให้เราเห็นภาพว่าเราใส่งบประมาณไปเท่าไหร่แล้วสภาพกลับมาเติบโตทาง GDP ขนาดไหนซึ่งผมว่าเมืองหลวงของเรามันอื่มตัวแล้วครับอัดฉีดเท่าไหร่ก็ไม่ค่อยขึ้นแล้ว
ปล2. การเอา GDP มาเทียบก็เป็นเหตุเป็นผลนะครับ การเอาแค่ภาษีมาเทียบมันไม่ได้สะท้อนภาพความจริงเท่าที่ควรนะครับ เพราะอย่าลืมว่าภาษีมันลดหย่อนได้สารพัด แถมรายได้ของรัฐก็ไม่ได้มาจากภาษีอย่างเดียวอีก ขณะที่ GDP มันสภาพสิ่งที่เป็นมูลค่าแล้ว
รายได้ส่วนใหญ่ของรัฐมาจากภาษีอากรนะครับ (ประมาณ 78%)
และการเทียบรายจ่ายกับรายรับก็ดูจะตรงกว่าเทียบรายจ่ายกับรายได้ GDP นะครับ
งบประมาณรายจ่ายปี 2555 คือ 2,380,000 ล้านบาท ถ้าคิด 72% ก็ 1,713,600 ล้านบาท
ถ้าเป็นงบให้กทมบริหารจัดการตรง ๆ เลยก็ 14,219.7 ล้านบาทครับ
ถามว่าแล้ว 1,713,600 ล้านเมื่อหักจาก 14,219.7 ล้านบาทนั้นเป็นส่วนไหนอีก ผมคิดว่าทาง WorldBank น่าจะมาจากการดึงเอางบประมาณใช้จ่ายรวมมาคิดด้วย เช่น การศึกษา การเศรษฐกิจ เคหะชุมชน สาธารณะสุข ซึ่งไม่แปลกที่มันจะเบี่ยงเบนไปทางกรุงเทพมาก อย่างมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ก็อยู่ในกรุงเทพฯ อีกทั้งหน่วยงานส่วนกลางต่าง ๆ อย่างกระกรวง ทบวง สำนักงานต่าง ๆ ส่วนใหญ่ก็อยู่ในกรุงเทพฯ ก็ต้องมีค่าบริหารจัดการกันอีก
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผมก็เห็นด้วยนะครับที่ควรจะกระจายส่วนต่าง ๆ อะไรต่าง ๆ ออกไปจังหวัดอื่น ๆ บ้าง เพราะกรุงเทพฯมันแออัดเกินไปแล้ว
ถ้าสังเกต จะเห็นว่า วิธีคิดที่ถูกต้องคือ
ต้องเอา "ภาษีที่เก็บได้" เทียบกับ "งบที่ได้"
กรุงเทพฯ มี "ภาษีที่เก็บได้" สูงกว่า "งบที่ได้" เยอะมาก
ต่อให้หนีไปอ้างเรื่อง VAT
แต่จำนวนประชากรในกรุงเทพฯ มีถึง 1/6 ของประเทศ
(10 ล้านคน จาก 60 ล้าน)
รวมกับค่าครองชีพที่สูงแล้ว กรุงเทพฯ ก็จ่าย VAT ฉีกไปจากจังหวัดอื่นอยู่ดี
แต่กลุ่มการเมืองที่ต้องการสร้างกระแสให้เกิดการเกลียดชัง คนกรุง-คนต่างจังหวัด
จะใช้วิธีโยง "รายได้รวมของประชากรก่อนคิดเป็นภาษีในจังหวัดนั้น" เทียบกับ "งบที่ได้ของจังหวัด"
เพื่อให้คิดว่า "กรุงเทพฯ สูบเงิน คนต่างจังหวัด ไปพัฒนากรุง"
ทั้งๆที่มันเป็นตัวเลขที่ผิดฝาผิดตัว
ถ้าเอาตามจริงคือ ตัวเลข "ภาษีที่เก็บได้" เทียบกับ "งบที่ได้"
จะพบความจริงว่า คนกรุงเสียภาษี ไปพัฒนาชนบท
ซึ่งมันจะไม่เข้ากับ story ที่เค้าต้องการชี้นำ
แต่เงินที่เอามาเสียภาษีในกรุงเทพ ก็มาจากธุรกิจค้าขายทั่วประเทศนะครับ
บริษัทห้างร้านใหญ่ๆที่มีสาขาทั่วประเทศ เช่น 7-11, Big C และอื่นๆ เวลาจ่ายภาษีเงินได้จะจ่ายในนามบริษัทแม่ที่กรุงเทพ ในเขตท้องที่จะได้เฉพาะภาษีบำรุงท้องที่เท่านั้น รวมถึง vat ต่างๆที่เก็บไปจากลูกค้าทั่วประเทศก็จะส่งผ่านไปกระทรวงการคลังไปในนามบริษัทแม่ที่กรุงเทพเช่นกัน เพราะฉะนั้นไม่แปลกที่ กทม. จะเก็บภาษีได้มากมาย
ปี 2555 ภาษี vat 659,805.739 จากภาษีอากรทั้งหมด 1,617,283.026 ก็ 40.8% ถ้าจะแยกส่วนของต่างจังหวัดออกไปด้วย ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าเท่าไหร่ เอาเป็นว่าถึงลดรายได้ภาษีอากรของกรุงเทพลง 40% ก็ยังเยอะแบบโดดกว่าจังหวัดอื่น ๆ อยู่ดีนะครับ
จากการหาข้อมูลเพิ่มเติมแล้วเฉพาะ vat ของ กทมปี 2555 = 215,037.89 ล้านบาทครับ ถ้าเอาเฉพาะภาษีที่กทม.ทั้ง 3 ภาคจ่ายก็ 772,329.78 ล้านบาท ซึ่งถึงอย่างนั้นก็คิดเป็นสัดส่วนของภาษี vat แค่ 28% ครับ
ซึ่งจังหวังอื่น ๆ อย่างเช่น
เชียงใหม่ vat = 2,511.82, รวม = 8,305.42, สัดส่วน = 30%
ชลบุรี vat = 106,262.79, รวม = 140,308.26, สัดส่วน = 76%
นครราชสีมา vat = 2,795.41, รวม = 8,254.67, สัดส่วน = 34%
มหาสารคาม vat = 224.69, รวม = 949.35, สัดส่วน = 24%
ดังนั้นคำกล่าวที่ว่ากรุงเทพเก็บภาษีได้มากเพราะ vat จากจังหวัดต่าง ๆ มารวมให้จึงไม่จริงนะครับ และคำที่ว่า vat จากจังหวัดต่าง ๆ มารวมที่กรุงเทพฯ ก็ไม่น่าจะจริงเช่นกันเพราะจากสัดส่วน 28% ซึ่งน้อยกว่าค่าเฉลี่ยอย่างที่เคยกล่าวไป
ไม่น่าใช่เอาภาษีมาอุดหนุนซะทีเดียว เพราะเป็นโปรเจคของ Plan B บริษัทมีเดีย ทำให้เราต้องดูโฆษณาแลกกับใช้งานฟรีนี่แหละ
http://www.iphonemod.net/free-wifi-bus-bangkok.html
ON WiFi นี่ มีบังคับให้ดูโฆษณาด้วย ไม่ใช่สั้นๆ เสียด้วยสิ
แล้วระยะเวลาที่ให้ใช้งานก็สั้นพอๆ กับโฆษณา
ถ้าเป็นแบบนี้ ไม่ใช้ดีกว่า
รถสายปากน้ำ ไม่เคยใช้ได้เลยครับ ล็อกอินได้อย่างเดียว
145 ใช่ไหมครับ มันจะได้บางคันครับ แล้วก็ต้องใช้แบบถนอมๆ = =
@zumokik
เหมือนกันเลย ล็อกอินได้ แต่เข้าเวบไม่ได้เลย
เคยเห็นมีบนรถ A1 A2 ฮะ แต่ไม่ได้ขึ้น (ช่วงนั้นสิ้นเดือน)
ข้าขอทรยศต่อคนทั้งโลก ดีกว่าให้ใครมาทรยศข้า
GPS ด้วยล่ะ สำคัญกว่า wifi ฟรีอีกนะ
อันนี้จริง
ทำไมผมลอง 3 คัน ต่อได้ แต่เนทไม่เดินเลย เปลี่ยนมาใช้ 3g ของตัวเองดีกว่า
ผมว่าเป็นธรรมชาติ ของwifi ทุกเจ้านะ... หลอกให้เรา Login 555
ขสมก. จะเอายังไงแน่ ตอนนี้ก็มี onwifi แล้วข่าวนี้คืออะไร ?
Writer no.59 เพื่อสังคมแห่งการแบ่งปันความรู้
ขนาดขาดทุนสะสมอยู่มหาศาล ยังเพิ่ม cost โดยไม่ก่อให้เกิดรายได้ซะงั้น
ถ้ามันดีจนเป็นแรงจูงใจให้คนใช้เพิ่มขึ้นได้มันก็ดีครับ
ระหว่างขับรถเอง 2 ชั่วโมง กับนั่งกดโทรศัพท์บนรถเมล์ 2 ชั่วโมงครึ่ง ผมว่าแบบหลังก็ไม่เลวเลย (แต่ส่วนมากผมเลือกปั่นจักรยานชั่วโมงครึ่งแทน)
ส่วนใหญ่เจอแต่คันที่คนยืนกันแน่นครับ
พอดีผมไม่ค่อยมีปัญหากับรถแน่นครับ (ถ้าไม่ใช่แน่นจนไม่ได้ขึ้น) ^^ แค่จะอ่านหนังสือไม่ได้ (เพราะเดี๋ยวยับ) แต่ไม่เล่นโทรศัพท์ก็หลับไปตามปกติ
เก่งไปละท่าน ยืนหลับบนรถเมล์ได้ด้วย O_o
สภาพบังคับตั้งแต่สมัยปวช. น่ะครับ (>_<)
ไหนๆจะมี Wifi แล้วใส่ GPS แจ้งตำแหน่งรถไปด้วยเลย
จะได้กดดูว่ารถจะมาถึงรึยัง ไม่ต้องยืนรอจนขาลากอีกต่อไป
เอ่ม จะทำทั้งทีทำไมไม่ใช่ LTE ไปเลยหละ 3G ผมว่ามันดูห่วยๆ เหมือนกับว่ามีเพื่อถ่ายผ่านยุคมาเฉยๆ เพราะเปลี่ยนจาก EDGE มา 4G มันไม่นานโดยมี 3G มาคั่น