เมื่อวันพุธที่ 18 พฤศจิกายน 2558 ที่ผ่านมา ผมในนาม Blognone มีโอกาสไปร่วมงานเปิดตัวแท็บเล็ต Surface Pro 4 โดยบริษัทไมโครซอฟท์ประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ณ E88 โคเวิร์กกิ้งสเปซชิคๆ ใน W District ครับ
ในรอบบล็อกเกอร์ ผมมีโอกาสได้จับตัวเครื่อง และลองใช้งานจริงคร่าวๆ (และยังอารมณ์ค้างอยู่) พร้อมรับฟังข้อมูลอัพเดตน่าสนใจในบางมิติเพิ่มเติมจากสเปก ที่เราทราบและลุ้นกันตั้งแต่ช่วงเปิดตัว งานเขียนนี้จะขอถ่ายทอดเรื่องราวเหล่านั้นให้รับทราบกันครับ
จากคนที่ไม่เคยพกแท็บเล็ต: ยังมองว่าหนัก แต่อย่างน้อยก็เบากว่าโน้ตบุ๊กของพนักงานระดับล่าง
ในงาน มีเครื่อง Surface Pro 4 ให้ลองบนโต๊ะสตูล ก็ได้มีโอกาสจับถือแบบจริงจัง ไม่เกะกะสายล่ามหรือเกรงใจพนักงานเหมือนตอนจับถือหน้าร้านครับ (ภาพมืดหน่อย ขออภัยครับ)
ตัวเครื่องสีเงินใช้วัสดุเป็นแมกนีเซียม มากับคีย์บอร์ด Type Cover สีม่วง พอพับเก็บแล้วลองหยิบถือ จะหนักประมาณหนึ่งแบบที่ถ้าถือมือเดียวผมคิดว่าต้องเกร็งสักนิด มิติหนาประมาณสมุดของเสมียนครับ จากสเปกคือน้ำหนักจะต่างกันนิดหนึ่ง คือ 766 กรัม (รุ่น Core m), 786 กรัม (รุ่น Core i) แต่บางลงกว่า Surface Pro 3 แล้ว
ขอบตัวเครื่องมีเซาะร่องไว้ระบายอากาศด้านใน หากดูภาพจากคลิปวิดีโอเปิดตัว (ซึ่งในงานก็เปิดโชว์ด้วย) ข้างในมีพัดลมแบบโบลเวอร์และฮีตซิงค์กับฮีตไปป์ช่วยระบายความร้อนอยู่ และมีช่องเล็กๆ ด้านหน้าเป็นช่องลำโพงทั้งสองด้านด้วย
นอกจากขั้วต่อคีย์บอร์ดที่ดูดกับ Type Cover แทบทุกเวลาที่จ่อหากันแล้ว ยังมีพอร์ตอื่นๆ รอบตัวเครื่องที่ไม่ได้ถ่ายมาทั้ง USB 3.0, Mini DisplayPort, microSD และช่องหูฟังครับ พร้อมกล้องหน้าห้าหลังแปด (5MP และ 8MP ตามลำดับ บันทึกวิดีโอได้ละเอียด 1080p)
พอร์ตเชื่อมต่อจุดอื่นจะอยู่ด้านนี้ (ภาพจาก microsoft.com)
ด้านคีย์บอร์ดก็เปลี่ยนไป เพิ่มช่องว่างระหว่างปุ่มให้เหมือนคีย์บอร์ดแล็ปท็อปยิ่งขึ้น และใช้กลไกข้างในเป็นแบบแป้นชิคเคล็ต และเพิ่มพื้นที่ส่วนแทร็กแพดอีกร้อยละ 40
คีย์บอร์ด Type Cover สกรีนภาษาไทยมาเรียบร้อยแล้ว ในช่วงแรกจะมากับสีดำและสีน้ำเงินก่อน ในราคา 5,190 บาท
จอภาพทัชสกรีน 10 จุดมาในสัดส่วน 3:2 ขนาด 12.3 นิ้วความละเอียดไม่ค่อยคุ้นเคยเท่าไร คือ 2736x1824 พิกเซล วัดความหนาแน่นได้ 267PPI มากับเทคนิค Pixel Sense คมชัดแต่ลดแสงจ้า จ้องดูแล้วนวลตาดีครับ
ด้านสเปกเครื่อง มีโอกาสได้เปิด Device Manager ขึ้นมาดู เครื่องที่โชว์เป็นรุ่น i5, 8GB RAM, 256GB SSD พบว่าใช้ชิป Core i5-6300U เจเนอเรชั่นปัจจุบัน ใช้เม็ด SSD ของ Samsung รองรับ NVMe แล้ว ส่วนชิปไวไฟใช้ของ Marvell รองรับโหมด AC รับคลื่น 5GHz ได้แล้ว ซ่อนเสา MIMO 2x2 มาในตัว ส่วนชิปกราฟิกใช้พลังของ Intel HD Graphics 520 ในตัวซีพียู ด้านแบตเตอรี่เคลมว่าเล่นวิดีโอได้ต่อเนื่อง 9 ชั่วโมง
ลองใช้ปากกา: ถ้าจอฝืดกว่านี้ นี่คือกระดาษ
ผมมีโอกาสได้หยิบฉวยปากกาของ Surface Pro 4 มาลองใช้เช่นกัน แอพที่เข้าขากันสุดน่าจะเป็น OneNote ที่ไมโครซอฟท์ภูมิใจนำเสนอ
ตัวปากกา Surface Pen ที่มีมาให้ก็รองรับแรงกดได้ 1024 ระดับ รูปลักษณ์เหมือนปากกาชิคๆ ตระกูล LAMY แต่หนักกว่า ตุงกระเป๋าเสื้อพอสมควร ที่หัวมีส่วนคล้ายๆ ยางลบ ที่พลิกด้านมาถูจอ ก็จะได้คำสั่งว่าเป็นลบเส้นที่เขียนไป และมีแม่เหล็กดูดติดกับตัวเครื่องด้านข้างได้ด้วย (มีจำหน่ายแยกในราคา 2,390 บาท)
หัวปากกามีเปลี่ยนหัวได้ตามความหนืดที่อ้างอิงจากเกรดดินสอชนิดต่างๆ ผมเองได้ลองไม่หมดทุกความเข้ม เพราะถอดเปลี่ยนยาก งานก็จัดในที่มืดก็เสียวทำหาย (ฮา) อย่างไรก็ดี เวลาเขียนบนจอก็ยังไม่ได้ผัสสะของกระดาษจริงอยู่ดี ตรงที่จอมันอุ่นและไม่สากเหมือนกระดาษนั่นเอง
อิริยาบถใช้งานจริง: สาธิตโดยเจ้าของงาน
เมื่อได้ลองตัวเครื่อง Surface Pro 4 ในระยะเวลาหนึ่ง ก็ถึงเวลาของ คุณรชฏ อิศรางกูร ณ อยุธยา กับการอธิบายผลิตภัณฑ์ ซึ่งเขาก็ใช้งานอุปกรณ์นี้ได้อย่างคล่องแคล่ว พลิกเครื่องโชว์ความหนืดของข้อพับตัวเครื่อง การันตีความทนทานกันไป
มีช่วงคลายข้อสงสัยของระบบล็อกอินด้วยใบหน้าอย่าง Windows Hello ที่อ.ศุภเดช (@ripmilla) ลองเอาภาพหน้าตรงของเจ้าของเครื่องที่ถ่ายจากกล้องมือถือขึ้นลองล็อกอิน ปรากฏว่าไม่ผ่าน ซึ่งคุณรชฏ ได้อธิบายถึงกลไกนี้ว่ามีการอ่านค่า biometric ที่ซับซ้อนกว่านี้มาก รวมถึงที่เครื่องนี้มีชิป TPM ฝังรหัสเฉพาะเครื่องมาในตัว จึงเหมาะกับการใช้งานในองค์กรได้ทันที
ราคา: มา 6 รุ่น อยากได้ประกันเยอะต้องซื้อผ่านบริษัท
ตอนนี้ Microsoft Surface Pro 4 มีวางจำหน่ายแล้วใน 6 รุ่นย่อยดังนี้ครับ ซึ่งอัพเกรดแยกอะไรทีหลังไม่ได้เลย (ยกเว้น SSD แต่ก็ต้องแกะเครื่องซับซ้อนเอาการ ดังนั้นตัดสินใจดีๆ ครับ)
ในงานมีการเปิดเผยข้อมูลช่องทางการขาย Surface Pro 4 ว่าจำหน่ายที่ใด ถ้าเป็นค้าปลีกทั่วไป ก็หาซื้อได้ที่ BananaIT, IT City และ Power Buy ส่วนลูกค้ากลุ่มองค์กรก็ลองเข้าหาตัวแทนดังภาพ ซึ่งคุณรชฏให้ข้อมูลว่า บางองค์กรอยากได้ประกันตัวเครื่องมากกว่า 1 ปี ช่องทางขายกลุ่มหลังสามารถจำหน่ายในรูปแบบ ประกัน 2-3 ปีได้ด้วย (ลองให้ฝ่ายจัดซื้อขอโคเทชั่นกันดู)
(ภาพจาก Microsoft Store)
ในงานมีการระบุราคาของ Surface Dock รุ่นนี้ด้วย ที่จะเพิ่มพอร์ตให้ Surface Pro 4 กับจอคอมและอุปกรณ์บนโต๊ะ ซึ่งจะขายราคาประมาณ 7 พันกว่าบาท (ขออภัยครับผมจำราคาแน่นอนไม่ได้) ซึ่งในขณะเดียวกันก็ยังรองรับการใช้งานกับ dock ของ Surface Pro 3 ด้วย แต่ต้องมีอะแดปเตอร์รองนิดหนึ่ง เพราะรุ่นใหม่ตัวเครื่องจะบางกว่า
(ภาพจาก news.microsoft.com)
ส่วนการประชาสัมพันธ์และการตลาด รอบนี้ไมโครซอฟท์ใช้พรีเซนเตอร์อย่างคุณ Pomme Chan ศิลปินชาวไทยผลงานระดับโลก งานนางสวยดีครับ เพิ่งเคยเห็นตัวจริงก็ประทับใจอยู่ กับคุณบัณฑิต อึ้งรังษี ที่ยังดึงภาพของคอนดักเตอร์ออกมาช่วยขายศักยภาพสินค้า ทว่าเบื้องหลังบทบาทงานประจำของคุณบัณฑิตจะไปโดดเด่นเรื่องงานเขียนหนังสือพัฒนาตัวเองมากกว่า อันนี้ก็ติดตามงานเขียนอยู่เหมือนกัน
สรุป: อยากใช้นานกว่านี้อีกนิด
การจะ convert จากแล็ปท็อปมาเป็นแท็บเล็ตต่อคีย์บอร์ดแบบนี้ และราคาระดับนี้ สำหรับไลฟ์สไตล์อย่างผมซึ่งยังเป็นพนักงานระดับปฏิบัติการชั้นล่างๆ คงจะเป็นเรื่องยากกับการโน้มน้าวให้ฝ่ายไอทีเซ็นใบจัดซื้อเครื่องแบบนี้ให้ แต่ในทางกลับกันถ้าเป็นผู้บริหาร ศิลปินนักวาด (นี่ก็อยากไปหัดวาดรูป) หรือเอสเอ็มอีที่ต้องลุกนั่งไปที่ต่างๆ บ่อยๆ น่าจะตอบโจทย์อยู่เหมือนกันครับ ฝากอัพเดตความเคลื่อนไหวกันเท่านี้ ขอบคุณสำหรับการติดตามครับ
Comments
ข่าวยังไม่อ่าน เมนต์ก่อนดีกว่า
หัวข่าวอลังการมากครับ!
ส่วนชิปไวไฟใช้ของ Marvell นี่ดีมั้ยครับ
เหมือนปุ่มคีย์บอร์ดตัว S จะลอก
ทำไม i5 ไม่มี RAM 16 GB (T^T)
http://www.microsoftstore.com/store/msusa/en_US/pdp/Surface-Pro-4/productID.325711500/config.true
มันมีให้เลือกนะครับ -3-
i5 16gb น่ะ
ตามข้อมูลประชาสัมพันธ์ผมไม่พบรุ่นนี้อ่ะครับ คงไม่ทำตลาดในไทย(?)
สรุปยังคงเหมือนเดิมสำหรับเงือนไขการรับประกันซินะ คือ consumer channel ทั่วไปได้รับการรับประกัน 1 ปี ถ้าอยากได้ 2-3 ปี ต้องไปซื้อผ่านพวก corporate channel ที่ไม่ได้หาได้ง่ายๆ สั่งเครื่องเดียวบางครั้งเค้าไม่อยากขายอีก แบบนี้ทำให้การตัดสินใจซื้อยากขึ้น เพราะเครื่องมันก็ไม่ใช่ถูกๆ ตัวเกือบแสน ประกันปีเดียวเงี้ย ใครไปซื้อผ่าน consumer channel กลายเป็นซื้อประกันเพิ่มก็ไม่ได้อีก คิดดูดิของราคาครึ่งแสน-แสนบาท หากใช้ได้ยาวๆ ไม่ต้องเคลมมันก็ดีไป แต่ถ้าไม่แล้ว นี่มันหายนะมากเลยนะ แกะซ่อมก็แทบจะเป็นไปไม่ได้ ><"
สั่งผ่าน Corporate Channel มีประกันให้ซื้อเพิ่ม 2 รูปแบบนะครับ 1.ประกัน 3 ปี 2.ประกัน 3 ปี + อุบัติเหตุ
นี่เพิ่งจะเห็นว่าคราวนี้สั่งผ่าน synnex, ingram micro ได้ด้วย แต่สั่งกะเจ้าอื่นไปละ orz.
ผมกำลังพูดถึง consumer channel ครับ แบบประชาชนคนทั่วไปที่เดินเข้าร้าน IT City หรือ Banana IT น่ะ คนเหล่านั้นรู้หรือเปล่าว่ามันซื้อประกันเพิ่มไม่ได้ และ sku มันต่างจาก corporate
จริงๆ ควรมี ปล. บนหน้าป้ายโฆษณาไว้เลยว่าประกันปีเดียวเท่านั้น ซื้อเพิ่มไม่ได้
อยากรู้ว่าถ้าเน้นวาดรูป ระหว่างipad pro กะตัวนี้ อันไหนตอบโจทย์กว่ากันอ่า
เคยดูคลิปเทียบปากกาของแอปเปิล กับปากกาsurface แล้วเหมือนปากกาผลไม้ดีกว่า แต่ไม่รู้ใช้จริงเป็นไง
อยากได้มาวาดรูปสเกตช์มากกกกกกกก
จากเสียงศิลปิน Apple Pencil ดีกว่าครับผม ถ้าวาดบนแอพ Photoshop, Procreate, SketchBook
แต่ถ้าต้องใช้โปรแกรมที่ต้องยืนบน OS (Clip Studio, SAI) ของ Surface ก็วาดได้โอเคเลยนะครับ ผมเองก็ใช้ทำงานวาดรูปลงสีอยู่ตามปกติ (แรก ๆ ก็ไม่ชินนะครับ แต่หลัง ๆ ก็ชินกับจังหวะมันไปเอง) ซึ่ง SP4 ก็ได้พัฒนาปากกามาในระดับที่วาดรูปได้โอเคเลยทีเดียว ไปลองมาแล้วครับ หนุบ ๆ หนับ ๆ ติดจอดีนะ
ให้คุณ phuphu มาคอนเฟิร์ม...เชื่อเลยจร้า
ผลไม้คงดีกว่าอะครับ เพราะฝังชิปไว้เยอะมาก (จากifixit)
แต่มันไม่มี Clipstudio ให้ใช้ ก็บายครับ
ขอบตัวเครื่องมีเซาะร่องไว้ระบายอากาศด้านใน หากดูภาพจากคลิปวิดีโอเปิดตัว (ซึ่งในงานก็เปิดโชว์ด้วย) ข้างในมีพัดลมแบบโบลเวอร์และฮีตซิงค์กับฮีตไปป์ช่วยระบายความร้อนอยู่ และเป็นช่องลำโพงด้วย >>> ช่องลำโพงอยู่ด้านหน้านะครับ เป็นร่องเล็กๆ ขนาด 1"
คีย์บอร์ด Type Cover สกรีนภาษาไทยมาเรียบร้อยแล้ว ในช่วงแรกจะมากับสีดำและสีเงินก่อน ในราคา 5,190 บาท >>> น่าจะเป็นสีน้ำเงินนะครับ
ผมก็รอซื้อ type cover อย่างเดียว เอามาใช้กับ surface pro 3
พวกตระกูลนี้ ผมว่าต้องซื้อมือ ๒ หรือรอลดราคาถึงจะดูคุ้มค่า MS ตั้งราคามาสูงไปหน่อย อย่าง pro 3 ผมได้มาราคา 36,000 รวม type cover แล้ว (i5 RAM 8GB, SSD 256GB)ถ้ามือ 1 ต้องจ่ายเกือบ 5 หมื่นบาท
ผมว่า "แต่หนักกว่า" น่าจะสมเหตุสมผลกว่าครับ
Coder | Designer | Thinker | Blogger
ขอบคุณครับ ขออนุญาตแก้ไขเพิ่มเติมตามที่ระบุมาครับ
รุ่นที่อยากได้ i5 + RAM 8 GB + SSD 256 GB ราคา 49,900 + Type Cover 5,190
รวมเป็น 55,090
จะเป็นลม
อยากได้รุ่นเดียวกันเลยครับ แต่โชคดีที่มีเงินไม่เยอะพอ ทำให้ตัดสินใจง่ายไปเลย
เล็งเหมือนกัน ราคาสูงไปนิด = ="
ลองไปจับตาม IT city มาละผมว่าหัวปากกามันฝืด
เหมือนจะใช้วัสดุคล้ายยางหนะครับ ส่วนคีย์บอร์ดก็พิมพ์ได้ถนัดกว่ามาก
ส่วนเรื่อง Dock ใจจริงผมลุ้นให้รองรับ HDMI กับ VGA ไปเลยเพราะ
เพราะ สาย MiniDisplay + Dock นี่ก็แพงเอาเรื่องอยู่แถมอุปกรณ์ที่จะใช้ด้วยก็ค่อนข้างเจาะจง
เทียบกับ USB 3.0 Universal Dock ราคาแค่ราวๆ 6000-8000
Display port มัน daisy chain ได้นี่ครับ ผมว่าตอนเขาออกแบบ คงคิดแต่แบบนี้มากกว่า ว่าทำไงให้ยัดจอได้เยอะสุด
รอซื้อคีย์บอร์ดกับ Surface Dock มาใช้กับ Pro 3 ที่ยังใช้งานได้ดีเยี่ยมอยู่
เป็นเป็ดราคาแพงเหมือนเดิม #จากมุมมองคนที่ไม่ได้เป็นติ่งMS
ครับ
Coder | Designer | Thinker | Blogger
อย่าเทียบสิครับ แหม่ :D
ตอนแรกนึกว่าเท่าๆ กัน ที่ไหนได้ ไอเป็ดโปรแพงกว่าและไม่มีปากกาให้อีก
เล่นเทียบกันแบบนี้ เค้าก็ไปไม่เป็นสิครับ 5555555
จ้ะ
ครับ
ครัช แพงสู้ไอ้เป็ดโปรไม่ได้แล้วยังมีหน้ามาแถมปากกาอีก แหม่
ສະບາຍດີ :)
เป็ดโปรด้วยครัช
นึกถึงห้องน้ำมาเลย
รุ่นเล็กสุดไอ้เป็ดโปร + ดินสอในตำนานยังราคาพอๆกับเป็ดแถมปากกาเลยล่ะครัช
30,900 + 3,900 = 34,800
แต่รู้สึกว่าไอ้เป็ดโปรนี่ยังแทบทำห่านโจมตีอะไรไม่ได้เลยครัช
ราคา MBK วันนี้
Apple Pencil 6,300
iPad Pro Smart Keyboard 8,200
ไม่มีของแล้วด้วยนะคร๊าบบบ
ครับ
จ้ะ .... ไม่เป็นติ่งMS แต่เห็นคอมเมนท์ในข่าว MS มากกว่าติ่ง MS ซะอีก
ตีโจทย์ผิดกันไปไกล surface จะมาแทน tablet กับ laptop สิครับ ipad pro เกี่ยวตรงไหน ต้องเทียบว่าในงบสามหมื่นกว่าๆ แบ่งเป็นโน้ตบุ้คสองหมื่น ได้ core i5 หรือ i7 แล้วทำงานทั่วๆไปได้ดี อีกหมื่นนึงก็ได้แทปเลทสเปกดีๆใช้แล้ว ดีกว่าซื้อเป็ดเอาดีไม่ได้ซักอย่าง ปัญหาก็เยอะเท่าที่อ่านในนี้ ราคาขายต่อก็แย่ มีเพื่อนทำใจขายต่อไม่ได้จนทุกวันนี้
มันคือ product line ที่เน้น productivity เหมือนกันนะครับคุณ (หรือจะเถียง?)
ส่วนไอ้ที่บอกว่าเป็ดที่ทำไม่ได้ดีสักอย่างเนี่ย ถ้ามันแย่ถึงขนาดนั้น เขาจะทำออกมา 3-4 รุ่นหรอครับคุณ
โอเคไม่เถียงเรื่องกากตอนวางบนตัก แต่เพราะว่ามันเน้นฟอร์มเป็นแท็บเล็ตมากกว่าแล็บท็อป จะให้มันทำแบบวางตักดีแบบแล็บท็อปมันก็ยาก
แล้วถามว่า ไอ้ iPad Pro มหาเทพของคุณเนี่ย มันสามารถทำอะไรได้บางนอกจาก
Stylus"Apple Pencil" ตัดต่อวิดีโอ? คงได้แค่แบบเบสิก เพราะงานพวกนี้ไม่เหมาะกับงานที่ใช้จอสัมผัสล้วน ๆ, แต่งภาพ? ถามจริงว่ามันจะเหนือกว่า PC จริง ๆ สักเท่าไร ถ้างั้นมันก็ไม่ต่างอะไรกับเป็ดสิครับแบบนี้???ถ้าจะบอกว่าคนละ product line กัน ให้ย้อนไปดูบรรทัดแรก เพราะแอปเปิลจงใจออกแบบสินค้าตัวนี้ให้เน้นความเป็น productivity tablet ทำงาน multitask ได้ แต่งานใหญ่ ๆ จะใช้แท็บเล็ตแทน 100% ไม่ได้ ซึ่ง Surface Pro 4 ตอบโจทย์ตรงนี้ และ iPad ก็ทำงานส่วนนั้นไม่ได้
ถามว่าส่วนตัวตอนนี้ก็พกแล็บท็อปไปทำงานอยู่ ส่วน iPad ก็วางทิ้งไว้ที่ห้อง ไม่ก็ยกให้น้องไปเล่น แต่บางทีก็แบกไปทั้งคู่
ประเด็นคือ ผมใช้ iPad แค่เล่นเกมกับท่องเว็บเบา ๆ เพราะถ้าเอาไปทำงานหนัก มันแทนกันไม่ได้เลย ส่วนที่เหลือ ให้แล็บท็อปจัดการงานที่เหลือ เพราะต้องการประสิทธิภาพ แต่ส่วนตัวก็อยากจะใช้แท็บเล็ตแบบนั้นแทน เพราะจะได้ไม่ต้องหนักกระเป๋า แต่ปัญหาคือเงินไม่มีพอแค่นั้น
Bias ของคุณมีได้ แต่พยายามเถียงด้วยเหตุผล ไม่ใช่หาอะไรแบบข้าง ๆ คู ๆ ใช้อคติส่วนตัวโจมตีอย่างเดียว ห่วยก็บอกว่าห่วย ดีก็บอกว่าดี อันไหนไม่ดีก็ยอมรับ ไม่ใช่แถนะครับ
อ้อ อีกอย่างนึงคือ ที่ Surface Pro มือสองราคาตก เพราะสาเหตุเดียวคือ position สินค้าที่ต่างกัน ราคาขายต่อของแอปเปิลต้องแพงอยู่แล้ว เพราะคนมองว่า brand value มันสูง แต่ฟังก์ชันต่าง ๆ มันน้อยกว่า Surface Pro มาก ฉะนั้น เข้าใจเสียใหม่ ที่ขายต่อได้ราคาดี เพราะว่าแบรนด์สินค้า ไม่ใช่เพราะฟังก์ชั่น
Coder | Designer | Thinker | Blogger
ตกใจราคา Docking เบาๆ กะไว้ไม่เกิน 3,999฿ ประมาณนี้
/ME รอ Type Cover with Fingerprint ID ของ Surface 3
คนขี้ลืม | คนบ้าเกม | คนเหงาๆ
แพงอ่า.. น่าจะมีคนทำออกมาบอดี้พลาสติก สเปกภายในพอๆกัน แต่ถูกกว่า 1/2 นะ ขนาดมือถือยังกดราคาลงมาได้ตั้งเยอะเลย
Microsoft อยากให้ Partner ทำ แต่ดันไม่มีใครคิดได้ ส่วนที่ทำมาก็ 'เยอะ' เกิน ทั้งที่ Surface ดีไซน์เรียบๆ เอง แล้วราคาก็ตามหลัง Surface มาติดๆ, Microsoft ขาย (ราคานี้) ได้ ฉันก็ต้องขายได้
คนขี้ลืม | คนบ้าเกม | คนเหงาๆ
ผมว่าทำโลหะอ่ะเวิร์คสุดแล้วครับ
เครื่องจิ๋วๆแต่ใช้CPUNotebookอย่างนี้ ข้างในต้องระอุไม่เบาแน่ๆ
อย่างน้อยโลหะมันก็ช่วยเพิ่มหน้าสัมผัสในการระบายความร้อนได้
ลองนึกสภาพรถยนต์ที่มีโครงเป็นพลาสติกสิ คงระอุน่าดู
อ่านไปได้ซักพักต้องกลับขึ้นไปดูชื่อคนเขียน...
เป็นรีวิวที่เขียนได้สนุกมากครับ...อ่านไปยิ้มไป
ชอบมากตรงหัวข้อรีวิวและคำบรรยายแบบสั้น ๆ ... แต่ได้ใจความและเห็นภาพชัดเจน
(โดยเฉพาะหัวข้อ "ลองใช้ปากกา")
ขอบคุณสำหรับบทความครับ
ขอบคุณครับ /|\
Type Cover นี้แพงขึ้นหรือปล่าว?
แพงขึ้น จากเดิม 4490 บาท ครับ
แต่ราคา US Dollar เท่าเดิม
เพราะค่าเงินดอลล่าของไทยใช่ไหมครับ...........
Mekokung's Story บล็อกส่วนตัวที่ย้ายไป Blogger แล้วนะ
ใช่ครับผม
Coder | Designer | Thinker | Blogger
ได้มาแล้วครับ รุ่น Core M3 พร้อม Type Cover บานาน่าเค้าแถมกระเป๋าให้ด้วย เล่นแล้วโอเคมาก ๆ
รีวิวให้ดูหน่อยก็ดีนะครับ ^ ^
อยากจะรีวิวให้อ่านเหมือนกันครับ แต่ช่วงนี้ผมงานเยอะจริง ๆ กว่าจะได้กลับบ้านก็ 5-6 ทุ่มแล้ว ได้มาได้จับแบบเต็ม ๆ ก็วันแรกเท่านั้นแหละครับ ส่วนที่เหลือเนี่ยแทบไม่ได้แตะเลย เลยต้องขอให้ผ่านงานช่วงนี้ไปก่อน
ตกลงตัวนี้แถมปากกาด้วยใช่ไม๊ครับ ถ้าเอามาใช้ทำงานเอกสารพวก office/pdf เป็นหลัก work ไม๊ครับ
Surface Pro แถมปากกาทุกรุ่นครับ
คนขี้ลืม | คนบ้าเกม | คนเหงาๆ
อ่อ ครับ ขอบคุณครับ
ส่วนตัวนะครับจุดอ่อนยังอยู่ที่ซอฟแวร์ Office & Adobe reader
คือรอให้โปรแกรมตอบสนองกับปากกาก็ดูจะช้าเกิน
กดเลือกเปลี่ยนเป็นโหมดปากกาจะเร็วกว่า อีกทั้งเวลาเขียนก็ต้องเขียนมือลอย
ยกเว้น Onenote ที่วางมือบนจอได้
โดยการใช้ปากกาเขียนลงใน Office ตัวที่เขียนจะกลายเป็น Object เหมือน wordart ตัวนึง
คือจะสะดวกจริงๆก็คือการเลคเชอร์นี่หละครับถ้าเอามาจดจริงๆจังๆโดดไป Onenote จะดีกว่า
ส่วน Pdf ผมใช้กับ ADobe reader ก็ต้องเลือกปากกาก่อนค่อยใช้
ขอบคุณครับ
รีวิว รีวิว รีวิว
ขอแบบจัดเต็มถึงใจ
เอา Chuwi Vi8 มารีวิวได้ไหมครับ อิอิ
Core M3 พร้อม Type Cover
Type Cover นี่ซื้อแยกใช่มั๊ยครับ
ครับ ซื้อแยก
ถ้าราคาถูกกว่านี้ มีใจสั่นเลยฮะ เคยไปลูบๆ คลำๆ ตัวเป็นๆ มาละ นวลเนียนขึ้นเยอะเลยครับเทียบกับ SFP3
กำลังคิดอยู่ว่าผมจะซื้อ Surface pro 3 มือสองแทนดีมั้ย i5 128GB ไม่รวมคีย์บอร์ด ประมาณสองหมื่นห้า เทียบกับ pro4 ตัวใหม่ เกือบสี่หมื่น
ซื้อ Pro 3 มือสองแล้วมาซื้อคีย์บอร์ดตัวใหม่ก็โอเคแล้วนะผมว่า
อยากให้มีราคานักศึกษาจัง TT
ตกลง ลูกค้าองค์กร ไม่มี Dell เหรอครับ เห็นได้ข่าว
เฉพาะในสหรัฐฯ ครับ
Coder | Designer | Thinker | Blogger
ตามร้านในไทยเริ่มมีให้ลองแล้วนะครับ (ไปลองมาแล้วเหมือนกัน)
ผมไม่ชอบหัวปากกาตัวใหม่ที่มันเหนียว ๆ รู้สึกแปลก ๆ เหมือนใช้สไตลัสหัวซิลิโคนแฮะ (ฮา) หัวเก่าที่เป็นพลาสติกน่าจะดีกว่า แต่หัวเก่าก็ไม่ดีเท่าไหร่นะ (สึกเร็วมาก)
ถ้ามันเปลื่ยนหัวได้แนะนำให้ใช้ไม้จิ้มฟันแทนครับ เอามาเหลาให้เท่ากับหัวเดิม ผมทำกับปากกา wacom มาหลายปีละครับสึกน้อยมาก แถมความรู้สึกตอนเขียนดีกว่าหัวเดิมๆอีก
ของวาคอมผมก็ทำแบบนี้ล่ะครับ
แต่ตัวนี้เหมือนจะไม่ได้มั้ง ? ไม่แน่ใจ
หลายๆ คนเค้าบอกว่ามันฝืดใกล้เคียงกระดาษดีครับ หรือถ้าอยากให้ลื่นมีหัวแบบลื่นๆ ด้วยครับ
รอดูรีวิว Surface Book
ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ
ความเห็นส่วนตัว
* ราคาโหดจังเลย
* Microsoft น่าจะทำแบบ Google ที่ทำ Nexus เพื่อให้เกิด Mass Product เยอะๆ ราคามันถึงจะถูกลง
ราคาก็โหดอยู่นะ
แต่ผมว่า MS เค้าคงไม่ได้เน้น mass นะ เค้าคงเน้นภาพลักษณ์(ผมไม่ได้บอกว่าเค้าเน้นคุณภาพนะครับ อันนั้นผมไม่รู้) ซึ่งปัจจุบันผมว่าภาพลักษณ์ของ Surface ถือว่าออกมาดีทีเดียว
สิ่งที่ MS ขายน่าจะเป็น Engineering มั้งครับ คือเน้นการมี Function ที่ใช้งานได้จริงตาม Concept ของสิ่งที่สร้างขึ้น งานประกอบและ Design ดูง่ายๆไม่เน้นหรู (ผมเทียบกับ Apple นะครับเพราะของ Apple เขางานหรูจริง)ส่วนการทำงานก็ไม่ได้เด่นด้านใดด้านนึงอย่างที่ Wacom ทำครับ
มันคือ Innovation Product อ่ะครับ สังเกตว่าทุกอย่างเป็นอะไรที่มันแปลกใหม่มาก หลายอย่างเราแทบไม่รู้เลยว่าจะเอาไปใช้ในชีวิตประจำวันยังไงเพราะไม่เคยใช้มาก่อน แต่พอได้ใช้แล้วติดใจ
ส่วนกลุ่มลูกค้าก็น่าจะเน้นสองกลุ่มคือ
1. Innovators
2. Early Adopters
อ้างอิง
ถ้าผลิตภัณฑ์มันจุดติดใน 2 กลุ่มนี้ นี่ OEM อื่น ๆ คงผลิตเครื่องราคาถูกตาม ๆ มาแหละครับ แต่ตอนนี้ต้องยอมรับว่ามันยังไม่ถึงกับจุดติด
ผมว่า ถ้า OEM เอามาทำราคาถูกกว่านี้สัก 30% นี่เหมือนเอาน้ำมันมาพ่นบนเปลวเทียนได้เลยครับ
พ่นแรงเกิน เทียนดับ 555
พ่นเยอะไป ไม่มี Oxygen มาเลี้ยงเทียนดับเลย 555
เหมือนที่โนเกียพ่นใส่ Windows Phone 8 ใช่มั้ยครับ
วันนี้ไปซื้อ type cover มาแล้ว (ใช้กับ pro 3) รู้สึกเบาขึ้นนิดนึง คีย์แบบ chicklet ทำให้พิมพ์ง่ายขึ้น ปุ่มนิ่มขึ้น เวลาพิมพ์ก็เงียบกว่าเดิม ไฟปรับได้หลายระดับ(แต่เดิม 3 ระดับ) ไฟ backlit ดูสวยขึ้น trackpad เป็นกระจกลื่นกว่าเดิมมาก ใหญ่กว่าเดิมมาก
ใครใช้ pro 3 แค่เปลี่ยน type cover ก็ให้ประสบการณ์การทำงานที่ดีกว่าเดิมแน่นอนครับ ดีขึ้นมากเลย
Type Cover Pro 4 นี่ผมว่ามันดีกว่า Pro 3 แบบก้าวกระโดดเลยครับ พิมพ์ได้เร็วพอๆกับ Laptop เลย กดแล้วไม่ยวบมากเท่าของเดิม ติดที่ราคาในไทยค่อนข้างโหดมากค่าเงินดอลล่าร์ทำพิษจริงๆ
อยากถามว่ามันพิมพ์สะดวกแค่ไหนอะครับ
คือเอาไว้จดเลคเชอร์ มันต้องพิมพ์เร็วพิมพ์สะดวกหน่อย
ผมเคยใช้พวกไฮบริดแบบตัวเล็กๆ (10") คีย์บอร์ดมันเล็กมาก พิมพ์ผิดถูกไปหมดเลย
ปกติใช้ macbook pro จด แต่ช่วงหลังแบกมากๆเริ่มไม่ไหว หนักไปหน่อย
จริงๆอยากรอ surface book แต่ท่าจะนานแน่ๆกว่าจะเข้าไทย
ตอนนี้เลยตัดสินใจอยู่ระหว่าง surface pro3+pro4 keyboard กับ macbook air
อยากใช้ surface แต่กลัวพิมพ์ลำบาก เพราะคีย์บอร์ดมันไม่เหมือน notebook
คือมันยวบๆ หรืออะไรยังไงไหมอะครับ? ใช้งานแบบนี้จะเหมาะไหม?
สัมผัสการพิมพ์โอเคมากๆครับ ผมให้ใกล้เคียง notebook ที่ผมใช้อยู่ซะ 90เปอร์เซ็น อาจจะไม่เหมือนเพราะตัวคียบอร์ดมันบางบางทีเรากดแรงนิ้วลงไปแล้วมันรู้สึกยุบๆ
ขนาดคียบอร์ดเกือบเท่ากับ Notebook เลยครับ พิมพ์นิ่ม ไม่ย้วย ไม่ยุบ ถ้าไม่ถึงกับกดแรง ๆ ความเร็วคีย์บอร์ดก็แทบไม่ต่างกับแบบต่อตรงปกติพิมพ์สัมผัสเร็ว ๆ ได้เลย
ซื้อมาละครับเป็นตัว i5 แรม4gb ขอบอกว่าการใช้งานฟินมากครับ
ขนาดพกพาได้สะดวกเจ๋งตรงคียบอร์ดที่เป็นเคสได้ในขณะเดียวกันละก็ปากกาก็ติดข้างเครื่องได้ ผมเรียนด้านกฎหมายก็โหลดชีทจากในเว็ปมาแล้วก็เขียนแลกเซอร์ในเอกสารได้เลย แถมเดินถือไปไหนได้สะดวกมากมายครับ ว่างๆเอามานอนเล่นบนเตียงก็ถอดคียบอร์ดออกเป็น tablet ได้เลย 555 ผมว่าดีหมดนะในแง่การใช้งาน ส่วนคียบอร์ด cover ก็ให้สัมผัสแบบ notebookเลยครับ แต่ยังไม่คล้ายซะทีเดียวต้องมาลองกดเองครับ แต่ผมให้ผ่านครับ
ข้อเสียอย่างเดียวติที่ราคาแพงมากมายครับ TT
คู่ combo คือ Surface pro 3 + Type Cover Pro 4 ครับฟินสุดๆ เพราะเอาจริงๆ การใข้งานจริงไม่ได้ต่างกันมากหรอกนะครับ ถ้าเอาตัว I5 Ram 4 นี่ก็เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วๆไปที่ไม่ใช่เกมแล้วครับ