Tags:
Node Thumbnail

Tesla Motors เป็นบริษัทรถยนต์ไฟฟ้าล้วนนำทัพโดยซีอีโอ Elon Musk ที่ออกตัวมาตั้งแต่ต้นว่า "จะเปลี่ยนแปลงวงการรถยนต์" เราได้เห็นความรุ่งเรืองมากมายหลังจากบริษัทฯ เปิดตัว Tesla Model S ที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม ซึ่งภายหลังก็ออกเวอร์ชันอัพเกรดมอเตอร์คู่ในชื่อรุ่น P85 D และเฟิร์มแวร์ใหม่มาพร้อมโหมด "Ludicrous" (โหมดบ้าบิ่น) เพื่อความแรงเทียบชั้น supercar ได้

อย่างไรก็ตาม Bob Lutz อดีตผู้บริหาร GM กลับให้สัมภาษณ์ว่า Tesla กำลังตกอยู่ในอันตรายอย่างยิ่ง โดย Lutz เคยเป็นผู้บริหารระดับสูงในบริษัทรถยนต์หลายแห่ง เช่น BMW, Ford, Chrysler และก่อนเกษียณเขาดำรงตำแหน่งรองประธานของ GM

No DescriptionTesla Model S || ภาพจาก Tesla Motors

เขากล่าวว่า Tesla กำลังส่งสัญญาณของบริษัทที่มีปัญหา เช่นเงินสดรั่วไหล, มีการกู้เงินโดยเอาสินทรัพย์ค้ำประกัน และการขายขาดทุน ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นหายนะของผู้ผลิตรถยนต์ไม่ว่าหน้าไหน และภัยนี้ก็สามารถมองออกได้ไม่ยากเย็นนัก

เมื่อสองเดือนที่แล้ว Tesla Model S ได้คะแนนเกินร้อยจาก Consumer Reports แต่ต่อมาก็โดนปรับลดเรตติ้งลงเนื่องจากมีผู้ใช้รายงานเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือของตัวรถ จากระดับ "แนะนำให้ซื้อ" เหลือเพียง "แย่กว่าความคาดหมาย" ซึ่ง Elon Musk ออกมาทวิตโต้กลับว่ารายงานของ Consumer Reports ได้นับรถยนต์ล็อตแรกๆ เข้าไปด้วย แต่รถยนต์ที่ผลิตตอนนี้ได้รับการแก้ไขปัญหาหมดแล้ว โดยเขายังเสริมอีกว่าเจ้าของรถ Tesla ถึง 97% บอกว่ารถยนต์คันต่อไปจะยังเป็นรถ Tesla อีกแน่นอน

แม้รถยนต์ Tesla ถูกจัดเป็นรถยนต์หรูราคาแพง แต่ก็มีรายงานว่าบริษัทฯ กำลังขายรถยนต์ขาดทุนอยู่ที่ 4,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อคันเลยทีเดียว อีกทั้ง Tesla Model X รถยนต์ crossover ที่เพิ่งเปิดตัวไปยังใส่ประตูแบบ gull-wing มาอีก ทำให้เพิ่มต้นทุนและความซับซ้อนในการผลิต รวมถึงประตูแบบนี้อาจมีปัญหาเรื่องความทนทานได้ด้วย ซึ่งถ้ายังอยู่ในระยะรับประกันก็แน่นอนว่า Tesla ต้องรับผิดชอบซ่อมให้ลูกค้าโดยไม่มีค่าใช้จ่าย

No DescriptionTesla Model X || ภาพจาก Tesla Motors

Tesla Model 3 รถยนต์ไฟฟ้าล้วนรุ่นราคาถูกจะเริ่มเดินสายการผลิตในปี 2017 ถึงตอนนั้นบริษัทฯ อาจจะเพิ่มยอดขายได้อีกมาก เนื่องมาจากราคาที่ผู้ใช้ทั่วไปน่าจะเอื้อมถึง โดย Model 3 จะเปิดตัวพร้อมจองในเดือนมีนาคมปีหน้า

Bob Lutz เป็นผู้ที่มีความเห็นต่อต้านประเด็นเรื่องภาวะโลกร้อนมาโดยตลอด เขาเคยแพ้การโต้วาทีกับ Dr. Neil deGrasse Tyson นักดาราศาสตร์ฟิสิกส์ในหัวข้อเกี่ยวกับภาวะโลกร้อน นอกจากนี้ Lutz ก็เคยบอกว่ารถยนต์ไฮบริดนั้นไม่เข้าท่า และอ้างว่าภาวะโลกร้อนเป็นเรื่องลวงโลกไร้สาระอีกด้วย (total crock of sh*t) ปัจจุบันเขาอายุ 83 ปี

วงการรถยนต์ไฟฟ้ายังถือว่าอยู่ในขั้นเริ่มต้นเท่านั้น ต้องดูกันยาวๆ ว่า Elon Musk จะพา Tesla ไปได้ไกลแค่ไหน และจะทำตามความฝันที่จะเปลี่ยนแปลงวงการรถยนต์ได้หรือไม่

ที่มา - Fortune

Get latest news from Blognone

Comments

By: rattananen
AndroidWindows
on 3 November 2015 - 09:01 #858254

"อ้างว่าภาวะโลกร้อนเป็นเรื่องลวงโลกไร้สาระอีกด้วย"
+1

By: shipcake
Symbian
on 3 November 2015 - 09:10 #858256 Reply to:858254
shipcake's picture

ผมว่าโลกมันร้อนขึ้นนะ คุณว่าโลกมันร้อนเทีาเดิมหรอ

By: Fourpoint
Windows PhoneAndroidSymbian
on 3 November 2015 - 09:19 #858260 Reply to:858256

เรื่องโลกร้อน จริงๆก็มีหลายข้อโต้แย้งนะครับ

โดยเฉพาะtemp เฉลี่ยของโลก ที่ชอบยกเรื่องน้ำแข็งละลายกัน ก็มีหลักฐานว่าเมื่อราวๆพันปีก่อน greenland ก็เคยอบอุ่น ขนาดทำปศุสัตว์ได้เช่นกัน มีชาวไวกิ้งตั้งรกรากที่นั่น แสดงว่า รอบการอุ่น เย็น มันเป็นวงรอบตามปกติ(ช่วงเวลานั้นก็ราวๆสมัยทวาราวดี พื้นที่บริเวณกรุงเทพก็ยังเป็นทะเลโคลน)

ส่วนเรื่องมลพิษอันนี้เห็นด้วยว่ามันมากขึ้น แต่อาจจะไม่ได้มีผลกระทบกับเรื่องโลกร้อนโดยตรง

ส่วนเรื่องในเมืองร้อนขึ้น เป็นผลกระทบจากปรากฎการณ์ urban heat island หรือเกาะร้อนมากกว่าครับ

By: hail_to_the_thief
iPhone
on 3 November 2015 - 15:50 #858411 Reply to:858260

+1

ผมก็เชื่อว่า อุณหภูมิที่สูงขึ้น ที่เรารู้สึกกัน มาจาก Urban Heat Island effect ทั้งรถยนต์ ตึกคอนกรีต compressor แอร์ มากกว่าจะมาจาก ก๊าซเรือนกระจก

ผมแปลกใจมากกว่า ที่เห็นบางคน ชอบแสดงออกว่าความคิดก้าวหน้า หลุดกรอบ ไม่ถูกชักจูง และกระแหนะกระแหนว่าคนอื่น อยู่ในกะลาแลนด์ อะไรแบบนั้น ดันไม่เคยตั้งคำถามกับทฤษฎีโลกร้อน

ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม เพิ่งผ่านมาได้ ร้อยสองร้อยปี แล้วก่อนหน้านั้น ที่ Greenland ยังไม่เป็นน้ำแข็ง มันเอาอะไรมาทำให้ร้อน? หรือ เพราะอยู่แต่เมืองไทย ซึ่งมันเป็นหน้าร้อนทั้งปี ก็เลยอิน กับ ทฤษฎีโลกร้อนมากกว่า เป็นไปได้หรือเปล่า?

น้ำแข็งบน Kirimanjaro บอกว่า โลกร้อน จนละลายหมด พูดมา 13 ปีแล้ว ตอนนี้ก็ยังอยู่เหมือนเดิม ตอนผมทำงานอยู่ที่เมกา ก่อน IPCC จะได้ Nobel Prize Al Gore ถูกขอ debate ผ่านหน้าหนังสือพิมพ์บ่อยมาก แต่ก็ไม่เคยตอบรับสักครั้ง

ปล. อย่าสับสน Global Warming กับ Climate Change นะครับ ผมไม่ได้บอกว่า โลกไม่ได้ร้อนขึ้น มันกำลังร้อนขึ้นจริง แต่ไม่ได้หวือหวาแบบที่โฆษณากัน และสาเหตุที่ทำให้มันร้อน อาจจะไม่ได้มาจาก Greenhouse gas แบบที่เราเข้าใจ (greenhouse effect เกิดจาก ไอน้ำในชั้นบรรยากาศมากกว่า CO2 ซะด้วยซ้ำ)

By: vitnu
iPhone
on 3 November 2015 - 16:05 #858422 Reply to:858260

+1
ผมก็เข้าใจว่าสภาวะโลกร้อนเป็นเรื่องของการเมืองระหว่างประเทศ ยกมาเป็นประเด็นกีดกันกันซะมากกว่า

By: komsanw
iPhoneWindows PhoneAndroidRed Hat
on 3 November 2015 - 09:22 #858264 Reply to:858254
komsanw's picture

-1 ครับ
โลกร้อนมีผลงานวิจัยรองรับมากมายพิสูจน์ได้

ถ้าอ้างว่าเป็นเรื่องลวงโลกจริง ต้องเป็นวิทยาศาสตร์มากกว่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "Bob Lutz เขาเคยแพ้การโต้วาที" อันนี้ก็พิสูจน์ได้

By: OrangeJuice
iPhone
on 3 November 2015 - 10:59 #858285 Reply to:858264

กรณของเทสล่า Top Gear เคยมีวิวาทะต่อ Tesla เหมือนกันว่า รถเปลี่ยนไปใช้ไฟฟ้า แต่ไฟฟ้าได้มาจากไหน? ก็โรงไฟฟ้าไง แล้วถ้าเป็นแค่โรงถ่านหิน มันก็ก่อโลกร้อนอยู่ดี

By: put4558350
ContributorAndroidUbuntuWindows
on 3 November 2015 - 11:36 #858302 Reply to:858285
put4558350's picture

แต่อีกข้างก็มี sola cell นะครับ


samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo

By: Polwath
ContributoriPhoneWindows PhoneAndroid
on 3 November 2015 - 12:10 #858315 Reply to:858302
Polwath's picture

ปัญหาคือมันผลิตได้ในสภาพอากาศที่จำกัด เช่น ต้องมีแสงแดดให้พลังงานในการสร้างกระแสไฟฟ้า รวมถึงอายุการใช้งานและผลิตไฟฟ้าที่น้อยกว่าโรงไฟฟ้าแบบเดิม งบในการสร้างและบำรุงระบบที่สูงมาก และได้พลังงานออกมาน้อยกว่ามากต่อจำนวนพื้นที่ในการผลิตกระแสไฟฟ้านะครับ


Get ready to work from now on.

By: itpcc
ContributoriPhoneRed HatUbuntu
on 3 November 2015 - 12:28 #858321 Reply to:858315
itpcc's picture

ประเด็นคือไฟฟ้ามันไม่จำกัดแหล่งที่มาเหมือนน้ำมันครับ ต่อให้ใช้ถ่านหินก็สามารถสร้างหน่วยขนาดใหญ่แต่ประสิทธิภาพการเผาไหม้สูงได้โดยเสียค่าใช้จ่ายน้อยกว่าได้ครับเพราะผลิตน้อยจำนวนกว่า ต้นทุนก็น่าจะน้อยกว่า สำคัญคือต่อใฟ้แหล่งใดใช้ไม่ได้ห็ยังมรแหล่งอื่นทดอทนำด้ครับ


บล็อกส่วนตัวที่อัพเดตตามอารมณ์และความขยัน :P

By: menu_dot on 3 November 2015 - 12:28 #858322 Reply to:858285

ผมว่ามันเป็นก้าวแรกของการพัฒนา เหมือนมือถือสมัยแรก ที่แบกยังกับกระเป๋าเดินทาง

ถ้ามันติดตลาด อุตสาหกรรมด้านนี้จะโต และทุกอย่างมันจะพัฒนามารองรับเอง

แบตที่จุได้มากขึ้น ระบบผลิตไฟฟ้าในตัวรถเลย อย่างใช้ hydrogen
ตัว solar cell อนาคตมันก็ต้องพัฒนา และอาจจะก้าวหน้าได้เร็วด้วย ในระยะแค่สิบปีข้างหน้า

เหบือแต่จุดตลาดให้ติดก่อน ให้ทุกคนหันมาทำแข่ง ซึ่ง หลายเจ้าก็มาแล้ว google apple samsung ค่ายรถอีก ยกเว้นกลุ่ม opec ที่ไม่เข้ามา

By: gondolaz
AndroidUbuntuWindows
on 4 November 2015 - 12:29 #858685 Reply to:858322
gondolaz's picture

ทำไมผมนึกถึงแบตเตอรี่โน๊ตบุ๊ค ที่บอกว่าจะใช้ได้ 24 ชม. มาซัก 10 กว่าปีละ ทุกวันนี้ก็ยังไม่เห็นมันเปลี่ยนแปลงอะไร

By: hisoft
ContributorWindows PhoneWindows
on 4 November 2015 - 13:04 #858696 Reply to:858685
hisoft's picture

เอาเข้าจริงกลายเป็นว่าแบต 24 ชั่วโมงมันเกินความจำเป็นสำหรับคนทั่วไปครับ (แม้จะมีคนต้องการ) แต่สิ่งที่แลกมามันไม่คุ้ม พอเครื่องใช้พลังงานน้อยลงก็ลดความจุแบตลงไปด้วย มันเลยไม่ถึง 24 ชั่วโมงเสียที

By: TeamKiller
ContributoriPhone
on 3 November 2015 - 12:51 #858342 Reply to:858285
TeamKiller's picture

Nuclear ไปเลยครับ ผลิตได้เยอะๆ

By: rattananen
AndroidWindows
on 3 November 2015 - 14:02 #858373 Reply to:858264

สิ่งที่ผมเข้าใจอยู่คือภาวะโลกร้อนคือสิ่งที่เป็นปรากฎการณ์ธรรมชาติครับ
ไม่ใช่สิ่งที่เกิดโดยมนุษย์ครับ

ภาวะเรือนกระจกที่อ้างกันต่างๆ นานา มันก็แค่เครื่องมือหาเงินของมนุษย์ที่มีความโลภไม่มีที่สิ้นสุดเท่านั้นครับ

ดีไม่ดี ภาวะเรือนกระจกนี้ก็เป็นทฤษฏีลวงโลกเหมือนกันครับ

เรื่องข้อมูลโต้แย้งนี้มีโคตรเยอะครับ ถ้าจะเอาเป็นภาษาไทยนี่ลองหาใน patip ห้องหว้ากอดูครับ โต้เถียงกันมันโคตรๆ (เถียงกันแบบคนมีความรู้นะครับ)

สาเหตุที่ผมเชื่อแบบนี้ก็เพราะมีมนุษย์เอาไปใช้หาผลประโยชน์นั้นล่ะครับ

By: nrml
ContributorIn Love
on 3 November 2015 - 15:19 #858400 Reply to:858373
nrml's picture

ผมก็มีความเห็นโน้มเอียงไปว่ามันเกิดเป็นวัฏจักรของมันอยู่แล้วเช่นกันครับ แต่กิจกรรมของมนุษย์ก็ถือว่าเป็นตัวเร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่เร็วขึ้น (ตามความเห็นส่วนตัวคือเป็นตัวเร่งแต่ไม่ได้เป็นปัจจัยที่มีนัยสำคัญ ถ้าเทียบกับอายุของโลก)

By: gotobanana
iPhoneAndroidBlackberrySymbian
on 4 November 2015 - 20:14 #858841 Reply to:858400
gotobanana's picture

คิดเหมือนผม แบบนี้เลย ที่ผมคิด

By: Bluetus
iPhone
on 3 November 2015 - 09:20 #858262
Bluetus's picture

ภาวะโลกร้อนเป็นเรื่องลวงโลก...

O___O''

By: iCyLand
iPhoneAndroidRed HatUbuntu
on 3 November 2015 - 10:38 #858280 Reply to:858262
iCyLand's picture

งงด้วย คิดได้ไงว่ามันลวงโลก - -a

By: tuttap
Android
on 3 November 2015 - 16:35 #858434 Reply to:858262
tuttap's picture

สุดยอด ใครว่า ลวง โลก แสดงว่าเค้า คงนอน ใน ตู้ มาตลอด

By: mr_tawan
ContributoriPhoneAndroidWindows
on 3 November 2015 - 18:41 #858481 Reply to:858262
mr_tawan's picture

เกิดทันยุคภาวะโลก "เย็น" กันไหมครับ

ผมไม่ทันนะแต่เคยได้ยิน


  • 9tawan.net บล็อกส่วนตัวฮับ
By: nrml
ContributorIn Love
on 3 November 2015 - 18:58 #858485 Reply to:858481
nrml's picture

คือบางเรื่องมันก็วัดกันที่หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ครับไม่จำเป็นต้องเกิดทันก็พอคาดเดาได้ เช่นเราก็ไม่จำเป็นต้องเกิดในยุคไดโนเสาร์ถึงจะรู้ว่ามันเคยมีอยู่จริง

By: zda98
Windows Phone
on 3 November 2015 - 09:31 #858266

ที่แน่ๆปู่ 83 แล้วน่าจะไม่เจอภาวะโลกร้อน

By: gudgee
iPhoneAndroidWindows
on 3 November 2015 - 09:41 #858269
gudgee's picture

คุยแต่เรื่องเงินๆทองๆ แล้วใครมันจะทำเรื่องดีๆออกมาได้ละท่าน

By: nowingnoid
iPhoneAndroidUbuntu
on 3 November 2015 - 10:16 #858273
nowingnoid's picture

ดีแฮะ แต่ผมไม่ค่อยอยากเชื่อท่านเลย...

By: GyM
iPhoneWindows PhoneAndroidWindows
on 3 November 2015 - 10:19 #858275

อีกหน่อยน้ำมันหมดโลกมลพิษมันก็คงลดไปเอง ตอนเราแก่โลกคงอากาศดีนะ

By: wichate
Android
on 3 November 2015 - 11:29 #858299 Reply to:858275

น้ำมันเกิดขึ้นใหม่ทุกวันครับ มันไม่มีวันหมดไปจากโลกหรอกท่าน
แค่มีน้อยลงและแพงขึ้นจนไม่คุ้มที่จะขุดมาใช้

By: vitnu
iPhone
on 3 November 2015 - 16:20 #858428 Reply to:858275

น้ำมันหมดโลก เป็นแค่การสร้างประเด็นเพื่อดันราคาน้ำมันให้สูงขึ้น เอาจริงๆ ตอนนี้น้ำมันลิตรละ 20กว่าบาท ถือว่าถูกเมากเมื่อเทียบกับน้ำดื่มในร้านสะดวกซื้อ

By: thanyadol
iPhone
on 3 November 2015 - 10:24 #858276

วิสัยทรรศดูเก่าๆ (เหมือนตอนโนเกียออกมาพูดกับแอบเปิลตอนสร้าง iphone) ต่างกับ musk โดยสิ้นเชิงที่ต้องการเปลี่ยนโลก

By: iStyle
ContributoriPhoneAndroidSymbian
on 3 November 2015 - 10:57 #858287
iStyle's picture

ขออธิบายคำว่าโลกร้อนเป็นเรื่องไร้สาระครับ

คือ มันมีงานวิจัยหลายอัน ที่บอกว่าโลกร้อนขึ้นจริง แต่ร้อนตามรอยของมันครับ ร้อนเป็นธรรมชาติ ไอ้คำว่าโลกร้อนนี่คือการตลาด


May the Force Close be with you. || @nuttyi

By: OrangeJuice
iPhone
on 3 November 2015 - 10:58 #858288

ใครที่ไม่รู้จักลุงคนนี้ แกพูดถึงเรื่องโลกร้อนเป็นเรื่องลวงโลก แถมไม่เห็นด้วยกับไฮบริด แต่โปรเจคสุดท้ายก่อนเกษียนของแก คือ Chevrolet Volt (คนละตัวกับที่ขายในบ้านเรา) นะครับ ซึ่งเป็นรถไฮบริดที่พัฒนาไปไกลกว่าไฮบริดโตโยต้ามาก และยังเป็นก้าวสำคัญให้มนุษยชาติเข้าใกล้กับรถไฟฟ้าเต็มรูปแบบมากขึ้นด้วย

By: BlackMiracle
WriterAndroidUbuntuWindows
on 3 November 2015 - 11:06 #858293 Reply to:858288

ผมว่างานก็ส่วนงานครับ โลกกำลังมุ่งไปหารถยนต์ไฟฟ้า Chevrolet ก็ต้องทำ เค้าเป็นผู้บริหารอยู่ก็ต้องช่วยดันอยู่แล้ว แต่ความคิดส่วนตัวของเค้าคือ "สงสัย" ว่าโลกร้อนจริงเหรอ ประมาณนั้นครับ


Pitawat's Blog :: บล็อกผมเองครับ

By: hisoft
ContributorWindows PhoneWindows
on 3 November 2015 - 16:53 #858438 Reply to:858288
hisoft's picture

ไฮบริดมันมีจุดประสงค์ที่เข้าท่าอย่างช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายเรื่องน้ำมัน และเพิ่มแรงขับได้อยู่ด้วยครับ (มองข้ามเรื่องค่าแบตกันไปก่อน)

By: artman
Windows
on 3 November 2015 - 11:35 #858301

ตอนนี้อาจจะยังขาดทุนอยู่เท่านี้เพราะพวก toyota, bmw อื่นๆ (หรือแม้แต่ apple) ยังไม่ลงมาเล่น ถ้าลงมาเล่นพร้อมๆกัน จะต้องเหนื่อยหนักขึ้นอีกอย่างแน่นอน

By: Fourpoint
Windows PhoneAndroidSymbian
on 3 November 2015 - 14:45 #858335

กลับมาในประเด็นนิด ผมคิดว่า Tesla ยังขาดประสบการณ์ในฐานะผู้ผลิต"รถยนต์"ล่ะนะ

จริงอยู่ว่าเป็นบ.เทคโนโลยี สร้างรถยนต์แบบใหม่ขึ้นมา แต่สุดท้ายแล้ว ส่วนประกอบอื่นๆนอกจากเครื่องยนต์และระบบขับเคลื่อน ก็ยังพึ่งพาเทคโนโลยีรถยนต์แบบเก่าอยู่ ถ้าไม่ได้ผู้เชี่ยวชาญในด้านนั้น เราก็คงเห็นปัญหาจุกจิกอีกมากแน่ๆ เพราะกลไกพวกนี้ ถูกพัฒนาจากประสบการณ์ของผู้ผลิตรถยนต์มานานแล้ว บ.เกิดใหม่ที่ขาดประสบการณ์ก็อาจจะมองข้าม และผิดซ้ำซากแบบที่บ.อื่นๆเคยเจอมาหลายสิบปีแล้วก็ได้ เรื่องพวกนี้สำคัญ ถ้าไม่ได้คิดจะเปลี่ยนรถทุกปีแบบมือถือหรือgadget อื่นๆนะครับ ดูตลาดรถยนต์บ้านเราก็ได้ เจ้าที่เป็นเจ้าตลาด ขายได้เพราะ"ความเชื่อถือ" หรือreliability มากกว่าจะขายได้ด้วย option ที่ยัดมาเยอะๆ(เจ้ารองจะทำเพื่อเป็นจุดเด่นทดแทน)

รอดูBMW/Toyota เล่นตลาดนี้เต็มตัวเช่นกัน ขนาด BMWยังต้องแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีhybrid จากToyota แล้พี่โตก็รับเทคโนโลยีดีเซลจาก BMW ไป นั่นแสดงถึงว่าผู้ผลิตเจ้าเดียว ยังไม่สามารถเชี่ยวชาญได้ทุกอย่าง

เพิ่มเติม เพิ่งเห็นข่าว Tesla motor จะมาเปิดบูทในงาน motor expo เมืองไทยปลายปีนี้ที่Impact เมืองทองด้วยครับ บ.แม่มาเองเลยด้วย น่าสนใจไปเดินดูแฮะ

By: pepporony
ContributorAndroid
on 3 November 2015 - 17:01 #858444 Reply to:858335

ถ้ามองถึง SpaceX มันก็ทำแบบนี้ครับ 555 คือเหมือนเรียนรู้ไปพร้อมๆกัน ... Oh sh** this does not work..

ผมว่าปัญหาเดิมๆที่จะเจอเหมือนกันกับบริษัทรถยนต์อื่นๆ ข้อได้เปรียบของ Tesla คือมันเป็น บ.ซิลิคอน วัลเลย์ น่าจะปรับตัวกับปัญหาได้เร็วกว่าบริษัทรถยนต์

เอาอย่างเรื่องแก้ปัญหาด้วย OTA มันทำให้ Tesla ไม่ต้องออกรถใหม่ คนใช้ก็ไม่ต้องซื้อใหม่ เพราะได้อัพความสามารถใหม่ๆเข้ามา

...

Motor Expo มาจริง แต่เป็นบริษัทแม่เลยเหรอครับ? เห็นเป็น Tesla-Automotive ไม่แน่ใจว่าเป็นพวกพาร์ทเนอร์ หรือเจ้าตัวมาจดทะเบียนบริษัทเอง

แต่ถ้าคุณแม่มาเอง ก็คงมีลุ้นว่าจะได้เห็น Supercharger ในไทย.. > <

By: mr_tawan
ContributoriPhoneAndroidWindows
on 3 November 2015 - 18:43 #858482 Reply to:858444
mr_tawan's picture

ผมเห็นโฆษณาที่แยกอโศกวันนี้ น่าจะมาขายจริงจังล่ะครับ


  • 9tawan.net บล็อกส่วนตัวฮับ
By: pepporony
ContributorAndroid
on 3 November 2015 - 19:06 #858490 Reply to:858482

เห็นเหมือนกันครับ พอดูเว็บ อืม....ใช้การไม่ได้...

By: Fourpoint
Windows PhoneAndroidSymbian
on 10 November 2015 - 07:16 #858704 Reply to:858444

ดู http://www.motorexpo.co.th/

ดูรายชื่อบ.แล้วน่าจะเป็นบ.แม่มาเองครับ แล้วfloorplan ในงานใหญ่เกือบเท่า ISUZU เลยครับ แต่ไม่รู้ว่าจะมาแค่โชว์เทคโนโลยีหรือมาเปิดตัวขายในไทยอย่างเป็นทางการเลย

ข่าวล่าสุด มีบ.ตัวแทนจะมาขายในไทยแล้วครับ แถมตั้งเป้ายอดขายไว้สูงมากด้วย
เจ้าพ่อรถไฟฟ้า“เทสลา”บุกไทย ประกาศขาย"โมเดล เอส” 5-7 ล้านบาท

By: nowingnoid
iPhoneAndroidUbuntu
on 3 November 2015 - 21:08 #858517 Reply to:858335
nowingnoid's picture

ก็ต้องพึ่งพาเทคโนโลยีเก่า หลายๆ อย่างอยู่แล้วล่ะครับ

เพราะมันมีสายการพัฒนาของมันอยู่ และที่สำคัญ มันคือรถยนต์ ไม่ใช่รถเหาะ

มันคงไม่ต่างกันมากหรอก

By: PsFreedom
ContributorAndroidRed HatUbuntu
on 3 November 2015 - 12:44 #858338
PsFreedom's picture

หลายอย่างก็ดูมีเหตุผลและผมก็เห็นด้วยอยู่นะ
แต่ไม่ได้หมายความว่ามันจะเป็นไปตามนั้นทั้งหมด

Tesla ก็ต้องมองเห็นอะไรบางอย่างเหมือนกัน ถึงได้ตั้งใจกับรถไฟฟ้าขนาดนี้

เรียกว่าต้องดูจากหลายๆ มุมกันอีกที
(รวมถึงให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ด้วย)

By: nrml
ContributorIn Love
on 3 November 2015 - 13:10 #858355
nrml's picture

มองจากมุมมองแบบอนุรักษ์นิยมก็จะเห็นเป็นแบบนั้น บางแง่มุมมันก็อาจจะถูก แต่สภาพตลาดตอนนี้มันก็เปลี่ยนไป เรื่องความไม่ชำนาญในธุรกิจรถยนต์ก็อาจจะมีส่วนแต่ตรงนี้สามารถซื้อตัวคนที่ชำนาญมาเสริมทัพได้ และตอนนี้มันเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของยุคใหม่ แน่นอนว่าการทำอะไรใหม่ๆ เป็นคนแรกๆ ย่อมต้องมีอุปสรรคมากกว่าคนที่ตามมาทีหลัง ที่ต้องผ่านไปให้ได้

By: OrangeJuice
iPhone
on 3 November 2015 - 13:57 #858377

โมเดลขายรถขาดทุนนี่ในบ้านเราก็มีทำกันนะครับ และก็เห็นเจ๊งทุกราย ไม่เห็นมีใครรอด เพราะส่วนมากจะตกหลุมพรางทางความคิดที่ว่า เดี๋ยวพอติดตลาดแล้วจะค่อยขยับขึ้นราคาเพื่อเอาส่วนต่างมากลบที่ขาดทุนไป แต่ในทางปฏิบัติจริง การขายรถขาดทุนคือการขายในจุดที่ Demand มาเจอกับ Supply แล้ว การจะขยับราคาขึ้นนั้น ก็ต้องประสบปัญหาว่าจุด equilibrium point เคลื่อน ขายได้แพงขึ้นจริง แต่กำลังซื้อลดลง ทำให้ไอ้ที่คิดว่าจะเอามาโปะมันไม่เคยเกิดขึ้นได้จริง

By: Architec
ContributorWindows PhoneAndroidWindows
on 3 November 2015 - 14:13 #858382

PS3 ก็ขายขาดทุน แต่อยู่ได้เพราะคิดกำไรจากแผ่นเกม แล้ว Tesla ได้กำไรจากอะไรล่ะ?

By: loptar on 3 November 2015 - 15:36 #858407 Reply to:858382
loptar's picture

หุ้น?

By: pepporony
ContributorAndroid
on 3 November 2015 - 16:55 #858439 Reply to:858382

เงินลงทุนครับ

คือเทสล่าเริ่มมาประกาศแผนการบริษัท มี 3 ขั้นคือ
1. สร้างรถใช้ไฟฟ้า ที่เปลี่ยนความคิดว่า EV ต้องน่าเกลียด และห่วย (ออกมาเป็น Roadster)
2. สร้างรถใช้ไฟฟ้า ที่แสดงให้เห็นว่า EV ก็สู้รถ Fossil Fuel ได้ (Model S)
3. สร้างรถใช้ไฟฟ้า ในระดับ global scale ราคาถูกลง สำหรับ mass

ผมคิดว่า Tesla คิดจะทำกำไรในขั้นตอนที่สาม เมื่อ Gigafactory มันสร้างเสร็จแล้ว ผลิตแบตได้เอง ในราคาถูกลงแล้ว และถึงตอนนั้นต้นทุนก็คงต่ำกว่าราคาขายแล้ว

...

ถ้าไม่เจ๊งไปซะก่อนนะ 555

By: PsFreedom
ContributorAndroidRed HatUbuntu
on 4 November 2015 - 00:20 #858568 Reply to:858439
PsFreedom's picture

เห็นภาพระดับนึงเลยครับ

แต่ถ้าจะทำถึงขั้น 3 ได้นี่ เรียกว่าต้องต้องลงทุนเยอะจริงๆ
กลัวจะเจ๊งไปก่อนเหมือนกัน

By: pepporony
ContributorAndroid
on 4 November 2015 - 07:10 #858586 Reply to:858568

ผมอ่านประวัติ Musk แก บริษัทก็จะเจ๊งหลายรอบนะครับ อย่าง Tesla แรกๆต้องเอาเงินส่วนตัวมาอัดๆเข้าไป แล้วก็มีข่าวว่าจะขายให้ Google

สุดท้ายมันเปรี้ยงขึ้นมาก็เลยรอดไปฉิวเฉียด

By: pepporony
ContributorAndroid
on 3 November 2015 - 16:57 #858441

เรื่องพลังงานไฟฟ้าไม่สะอาด

เคยเห็นแนวคิดของ Internet User ท่านนึง (ขับ Model S เหมือนกัน) ให้ความคิดไว้ว่า ตัวเค้าไม่รู้หรอกว่าพลังงานไฟฟ้าเนี่ย มันสะอาดสุดๆหรือเปล่า แต่สิ่งที่เค้าเห็นชัดคือ เมื่อเปลี่ยนมาใช้รถไฟฟ้าแล้ว..มลภาวะในท้องถิ่น (ใช้คำว่า local pollution) มันลดลง

ซึ่งผมเห็นด้วยนะ และก็คิดแบบนี้ทุกครั้ง เวลารถเมล์บ้านเราเหยียบคันเร่ง แล้วทุกอย่างอยู่ในควันสีดำ

By: adirak
ContributoriPhone
on 3 November 2015 - 17:41 #858456 Reply to:858441
adirak's picture

+1


📸

By: mr_tawan
ContributoriPhoneAndroidWindows
on 3 November 2015 - 18:45 #858483 Reply to:858441
mr_tawan's picture

อันนี้เห็นด้วยนะครับ

แต่ fuel cell (ฝั่งญี่ปุ่น) ก็ทำได้นะ


  • 9tawan.net บล็อกส่วนตัวฮับ
By: pepporony
ContributorAndroid
on 4 November 2015 - 07:16 #858587 Reply to:858483

แสดงว่าผมไม่ได้คิดไปเองว่า เดินในโตเกียว แต่รู้สึกว่าอากาศสะอาดกว่า

By: hisoft
ContributorWindows PhoneWindows
on 4 November 2015 - 10:47 #858648 Reply to:858587
hisoft's picture

fuel cell ที่ว่าเพิ่งขายมารุ่นเดียวเองมั้งครับ แถมรู้สึกจะยังไม่ส่งของด้วย กฎหมายที่นู่นเค้าบังคับใช้จริงจังกว่า มลพิษที่ออกจากรถแต่ละคันมันเลยน้อยครับ บ้านเรารถเมล์เหยียบคันเร่งทีเดียวก็แทบจะเยอะกว่าของเค้าทั้งถนนแล้วมั้ง

By: pepporony
ContributorAndroid
on 4 November 2015 - 12:24 #858682 Reply to:858648

โอ๊ะ ตอนผมใช้คำว่า fossil fuel ผมหมายถึงรถน้ำมันครับ 555 ลืมไปว่ามี fuel cells อีกอย่าง

By: gondolaz
AndroidUbuntuWindows
on 4 November 2015 - 12:40 #858688 Reply to:858648
gondolaz's picture

นึกถึงกรณีโฟล์คโกงค่าทดสอบอะไรซักอย่างเมื่อไม่นานมานี้ตะหงิดๆ

By: PsFreedom
ContributorAndroidRed HatUbuntu
on 4 November 2015 - 00:22 #858569 Reply to:858441
PsFreedom's picture

แต่การผลิตไฟฟ้า (ถ่านหิน น้ำมัน) ก็มีมลพิษอยู่ดี

แต่ว่ามันจัดการได้ดีกว่า (อยู่ที่ๆ เดียว)
ต่างจากรถยนต์ที่ใครอยากปล่อยก็ปล่อย

แล้วถ้าผลิตด้วยวิธีที่สะอาด (แสงอาทิตย์ ลม น้ำ นิวเคลียร์)
ก็จะไม่มีในส่วนนี้

By: gondolaz
AndroidUbuntuWindows
on 4 November 2015 - 12:43 #858690 Reply to:858441
gondolaz's picture

ตกลงรถเมล์บ้านเรายังไม่ได้เป็น Lpg/Ngv ใช่ไหมครับ
คื ผมนึกว่าเค้าไล่เปลี่ยนกันไปหมดแล้ว เห็น ปตท ขาย Ngv ให้ ขสมก ตั้ง 15 บาท

By: MaxxIE
iPhoneAndroidUbuntuWindows
on 3 November 2015 - 20:38 #858511
MaxxIE's picture

ทำไมผมรู้สึกว่าไม่ค่อยเห็นด้วยกับการทำรถยนต์พลังไฟฟ้าเลย

ตราบใดที่ยังผลิตไฟฟ้าเพื่อที่จะมารองรับการใช้งานของรถยนต์จากพลังงานสะอาดมาแทนเชื้อเพลิงฟอสซิลไม่ได้100%
เพราะเชื้อเพลิงฟอสซิลนั้นในปัจจุบันเกิดไม่ทันใช้แน่ๆ สักพักพอมันหมดราคาไฟฟ้าก็จะสูงขึ้น ผมยังอยากให้ผู้ที่มีรายได้ไม่สูงมากยังมีไฟฟ้าไว้ใช้ส่องสว่าง มากกว่าเอาไฟฟ้าไปให้เศรษฐีซิ่งรถเล่น เพราะทุกวันนี้ผมว่าไฟฟ้านี่ก็แทบจะเป็นปัจจัยที่6ของชีวิตอยู่แล้ว ผมเลยไม่ค่อยอยากให้ค่าไฟฟ้ามันสูงจนเกินไป

ผมละอยากให้พัฒนาเครื่องดีเซลให้เผาใหม้ได้หมดจดกว่าเดิมจะดีกว่า เพราะเครื่องดีเซลนั้นยังสามารถใช้น้ำมันปาล์มโอเลอีนทดแทนได้ อย่างน้อยถ้ามันได้รับความนิยมมันก็ก่อให้เกิดการปลูกต้นปาล์มมากขึ้น ซึ่งอย่างน้อยต้นปาล์มพวกนี้มันก็ยังช่วยดูดซับคาร์บอนไดออกไซค์ที่ปล่อยจากรถยนต์ ไม่เหมือนโรงไฟฟ้าที่ผลิตคาร์บอนไดออกไซค์ออกมาอย่างเดียว

เพราะถึงแม้ว่าโลกร้อนนั้นอาจจะเป็นเรื่องลวงโลก แต่ก็อย่าลืมนะว่ามนุษย์ก็ไม่ได้ใช้คาร์บอนไดออกไซค์หายใจเช่นกัน ถ้าวันนึงปริมาณคาร์บอนไดออกไซค์มากขึ้นมากๆ มันก็เป็นพิษจนดำรงชีวิตอยู่ไม่ได้อยู่ดี

By: nrml
ContributorIn Love
on 3 November 2015 - 20:52 #858514 Reply to:858511
nrml's picture

ความโลภของคนมันไม่มีที่สิ้นสุด เหตุการณ์หมอกควันจากอินโดฯ ปกคลุมหลายประเทศรวมถึงภาคใต้บางส่วนของไทย เป็นเหตุการณ์ที่ร้ายแรงที่สุดในรอบ 15 ปีเมื่อสองสามอาทิตย์ที่แล้วจนถึงตอนนี้ที่กำลังเป็นประเด็นกันอยู่ก็มาจากการเผาเพื่อปลูกพืชปลูกปาล์ม ซึ่งมันก็เป็นอีกด้านที่ต้องรับรู้ด้วยครับ จริงๆ มันก็ดีแล้วที่มีการวิจัยและพัฒนาพลังงานทางเลือกหลายๆ แบบไปพร้อมกัน ส่วนเรื่องที่คุณกังวลมันน่าจะอยู่ในส่วนของการควบคุมและการจัดสรรทรัพยากรว่าจะทำยังไงที่จะให้เกิดประโยชน์แก่ส่วนรวมได้มากที่สุด

By: Architec
ContributorWindows PhoneAndroidWindows
on 3 November 2015 - 21:56 #858527 Reply to:858511

สำหรับเครื่องยนต์สันดาปภายใน Scuderi Engine อัดอากาศสูงถึง 3 บาร์เศษๆ น่าจะเป็นทางเลือกที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดครับ ถ้าไม่นับเรื่องคดีความกับค่ายรถที่ฟ้องกันอยู่คงได้เห็นกันแล้ว

ถ้ารอไม่ไหว ที่ญี่ปุ่นมี 2JZ Turbo 4 ลูกให้ชมไปพลางๆก่อนครับ

By: Remma
AndroidWindows
on 3 November 2015 - 22:10 #858531 Reply to:858511
Remma's picture

ผมมองว่าเทคโนโลยีเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันมันพัฒนามาสุดทางแล้วครับใช้กันมาได้ยังไงเกินร้อยปี เครื่องดีเซลที่มลพิษต่ำก็มาสุดแล้วเช่นกันได้แค่เท่าทุกวันนี้แหละ กดคันเร่งแรงๆทีควันกลบตูดต่อให้เป็น Benz หรือ BMW ก็เถอะ (แถมบางยี่ห้อยังต้องโกงการทดสอบเพื่อให้ผ่านด้วยซ้ำ)

สาเหตุที่รถไฟฟ้าเกิดยากเย็นผมว่าเป็นเพราะบริษัทน้ำมันมีอำนาจมากเกินไปน่ะครับ เหมือนจะมากกว่าประธานาธิบดีซะด้วยซ้ำ

By: PsFreedom
ContributorAndroidRed HatUbuntu
on 4 November 2015 - 00:32 #858571 Reply to:858511
PsFreedom's picture

ตอนแรกไม่เห็นด้วย อ่านไปก็เริ่มเห็นด้วย

ลองคิดอีกแนวนึง
น้ำมัน > ผลิตไฟฟ้า > เติมรถ (เทสล่า)
น้ำมัน > เติมรถ (รถทั่วไป)

สุดท้าย ก็คือประเด็นเรื่อง "น้ำมันแพง"
ทีนี้ก็อยู่ที่ว่า แบบไหนจะทำได้ Efficient ดีกว่า
คุ้มค่ากว่าปริมาณน้ำมันที่เสียไป มากกว่ากันครับ

แล้วไฟฟ้ามาจากหลายแหล่ง ไม่จำกัดเฉพาะ "น้ำมัน"
ทำให้แนวโน้มไฟฟ้าแพง ผมว่ายากกว่าน้ำมันแพงนะ

By: gotobanana
iPhoneAndroidBlackberrySymbian
on 4 November 2015 - 20:22 #858844 Reply to:858511
gotobanana's picture

อยู่ที่ไฟฟ้าถูกผลิตมาจากอะไร