เป็นที่ทราบกันว่า Facebook มาเปิดสำนักงานใหญ่ที่ประเทศไทยได้ระยะหนึ่งแล้ว (ข่าวเยี่ยมชมสำนักงาน) ล่าสุดเริ่มเดินเครื่องกระตุ้นธุรกิจในไทยด้วยการส่งเจน แชทเทิล ประธานฝ่ายเทคโนโลยีและกลยุทธ์การสื่อสารผ่านมือถือ มาโชว์ผลการศึกษาที่ว่าทำไมการลงโฆษณากับ Facebook ถึงดีกว่าที่ไหนๆ
ผลการศึกษาที่ Facebook นำมาโชว์ให้กับสื่อมวลชนเป็นข้อมูลที่เก็บมาจากพฤติกรรมการใช้งานในปัจจุบัน ซึ่งเทรนด์ในตอนนี้จะเห็นว่าผู้คนหันมาบริโภคสื่อแบบมัลติสกรีนมากขึ้น เช่นดูทีวีไปพลาง เลื่อนอ่านข่าวในมือถือในพลาง ตัวเลขนี้สูงถึง 42% โดยส่วนสัดส่วนของคอนเทนต์ที่เกี่ยวโยงกันระหว่างมือถือ และสิ่งที่ดูในทีวีนั้นอยู่ที่ 49% (เกี่ยว) และ 51% (ไม่เกี่ยว)
จากเทรนด์ที่เปลี่ยนไป Facebook แนะนำว่านักการตลาดต้องปรับตัวให้ทัน เมื่อดูจากสถิติงบประมาณการโฆษณาผ่านทางทีวีทั่วโลกแม้จะยังมีสัดส่วนสูงกว่า 60% แต่มือถือก็เริ่มแทรกเข้ามาได้ด้วยสัดส่วนราว 30% ทว่าประเทศไทยยังมีสัดส่วนการลงทุนผ่านมือถือเพียง 4% เท่านั้น แม้จะดูเหมือนเป็นเรื่องล้าหลัง แต่จริงๆ แล้วเป็นสัญญาณว่าประเทศไทยยังเติบโตได้อีกมาก โดยมีตัวแปรสำคัญคือ 4G และการผลักดันเศรษฐกิจดิจิทัลจากรัฐบาลที่จะช่วยดันมาตรวัดรายรับและผลผลิตของประเทศ (GDP) เพิ่มขึ้นอีก 30% จึงทำนายได้ว่าการใช้จ่ายจะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน ซึ่งเป็นเรื่องที่นักการตลาดต้องเตรียมตัวให้พร้อม ด้วยรูปแบบการทำตลาดผ่านมือถือที่ต่างออกไปจากทีวีค่อนข้างมาก
โฉมหน้าผู้บริหาร Facebook ทั้งในไทย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (เจน แชทเทิล เป็นคนที่สามนับจากซ้าย)
สำหรับสถิติการใช้งาน Facebook ในประเทศไทยมีบัญชีผู้ใช้ทั้งหมด 36 ล้านคน ใช้งานผ่านมือถือมากถึง 34 ล้านคน คิดเป็นสัดส่วนราว 91% ส่วนจำนวนผู้ใช้ประจำ (active user) อยู่ที่ราว 25 ล้านคน เมื่ออิงจากสถิติการใช้งานของผู้ใช้แถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ใช้เวลารับชมเนื้อหาบนอุปกรณ์พกพามากกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลก และดูโทรทัศน์น้อยกว่า การมาโฆษณาผ่าน Facebook จึงมีประสิทธิภาพมากกว่าการโฆษณาผ่านทีวีถึง 200% ในขณะเดียวกัน Facebook ยังยืนยันการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ตรงจุดถึง 85% เหนือกว่าคู่แข่งรายอื่นในตลาด (ไม่เปิดเผยชื่อ) ที่ทำได้ราว 65%
เฟซบุ๊กเข้าถึงกลุ่มผู้ใช้ตรงกว่า
พร้อมการโชว์ผลการศึกษาครั้งนี้ Facebook ได้เผยกรณีศึกษาการลงโฆษณาของ dtac ผ่าน Instagram ในประเทศไทย โดย dtac สามารถเข้าถึงผู้ใช้ชาวไทยมากถึง 3.15 ล้านคน (จากทั้งหมด 7.1 ล้านคน) และมียอดวิวสูงถึง 777,000 ครั้งด้วยกัน ตรงนี้เป็นข้อยืนยันที่ดีว่าการลงโฆษณาผ่านทีวีไม่ได้มียอดผู้รับชมมากเหมือนแต่ก่อนแล้ว และควรให้ความสนใจกับสื่อออนไลน์อย่าง Facebook มากขึ้นนั่นเอง
ตัวอย่างแคมเปญของ dtac บน Instagram