รายงานจาก Economic Daily News จากประเทศไต้หวันอ้างว่าแอปเปิลเตรียมที่จะเปิดตัว MacBook Air ดีไซน์ใหม่ภายในงาน WWDC ประจำปี 2016 ในช่วงกลางปีหน้า โดยที่ MacBook Air รุ่นใหม่นี้จะมีขนาดที่บางลงกว่าเดิม แต่จะมีรุ่นขนาดจอภาพ 13 นิ้วและ 15 นิ้วให้เลือก ต่างจากปัจจุบันที่มีรุ่นขนาดจอภาพ 11 นิ้วและ 13 นิ้ววางขายอยู่
การเปลี่ยนแปลงขนาดจอภาพรุ่น MacBook Air อาจจะไม่ใช่เรื่องน่าตกใจ หลังจากที่ต้นปีที่ผ่านมา แอปเปิลได้เริ่มจำหน่าย MacBook รุ่นขนาด 12 นิ้วที่มาพร้อมกับจอภาพเรติน่าและดีไซน์ที่ไม่มีพัดลม ซึ่งมีขนาดที่เบาและบางกว่า MacBook Air รุ่นที่วางขายอยู่ในปัจจุบัน
หากข่าวลือนี้เป็นจริง แอปเปิลจะมี MacBook ขนาดจอภาพ 12 นิ้วไว้สำหรับตลาด Ultra-portable ส่วน MacBook Air ขนาดจอภาพ 13 และ 15 นิ้วจะกลายเป็นสินค้าสำหรับตลาดผู้ใช้ทั่วไป ส่วนผู้ใช้ระดับโปรก็จะมีสินค้าตระกูล MacBook Pro ซึ่งมีขนาดจอภาพ 13 และ 15 นิ้ว
ที่มา - MacRumors
Comments
อยากได้ Retina + ForceTouce
ไม่อยากได้ USB type C
นวัตกรรมก้าวล้ำ มี USB-C พอร์ทเดียวอีกรึเปล่า
:P
มีความเป็นไปได้สูงเพราะตระกุล Air จะเน้นความเบาบางมาเป็นอันดับแรกอยู่แล้วครับ
ไม่ใช่ว่าเน้นกินหลายต่อกะขายอุปกรณ์ต่อพ่วงเพิ่มหรอกเหรอครับ เพราะไอ้การเพิ่มพอร์ทไทป์c มาอีก 1หรือ2 พอร์ทมันก็คงไม่ทำให้ดีไซน์หนาขึ้นมาหรอกครับ
คนมองสั้นๆก็จะคิดประมาณนี้
คนมองยาวๆคิดประมาณไหนครับ
อยากทราบความคิดยาวๆเหมือนกันครับ เผื่อจะได้เปิดโลกทัศน์ ได้ออกจากกะลา
มองยาวๆ นี่ มองในฐานะผู้บริโภคหรือผู้ขายครับ
มองยาวๆคือรีดเอาเงินจากสาวกให้ได้มากที่สุดใช่ไหมครับ หรือต้องขายไตถึงจะมองยาวพอ?
รู้จักเป็นการส่วนตัวกับใครที่ขายไตเหรอป่าวครับ ขำๆ นะ อย่าเครียด
ผมมีมุมมองว่า ถ้าคุณคิดว่า Apple หากินกับอุปกรณ์ต่อพ่วง
ผมว่าคุณคิดสั้นไปอย่างที่เขาว่า น่ะถูกแล้ว
.
.
ถ้า Apple ต้องการจะหากินกับอุปกณณ์ต่อพ่วงจริง
นั่นหมายความว่า Apple โฟกัสที่เงิน มากกว่าเทคโนโลยีอุปกรณ์
ถ้าอย่างนั้น สู้ยอมให้เครื่องหนาขึ้น เพิ่ม USB หลายๆ Port
เพื่อให้คน ตัดสินใจซื้อเครื่องเพิ่ม มา 1 คนดีกว่า ไหม
เพราะกว่าจะมีคนซื้ออุปกรณ์ต่อพ่วง มูลค่าเทียบเท่าคนซื้อ
Macbook 1 เพิ่มเครื่องน่ะ มันยากกว่าเยอะ
ถ้าจะว่ากันที่เงินเพียงอย่างเดียวน่ะนะ
นั่นผมเลยมองว่า Apple ต้องการโฟกัสที่เครื่อง ให้บางลง เบาขึ้น เลยต้องเปลี่ยน logic board และมาใช้ usb-c
นั่นคือเหตุผลหลักมากกว่า
อีกอย่าง Apple จะลงมาสู้ในตลาดอุปกรณ์ต่อพ่วงทำไม
เจอพี่จีนเข้าไป ก็ตายแหงมๆ
พี่จีนแกทำ USB-C to USB-3, VGA , USB-C มาในตัวเดียวเลย
อย่างโหด 55+
ผมมองกลับกันว่ามันคือการหากินเพิ่มนั่นแหละ เพราะการมีพอท 2-3 พอทกับรูเล็กๆแบบไทป์c เนี่ยมันแทบไม่เกี่ยวกับการดีไซน์เลย และการขายของแมคยุคนี้เขาไม่จำเป็นต้องเอาช่องต่อมาขายเลยซักนิด เขาขายความเป็นแมคและสร้างแรงจูงใจให้คนซื้อแมคครับ และคนที่บ่นส่วนใหญ่ เขาก็ใช้นะครับเขาซื้อมาใช้แล้วเขาถึงบ่นตะหากว่าทำไมไม่มีมากกว่านี้ แต่ผลตอบรับจากแอปเปิ้ลคืออะไร คือการดำริเรื่องตัดช่องหูฟังในมือถือเพิ่มตามข่าวลือจริงรึเปล่า แล้วเขาทำแบบนี้ยอดขายตกไหม ผลก็อย่างที่เห็นคือไม่ครับ เพราะเขาขายแมคไงครับมีพอทพอไหมไม่ใช่ประเด็นเขาสร้างแรงจูงใจคนให้ซื้อได้โดยไม่ต้องง้อพอทไงครับแม้คนใช้อาจบ่นบ้างแต่เขามีโปรดักที่มีช่องเชื่อมต่อมากกว่าอย่าง mbp อยู่แล้วคนที่เห็นเรื่องนี้สำคัญจริงและตังพอย่อมต้องไปเลือกมันแทน ส่วนเรื่องราคาของต่อพ่วงคุณคิดว่าคนใช้แมคกี่คนเขาจะเลือกใช้ของจีนแดงครับ คนใช้แมคนะครับไม่ใช่ลูกค้าไก่กา ไม่ใช้ระบบเปิดแบบพีซีนะครับ กลุ่มลูกค้าเขาย่อมต้องอยากได้สินค้าแท้อยู่แล้ว ดูสายไลท์นิ่งแท้สิครับ มีกี่คนใช้สายปลอม ต่อให้ไม่แท้ก็ต้องเป็นสินค้า OEM ที่ผ่านการรับรองทั้งนั้น สรุปคือเขาก็แค่ขายของเอากำไรอยู่ดีจริงไหมครับ ในเมื่อทำไปลูกค้าก็ไม่ได้ลดลง
ผมขออนุญาตคิดต่างนะครับ ผมเน้นพกพาใช้งานได้นอกสถานที่ ผมเป็นฝั่งกลุ่มลูกค้าที่ไม่ค่อยต่อพ่วงอะไรเท่าไหร่ แม้เม้าส์ก็ไม่ใช้ เพราะการเดินทางใช้งานนอกสถานที่มันบังคับให้เป็นอย่างนั้นนะครับ ผมว่าคนที่โอเคกับมันก็ไม่บ่น ไม่พูด พอไม่มีเสียงคนไม่บ่น และมีแต่คนบ่น คุณก็คิดว่าคนบ่นเยอะกว่า แล้วไปคิดเอาเองว่าคนซื้อ = คนบ่น มันไม่ถูกต้องนะครับ ตามหลักสถิติ คนซื้อ = คนบ่นและคนไม่บ่นรวมกันนะครับ
ผมก็ไม่ได้ว่าคนซื้อทุกคนต้องบ่นนี่ครับ แต่คุณก็ต้องเข้าใจเช่นกันว่าคนที่ซื้อแล้วเขาบ่นก็มี คุณจะบอกว่าคุณไม่บ่น คนไม่ซื้อแล้วบ่นก็ปนอยู่ในกลุ่มคนบ่นเหมือนกัน ดังนั้นเสียงบ่นเรื่องนี้ ไม่ต้องสนใจ เพราะที่บ่นมีพวกไม่ซื้อมันไม่ถูก
คนที่เขาบ่นแต่ซื้อมาใช้ไม่ใช่เขาไม่เต็มใจใช้หรือไม่อยากใช้ แต่เขาคาดหวังสิ่งที่จะทำให้เขาสะดวกขึ้น คาดหวังว่ามันมีก็ดีกว่าแต่เขาบ่นเขาก็ยังเต็มใจใช้ไม่งั้นเขาไม่ซื้อมาหรอกคุณของมันไม่ใช่ถูกๆ คุณจะเอาความคิดว่าคุณไม่สนใจแล้วคนอื่นก็ควรจะไม่ต้องสนใจไม่ต้องคาดหวังสิ่งที่เขาต้องการไม่ถูกครับ
เขาก็หากินกับอุปกรณ์ต่อพ่วงมาตั้งแต่ไหนแต่ไร คิดแบบนี้แหละครับคิดสั้น
ก็ถ้าเม้นบนคิดอย่างที่คุณว่าจริง และอธิบายได้เคลียร์แบบนี้ มันก็คงไม่มีปัญหาหรอก แต่นั่นมันอัลไล...
ผมขี้เกียจจะพูดเองแหละ เสียเวลาอธิบาย พูดไปก็เท่านั้น ในนี้ก็รู้ๆกันอยู่
ถ้าพูดแล้วหาเหตุผลอธิบายไม่ได้ก็อย่าพูดดีกว่าครับ ใช้แบบนี้มาอ้างมัน....... นะครับ
ในนี้คุยกันด้วยเหตุผลนะผมว่า
ສະບາຍດີ :)
ตามที่พูดไว้ก่อนหน้านี้ครับเพราะ Macbook Air คือแมคบุ๊คตัวแรกที่กล้าตัด DVD ทิ้งไป ฉะนั้นเพื่อความเบาและบางก็ไม่น่าจะแปลกใจถ้าจะดำเนินรอยตาม Macbook ในการที่จะตัดช่องหลายๆ ช่องทิ้งไป
Apple เก่งในการหาเงินจริงครับ
แต่ไม่น่าจะเป็นเหตุผลหลักของการตัดพอร์ทหรือใส่พอร์ทใหม่
เพราะตามประวัติการออกแบบของ Apple แล้วมักจะทำอย่างนี้เสมอ ตัดการเชื่อมต่อที่คนยังใช้กันอยู่ ใส่พอร์ทใหม่ที่คนยังไม่ค่อยจะรู้จักเข้ามา เป็นอย่างนี้มายี่สิบปีแล้วครับ เหตุผลหลักจริงๆ คือการผลักดันเทคโนโลยีใหม่ ตั้งแต่ตัด Floppy disk ใน iMac ทิ้ง ใส่ USB เข้ามา ใส่ port firewire ตัดช่องต่อ VGA DVI ใส่ mini display ตัด DVD drive ฯลฯ
มาก่อน ทำก่อน จะช้าจะเร็วไปแล้วแต่คนจะคิด (อย่างเรื่องเหลือ usb-c อันเดียวเพื่อดันให้ทุกอย่างไปใช้การรับส่งผ่าน cloud ผมว่ายังเร็วไปหน่อย)
คนใช้แมคเป็นล้านคนเค้าไม่ได้คิดสั้นๆ ว่าซื้อแค่ความเป็นแมคหรอกครับ แม้กระทั่งคนที่ซื้อเครื่องแมคมาลงวินโดว์ใช้ ไม่แตะ osx เลย ก็ซื้อเพราะชอบการดีไซน์ตัวเครื่อง ความเนี้ยบในการประกอบและการรับประกัน อาจจะมีคนที่ซื้อเพราะบ้าแบรนด์โดยไม่คิดเรื่องอื่นเลยอยู่บ้าง แต่ก็คงเป็นสัดส่วนที่น้อยมากพอๆ กับสัดส่วนรายได้ของอุปกรณ์ต่อพ่วงกับรายได้รวมของบริษัทแหละครับ
แน่ใจรึว่าคนที่ซื้อเพราะบ้าแบรนด์มีจำนวนน้อย ? ผมนี่ขำก๊ากเลย ลองเอาโลโก้ออกแล้วขายดูสิครับ
แล้วที่กล้าตัดออกน่ะ เพราะมั่นใจในศรัทธาไงครับ ก็เห็นๆกันอยู่ ไม่ใช่นวัตกรรมนำหน้าอะไรหรอก
ผมขำความเห็นคุณมากกว่านะ ตอน iMac ตัด Floppy คนใช้ก็น้อยจะตาย ตอน MBA ตัด DVD คนใช้ก็ไม่ได้เยอะ แต่เค้าทำเพราะเชื่อในสินค้าของเค้า
ผมไม่ได้บอกว่าการตัดสินใจของ Apple จะถูกทั้งหมด ดูอย่าง Apple Watch ก็ขายได้ไม่มากไม่เกี่ยวกับสาวกไม่สาวก ถ้าของมันห่วยคนก็ไม่ซื้อ ของมันดีคนก็ซื้อ
เพื่อนผมเพิ่งซื้อ MBA 11" ลง Windows ใช้งาน เหตุผลคือบอดี้แข็งแรงคีย์บอร์ดดีจอดี ไม่ได้สนใจโลโก้ Apple ส่องแสงอะไรนั่นเลย มันก็ขายได้ของมันครับ ในตลาดมี Ultrabook รุ่นไหนที่ให้วัสดุดีแบบนี้ราคาไม่เกิน 30000 มั้ยครับ (ซื้อจาก Lazada ได้ 28xxx)
อย่าอคติมากจนมองว่าใครซื้อของ Apple คือสาวกอย่างเดียวเลยครับ
ผมกลับรู้สึกว่า Apple กล้าทำเพราะเชื่อในตัวสาวก ถ้าฝั่ง Windows ทำนี้โดนด่ากระจายครับ แต่ฝั่ง Apple ก็จะมีท้วงเล็กเล็ก ว่าไม่เห็นด้วย แล้วก็ยอมตามที่ Apple ทำ อย่าง Samsung ตัด sd card ถอดแบตไม่ได้ ใครจะซื้อมือถือใหม่มาถามผม ผมก็บอกว่าอย่าไปซื้อ Samsung รอมันเอา sd card กับ ถอดแบตได้กลับมาก่อน
ผมว่า Apple นี่แหละครับที่โดนด่ากระจายโดนด่าจากคนที่ไม่ซื้อใช้ด้วย ถ้าลองดู Windows ตัดอย่าง Surface ผมไม่ค่อยจะเห็นว่ามีใครด่า Surface นะครับ ตัวเครื่องที่แกะเปลี่ยนแบตไม่ได้ เปลี่ยน SSD ไม่ได้ แต่พอ Apple ทำอะไรที่แกะไม่ได้ทีโดนด่ากระจาย
ปล. แต่ผมก็ซื้อ Surface มาใช้ ทั้งที่ผมเองก็ด่าว่ามัน repairability แทบจะเป็น 0
แน่ใจรึว่าคนที่ซื้อเพราะบ้าแบรนด์มีจำนวน"มาก" ? ผมนี่ขำก๊ากเลย ลองเอาโลโก้ออกแล้ว"คิด"ดูสิครับ
แล้วที่กล้าตัดออกน่ะ เพราะมั่นใจใน"นวัตกรรม"ไงครับ ก็เห็นๆกันอยู่ ไม่ใช่"ศรัทธา"นำหน้าอะไรหรอก
...........................
Think Different
คนที่ติดแมคเขาติดเพราะระบบครับ ซอฟแวร์แมค การใช้งานที่ไม่มีบนวินโดว นั่นคือคนที่ใช้แมคทำงานครับ เป็น Ecosystem และซอฟแวร์ที่ใช้งานครับ เหมือน iOS นั่นแหละ เขาใช้ก็เพราะเขาจะใช้ระบบของ Mac ไงครับ นวัตกรรมมันเรื่องรอง ไอ้พวก 3Dทัช พอทไลท์นิ่ง หรือ USB TypeC ไม่มีมีแต่จอทัชทัชแพทธรรมดาปากกา หรือ USB3 มันก็ใช้ได้เหมือนกัน ซอฟแวร์ต่างหากที่ทำให้เขาทำงานได้ และคนพวกนี้แหละที่จะทำให้เกิดการซื้อซ้ำเพราะเมื่อติดแล้วย่อมซื้อใหม่
ถ้าเอาโลโก้ออกแล้วระบบข้างในเป็นวินโดวเหมือนกัน ชะตาก็คงเหมือน Vaio แหละครับ ไม่สิให้เหลือโลโก้เอาไว้แล้วระบบข้างในเปลี่ยนเป็นวินโดว ลีนุกซ์ดูสิ หรือไม่ก็เปิด OSX ให้ลงในแลปท๊อปได้ทุกรุ่นดูสิ ชะตาก็จะไม่แตกต่างเหมือนกัน
แต่คุณก็ต้องยอมรับเช่นกันว่ามีลูกค้าหลายคนที่เอามาลงวินโดวใช้วินโดวโดยไม่แตะ OSX บนแมคเหมือนกัน ส่วนเรื่องจำนวนมากน้อยก็คงบอกไม่ได้คงได้แต่บอกได้แค่ความนิยมใช้ VM บน Mac มันมากแค่ไหน (ซึ่งก็บ่งบอกจำนวนพวกนี้ไม่ได้อยู่ดีแหละ)
มุมมองการขายต่างกันชัดเจนครับ ฝั่ง MS ทำของขายตามความต้องการตลาด ฝั่ง Apple ทำของออกมาขายบังคับตลาดให้ต้องการ ผลเลยอยู่ที่คนซื้อว่าชอบถูกบังคับ หรือชอบแบบตามใจตัวเองอ่ะครับ
น่าจะมีครึ่งพอร์ทครับ แล้วขายอแดปเตอร์แยกอีกที
อาาจะเหี้ยมเกรียมกว่านั้นด้วยการให้มาแค่ Lightning 1 port XD
ดีกว่า usbc ตัวนี้นะครับ
และไม่มีรู jack 3.5 ทุกอย่างเสียบที่ USB c ตัวเดียว
ขำๆอาจจะก้าวล้ำขั้นกว่าด้วยการไร้portต่างๆ และใช้ wireless charging & wireless connectivity แทนทั้งหมด
และแพงขึ้นกว่าเดิม (หรือเปล่า)
แน่นอนนะผมว่า
เดี๋ยวนะทำไมวางตำแหน่งสินค้าแปลกๆอย่างนั้นละมันควรจะเป็น MacBook air > MacBook > MacBook pro สิตามชื่อ MacBook กลายเป็น ultra potable ตั้งแต่เมื่อไร
+1
จากความคิดเห็นส่วนตัว
ตอนเปิดตัว MacBook Air ครั้งแรก "There's something in the Air"
Steve Jobs เอา MacBook Air ไว้ตรงกลางอยู่แล้ว MacBook>MacBook Air>MacBook Pro
จากนั้นก็เอา MacBook บุกตลาดการศึกษา (ใช่เปล่า 55555) แล้วเลิกทำทีหลัง เน้นทำ MacBook Air และ MacBook Pro
จากนั้นคุณทิมก็เปิดตัว MacBook อันใหม่ในฐานะ Ultrabook ที่มีดีแค่จอเรติน่า ไม่มีพัดลม และมีสามสี ก็เลยอยู่ Position เดิม คือ MacBook>MacBook Air>MacBook Pro
ผมว่าไลน์สินค้าถูกแล้วครับ
กลางปีหน้าเลยเหรอ นานไปมั้ง
ตามรอบปกติของแอปเปิลครับ
Coder | Designer | Thinker | Blogger
ผมนึกว่าพี่แกจะเปิดตัว MBA late 2015 ชะก่อน เพราะออก early 2015 ไปแล้ว
ปกติ Mac จะไม่มีการออกสินค้าทับไลน์ตัวเองในปีเดียวกันครับ
Coder | Designer | Thinker | Blogger
เบาลงบางลงได้...แต่ขออย่าให้ประสิทธิภาพลดลงเลย
และที่อยากได้จริง ๆ ... คือราคาลง
Macbook Air Retina สินะ
หวังว่าCPU คงไม่โดนลดเป็น core M นะ
กลางปีหน้านี่คืออีกตั้งหกเดือนเลยนะครับ นานมาก
กริ๊ดดดด จะเอา MBA 15 นิ้วววว
ปล. อยากได้ rMBP ดีไซน์ใหม่มากกว่า
เห็นด้วยว่า ควรจะเป็น rMBP ดีไซน์ใหม่ บางลงกว่าเดิม ใช้ Intel Skylake ซึ่ง ที่ขายอยู่ตอนนี้ ยังใช้ ชิป Broadwell อยู่เลย จะเป็น rMBP 13 และ 15 นิ้ว ตัวใหม่ พร้อม USB-C อย่างน้อย 2 ports รองรับ superspeed USB 3.1, Thunderbolt3.0, DisplayPort, PCI Express and power ต่อจอ 4K ได้อย่างน้อย 2 จอ ส่วน MBA น่าจะยกเลิก เพราะสามารถทำ Body ได้บางเบาและใช้ได้นาน ไม่ต่ำกว่า 13-15 ชั่วโมง
ไลน์ MacBook จะเหลือแค่ MacBook และ MacBook Pro ครบทั้ง 12, 13 และ 15 นิ้ว
จอถอดได้ โดยมีระบบล็อคที่ทำจาก Liquid metal
จอทัชได้ ใช้ดินสอได้
ตื่นครับ ^^"
ตามที่ Craig Federighi เคยพูดไว้ Mac เขาไม่ทำให้จอมันทัชสกรีนได้หรอกครับ
และถ้าวันนึงเกิดจอมัน touch ได้...เชื่อเถอะว่ามันจะได้ชื่อใหม่ที่ไม่ใช่ Mac
^_^
ของแบบนี้เค้าเรียกว่า gimmick ครับ เป็นผู้นำตลาดอยู่แล้ว ถ้าขายดีอยู่เค้าก็ไม่ใส่มาให้หรอกครับ
Apple เค้าไม่แคร์ surface book อยู่แล้วครับ สาวกยิ่งเกลียดด้วย gimmick เยอะไม่เอา
ขอจอ retina เถอะ รอมานานแล้ว
อยากได้ touch id
แอบพยากรณ์เอาเองว่ามันก็คือ Macbook 13 และ 15 นิ้วนี่แหละ (ตัด Air ออก เพราะมันซ้ำซ้อนและไม่บางเบาเท่า Macbook ละ) แต่เป็น Macbook จอใหญ่ขึ้น + performance ที่ดีกว่า (คือใช้ CPU ตระกูล i แทน Core M) แต่ของจริงมารอดูกัน
ผมว่าที่Macbookเริ่มลดจำนวนพอร์ตนี่อาจจะเป็นหนึ่งในแนวทางเพื่อนวัตกรรมบางอย่างก็ได้น่ะครับ
เพราะทุกวันนี้เราก็เชื่อมข้อมูลแบบไร้สายกันมากขึ้น ไม่ว่าจะทางคลาวน์ แนบกับเมลล์ ฝากไฟล์ส่งลิ้ง แชร์ในวงแลน Bluetooth Airdrop
และตัวNBก็มีการทำบอดี้แบบไร้พัดลม ซึ่งก็แปลว่าไม่มีรูระบายความร้อน
ไม่แน่ว่าMacในอนาคต อาจจะเปลี่ยนมาชาร์จไฟแบบไร้สาย ไร้รูเชื่อมต่อ และกันน้ำกันฝุ่น ทำให้สามารถลุยได้ทุกสภาพอากาศยิ่งขึ้น
ตอบโจทย์การทำงานในสภาพแวดล้อมได้หลากหลายยิ่งขึ้น ปัญหาในส่วนของHardwareลดลง เนื่องจากปิดกั้นภายในตัวเครื่องจากสภาพอากาศภายนอกโดยสมบูรณ์ อาจจะมีการประกอบให้ช่องว่าตัวเครื่องภายในเป็นสุญญากาศ เพื่อป้องกันการความร้อนไม่ให้แผ่ไปทำร้ายอุปกรณ์อื่นๆ ส่วนตรงCPU/GPUก็ต่อท่อนำความร้อนตรงใส่บอดี้เลย ระบายความร้อนได้ดีขึ้น
ทั้งหมดที่บอกมาผมแค่ลองพยากรณ์ในมุมมองของผมดูนะครับ แต่ถ้าออกมาได้แบบนี้จริงผมซื้อแน่นอนแม้ความแรงจะไม่พัฒนาเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันเลยก็ตาม