มัลแวร์เข้ารหัสไฟล์เรียกค่าไถ่หรือ ransomware ระบาดหนักขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เพราะความสามารถในการทำเงินที่ตรงไปตรงมากว่าการยิงสแปมหรือขายบริการ botnet เป้าหมายสำคัญหนึ่งคือออสเตรเลีย Delia Rickard รองประธานกรรมการการแข่งขันและคุ้มครองผู้บริโภค (Australian Competition and Consumer Commission - ACCS) ของออสเตรเลียออกมาระบุว่าภายในเวลาเพียงสองเดือน ทาง ACCS ได้รับเรื่องร้องเรียนจากเหยื่อของมัลแวร์เหล่านี้ถึง 2,500 ราย และมีผู้จ่ายค่าไถ่ไปแล้วมูลค่ากว่า 400,000 ดอลลาร์
แม้จำนวนเรื่องร้องเรียนจะมีปริมาณมาก แต่ Rickard คาดว่าจำนวนเหยื่อที่แท้จริงจะมีมากกว่านี้อีกมาก
เหยื่อรายหนึ่งคือหอการค้าและอุตสาหกรรมเกาะแทสมาเนีย ที่ยอมจ่ายเงิน 350 ดอลลาร์เพื่อกู้ไฟล์ หลังจากที่ปรึกษาไม่แน่ใจว่าจะกู้ไฟล์ได้หรือไม่ และหากกู้ได้อย่างเร็วก็ใช้เวลาหลายสัปดาห์
ที่มา - ABC
Comments
น่ากลัวจริงนะครับ
แล้วจะต้องระวังตัวอะไรกันบ้าง
แล้ว Antivirus ประกอบกับการอัพเดต Windows และ Browser มันพอจะช่วยอะไรเราได้ไหมครับ
เคยเข้ารับการอบรมในองค์กรครับ วิทยากรบอกว่า Ransomware ใช้เทคโนโลยีการเข้ารหัสที่ Antivirus ไม่สามารถ "กำจัด" ได้ ที่ทำได้คือ "ป้องกัน" และลบไฟล์ที่ต้องสงสัยเท่านั้น
Antivirus ยังก้าวตามหลัง Ransomware อยู่ 1 ก้าวครับ แล้วพวกคนเขียน Ransomware ตอนนี้ก็พัฒนาการเข้ารหัส Signature ของ Ransomware ไปจน Antivirus อาจจะจับไม่ทันครับ แต่ก็เป็นช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้นเอง ซึ่งถ้าเราไม่ได้ใช้พฤติกรรมเสี่ยงขนาดนั้น ก็ไม่ต้องกังวลครับ ก็ Back UP ข้อมูลไว้สักหน่อย หรือถ้าต้องทำงานที่มีความเสี่ยงขนาดนั้น ลองหา Undo card หรือ ทำงานใน Virtual PC ครับ มีปัญหาก็ Undo กลับ (System Resotre ไม่ช่วยในกรณีโดน Ransomware)
ตอนนี้ แสกนไวรัส ง่อย ครับ ตามไม่ทัน แล้ว มันก็กลายพันธุ์เร็วมากๆ ต้องใช้วิธีหลีกเลี่ยงแทน
ที่ผมทำอยู่
- ไม่เข้าเว็บแปลก ๆ
- ติดตั้ง สารพัดแอดออนบนบราวเซอร์ เช่นลบโฆษนา trust site
- Double ofline Backup
- ติดตั้งไฟวอล์บนเครื่อง
- ลงแสกนไวรัส ตัวดังๆ สองตัวบนเครื่อง (Avast + MS Essentail) ที่มันไม่ตีกันเอง
- โหลดไฟล์จากแหล่งปลอดภัย เช่น torrent ที่ L / S เยอะๆ
ควรเก็บไฟล์สำคัญไว้มากกว่า 1 ที่เสมอครับ