Panos Panay หัวหน้าทีมฮาร์ดแวร์วินโดวส์ของไมโครซอฟท์ และ Ralf Groene ผู้บริหารตำแหน่ง Creative Director ของทีม Surface ให้สัมภาษณ์กับ Mashable ถึงเรื่องราวเบื้องหลัง Surface Book ดังนี้
แนวคิด
- ไมโครซอฟท์ไม่เรียก Surface Book ว่าเป็น "โน้ตบุ๊ก+แท็บเล็ต" แต่เรียกมันว่าเป็น "โน้ตบุ๊ก+คลิปบอร์ด" แทน เพราะวิธีการใช้งานต่างไปจากแท็บเล็ต (ใช้ปากกาเขียน+วางในแนวตั้ง)
- ไมโครซอฟท์คาดว่าเจ้าของ Surface Book จะใช้มันเป็นโน้ตบุ๊กประมาณ 80% ของเวลาที่ใช้งาน ที่เหลือคือใช้แบบถอดจอเป็นคลิปบอร์ด
- ผู้บริหารทั้งสองราย กำหนดเป้าหมายให้ทีมวิศวกรรมว่าต้องการ "โน้ตบุ๊กที่ดีที่สุด" "จอภาพที่ดีที่สุดสำหรับการอ่าน" "ขอให้ถอดจอได้" ทีมออกแบบใช้เวลา 6 เดือนพัฒนาต้นแบบขึ้นมา
ฮาร์ดแวร์
- ทีมไมโครซอฟท์พบว่าต้องออกแบบฐานให้หนักกว่าจอ เพื่อให้น้ำหนักสมดุลตอนประกบกันเป็นโน้ตบุ๊ก แต่สุดท้ายแล้วฐานหนักกว่าจอแค่ไม่มากนัก จึงต้องออกแบบบานพับ (hinge) แบบใหม่เข้ามาช่วยให้ฐานกว้างขึ้นตอนกางจอ
- เพื่อกระจายน้ำหนักของฐานกับจอ ไมโครซอฟท์แบ่งแบตเตอรี่ออกเป็น 2 ก้อน ก้อนที่อยู่กับจอใช้งานได้ 4 ชั่วโมง ก้อนที่ฐานใช้ได้ 8 ชั่วโมง
- ตัวล็อคหน้าจอถูกออกแบบมาให้มั่นคงมาก เพื่อให้ถือเครื่องได้เหมือนโน้ตบุ๊กทั่วไป ตัวล็อคเป็นอัลลอยแบบพิเศษชื่อ Nitinol ที่ "จำสถานะ" ของตัวเองได้ (muscle memory) โดยจะบีบตัวแน่นขึ้นเมื่อเราจ่ายไฟให้มัน ดังนั้นเมื่อกดปุ่มปลดล็อคบนคีย์บอร์ด สิ่งที่เกิดขึ้นคือตัวสปริง Nithinol จะได้รับไฟ และดึงตัวออกจนปลดล็อคได้สำเร็จ
- ฟีเจอร์ GPU ตัวที่สองอยู่ที่ฐาน เกิดขึ้นได้เพราะพอร์ตเชื่อมต่อแบบเดียวกับ Surface Pro 3 ที่จ่ายไฟ-ถ่ายข้อมูลได้ทั้ง 2 ทิศทาง
- ไมโครซอฟท์บอกว่าไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องที่ฐานกับจอพับแล้วแนบกันไม่สนิท เพราะทดสอบการกดมาเป็นอย่างดี แถมการเว้นช่องไว้กลับดีกว่าด้วยซ้ำ เพราะแรงกดจะไม่กระจุกตัวลงตรงกลางจอ
การเปรียบเทียบ
- ไมโครซอฟท์จงใจเทียบ Surface Pro 4 กับ MacBook Air และเทียบ Surface Book กับ MacBook Pro โดยตรง
- ในอดีตสมัยเปิดตัว Surface Pro รุ่นแรก ไมโครซอฟท์อธิบายไม่ชัดเจนว่ามันเป็นสินค้าคนละประเภทกับ iPad ทำให้สื่อนำไปเทียบกัน และผลออกมาว่า Surface Pro หนากว่าและหนักกว่า รอบนี้ไมโครซอฟท์จึงชิงเปรียบเทียบให้ดูก่อนเลย
- Surface Book แข่งกับ MacBook Pro ในแง่ดีไซน์ ประสิทธิภาพ และประโยชน์ใช้สอย (utility) แต่ไมโครซอฟท์ก็ทราบดีว่า คนไม่ยอมเปลี่ยน ecosystem เพราะปัจจัยแค่นี้ ดังนั้นในอีกแง่ มันก็ไม่ใช่คู่แข่งโดยตรงของ MacBook Pro เลยซะทีเดียว
- นอกจากนี้ ไมโครซอฟท์ยังทราบดีว่า Surface Book กับ Surface Pro 4 มีความทับซ้อนกันอยู่บ้าง ซึ่งก็เป็นเรื่องดีที่ผลิตภัณฑ์ทั้งสองตัวจะต้องแข่งกันเอง
ที่มา - Mashable
Comments
ถึงว่าส่วน tablet เหลือพื้นที่โล่ง ๆ ข้างในเพียบเลย ไม่งั้นคงมีหงายหลังตอนกางจอออกไป
มันคือ surface เดิมๆ มาต่อกับ dock ที่เป็น keyboard นี่เองเจ้าอื่นๆ ก็เคยทำแบบนี้มาตั้งนานแล้ว ที่เจ๋งคือ GPU ตัวที่อยู่ใน dock เจ๋งจริงๆ
ถ้าอีกหน่อย Apple ออก iPad ที่มี dock เป็น keyboard เพิ่มเวลาใช้งานได้เป็น 24ชั่วโมงก็น่าจะดีนะ
สำหรับผมปัญหาของ iPad มันไม่ใช่คีย์บอร์ดครับ มันคือ iOS เพราะยังไง ไม่ใช่ osx ก็ไม่ใช่ osx
ส่วนตัว อยากได้แบบ Surface book ที่เป็น osx มาตั้งนานแล้ว คือสเปกจัดเต็ม ใช้ทำงานได้จริง แต่ถอดจอได้ พอเอาติดตัวไปใช้ข้างนอกได้นิดๆหน่อยๆ นี่ถ้า Apple ไม่ทำมาซักทีคงต้องมีเสียตังให้ไมโครซอฟ
ปัญหาเดียวเลยคือ มันเขียนแอพไอโฟนไม่ได้เนี่ยสิ...
จริงๆ ลง VMWare แล้ว Patch นิดหน่อยก็ลง OSX ได้แล้วนะ
เอ้อ จริงด้วยแฮะ น่าสนใจครับ ไม่ได้ติดตามเรื่องลง osx บนเครื่องที่ไม่ใช่แมคมานานแล้ว เดี๋ยวต้องลองศึกษาดู
เครื่องที่ใช้ช่วงสิบปีมานี้เป็นแมคบุคตลอด แต่สงสัยคราวนี้ได้เปลี่ยนค่ายจริงๆละ
Visual Studio ก็ทำแอ็พให้ iPhone ได้ไม่ใช่เหรอครับเห็นแวบๆ
ສະບາຍດີ :)
สองอย่างที่ผมมองว่ายังไง iPad ก็สู้ Laptop PC ไม่ได้คือ
1. เปิดเว็บทีละหลายๆหน้าแบบ Tab ไม่ได้ และยังต้องรีเฟรชหน้าบ่อยๆ
2. มันไม่มี Trackpad (อันนี้สำคัญมาก)
ทำให้ Surface RT เป็นสุดยอดอุปกรณ์พกพาสำหรับเล่นเว็บช่วงนึงเลยครับ :p
ตะแคง iPad เป็น landscape มันก็แสดงเป็น tab แล้วนี่ครับ ขนาด iPhone6+ ของผมยังแสดงเป็น tab เวลาตะแคงเครื่องเลย
แต่เรื่อง refresh หน้าบ่อยนี่แก้ได้ด้วยการเพิ่มแรมอย่างเดียวเลย ดูจากใน clip เขาโชว์ iPhone6s เปิดหลายๆ หน้า แล้วกลับไปหน้าแรกก็ยังเปิดได้เลย แต่ iPhone6+ ของผมเปิดไปแค่ 3 หน้า กลับไปหน้าแรกก็ refresh ซะแล้ว
Surface Book นี่ผมกลัวจริง ๆ ว่ามีเงินอย่างเดียวจะซื้อไม่ได้
(เพราะไม่เอาเข้ามาขายในไทย T T)
ถ้ามีเงินจริงๆ ถึงไม่เอามาขายในไทยก็ซื้อได้ครับ :P
มีเงินก็ซื้อไม่ได้ครับ เพราะเห็นว่าขาดตลาดไปแล้ว ฮา
มีเงิน (เยอะ) ก็ซื้อได้ครับ เพราะพวกที่ซื้อไปน่ะเห็นเอาไปขายต่อราคาแรงๆเยอะนะครับ ebay นี่เพียบเลย
ใช่ครับ ที่ซื้อไม่ได้เพราะมีเงินเยอะไม่จริง XD
พูดอีกก็ถูกอีก 555 ถ้ามีเงินเยอะจริงๆ ยังไงก็หาซื้อได้
มันแพงเพราะ Nithinol สินะ
จะหล่อกว่านี้ถ้าสนับสนุน USB Type-C ครับ เป็นสิ่งเดียวใน Surface Book ที่ไม่น่าจะขาดไปเลยนะ
กดปลุ่ม => กดปุ่ม
น่าจะเป็น Nitinol หรือเปล่า?
อีกเรื่องที่น่าสนใจเกี่ยวกับการเลือกใช้ Nitinol คือขณะที่ลวด Nitinol ปลดล็อคหน้าจอมันจะไม่ทำให้เกิดเสียง แต่ไมโครซอฟท์ต้องการเพิ่มความมั่นใจให้ผู้ใช้เลยใส่เสียงคลิกมาที่ระดับซอฟท์แวร์ ฟังดูแล้วแปลกดี
Achievement Unlocked: Being a Blognone's Writer
อารมณ์เหมือนอาบน้ำแปรงฟัน ต้องมีสารสร้างฟอง เพื่อให้ผู้ใช้รู้สึกสะอาด
ไมโครซอฟท์บอกว่าไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องที่ฐานกับจอพับแล้วแนบกันไม่สนิท เพราะทดสอบการกดมาเป็นอย่างดี แถมการเว้นช่องไว้กลับดีกว่าด้วยซ้ำ เพราะแรงกดจะไม่กระจุกตัวลงตรงกลางจอ
---- หายห่วง+ถอนหายใจแบบโล่งอกรัวๆ
Nitinol = NiTi = Nickel+Titanium ผมใช้เป็นลวดจัดฟันครับ เพราะมันมีตวามจำ
ในฟันที่ต้องการเคลื่อน เราดัดลวดให้เป็นฟันที่ตำแหน่งต้องการแล้วนำไปติดที่ฟัน ลวดจะดีดตัวกลับดึงฟันมาที่ตำแหน่งใหม่ที่เราดัดไว้
โอ้ยยยย อยากได้แบบนี้เป็น Mac OS X !!