เชื่อว่าหลายๆ ท่านจะเคยเจอกับประเด็นปัญหาที่เป็นทางสองแพร่งทางจริยธรรม (Ethical Dilemma) เช่น หากสามารถช่วยได้เพียงคนเดียว จะเลือกช่วยใครระหว่างภรรยากับแม่? ประเด็นที่เป็นทางสองแพร่งเช่นนี้ อาจถกเถียงกันได้ไม่ตกในแง่ของหลักการหรือในเชิงของปรัชญา ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีคำตอบที่ถูกและผิดที่ตายตัว
ขณะที่ต่อให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ขึ้นจริง ก็เชื่อว่าน่าจะคิดไม่ตกเช่นกัน แต่ผู้ผลิตรถยนต์ไร้คนขับอาจจะต้องขบคิดกับสถานการณ์เช่นนี้ ตั้งแต่ขั้นพัฒนาอัลกอริธึมของระบบด้วยซ้ำไป เพราะต่อให้รถไร้คนขับจะสามารถป้องกันและแก้ปัญหาสถานการณ์เฉพาะหน้าได้ดีแค่ไหน ก็คงต้องเผื่อกับสถานการณ์อุบัติเหตุที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน
หากรถไร้คนขับต้องเจอกับสถานการณ์ที่ต้องเลือกระหว่างชนคนข้ามถนนหลายสิบคน (ที่ยังไงก็ต้องชน เบรคไม่อยู่) กับหักหลบแล้วทำให้คนที่อยู่ในรถบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ตัวรถควรจะทำอย่างไร? หักหลบเพื่อคร่าชีวิตให้น้อยที่สุด หรือชนเพื่อรักษาชีวิตผู้โดยสาร?
ซึ่งหากคิดในแง่ของศีลธรรมล้วนๆ แล้วอาจจะได้คำตอบว่า ทำให้เกิดการเสียชีวิตน้อยที่สุดสิ ถึงจะดี แต่หากหักหลบ แล้วใครเล่าจะซื้อรถไร้คนขับมาใช้ ในเมื่อมันไม่ได้ช่วยปกป้องผู้โดยสาร หากจะชนคนข้ามถนน ก็จะส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของระบบไร้คนขับ
ประเด็นนี้ ช็อง ฟร็องซัว บ็อนฟอง นักวิจัยที่วิทยาลัยเศรษฐศาสตร์แห่งตูลูส (Toulouse School of Economics) ประเทศฝรั่งเศสและทีมงานคิดว่า ในเมื่อมันไม่มีคำตอบที่ถูกหรือผิด ความคิดเห็นของคนส่วนใหญ่ (Public Opinion) จะกลายเป็นตัวตัดสินถึงการยอมรับรถไร้คนขับ
พวกเขาจึงทดสอบเพื่อหาความคิดเห็นส่วนใหญ่จากคนงานของ Amazon's Mechanical Turk โดยคนงานเหล่านี้จะเจอบททดสอบภายใต้สถานการณ์ข้างต้นว่าจะชนคนข้ามถนน หรือหักหลบชนกำแพงแล้วผู้โดยสารเสียชีวิต แต่ก็มีเงื่อนไขที่แตกต่างกันไปเช่น จำนวนคนข้ามถนนที่จะเสียชีวิต หรือแม้แต่สมมติให้ผู้เข้าร่วมทดสอบเป็นคนข้ามถนนเสียเอง
ผลการทดสอบ เสียงส่วนใหญ่เห็นว่า รถไร้คนขับควรถูกโปรแกรมให้ลดการสูญเสียให้น้อยที่สุด ซึ่งก็คือหักหลบ แต่ผู้ร่วมทดสอบก็แสดงความเห็นว่า พวกเขาอยากให้คนอื่นซื้อรถไร้คนขับมาใช้ มากกว่าที่จะซื้อมาขับเอง (ย้อนแย้งในตัวเอง)
บ็อนฟองและทีมงานชี้ว่า การวิจัยของเขาเป็นเพียงก้าวแรกที่จะนำไปสู่เขาวงกตทางศีลธรรมที่สลับซับซ้อนสำหรับการพัฒนารถไร้คนขับ ที่จะมีเงื่อนไขอื่นๆ เข้ามาเพิ่มอีกเช่นความไม่แน่นอนของสถานการณ์และปัจจัยต่างๆ หรือแม้แต่เมื่อเกิดเหตุขึ้นแล้ว ใครเป็นคนผิด?
คิดแล้วก็นึกถึงภาพยนตร์เรื่อง I, Robot ชอบกล
ที่มา - Technology Review, อ่านงานวิจัยฉบับเต็มได้ที่นี่ (PDF)
Comments
ทำ Setting wizard ให้เจ้าของรถเลือกเองก็ดีนะครับ
ใช่ครับ พอรอดตายก็ต้องมารับผิดชอบผลที่เกิดขึ้นกับอีกฝ่ายเพราะตนเป็นคนตั้งค่า โยนความผิดให้ A.I. ไม่ได้
แต่ก็มีคำถามต่อ ถ้าอ้างว่ารถถูกแฮก
ถ้าเป็นเมืองไทย ให้ตั้งค่า default เป็นหักหลบ เด้อ
เพราะคนไทยแมร่งคลิก next ๆ อย่างเดียว
ข้อแรกให้รถหักหลบ - เจ้าของรถไม่ผิด
ข้อสองให้รถชน - เจ้าของรถรับผิดชอบทั้งหมด
oxygen2.me, panithi's blog
Device: ThinkPad T480s, iPad Pro, iPhone 11 Pro Max, Pixel 6
ไม่แปลกที่จะย้อนแย้ง เพราะความรู้สึกจริงๆ ที่มาจากสัญชาตญาณไม่มีใครอยากให้ตัวเองตาย
นึกถึงเรื่อง irobot เลย หุ่นยนต์เลือกช่วยพระเอกไม่ช่วยเด็ก
Ai = logic base != emotional
sensor มีหลายอย่าง เช่น radar ที่ไม่ใด้รับผลกระทบจาก ความมืด / ฝน / หิมะ และด้วยความที่ ai ไม่มี panic ดังนั้นโอกาศที่จะรอดทั้งหมดจึงมีสูงกว่าการให้คนขับ
แต่หากไม่สามารถหลีกเลี่ยงใด้จริงๆ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ai หรือ sensor จะใด้รับการปรับปรุงให้โอกาศเกิดอุบัติเหตุแบบนี้ลดลงเรื่อยๆ
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ในนามของรถที่ถูกคุณซื้อ ขอสัญญาว่าจะปกป้องผู้โดยสารอย่างสุดความสามารถ
if( rand() < 0.5 ){crashParam = 1};
ผมคิดว่ามนุษย์เอง ต่อให้เป็นคนเดียวกัน มันก็แล้วแต่อารมณ์ แล้วแต่สถานกาณ์ว่าตอนนั้นนึกถึงอะไรก่อน คำตอบคงไม่คงที่
ถ้าเป็นลูกคุณ ขี่จักรยานอยู่แถวบ้าน คุณหักหลบแน่ๆ
ในขณะที่มีเด็กมีคนแก่อยู่บนรถ คุณอาจต้องยอมชนคนจรจัดที่เดินตัดหน้า
รถก็ต้องปกป้องชีวิตในห้องโดยสารสิ ถ้าปกป้องชีวิตนอกห้องโดยสารมากกว่าชีวิตในห้องโดยสารมันก็ไม่ใช่ละ ถ้าเป็นแบบนั่น ผู้คนจะพากันคิดไปหมดว่า สักวัน(วันไหนก็ไม่รู้)รถมันจะเสียสละตัวเองพาชีวิตในห้องโดยสารลงคลอง แบบนี้รถขายไม่ออกแน่ๆ
ชีวิตนอกห้องโดยสารต้องปกป้องตัวเองถูกแล้ว เช่น ข้ามถนนก็ต้องมองรถ จะใช้มีดหั่นผักก็ต้องระวังนิ้ว จะปีนต้นไม้ก็ต้องระวังตก จะให้เครื่องจักมาระวังให้มันก็ไม่ใช่ เป็นต้น
แต่ถ้าคนที่กำลังจะชนเป็นแม่ ภรรยา หรืิอลูก ส่วนที่อยู่ในรถอาจมีคุณกับเพื่อน จะเลือกแบบไหนครับ ยกตัวอย่างให้ชัดขึ้น.. คุณกำลังกลับบ้านในวันฝนตกหนัก ในรถมีเพื่อนคุณมาด้วยเพราะบ้านอยู่ใกล้ ด้วยฝนที่ตกหนักทำให้มองทางไม่ชัด ขณะนั้นเองลูกสาววัย 10ขวบ ที่คุณจำได้เพราะเธอใส่ชุดสีแดง กำลังวิ่งข้ามถนนตัดหน้ารถคุณ เพราะเธอก็มองไม่เห็นรถเนื่องจากฝนตกแรง
แบบนี้จะปกป้องชีวิตลูกข้างนอก หรือเพื่อนข้างใน ... ไม่ต้องตอบหรอกครับ ให้คนเขียนอัลกอเค้าคิดไป เพราะเค้าต้องคิดกลับไปกลับมาอยู่แล้ว อิอิ
สถานการณ์ข้างต้น มีแต่มนุษย์เท่านั้นที่คิด เพราะมนุษย์มีความรัก แต่เราไม่สามารถนิยามความรักให้ AI ได้ และมนุษย์จะตัดสินใจหักหลบ(AI หักหลบหรือไม่ ขึ้นอยู่กับอัลกอรึทึม)
เพราะมนุษย์ไม่สามารถยอมรับผลที่เกิดขึ้นได้(ชนหมา ชนเด็ก)
ในทางกลับกัน หากลองตัดความรักออกไป ทุกอย่างจะง่ายขึ้น
ถ้าจะใช้รถยนต์ไร้คนขับ(ไปซื้อมาใช้)
ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดไม่ใช่ความสามารถของ AI
แต่เป็นมนุษย์เองต่างหาก มนุษย์ต้องยอมรับผลที่เกิดจากการตัดสินใจของ AI ให้ได้
Strong AI จะหาทางเลือกที่ดีที่สุดโดยใช้หลักของเหตุและผลและองค์ความรู้ในการตัดสินใจของเหตุการณ์
แต่มนุษย์จะมีอารมณ์ ความรู้สึก การจินตนาการเพิ่มเข้าไปด้วย
ถ้าเราซื้อหรือพัฒนา AI มาตอบสนองความต้องการมนุษย์
ถ้ามันทำไม่ได้จะซื้อหรือพัฒนาขึ้นมาทำไม???
ไม่ใช่ว่าเราต้องทำให้ AI เข้าใจการตัดสินใจของเจ้าของรถมากกว่าที่จะให้ AI มาออกคำสั่งเจ้าของรถหรอ?
เข้าใจว่ามนุษย์มีความรู้สึก มีความคิด ใช้ AI มาตัดสินจะเข้าทางในหลักเหตุผล"สากล"มากกว่า
แต่ไม่คิดหรอว่าเหตุผลสากลนั่นแหละที่ไร้เหตุผลที่สุดในทางปฎิบัติกับสังคมมนุษย์?
เหตุผลที่ไม่ใช่เหตุผลของมนุษย์มันก็คือเหตุผลในทางสังคม ในตัวเราเอง ในแทบทุกอย่างที่เกิดขึ้น
แล้วจะคิดว่าจะใช้หลักสากลกับทุกๆคน คงไม่มีทางได้
คือแบบว่ามันมีทางเลือกเสมอ เช่นว่าเลือกจะปล้นโดยรู้อยู่แล้วว่าจะถูกตามล่า ต้องหลบหนี ปลอมแปลง ก็ว่ากันไป
หรือเลือกที่จะละ security บางอย่างเพื่อเพิ่มประสบการณ์ใช้งานบางอย่าง ก็ต้องเลิอกแหละ ถ้าตามหลักสากลก็ต้องเอา security แต่ถามว่า user คงจะซื้ออยู่หรอกถ้ามันใช้แล้วไม่ประทับใจ
ทำไมไม่ลองเปลี่ยน คุณกับลูกคนที่ 1 อยู่ยนรถ แล้ว แม่กับลูกคนที่สอง กำลังเดินข้ามถนนดูหละครับ
ส่วนตัว ผมยังเลือก ขับชน อยู่ดี ถ้า การหักหลบ ทำให้ ตายแน่นอน
จริงๆ แล้วไม่ต้องคิดมาก รถยนอัตโนมัติ มันเป้นรถ ที่ขับช้าอยู่แล้วผมว่า ไม่ว่าจะหักหลับหรือชน ก็ไม่น่าจะมีปัญหา มากนัก
ถ้าคนขับส่วนใหญ่น่าจะหักหลบมากกว่า เป็นอัตโนมัติเลยละมั้ง รถ AI มีเลือกสายกลางเปล่าหว่า หลบนิดๆ พอให้รอดได้เยอะที่สุด
โปรแกรมรถไร้คนขับไม่ให้วิ่งเร็ว ทำตัวรถให้รับแรงกระแทกได้ดีขึ้น. พูดง่ายแต่ถ้าทำได้เค้าคงไม่มานั่งปวดหัวเรื่องนี้หรอกเนอะ 555
ปิดระบบ AI แล้วร้องเตือนคนขับ เจ้านายอยากทำยังไง ทำเองเลย ผมไม่เกี่ยว
เจ้านายกำลังแต่งหน้าบนรถอยู่ ไม่ได้มองถนน มือก็ไม่ว่าง
คนในรถต้องมาก่อนครับ แต่รถต้องเบรกสุดความสามารถเพื่อลดการบาดเจ็บของคนภายนอกให้ได้มากที่สุด
วิธีนี้ช่วยลดสูญเสียจากความผิดพลาดอื่นๆได้เช่น เจอหมาตัดหน้า แต่รถเข้าใจว่าเป็นเด็กข้ามถนน อะไรพวกนี้
ถ้าหมาตัดหน้ารถกลางถนน และเมียยืมอยู่ริมถนนหน้าบ้าน
ให้ตั้งโปรแกรมหักหลบไปทับเมียได้ไหมเนี้ย
เป็น first priority เลย
คิดง่ายๆ ถ้าคนขับเองจะเลือกอะไร ก็ต้องเลือกตัวเองรอดใช่มะ เพราะชะนั้นรถก็ต้องมีหน้าที่ทำให้คนขับรอดเหมือนคนขับๆเอง ง่ายจะตาย ไม่งั้นใครจะซื้อ
ส่วนเมียกะแม่ แม่สิครับ แม่มีคนเดียว เมียหาใหม่ได้ 5555555
มันก็ไม่แน่นะครับ อย่างที่อีกท่านยกตัวอย่างมาว่า ถ้าลูกเราขี่จักรยานตัดหน้า เราก็ต้องเลือกปกป้องลูกมากกว่าเราเองอยู่แล้ว
ถ้าเหตุผลทางธุรกิจยังไงก็ต้องเลือกรักษาชีวิตคนในรถไว้ก่อน
แต่ส่วนตัวแล้วคิดว่าทางเลือกที่ดีที่สุดคือ พยายามไม่ให้เข้าไปอยู่ในทางเลือกตั้งแต่แรก
ในอนาคตผู้ผลิตอาจมี solution สำหรับหยุดรถฉุกเฉินโดยไม่ต้องใช้เบรค
เช่นใช้ไอพ่นฉุกเฉินติดหน้ารถ ทำให้ระยะเบรคเหลือน้อยมาก
หรือทำให้รถสามารถรับรู้สิ่งที่อยู่ไกลๆได้ โดยไม่ต้องเห็นก่อน เช่นรถอาจจะสือสารกับหล้องวงจรปิดริมถนนได้ หรือสามารถสื่อสารกับ smart watch ของคนที่อยู่ริมถนนได้
ผมว่า Ai มันคำนวณอะไรซับซ้อนได้เร็วกว่า ถ้าเลี่ยงที่จะชนไม่ได้น่าจะหักหลบแบบให้เกิดความเสียหายให้น้อยที่สุดได้ เพราะมีเซนเซอร์รอบคันสามารถมองสภาพแวดล้อมรอบๆได้ดีกว่าคนอยู่แล้ว
เลือก เบรค ก็จบ
เพราะถ้ามีการแกล้งหรือฆ่าตัวตาย ระบบนำร่อง ต้องเห็นและพร้อมที่จะหลบในความเร็วที่มีถ้าถึงค่าหนึ่งแล้วหลบไม่ไหวก็ชน มันเป็นเรื่องธรรมดา สามัญสำนึกใครๆก็เข้าใจ
และทุกอย่างในทางตรงกันข้าม
ส่วนตัวมองว่า ถ้ารถไร้คนขับ หมดตัวเลือกจริง ๆ
แล้วต้องเผชิญความย้อนแย้งทางศีลธรรมเช่นนี้
รถต้องยึดตามหลักกฎหมายเป็นหลัก ในการตัดสินใจสถานการณ์ที่มันมีความย้อนแย้งทางศีลธรรมเช่นนี้
ในกรณีที่ตัวรถ ขับตามกฎหมายอยู่แล้ว แต่ผู้อื่นไม่เล่นตามกฎเอง
ในกรณีนี้ ผู้ที่ไม่เล่นตามกฎอาจจะต้องรับความสูญเสียมากกว่า
ไม่เช่นนั้น ถ้าใช้หลักศีลธรรมในการตัดสิน ทุกอย่างจะเละไปหมด
ต่างจากกฎหมายที่มีหลักยึดที่มั่นคงกว่า (เท่าที่กฎหมายจะทำได้)
ตัวอย่างเรื่องการใช้หลักศีลธรรมในการตัดสิน เช่น
แม่ที่ยากจน ได้ขโมยนมในร้านขายของชำ เพื่อนำไปให้ลูกของตนเองที่ป่วยและกำลังจะอดตาย
ถ้ามองตามหลักศีลธรรม กรณีนี้ แม่ที่ยากจนอาจจะมีความจำเป็น เพื่อลูกของตนเอง น่าเห็นใจเป็นอย่างมาก ถ้าเจ้าของร้านขายของชำได้ฟังเรื่องราวเข้า อาจจะไม่เอาเรื่อง
แต่ถ้ามองตามหลักกฎหมาย ถ้าใช้หลักศีลธรรมตัดสินเช่นนี้ คนที่ขโมยของทุกคน ก็จะอ้างความจำเป็นของตนเองขึ้นมา เพื่อปฎิเสธความผิด
ถ้าเจ้าหน้าที่ที่รักษากฏหมาย ไม่เอาเรื่อง
ต่อไป ผู้คนก็จะอ้างความจำเป็น ตามมาตรฐานทางศีลธรรม (ที่ไม่เท่ากัน) ของแต่ละคนขึ้นมา เพื่อใช้ในการปฎิเสธความผิด
ทุกอย่างก็จะวุ่นวายไปหมด
ด้วยเหตุนี้ เจ้าหน้าที่ที่รักษากฎหมาย จึงยอมความในเรื่องการขโมยของนี้ไม่ได้ ไม่เช่นนั้น กฎหมายจะมีไว้ไปทำไม
จะเห็นได้ว่า การใช้ศีลธรรมในการวัด มันก็เหมือนการใช้ไม้บรรทัดที่แต่ละคนมีมาตรฐานในการวัดไม่เท่ากัน
ในลักษณะเดียวกัน
ถ้าคน 5 คน ที่อยู่ ๆ ทะลึ่งกระโดดลงมากลางถนน ทั้ง ๆ ที่มีกำแพงกั้น ห้ามคนเข้าไปในตัวถนน (ไม่ปฏิบัติตามกฎ)
แล้วรถที่มีคน 1 คน ที่ปฎิบัติตามกฎหมายทุกอย่าง ขับมาตามปกติ (ปฎิบัติตามกฎ)
แล้วเกิดเหตุการณ์ที่มีความย้อนแย้งเช่นนี้ขึ้นมา
ว่าจะคนขับจะหักหลบแล้วตัวเองตาย หรือ จะขับชนคน 5 คนแทน
มันก็จะเกิดคำถามขึ้นมาว่า
ทำไมคนที่ปฏิบัติตามกฏทุกอย่างถึงต้องตาย ทั้ง ๆ ที่เขาไม่ได้ทำอะไรผิดเลยล่ะ?
ส่วนตัวเลือกระหว่าง
ยอมให้ 1 คนตาย แล้วให้อีก 5 คนรอด
หรือ
ยอมให้ 5 คนตาย แล้วให้ 1 คนรอด
คำตอบยอดนิยมของคนส่วนใหญ่มักจะคิดกันว่า
ควรจะให้ 1 คนตาย แล้วให้อีก 5 คนรอด
เพราะมันลดความสูญเสียของสังคมโดยรวมได้มากที่สุด
ในทางกลับกัน
ถ้าลองพลิกมุมดูว่า เราเป็นผู้ที่ต้องเสียสละดูล่ะ
ทำไมเราไม่ยอมตาย ณ ตอนนี้
เพื่อบริจาคอวัยวะให้อีก 5 คนที่ป่วยและกำลังจะตายล่ะ
เพราะการที่เรายอมเสียสละ 1 ชีวิตของเรา ก็สามารถต่อชีวิตให้อีก 5 คนรอดได้เช่นกัน
ถ้าตามศีลธรรมเป๊ะๆ คนขโมยของผิดครับไม่ว่าของจะแพงจะถูก
ที่คุณยกตัวอย่างมาเป็นเรื่องดุลยพินิจของกฎหมายไม่ใช่เรื่องของศีลธรรมโดยตรง
ถ้าดีเบตเรื่องศีลธรรม จริงๆ ขโมยของ 1บาท ตบยุง เหยียดมดพวกนี้ผิดศีลทั้งหมดแต่ ที่ผิดกฎหมายมีแค่ขโมยของ
เคสนี้มีการยกตัวอย่างมาแล้วครับ
ทางออกดีสุดคือ พิพากษาจำคุกแต่รอลงอาญาเพื่อให้ไปปรับปรุงตัวใหม่ครับ
ถ้าจะเอาตามมาตรฐานศีลธรรมกันจริงๆคนล้นคุกครับ
เอาง่ายๆในศาสนาพุทธแค่คิดแต่ยังไม่ทำก็บาปแล้ว แต่ตามกฎหมายคิดเฉยๆไม่ผิดนะครับเพราะยังไม่มีการกระทำ
ถ้าเอาตามศีลธรรมเป๊ะๆเลย คนที่ขโมยของนั้นทำบาปครับ
หลายคนไม่ค่อยเข้าใจเรื่องกฎหมายและมักยกตัวอย่างที่ขัดกับหลักที่ยกตัวอย่างเสียเอง
กฎหมายเป็นมาตรฐานขั้นต่ำสุดของสังคม บางอย่างที่ถูกกฎหมายนั้นอาจผิดศีลธรรมได้
เช่น การฆ่าสัตว์ เราฆ่าหมู ไม่ผิดกฎหมายแต่ผิดศีลธรรม
ศีลธรรมมาตรฐานสูงยิ่งกว่ากฎหมายครับเคร่งครัดกว่าด้วย ไม่ได้หยวนๆแบบที่เราคิดนะครับ
ยังไงก็ต้องรักษาชีวิตคนขับไว้ก่อนครับ ไม่งั้นก็ไม่จบ เกิดรถไปหักหลบแล้วไปพุ่งชนรถคันอื่นอีกละ รถสร้างให้รับแรงกระแทกด้านหน้าอยู่แล้ว เราควรไปพัฒนาต่อมากกว่าว่าทำอย่างให้ลดแรงกระแทรกเวลาต้องชนคน
ข้นจอฟ้าจบปะ
เอ่อ หักหลบมีแต่จะทำให้อะไรๆแย่ลงนะครับ เบรคไม่อยู่ก็ชนแค่นั้น ไม่มีอะไรซับซ้อน
สุดท้ายมันก็คือการให้คุณค่าของแต่ละคนไม่เท่ากัน
ที่หลายคนยกเคสตัวอย่าง ญาติพี่น้องตัวเองวิ่งตัดหน้า แล้วตัวเองยอมหักหลบ นั่นแสดงว่าถ้าคนวิ่งตัดหน้าไม่ใช่ญาติพี่น้องตัวเองก็จะไม่หักหลบ?
ถ้าคิดล่วงหน้าได้แบบนั้่น ก็ตั้งค่าเอาในรถเลยดีกว่า ว่าจะให้ความสำคัญกับอะไรมากกว่ากัน
หรือกลางๆแบบรักษาชีวิตคนขับไว้เป็นหลักก่อน น่าจะเป็นกลางกว่า
คือทำไมไม่เบรคครับ?
ถ้ากรณีที่เบรคไม่ได้ เพราะคนวิ่งตัดหน้าควรชนครับ
น่าจะในกรณี คำนวณแล้วว่าเบรคไม่ทันนะครับ
ถ้ากรณีแบบนั้นคือวิ่งตัดหน้ารถ สำหรับผมไม่จำเป็นต้องหลบครับ ถ้าเป็นกรณีที่รถเซ็นเซอไม่ทันก็แก้ง่ายๆให้รถวิ่งช้าในระดับที่เซ็นเซอแล้วเบรคทันกพอครับ
ผมว่าแก้ปัญหาด้วยการ หักหลบแล้วดีดตัวผู้โดยสารออกจากรถ
แต่ก็ต้องพัฒนาระบบดีดตัวให้ผู้โดยสารให้ผู้โดยสารไม่ตายด้วย เพราะในรถคงใช้ร่มชูชีพไม่ได้ความสูงไม่น่าพอ
อยู่ในอุโม หรือใต้สะพาน ดีดออกมาหัวชน ตายต่อ ฮ่าๆ หรือรถคันหลังเบรกไม่ทันทับแบน
ครับ Top Gear จัดให้แล้ว https://www.youtube.com/watch?v=jC7f1OKQ78M
แบบใน Spectre ใช่ไหมครับ
เอาจริงๆ ผมอยากได้แบบในเรื่องSpeed Racer มาก แต่คงเป็นไปได้ยากอยู่
กรณีข้ามถนนตัดหน้า 1-2 คนและรถเบี่ยงหลบไม่ได้จริงๆ ก็ควรต้องเลือกเบรคแล้วชนเพราะโอกาสสูญเสียน้อยกว่าหักหลบไปชนอะไรก็ไม่รู้ อาจจะเป็นการข้ามถนนตัดหน้าในที่ไม่ใช่ทางข้าม หรือจงใจให้โดนชน (แบบประเทศจีน)
กรณีคนข้ามถนนหลายคนแล้วเบรคไม่ทันนี่ผมว่าฝ่ายรถประมาท (ขับรถไม่ดูสถานการณ์ข้างหน้า) แบบนี้ต้องรักษาชีวิตคนข้ามถนน และระบบขับอัตโนมัติก็ควรจะฉลาดพอที่จะไม่เอาด้านข้างรถเข้าปะทะกับเสาหรือต้นไม้ข้างทาง ถ้ามีระบบห่วงยางชูชีพกรณีรถตกน้ำด้วยก็ดีครับ
กรณีเห็นขนาดรู้ว่าใครเป็นคนตัดหน้าแต่เบรคไม่ทันนี่มันก็แปลกๆฝ่ายรถน่าจะประมาท เช่น ไม่ชะลอรถในที่คับขัน ขับผ่านเด็กข้างถนนแล้วไม่ชะลอรถ เป็นต้น
อย่างไรก็ตามโครงสร้างของรถก็ต้องออกแบบมาเพื่อพยายามรักษาชิวิตผู้โดยสารและชิวิตคนภายนอกให้มากที่สุดด้วย(แบบปัจจุบันที่แค่ยืนพิงก็ยุบ?)
I'M... , NOT A CLONE.
ถ้าไม่บุบ ก็เป็นรถถังแล้วละครับ ชนคนภายนอกตายทันทีแน่
ตัดหน้า มันเบรคไม่ทันหรอกครับ โผล่มาอย่างกับผี ใครจะเบรคทัน
ปล. ประสบการณ์ตรงครับ
ai ต้องใช้อัลกอตามกฎหมายคับ ไม่ใช่ตามศีลธรรม
เบรคแล้ว ปล่อยถุงลมนิรภัยรอบนอกตัวรถ และในตัวรถ
หรือถ้ามันเสียหมด ก็ชนๆไปเลยครับ ไม่ต้องหักหลบ
4 แยกเล็กๆแยกหนึ่งที่ไม่มีไฟจราจร
มีรถนักเรียนคันนึงเด็กอนุบาลนั่งเต็มรถ วิ่งมาทางโทผ่านสี่แยก ตัดหน้ารถเราที่มาทางเอก ถ้าชนเด็กมีตายแน่ๆ ถ้าหักหลบเราตาย
AI จะเลือกอะไร? เด็กอนุบาลก็ไม่รู้อิโหน่อิเหน่มาเจอคนขับรถนักเรียนเฮงซวย เราเองก็ขับรถมาอย่างถูกกฏหมาย
แล้วถ้ากลับกัน เราเป็นรถที่ขนเด็กอนุบาลมาเต็ม อีกคันเป็นรถตู้เปล่าๆ ยังจะตัดสินใจเหมือนเดิมมั้ย
ผมชอบตัวอย่างนี้นะ มันก็หลายแง่มุมจริงๆ
ติด 3d maneuver gear ให้รถลอยข้ามกันไปเลย
ถ้าเลือกหักหลบ เวลามีใครปองร้ายเรา เขากระโดดตัดหน้ารถ แค่นี้ก็จบ เดี๋ยวรถยนต์มันก็พาลงข้างทางเอง
ทำไมไม่ข้ามสะพานลอย #เผ่น