พร้อมกับการวางขาย iPad Pro ที่เปิดศักราชใหม่ให้อุปกรณ์ iOS สามารถทำงานซับซ้อนได้มากขึ้น พร้อมกับการมาของ Surface Book ที่ยิ่งสร้างกระแสอุปกรณ์แบบไฮบริดมากขึ้น หลายคนจึงเริ่มตั้งคำถามว่าแอปเปิลนั้นสนใจทำอุปกรณ์ไฮบริดบ้างหรือไม่
ตอนนี้คำถามที่ว่าได้รับคำตอบจาก Tim Cook แล้ว โดยในระหว่างงานแถลงข่าววางขาย iPad Pro เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่าไม่มีแผนจะทำอุปกรณ์ไฮบริดกับ MacBook และ iPad เนื่องจากความพยายามทำให้อุปกรณ์ทำงานได้สองรูปแบบพร้อมกันนั้นไม่สามารถทำให้ผู้ใช้ MacBook และ iPad ในปัจจุบันนั้นพึงพอใจได้ และไม่ใช่วิธีการใช้งานที่ผู้ใช้ต้องการจริงๆ
นอกจากในแง่ของการใช้งานแล้ว Phill Schiller หัวหน้าฝ่ายการตลาดของแอปเปิลออกมาให้เหตุผลในทิศทางเดียวกัน โดยระบุว่าตลาดอุปกรณ์ไฮบริดนั้นเป็นตลาดเฉพาะ (niche) ที่ไม่มีวันเติบโตได้
ที่มา - Independent
Comments
ออกตัวแรงพอสมควรขนาดนี้ คงรู้ยอดขายตลาดไฮบริด
และคงมั่นใจมากๆว่าจะไม่มีทางโตเป็นตลาดหลักได้
ผมว่าเขาอาจจะรู้นะ หรือต่อให้คาดการณ์ตลาดผิด อย่างเช่นเรื่องมือถือจอใหญ่
แต่แล้วยังไง . . Apple ก็กลับมาตีตลาด ขายได้อยู่ดี
ส่วนตัวคิดว่า
ธุรกิจ ไม่ได้วัดที่ฟองน้ำลายที่ออกจากปาก หรือใครจะกลืนน้ำลาย
มันวัดที่ Product และ คุณภาพ และการตอบโจทย์
ผมจะซื้อของ ไม่มานั่งฟัง คนอื่นพูดมากนักหรอก ไอ้คนพูดใช้งานแบบไหนเราก็ไม่รู้ เผลอๆไม่เหมือนกันอีก
ผมหาข้อมูล ดู spec ไปลองของจริง ถ้าตอบโจทย์ ซื้อเลย แค่นั้น
ยกหลับบ้าน เอาไปทำมาหากินต่อ
ฟังคนเก่งหลายสำนักมากไม่ไหว สุดท้ายเราใช้ เราต้องคิดเอง
ผมอาจจะ niche จริงก็ได้ ส่วนตัวตั้งแต่ใช้ surface pro 3 มา ไม่กลับไปแตะ mac book อีกเลย
ถ้าออกตัวแรงมาแบบนี้แปลว่าอนาคตมีแน่ เห็นเป็นทุกรอบ
55555 ผมก็ว่างั้น
WE ARE THE 99%
พูดแบบนี้แสดงว่าซุ่มทำอยู่แล้วแน่นอน
เหมือนสมัยก่อนที่บอกว่า สมาร์ทโฟนหจ้าจอ 3.5'' เป็นขนาดที่ดีที่สุด
เราจะไม่บ้าทำจอใหญ่ตามคนอื่นเด็ดขาด
quote นี้นี้ออกมาจาก Apple จริงหรือเปล่าครับ คือผมพยายามหาแล้วแต่ปลายทางก็จบที่เป็นแฟนๆ Apple พูดเองหมดเลย
มีคนถามจ็อบว่า ไม่ทำขนาดให้ใหญ่ขึ้นหรอ
จ็อบตอบว่า พวกแอนดรอยมือเดียวผมยังถือไม่ได้เลย
Steve took the opportunity to rip on bigger rivals, saying that making a phone so big “you can’t get your hand around it” helps, but that “no one’s going to buy that.” We’re assuming he’s likely talking about the latest crop of 4-, 4.3- and 5-inch phones that include the Galaxy S series, the EVO 4G, Droid X, and Dell Streak, even going so far as to call them “Hummers”
ตอนนั้น Jobs หมายถึงมือถือ Android ทั้งหลายที่ใหญ่กว่า iPhone 4 ที่มีขนาด 3.5 นิ้วครับ ไม่ใช่แฟนคิดเองครับ ยกเว้นท่านจะให้ตรงตามทุกคำโดยห้ามตีความหมาย 'ห้ามคิดเอง' ก็เรียกได้ว่า Jobs ไม่ได้พูดครับ แต่ถ้าคนที่คิดเองได้ก็จะตีความหมายจากคำพูดของ Jobs ว่าเค้าหมายถึง ไม่มีใครซื้อมือถือที่ใหญ่กว่า 3.5 นิ้วที่เราทำอยู่ ดังนั้นเราจะไม่ทำตามใครครับ
ที่ Jobs พูดจริงๆคือ "ไม่มีใครซื้อมือถืออันใหญ่ๆหรอก" เท่านั้นแหละครับ ตามที่คอมเมนท์บนแปะไว้
ส่วนประโยคแนวๆ 3.5" ดีที่สุดนี่ Jobs ไม่เคยพูดครับ
แล้วก็เลยมีคนเอามาเชื่อมโยงได้ว่า ไม่มีใครซื้อมือถืออันใหญ่หรอก -> size ของ iphone (ในขณะนั้น) ดีที่สุด
เช่นเดียวกับประโยคคลาสสิคที่ว่า
สไตลัสที่ดีที่สุด ก็คือนิ้วมือของคุณ
( ราวๆ นี้มั้ง ถ้าจำไม่ผิด )
อันนี้จริงครับ ผมฟังจาก Keynote เอง แต่ quote ข้างบนผมสงสัยไงครับว่าไปฟังมาจากไหนกัน
pencil != stylus ครับ :v
Jobs บอกว่า Best Pointing device คือนิ้วครับ แล้วก็บอกว่า Who want stylus ?
แน่นอนว่าพอมีปากกาออกมาเลยโดนเอามาถล่ม
ทั้งที่จริงๆแล้วผมว่ามันคนละบริบทกันนะ
เพราะ Best Pointing device != Best Writing Device
ผมว่าปัญหาของแอปเปิ้ลคือ
1.เค้าต้องเปลี่ยนสถาปัตยกรรมของซอร์ฟแวร์กับไปใช้ X86 เพื่อประสิทธิภาพและความเร็วของระบบเมื่อเทียบกับคู่แข่งอื่น ๆ ซึ่งจะทำให้ตลาดแอพของเค้ามีปัญหา
2.นอกจากนั้นแล้ว เค้ารู้ว่าการโดดลงมาทะเลาะในตลาดที่เป็นของ MS อยู่แล้วเนี่ย เป็นเรื่องหินขนาดไหน เพราะซอร์ฟแวร์ที่จะ Support กับ Mac นั่นมีน้อยกว่ามาก ในภาวะที่เป็น X86
3.และเมื่อลงมาเล่นในตลาด X86 แล้วเนี่ย มันลำบากมากที่จะทำกำไรมหาศาลจากอุปกรณ์ได้เหมือนเดิม
หลัก ๆ ที่มองแล้วคิดเนี่ย ผมว่าประมาณนั้นแหละครับ
ตอบมั่วๆ นะครับ :)
มั่วล้วนๆ นะครับ :D
ทำ Hybrid ไม่จำเป็นต้องเป็น x86 ก็ได้นี่ครับ ที่จริง iPad Pro ก็เกือบ Hybrid แล้ว ก็คือเป็น Tablet ได้ และต่อเมาส์ (หรืออุปกรณ์ชี้) keyboard เพื่อทำงานเป็น laptop ได้
Hybrid นี่ไม่สำคัญเท่า Desktop Environment ครับ จุดนี้ Surface ตีโจทย์ได้แตกมาก เพราะเป็น Desktop Tablet คือใช้งานแบบ Desktop ได้เลย ถ้า Apple จะโดดมาแนวนี้ ก็ต้องทำให้ OSx เป็น Tablet ครับซึ่ง จะตอบโจทย์การใช้งานเชิงธุรกิจ มากกว่า การใช้งานเพื่อความบันเทิง ง่ายกว่ามารอให้ Final Cut สามารถใช้งานบน iOS เสียอีก
ปล. ถ้ามี OSX Tablet ของ Apple จริงๆ ผมคงได้ซื้อเป็นแน่แท้
ใช่ครับ ผมว่าประเด็นสำคัญเลยที่ทำให้คนซื้อ Surface เพราะมันเป็นเครื่องการันตีว่าอย่างน้อยๆเราก็ทำงานที่ Desktop ทำได้ ไม่โดนข้อจำกัดต่างๆแบบที่ iOS กับ Android โดนกัน
ผมว่า Surface Book ยังไม่ Hybrid นะครับ Surface Pro Hybrid กว่าเยอะแค่เรื่อง Keyboard ก็เห็นชัดแล้วว่า Surface Pro คล่องตัวกว่าเยอะ
ถูกต้องที่สุด ลงทุนอะไรไปกับของครึ่งๆกลาง สู้ทำให้มันเสร็จไปเลยแล้วค่อยเอามาขายดีกว่า
Apple Maps? News?
นั่นไม่เรียกขาย เค้าเรียก"พ่วง"
(แถ)
กลยุทธเจ้าสัวเบียร์ช้างรึครับเนี่ย นับถือ นับถือ
อย่ากลืนน้ำลายตัวเองแบบโซนี่ต้นสมัยกล้อง DSLR ละกัน
เมมข่าวนี้ไว้ เดี๋ยวอีกสองปีมาดูว่าใครจะกลืนน้ำลาย
Happiness only real when shared.
ปากกาเอยจอใหญ่เอย หึหึส์
"Those who make peaceful revolution impossible will make violent revolution inevitable." JFK.
แต่ Surface ก็ขายดีนะครับ
ผมว่ามีควยามเป้นไปได้ แต่ จะขายได้ไม่เยอะมากกว่า...
แหม.. ผมนี่สำรักน้ำเลย
คนขี้ลืม | คนบ้าเกม | คนเหงาๆ
ความเห็นหลักผมก็อ่านผิดไปแล้ว พอเจอความเห็น reply ย่อย ก็เผลออ่านผิดอีก -*-
ตอนแรกก็ไม่เห็นนะ พอเห็นความเห็นนี้ต้องเลื่อยขึ้นไปดูเลย.
อ๊าย อาย เขียนผิด >_<
คนขี้ลืม | คนบ้าเกม | คนเหงาๆ
จะรอดู #รอบก่อนก็พูดแบบนี้
รอบก่อนนี้ ใช่เรื่องหน้าจอ 4 นิ้วๆจนในทีสุดต้องทำออกมา ใช่หรือป่าวน้าาาาา :D
Mekokung's Story บล็อกส่วนตัวที่ย้ายไป Blogger แล้วนะ
Apple นี่หลายรอบแล้วครับ ผมเลยไม่ค่อยอยากเชื่อเท่าไหร่ ออกแนวมาซื้อของ ณ ตอนนี้ก่อน เอามาเงิน อย่าได้แคร์ยี่ห้ออื่น คือหลายๆ อย่างออกมาหักหลังสาวกมาก ทำสาวกออกตัวแรงช่วยพูดดีเฟนให้แบรนด์แล้วอกหักเพราะโดนหักหลังมาหลายงานแล้ว ก็ได้แต่สงสาร
เป็นคนนึงที่ขายแม็คแอร์ มาใช้ surface pro ก็ตอบโจทย์การทำงานมากกว่า ยิ่ง edge มีฟังก์ชัน web note มีประโยชน์จริงๆ ครับ
"...และไม่ใช่อุปกรณ์ที่ผู้ใช้ต้องการจริงๆ???"
ก็ไม่รู้สิครับ ผมอาจจะเป็นกลุ่ม niche ก็ได้มั้ง ผมชอบอุปกรณ์อย่าง Surface มาก ในชีวิตประจำวัน เราก็ต้องการเครื่องทั้งสองรูปแบบแหละทั้ง notebook และ tablet แต่เราก็ยังอยากให้มันเป็นเครื่องเดียวกัน อย่างจะพรีเซนต์งาน จะเข้าส้วม จะนอนเล่นก็ถอดคีย์บอร์ดออกไป หรือถ้าจะทำงานจริงจัง หรือตั้งโต๊ะเล่นเว็บแล้วใช้คีย์บอร์ดได้เต็มที่ ก็เสียบคีย์บอร์ดกลับไป รู้สึกอุปกรณ์พวกนี้ทำให้ชีวิตดีขึ้นมาก ยังคิดเลยว่าโลกน่าจะมีของแบบนี้มาตั้งนานแล้ว
สงสัยยังไม่ได้เตรียมแผน hybrid อะไรเลย MacOS กับ iOS ก็ยังแยกกันอย่าสมบูรณ์ ในขณะที่ฝั่งคู่แข่งเขาซุ่มทำจนใกล้จะรวมตัวกันได้สมบูรณ์ละ ก็เลยออกมาพูดแก้เกี้ยวว่า Hybrid มันไม่ใช่สิ่งที่ผู้ใช้ต้องการหรอก แต่ผู้ใช้อย่างเราๆ นี่แหละรู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร ฟังหูไว้หูแล้วกันข้อความบลัฟคู่แข่งแบบนี้ ผมและคนรอบตัวก็เห็นด้วยกันทั้งนั้นว่ายุคนี้ hybrid อ่ะมันเจ๋งจริง ใช้งานได้จริง ชีวิตดีขึ้น
อ่านข่าวนี้แล้วรู้สึกเดจาวูเหมือนสมัย stylus และจอ 3.5 นิ้ว ...อ้อ กล้อง 8 ล้านพิกเซลด้วย
ดูจากการเรียก stylus ว่า pencil
คิดว่าตอนนี้ยังคิดชื่อไม่ออก...เลยบอกยังไม่สนใจทำ
ไว้อนาคตถ้าออกมาจริงก็คงเรียกผลิตภัณฑ์ตัวเองประมาณว่า
apple all in one
apple Macbook PAD
apple PADbook pro with retina display plus pencil
ไม่แปลกที่ต้องดันของที่ตัวเองเป็นต่อกว่า เผื่อมีโอกาสจะชนะก็ทั้งคู่น่ะแหละ จะใครล่ะ
เขากลัวทำออกมาแล้ว Macbook ขายไม่ออก ipad ขายไม่ได้ ไปซื้อ Hybrid กันหมด เสียหมดๆ
ผมลืมไปเลยนะเนี้ยข้อเนี้ย จะรวมกันทำไมในเมื่อแยกแล้วก็ขายได้ทั้งคู่ ทิมคุกนี้การตลาดเทพจริงๆ
IPhone ออกมาทำ Ipod ยอดขายตก แล้วไปเน้นขาย Iphone แทน
พูดว่าของครึ่งๆกลางๆ จะไม่ยุ่ง แต่ถ้าสมบูรณ์เมื่อไหร่ ไม่แน่ใช่มั้ยคะ แหม่...
พูดถึงแต่คำว่าในปัจจุบัน แต่อนาคตไม่ได้บอกนิครับ...
เอาที่ท่านสบายใจดีกว่า เมื่อคราวที่แล้วก็บอกว่า PC หมดยุคไป คราวนี้ก็มาซัด Microsoft
แอปเปิลนี่ desperate ขนาดนั้นก็เอาที่ท่านสบายใจเลยครับ ผมก็อ่านข่าวต่อไป
คนไม่ใช่ พูดอะไรก็ผิด
ถ้ายี่ห้ออื่นลองทำตลาดแล้วมันประสบความสำเร็จดีแล้ว เดี๋ยว Apple ก็ตามที่หลังดังกว่าเอง
ในสายตา Apple ก็คงมองผู้ใช้ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าของตัวเองไว้แบบนั้น ไม่แปลกใจที่ Tim Cook ออกมาพูดแบบนี้ อาจจะไม่ตรงกับความต้องการของหลายคน แต่มันก็ไม่มีใครสามารถกำหนดทิศทางผลิตภัณฑ์ของบริษัทที่ตรงใจตรงความต้องการของ "ทุกคน" ได้อยู่แล้ว
นายใหญ่มีหน้าที่กำหนดทิศทาง ลูกน้องมีหน้าที่มุ่งไปทางนั้น สุดท้ายตลาดจะเฉลยเองว่านายใหญ่คิดถูกหรือผิด ถ้าถูกบริษัทจะได้กำไรมากน้อยแค่ไหน ถ้าผิดบริษัทจะเสียหายแค่ไหน ทุกที่ก็เป็นแบบนี้
จากประสบการณ์ที่ผ่านมาของ Apple สมัย Steve Jobs ผมว่าแกมองตลาดได้เก่งทีเดียว สร้างความสำเร็จแบบก้าวกระโดด ปฏิวัติวงการโทรศัพท์มือถือให้เข้าสู่ยุคของ smartphone อย่างแท้จริงได้ (ก่อนหน้า iPhone ก็มี smartphone แต่ไม่แพร่หลายและไม่เป็นที่นิยมเท่ากับสมัยนี้) ส่วน Tim Cook ผมยังไม่แน่ใจว่าเก่งขนาดไหน ก็ต้องรอดูกันไป
ที่แน่ ๆ ผมคงไม่ออกมาปรามาสคนที่เป็นถึง CEO ของบริษัทระดับโลกอย่าง Apple แน่นอน ผมคงไม่ "แน่" อะไรขนาดนั้น ;)
That is the way things are.
หลายคนยกเรื่อง หน้าจอ 3.5" มาอ้างอิง คาดว่าจะอ้างอิงได้อีกหลาย10ปี ถึงแม้ว่าคนพูดจะไปเกิดแล้ว
การอ้างเรื่องจอ 3.5 นิ้ว หรือเรื่องสไตลัส ผมถือว่าเป็นเรื่องแซวขำๆ แต่ถ้าใครจะซีเรียสจริงจัง คงเป็นเรื่องตลก
ในเวลาที่ iPhone ตัวแรกเปิดตัว ตอนนั้นใครอยากจะใช้สไตลัสกับ iPhone ?
แต่หลังจากมี iPad ออกมา มี app วาดรูปดีๆ ออกมา ผมนี่อยากได้สไตลัสดีๆ มาใช้มาก และดีใจที่ Apple ทำเสียที (และจากรีวิวก็ดูเหมือนจะทำได้ดีด้วย)
มันเป็นเรื่องของบริบทในเวลาที่ต่างกัน
เช่นกันกับเรื่องขนาดจอ เมื่อการบริโภค content บนมือถือมันเยอะขึ้น ยังไงมือถือมันก็ต้องจอใหญ่ขึ้น แน่นอนว่า Apple ทำช้ากว่าชาวบ้านไปเยอะ ส่วนตัวคิดว่า Apple คงติดกับกรอบ Tick Tock ของตัวเองด้วยส่วนหนึ่ง
จะทำอะไร ไม่ทำอะไรตอนไหน มันขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมอ้างอิงในเวลานั้น วันนี้ไม่ทำ ไม่สนใจทำ เพราะคิดว่าบริบทยังไม่เอื้ออำนวย แต่ถ้าวันหน้าเห็นว่าดี น่าจะทำ เพราะสภาพบริบทเปลี่ยนไป มีความพร้อม หรือจะเพราะว่าเห็นชาวบ้านทำแล้วไปได้ดี หรือคิดว่าทำได้ดีกว่าชาวบ้านก็แล้วแต่ ก็ทำ ผมโอเคกับแบบนี้มากกว่าการจะมายึดติดหัวแข็งกับความคิดเดิมๆ ในสภาพแวดล้อมเก่าๆ ไม่ปรับตัวตามยุคสมัยที่เปลี่ยน แบบนั้นดูเป็นสิ่งที่น่าโดนด่ามากกว่านะ
ประเด็นมันอยู่ที่ตอนที่คู่แข่งที่ถูกด่าว่าขี้ลอกทำจอใหญ่ทำสไตลัส Jobs ก็ออกมาแขวะว่าใครจะไปซื้อของแบบนั้น แล้วพอเห็นเค้าขายได้ขายดี ทาง Tim ก็ไม่รอช้าที่จะลอกคู่แข่งขี้ลอก เอามาให้ท่านใช้กับ app วาดรูปที่มันออกมานานหลายปีแล้ว และมีสไตลัส 3th party ให้เลือกซื้อมากมาย เค้าจึงล้อกันเรื่องกลืนน้ำลายรัว ๆ นะครับ
ประเด็นคือทำไม Apple ต้องรอไม่รีบทำออกมาสู้คู่แข่งแต่แรก ก็เพราะเป็นผู้นำตลาด มีสาวกติดตามเยอะแยะ ค่อย ๆ ออกกินนานกว่า แต่คู่แข่งมีสาวกน้อยกว่าก็จะต้องอัดเทคโนโลยีใหม่เต็มที่เพื่อเรียกลูกค้า ไอ้ที่สาวกเรียกว่ากิมมิค คือผู้ตามก็ต้องอัดกิมมิค ผู้นำก็ต้องกั้กไว้กินนาน ๆ ไม่ใช้เรื่องแปลกของการตลาด แต่ที่แปลกคือสาวกค่ายโดนกั้กมาด่ามือถือค่ายคู่แข่งว่าใส่โน้นนี้นั้นมาทำไม ไร้ประโยชน์ ประเด็นมันคือค่ายท่านไม่ใส่มาให้ต่างหากที่ผิด การกั้กนี้มันถ่วงความเจริญทำให้เทคโนโลยีใหม่เกิดช้าลง ดีอย่างเดียว มีเงินสดในบริษัทเยอะ
ฟังไว้เป็นข้อมูลก็พอ อย่าไปจริงจังอะไรมากมาย
แฟน apple คงไม่ซีเรียสอยู่แล้ว แต่ผมก็อยากให้ apple ทำนะ
แถลงข่าววง ?
อย่าเชื่อคำพูดอะไรมาก มันอาจจริง ณ เวลานี้
แต่สถานการณ์ก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ
Stylus / Macbook 11 นิ้ว / iPhone 3.5 นิ้ว
ปล. ส่วนตัวอยากให้ทำ
ถ้าบอกว่าจะทำตอนนี้ คนก็ไม่ซื้อ iPad ยักษ์ แล้วตั้งหน้าตั้งตารอ Hybrid กันสิครับ
ของออกมาแล้วก้ต้องขายให้ได้ก่อน ถ้าพูดตัดโอกาสตัวเองก็คงไม่ดี
จริงๆก้เป็นคำตอบที่ก็เดาไว้แล้วว่าจะตอบแบบนี้นะ จะให้ Cook ตามว่าอะไรดี? โอ้ว hybrid มันเยี่ยมยอดมาก apple กำลังวิจัยทำอยู่เหมือนกัน? ตอบงี้หุ้นก็ร่วง + iPad ทั้ง series เผลอๆ mac ด้วยจะขายไม่ออกเอา
จริงๆ apple ก็เป็นแบบนี้มานานแล้วนะ
บอกว่าจะไม่ใช้ chip intel แล้วก็ใช้
บอกว่าจะไม่ทำ iPod ที่เล่นวิดิโอได้ แล้วก็ทำ
บอกว่าไม่ทำมือถือ ก็ทำ
บอกไม่ทำ tablet 7 นิ้ว ก็ทำ
บอกว่ามือถือ 3.5 นิ้ว ดีที่สุด ต่อมาบอก 4 นิ้วดีกว่า ตอนนี้ ขาย 4.7 กับ 5.5
บอกว่าจะไม่มี stylus สุดท้ายก็มี
apple อยากดึง tablet ให้อยู่ใน iOS เพราะตัวเองได้เปรียบ app มหาศาล ต่อให้ OS X ดียังไง โปรแกรมก็ไม่เยอะเท่า windows อยู่ดี โปรแกรมใหม่ๆถ้าไม่ใช่ของเจ้าใหญ่จริงๆ ยากที่จะออกพร้อมกันเวอชั่นแมคกับ windows ในขณะที่ mobile app นี่แทบขะ iOS first เกือบทั้งหมด มันเป็นความได้เปรียบทาง ecosystem อย่างมาก และผมมองว่า apple คิดว่า hybrid compromise มากไป เช่น surface pro ที่ใช้ kickstand + keyboard cover กินที่เยอะ เทียบกับโนตบุคธรรมดา ตั้งลำบากแน่ๆ ถ้านั่งเครื่องบินแบบ economy, surface book ก็ไอ้บานพับหน้าตาประหลาดนั่นแหละ ที่ต้องทำเพื่อให้ตัวจอมันไม่ล้มเพราะศูนย์ถ่วงขึ้นไปอยู่บนเจอเยะพอสมควร ทำแล้วทำให้เหลือ gap เวลาปิดจออีก ทั้งหมดนี้ก็ขึ้นกับผู้บริโภคเป็นคนตัดสินใจแหละ ว่าชอบแบบไหน ผมว่าดีออก หลายๆแนวทาง ใครชอบอันไหนก็เลือกเอาแบบนั้น competitive ดีออก ผมชอบนะแบบนี้ ดีกว่าทุกคนทำแบบเดียวกันหมด มันไม่พัฒนา
+1 เลยครับ
ทำ iPad OS X ก็ใช่ว่าจะขายได้ เพราะจำนวนAppในApp Store ของiOS นั้นมหาศาลและลูกเล่นแพรวพราวกว่าบนOS X เยอะ ดูง่ายๆก็พวกเกม และต่อให้รันOS X คนส่วนมากก็ไม่ต้องการอยู่ดีเพราะที่คนส่วนมากที่ซื้อHybridนั้นซื้อเพราะ.EXE ซ่ะส่วนใหญ่ จะเอามาลงWindowsก็ลงไม่เป็น สู้ซื้อHybrid Windows ไปเลยดีกว่าจะได้ไม่ต้องเสียค่า licenseเพิ่ม
และอีกอย่างทัศนคติของลูกค้ากลุ่มMassนั้นคือ iOS Android Windows(XP/7) ใช้ง่าย - OS Xใช้ยากอีกด้วย กลุ่มลูกค้าหลักของiPadจึงไม่น่ายอมจ่ายแพงขึ้นเพื่อสิ่งที่ใช้ยากขึ้น
สิ่งที่ผมอยากเห็นจากฝั่งOS X มากที่สุดคือ Macbook ที่ปุ่มกดสามารถเปลี่ยนLayoutเองได้ เหมือนiOS อาจจะเอาจอPaperเหมือนบนKindleมาใส่บนปุ่มกดก็ได้ จะได้ประหยัดไฟ ส่วนเรื่องความบาง ผมว่าในอนาคตเดี๋ยวมันก็บางเบาลงเรื่อยๆจนใกล้เคียงกับTableเอง
เห็นด้วยครับ ไม่ใช่แค่ Apple อะ ผมว่า CEO คนไหนก็ต้องตอบแบบว่าสินค้าของเราดีที่สุดอยู่แล้วมากกว่า
+1 เห็นด้วยครับ
โดยเฉพาะเรื่อง Ecosystem ที่ iOS เป็นแนวหน้าอยู่
ถ้าจะมาไฮบริด ก็ต้องเจอกับ Windows x86 เต็มๆ
แถม iOS กับ OS X ก็แยกกันชัดเจนด้วยในตอนนี้
เรื่อง osx โปรแกรมไม่เท่าวินโดวส์นี่ ผมว่าอยู่ที่คนใช้งานนะ
ช่วงห้าหกปีมานี้มก็ใช้ osx ตลอด ไม่เจอโปรแกรมไหนที่อยากใช้แล้วไม่มีใน osx เท่าไหร่
เกมส์ใหม่ๆที่อยากเล่นช่วงหลัง ก็มีใน osx หมดแล้ว
กลับกัน โปรแกรมใหม่ๆ ของพวก startup สายนักพัฒนา บางเจ้ามีแค่ใน osx ไม่ทำลงวินโดวส์
แต่ที่เห็นชัดจริงๆ ก็คือพวกงานออกแบบ 3ds งานเขียนแบบ ที่ยังจำเป็นต้องใช้ในวินโดวส์อยู่
ถ้าถามผม อยากได้แมคที่เป็นแบบ surface book มาก อยากได้มานานแล้ว
ตอนนี้อยากย้ายค่ายกลับไปใช้ surface เพราะคิดว่า hardware มันตรงกับความต้องการของผมมากกว่า
ติดเรื่อง software นี่แหละ เพราะโปรแกรมหากินส่วนใหญ่ ใช้ใน osx จนชินแล้ว
และที่สำคัญ จำเป็นต้องใช้ xcode เขียน ios app ก็เลยคิดว่าย้ายไปไม่ง่ายแน่ๆ
ผมว่าตัวราคาคือประเด็นสำคัญนะครับ
เพราะราคาของHybridรุ่นที่พอจะให้ประสบการณ์การใช้งานที่ดีนี่ราคามันโหดเอาเรื่อง ราคาระดับนั้น คน(วัยรุ่น)ส่วนมากเอาเงินไปซื้อGaming Labtopกันหมด ถ้าจะให้ตลาดนี้มันโต ก็ต้องไปแย่งมาจากตลาดGaming Labtop มาแหละครับ และกลุ่มนี้เค้าเล่นกันแต่เกมส์ที่บริโภคสเปคในระดับที่Hardcoreกันทั้งนั้น ถ้าอยากให้โต ก็ต้องทำHybridให้เล่นเกมส์ระดับHardcoreให้ได้ดี ไม่ใช่แค่เล่นได้แต่ต้องปรับต่ำๆ
ราคา surface book ไม่หนีจาก macbook pro เท่าไหร่เลยนะครับ
มันเลยไม่โตทั้งคู่เลยไงครับทั้งSurfaceและMacbook
เพราะตลาดหลักของNotebookช่วงราคา30,000+ ลูกค้าส่วนใหญ่ของกลุ่มนี้จะเป็นGamerซ่ะส่วนใหญ่ ซึ่งทั้งสองตัวนั้นยังไม่สามารถตอบโจทย์กลุ่มนี้ได้
ส่วนที่MacbookกับSurfaceมันโตเอาโตเอา ก็เพราะลูกค้าเค้าหนีจากDell หนีจากThinkpadมาซ่ะเยอะมากกว่า พูดง่ายๆคือแย่งตลาดกลุ่มลูกค้าวัยทำงานกันเองซะมากกว่า สำหรับNotebook Business Class เดี๋ยวพอซักพักมันอิ่มตัว เดี๋ยวมันก็หยุดโต
บริษัทที่โกหกจนเป็นนิสัยก็แบบนี้แหละครับ ไม่เอา 3.5"เก่าเกินไปงั้นเอาเรื่อง stylus ไหมครับ
ไม่จำเป็น ไม่มีทาง ไม่มอง ... แล้วก็ทำตลอด กรุณาใช้ความคิดครับ อย่าใช้แต่เซนต์ความงาม
ในตอนนี้ไม่ทำ แต่อนาคตทำ เพราะตอนนี้อะไรๆ มันยังไม่พร้อม
พูดให้ดูดีไว้ก่อนบอกไม่ทำไง 5555
มือใหม่!! ใหม่จริงๆนะ
ใครจะไปทำ Hybrid อย่าง Apple ต้องทำ Fusion
ลั่นนนนนน ถถถถถถถ
อาจจะไม่ทำไฮบริดครับ แค่เปลี่ยนโอเอสของไอแพดเป็น OSX
ที่รัน iOS app ได้
บริษัท "กำลังขาย" อะไรก็ต้องเชียร์สิ่งนั้นสิครับ จะไปเชียร์ของที่คู่แข่งขายทำไม
ตอนนี้ Apple ไม่มี Hybrid จะให้ CEO ไปเชียร์ มันใช่หรอ
555+
เห็นด้วยกับความเห็นนี้ครับ
งานแถลงข่าว iPad Pro นะนั่น
ปล.ซื้อก่อนได้ใช้ก่อนครับ
เหมือนถ่มน้ำลายรดฟ้ายังไงไม่รู้
เพราะมองกันตามหลักจริงๆแล้ว
สมาร์ทโฟนที่ทำอยู่ทุกวันนี้ก็เรียกได้ว่าไฮบริด เป็นของครึ่งๆกลางๆเหมือนกัน
โทรศัพท์มือถือ+เครื่องเล่นเกมส์+กล้องถ่ายรูป+PDAs+ฯลฯ
ก็โลกทุกวันนี้ดีมานด์ที่เป็นของไฮบริดมันเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
แล้วทำไม Surface Book จะดูไม่มีอนาคตล่ะ
ผมว่า hybrid ที่ว่าเขาหมายถึงตัว device มากกว่า function นะครับ hybrid คือ laptop ที่ถอด keyboard ออกแล้วกลายเป็น tablet (หรือกลับกันคือ tablet ที่ต่อ keyboard แล้วกลายเป็น laptop)
ส่วนที่คุณว่า โทรศัพท์, เกม, กล้อง พวกนั้นมันเป็นฟังก์ชั่นการทำงาน จะเห็นได้ว่า..
- เราไม่ต้องเอา joypad มาเสียบมือถือเพื่อจะเล่นเกม (มันเล่นได้อยู่แล้ว)
- เราไม่ต้องต่อกล้องเข้ากับมือถือเพื่อจะถ่ายรูป (มันทำได้อยู่แล้ว)
- เราไม่ต้องต่อไมค์/หูฟังเพื่อจะโทรศัพท์ (มันโทรได้อยู่แล้ว)
ที่สำคัญ เราไม่สามารถแยกส่วนอุปกรณ์ที่ว่าออกมาเป็นชิ้นๆ เพื่อทำงานโดยลำพังได้
อ่อ อย่างนี้นี่เอง พอจะเข้าใจแล้ว
ขอบคุณครับ
เรื่องจอผมว่า จริงนะ ขนาดใหญ่ ของ 6 นี่ผมใช้ไม่ถนัดมือจริง ผมว่าดีสุดต้อง 5 หรือ 4 นี่แหละ รอ 6c อยู่เห็นว่าจะลดขนาดมา ไม่รู้จริงหรือไม่
แอปเปิลเคยบอกว่าเราจะทำของที่ลูกค้าไม่รู้ตัวว่าอยากได้ แต่ตอนนี้ลูกค้าอยากได้ไงครับเลยไม่ทำ 555
Pitawat's Blog :: บล็อกผมเองครับ
ออกไรมาก็ซื้อจบนะ
ทำแล้วแอปเปิ้ล อัตราส่วนกำไรลดลงเค้าคงไม่ทำหรอก
คิดดูถ้าทำไฮบริดจริง ราคาจะสยองขนาดไหน อารมณ์ Macbook Air จอสัมผัส แยกคีย์บอร์ด(ซึ่งคีย์บอร์ด คงขายแยกตามสูตร)
ไม่ก็ต้องลดสเป๊คลงเพื่อให้อัตราส่วนกำไรเท่าเดิม แต่ขึ้นชื่อว่าแอปเปิลยังไงด็มีคนซื้อ
สงสัยจะมีคนหลังหัก กลับลำมาทำอีก
เห็นมีแต่แซวถึงหน้าจอ 3.5 นิ้วกันจะให้พูดแบบ Elop สมัยอยู่ Nokia รึไง ประมาณว่า โปรดัคส์ที่มีเราจะโละทิ้งหมดนะ พูดซ้ำพูดซากจนโละทั้งแผนกรวมถึงตัวเองเลยเห็นไหม
Elop แกก็ทำงานได้ดีอยู่นะผมว่า หน้าที่โทรจันน่ะ
ถ่มน้ำลายรดฟ้า เมื่อตกกลับมาก็อ้าปากรับ กลืนน้ำลายตัวเอง ได้อย่างสวยงาม
ผมว่ามันก็ดูเป็นการแสดงกายกรรมที่ตื่นตาดีนะครับ
พูดๆ เรียกความสนใจไปก่อนเถอะ พอถึงเวลาทำออกมาได้ดีขายได้ ใครจะแซวยังไงก็ไม่มีผลแล้ว มีแต่จะทำให้เกิดความรู้สึกหักมุม
ในส่วนของ Apple Pencil ผมไม่ได้มองเป็น Stylus แบบที่ Job บอกว่าไม่ต้องใช้นะครับ
เพราะว่า Stylus ที่ Job พูดถึงคือ Stylus ที่ขาดไม่ได้ในการใช้งาน Smart Phone ซึ่งก้าวกระโดดของ Apple คือการทำ Smart Phone ที่ไม่ต้องการ Stylus ก็ทำงานได้ จนทำให้ Stylus ดูเหมือนจะเป็นของส่วนเกินจาก Apple ไป
ถ้า iPad Pro ต้องใช้ Stylus ทำงานด้วยเท่านั้นจึงจะ Interact กับหน้าจอได้นี่คือการหักหน้า Job (แบบถอยหลังลงคลองด้วย) เต็มๆครับ
ดังนั้น Apple Pencil ผมจึงจัดเป็น Stylus คนสำหรับคนกลุ่มเฉพาะทางครับ ไม่ใช่ Stylus ที่ทุกคนต้องใช้เพื่อทำงานกับหน้าจอ iPad หรือ iPhone
ในมุม CEO เป็นผมผมก็ต้องพูดแนวๆนี้แหละนะ ถึงจะรู้ตัวว่ากลืนน้ำลายพูดก็เหอะ
ถ้ายอมรับว่า "MS ทำออกมาได้เจ๋งมากๆ เป็นสุดยอด Innovation เลย และเราก็กำลังทำอยู่เหมือนกัน"
ขวัญกำลังใจผู้ถือหุ้น พนักงาน หายเกลี้ยงครับ
เห็นแต่โยงไปเรื่องกลืนน้ำลายหรือกลับคำ คุกเองก็คงฉลาดในการพูดมากพอที่จะไม่ฆ่าตัดตอนผลิตภันฑ์ที่เพิ่งออกมาของตัวเองด้วยการชูจุดเด่นของคู่แข่ง เหมือนแบบที่มือถือบางค่ายเคยทำมาก่อนด้วยการประกาศแนวๆ ว่าจะทำเป็นรุ่นสุดท้ายหลังจากที่เพิ่งเปิดตัวผลิตภัณฑ์ไปไม่นานหรอกมั้งครับ
+1
แล้วตอนนี้ ipod มี apple music หรือเปล่า ทั้งนี้. Ipod อยู่ส่วนไหนของาดถ้าเทียบกับ iphone
มาแบบนี้ซุ่มทำแน่นอน เชื่อเลย
จงเป็นตลาด niche ไปก่อนนะ จนกว่าเราจะเข้าตลาด หุหุ