Dyson เป็นบริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้าจากอังกฤษที่เน้นเรื่องดีไซน์และนวัตกรรมอย่างมาก ถึงขนาดสินค้าของ Dyson ถือเป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจของแอปเปิลด้วย
Blognone เคยรีวิว พัดลมไร้ใบพัด Dyson AM08 ไปแล้ว คราวนี้มาดูสินค้าที่สร้างชื่อให้บริษัทอย่าง "เครื่องดูดฝุ่น" กันบ้างครับ
Dyson มีเครื่องดูดฝุ่นหลายรุ่น แต่ที่ทางบริษัทส่งมาให้ทดสอบเป็นเครื่องดูดฝุ่นไร้สายรุ่น DC74 (ในต่างประเทศใช้ชื่อรุ่นว่า Dyson V6) ที่มีจุดเด่นที่หัว Fluffy (ซึ่งจะกล่าวต่อไป)
ถ้าใครเคยทราบข้อมูลของ Dyson มาบ้าง คงพอรู้ว่า Dyson ทำเครื่องดูดฝุ่นไร้สายหน้าตาประมาณนี้มานานพอสมควรแล้ว (เช่น DC44 และ DC62) หน้าตาของมันจะคล้ายปืน คือมีด้ามจับและปุ่มกดตรงนิ้วชี้ ส่วนมอเตอร์และถังดักฝุ่นจะอยู่ตรงกลาง ส่วนกระบอกดูดด้านหน้า สามารถถอดเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสมของพื้นที่ใช้งาน เช่น ดูดพื้น ดูดพรม ดูดซอกแคบๆ
เจ้า DC74 ยังคงรูปลักษณ์แบบเดิมทุกประการ ถ้าเทียบกับเครื่องดูดฝุ่นแบบมีสายแล้วต้องบอกว่าสะดวกและคล่องตัวกว่ามาก แบตเตอรี่ชาร์จหนึ่งครั้ง สามารถดูดฝุ่นต่อเนื่องได้นานประมาณ 20 นาที ซึ่งในทางปฏิบัติ เราจะดูดๆ หยุดๆ ไม่ค่อยมีโอกาสดูดใช้งานได้ครบ 20 นาทีในการดูดฝุ่นครั้งเดียวสักเท่าไร
ส่วนการเทียบกับเครื่องดูดฝุ่นไร้สายยี่ห้ออื่นๆ อันนี้ไม่เคยลองใช้ เลยไม่สามารถบอกได้นะครับ
แต่จุดที่น่าสนใจกว่า และเป็นจุดขายของ DC74 คือหัวดูดแบบใหม่ที่เรียกว่า Fluffy ครับ หน้าตาเป็นดังภาพ (จากเว็บของ Dyson)
แนวคิดของ Fluffy เกิดจากการดูดฝุ่นบนพื้นปกติ (hard floor ที่ไม่ใช่พรม) ถ้าใช้หัวแบบยาวๆ ของเครื่องดูดฝุ่นทั่วไป มันจะทำหน้าที่เป็นแผงสำหรับ "ดูด" ฝุ่นที่กองอยู่บนพื้นให้เข้าไปในท่อ ด้วยแรงลมดูดเท่านั้น ข้อเสียคืออาจดูดฝุ่นได้ไม่สะอาดเท่าที่ควร เพราะปัจจัยการดูดได้หรือไม่ ขึ้นกับพลังลมเป็นหลัก ส่วนใหญ่แล้วฝุ่นขนาดใหญ่จะถูกดูดได้ง่ายกว่า แต่ฝุ่นขนาดเล็กมากๆ มักยังเกาะกับพื้นอยู่
หัว Fluffy แก้ปัญหาเรื่องดูดฝุ่นไม่สะอาด ด้วยแนวคิดว่าทำเป็น "ลูกกลิ้ง" แทน ระหว่างที่เราลากหัว Fluffy ไปตามพื้น ลูกกลิ้งจะหมุนไปด้วยตามแรง "ไถ" ของเรา
เจ้าลูกกลิ้ง Fluffy ดูเผินๆ ไม่มีอะไร แต่มันใช้เทคนิคด้านวัสดุที่เป็นไนลอน ช่วยเก็บฝุ่นขึ้นมาจากพื้น แล้วหมุนไปด้านหลังเพื่อให้ช่องลมดูดฝุ่นเข้าไปยังตัวเครื่องดูดฝุ่น
นอกจากนี้ ลูกกลิ้ง Fluffy ไม่ได้เป็นลูกกลิ้งผิวเรียบๆ แต่จะมีแถบสีดำที่มีขนแปรง (ทำด้วยคาร์บอนไฟเบอร์) ยื่นออกมานิดหน่อย มันจะช่วย "ปัด" เม็ดฝุ่นให้ลอยขึ้นจากพื้น แล้วถูกแรงลมดูดเข้าไปได้ง่ายขึ้น
อธิบายเป็นข้อความยากมากครับ ดูคลิปง่ายกว่า
หน้าตาหัว Fluffy ของจริงจากเครื่องรีวิวที่ได้รับมา
ซูมมาใกล้อีกหน่อย จะเห็นว่าตรงแถบสีดำ ยื่นออกมาจากระดับผิวปกติอีกเล็กน้อยจริงๆ
จากการใช้งานดูดฝุ่นทั่วไปก็พบว่าทำงานได้ดี แต่เนื่องจากไม่มีเครื่องดูดฝุ่นอันอื่นมาเทียบกันแบบตัวต่อตัว เลยไม่สามารถบอกได้ว่าดีกว่ากันแค่ไหนครับ (มีคลิปรีวิวมากมายในอินเทอร์เน็ต ถ้าสนใจก็หาดูกันเองได้) สำหรับคนที่เป็นห่วงว่า Fluffy ใช้ไปนานๆ มันจะเน่า ผมลองอ่านในคู่มือแล้ว สามารถนำไปล้างน้ำแล้วตากแดดได้นะครับ (แต่อันนี้ไม่ได้ลองนะ)
อย่างไรก็ตาม หัว Fluffy ออกแบบมาสำหรับพื้นแข็งเท่านั้น ถ้าจะเอาไปดูดพรมอาจไม่ค่อยเวิร์คนัก ซึ่งในชุดของ DC74 ก็มีหัวดูดแบบอื่นๆ มาให้เรียบร้อยแล้ว แค่สลับเปลี่ยนตามการใช้งานก็พอ
สรุปว่างานดี มีนวัตกรรมครับ ส่วนราคานี่เกือบซื้อ Surface Pro 3 ได้เลยครับ T_T
Comments
เคยสนใจจะซื้อแบบพกพายี่ห้อนี้มาดูดในรถ แต่พอเห็นราคาแล้วลมจับ แพงกว่าแบบเสียบปลั๊กที่ใช้ในบ้านอีก
หัว Fluffy อันนี้ซื้อแยกได้มั้ยครับ?
pittaya.com
แหม... ผมมีเครื่องดูดฝุ่นทรงนี้ยี่ห้ออื่นพอดีเลยครัช สนใจส่งมาให้รีวิวไหมครัช....
\ยิ้มมุมปาก...
แพงโหดเลย
เครื่องดูดฝุ่น ยังพัฒนาไปได้อีกนะ
เห็นตอนเปิดตัวอยู่เหมือนกันครับ แต่ตอนนั้นไม่ได้ตามรายละเอียดมากเท่าไหร่ แล้วก็ลืมไปจนมาเห็นข่าวนี้ เห็นบอกว่าใช้แรงไถเพื่อหมุนฟลัฟฟี แต่ในคลิปฟลัฟฟีมันหมุนเร็วกว่าพื้น แล้วเห็นมีลูกกลิ้งสีน้ำเงินด้านหลัง อันนั้นคือเป็นลูกกลิ้งเพื่อไถพื้นแล้วทดรอบไปหมุนฟลัฟฟีใช่มั้ยครับ? เวลาดึงถอยหลังมันล็อกไม่ให้หมุนด้วยรึเปล่า คุ้นๆ ว่ามีบอกเรื่องน้ำหนักเบาถือนานไม่เมื่อย น้ำหนักประมาณเท่าไหร่ครับ
ผมใช้ Electrolux dynamica มาตั้งแต่กลางๆ ปี 2554 (Z321 น่าจะเป็นตัวเดียวที่ใช้เสียบไฟบ้านอย่างเดียว) มีขนแปรงหมุนๆ คล้ายๆ แบบนี้ครับ ซึ่งตอนนั้นเค้าบอกว่าตัวนี้เสียงเบา ใช้ไฟน้อย ที่ทำแบบนี้ได้เพราะมีแปรงช่วยปัดนี่แหละ แต่ตัวนี้ขนแปรงหมุนด้วยไฟฟ้าครับ
จากที่ใช้ตัวนั้นมาคือมันเก่งจริงนะครับ เสียงเบากว่าเครื่องใหญ่ๆ พอควร แล้วปัดฝุ่นได้ดีมากครับ โดยเฉพาะเวลาดูดทับไปบนพรมเช็ดเท้า (ที่ตัวในรีวิวนี้ว่าไม่โอเค) และรวมไปถึงโซฟาผ้าด้วย! (อันนี้ชาวบ้านไม่น่าจะทำกัน มั้ง แต่ผมดูดเป็นปกติทุกรอบ) คือขนแปรงมันปัดๆๆๆๆ ได้เกือบหมด ยิ่งบนโซฟา (น่าจะเป็นกำมะหยี่? ที่มีขนสั้นๆ) นี่จะเศษผม เศษผงผ้าอะไรก็ตามที่ปกติจะดูดไม่ขึ้นเพราะมันเกี่ยวๆ อยู่กับขนผ้านี่มันปัดออกมาแล้วดูดไปเกลี้ยงเลยครับ เคยลองถอดแกนขนแปรงออกมาแล้วดูดนี่ความสะอาดบนพื้นปกติก็ต่างกันเรื่องฝุ่นเล็กๆ แล้ว (ตามในรีวิวเลย) ส่วนบนพรมบนโซฟานี่คนละเรื่องเลยครับ เพราะแรงดูดเบากว่าปกติด้วย
ส่วนข้อเสียก็มีครับ ใช้ได้สักปีเดียวขนแปรงมันก็สึกจนปัดไม่ถึงพื้น แต่ดูดพรมกับโซฟาได้ปกติ (เพราะมันนุ่ม ดูดแล้วยื่นขึ้นมามากกว่าพื้น) นี่ผมเพิ่งสั่งขนแปรงไปอีกสองชุด ชุดละ 150 บาทครับ ของตัวในข่าวนี้คิดว่าไม่น่าเจอปัญหานี้ง่ายๆ เพราะมันดูแล้วฟลัฟฟีมาก :D ยกเว้นขนแปรงสีดำนี่อาจจะเจอปัญหาเดียวกัน แต่มันไม่ได้หมุนเร็วแบบของผมคงไม่สึกเร็วเท่าไหร่ครับ
อ้อ อีกนิดนึง ลูกกลิ้งแปรงของผมมันจะพันเส้นผมเข้าไปรอบๆ บ่อยมากโดยเฉพาะผมยาว พอมันพันๆๆ แล้วจะดึงออกยาก มันจะมีแนวร่องตามยาวของลูกกลิ้งไว้ (ที่ผมเดาเอาเองว่า) ให้ใช้มีด, คัตเตอร์ หรือของแข็ง (เคยแต่ใช้ไขควงปากแบน) รูดเอาเส้นผมออกครับ ถ้าเป็นมีดพอรูดแล้วผมก็จะขาดเป็นเส้นสั้นๆ ดึงออกง่าย หรือถ้าใช้ไขควงแบบผมมันก็ช่วยให้รูดออกมาง่ายขึ้นกว่าไม่มีร่องช่วย นานๆ รูดทีครับ ของฟลัฟฟีนี่ลูกกลิ้งใหญ่กว่ากัน หมุนช้ากว่า อาจจะไม่เจอปัญหานี้หรือมีทางแก้เตรียมไว้แล้วก็ได้
โอ้พระเจ้า...จอร์จ มันเยี่ยมไปเลยจริงๆ by ซาร่าห์
น่าสนนะ นวัตกรรมเยี่ยม ใช้งานได้จริง...
แต่ถ้าจะให้ซื้อนี่ ผมซื้อ Surface Pro 3 หรือ MacBook Pro มาใช้งานดีกว่าครับ แพงเกิน
Get ready to work from now on.
พอคิดว่าราคานี้ซื้อหุ่นยนต์ดูดฝุ่นได้ด้วยแล้วก็... 555 แต่คนซื้อเค้าคงไม่คิดมากหรอกมั้งครับ ดีไม่ดีมีทั้ง SP3, หุ่นยนต์ดูดฝุ่นแล้วก็ตัวนี้เลย
ทำไมหุ่นยนต์ดูดฝุ่นมันไม่ตัวเล็กๆ แบบนี้บ้างน้อ (ของ Dyson)
น้าจะซื้อตัวดูด+ถูของแอลจีได้ 2 ตัวเลยฮะ.
แพงเกินไปครับ
ผมยอมใช้ pana เครื่องละ 2,500 เหมือนเดิม
สกปรกนิดหน่อย ช่างมันฮะ
1-2 ปีก่อน เคยอยากซื้อมากๆ ถึงขั้นเตรียมเงินจะไปหาซื้อที่ห้างแล้วครับ
แต่พอเจอราคาขาย ไม่ไหวจริงๆ หาความคุ้มค่าไม่ได้ ถ้าประกัน 10 ปี ก็ว่าไปอย่าง
เคยใช้ Electrolux Ergorapido ราคา 5 พันกว่าบาทก็ยังรู้สึกคุ้มกว่า
ก็เลยได้ซื้อเครื่องดูดฝุ่น Kashiwa แบบพกพาที่ HomePro ไปราคา 1,200 บาทแทน
เครื่องเล็ก กำลังไฟ 1000 วัตต์ ดูดแรง มีหัวต่อให้เยอะ ได้ทั้งดูดและเป่า สายไฟยาว 5 เมตร
ผมใช้ Dyson DC33 อยู่ ประทับใจกับความแรงมาก
ชอบยี่ห้อนี้ทุก product ไป JP ที่ Yobadashi จะมีจุดของยี่ห้อนี้เลย ก็ไปยืนเล่นทุกที
แต่ไม่มีปัญญาซื้อซักอัน แพงเกิน
ถ้าลดค่าแนวคิดออกไปซักหน่อย (จริงๆก็ไม่หน่อยนะ) ให้ราคาใกล้ๆกับ product ทั่วไป ผมว่าจะขายดีกว่านี้แบบถล่มถลายนะ
คนบางคนจ่ายค่ากล้องหลายหมื่นกับการที่ไปถ่ายปีละไม่กี่ครั้ง
แต่กับเครื่องใช้ในบ้านที่ต้องใช้กันทุกวันเช่น เครื่องดูดฝุ่น ซักผ้า แอร์ ตู้เย็น เตา ฯลฯ กลับซื้อแบบถูกๆ
แทนที่จะซื้อของที่ต้องใช้อยู่ประจำให้ดีๆไปเลย ช่วยให้สะดวกสบายได้นับครั้งไม่ถ้วน
ไม่ว่าจะทำเองหรือซื้อให้คนที่บ้านทำ ผมว่าก็ควรใช้ของดีๆ ชีวิตคนทำจะดีขึ้นเยอะ
ท่านแน่ใจหรือยังครับว่าราคาแพงแล้วจะเป็นของดี ?
Electrolux รุ่น Top ที่อัดฟีเจอร์มาเต็มยังถูกกว่ากันมากกว่าครึ่ง
แล้วท่านคิดว่า Electrolux เป็นของไม่ดีหรือครับ ?
ผู้ซื้อมีทางเลือกในการซื้อได้ครับ ไม่ใช่ยึดติดกับราคา
?
ขึ้นไปอ่านช้าๆอีกรอบนะ
จะได้ไม่หลง
ผมบอกยี่ห้อไหนดีไม่ดีหรือเปล่า?