การเริ่มต้นของโลก VR ในปี 2016 ดูเหมือนจะไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบอย่างที่หลายคนคาดไว้ เพราะนอกจากตัวแว่นตา VR ที่หลายคนรอคอยอย่าง Oculus Rift จะเปิดราคาทำคนรอหนักใจถึงเกือบ 600 เหรียญแล้ว ยังต้องใช้กับพีซีที่สเปคแรงเอาเรื่องในราคาขั้นต่ำอย่างน้อย 1,000 เหรียญ ซึ่งในความเห็นของ Palmer Lucky ผู้ก่อตั้ง Oculus บอกว่าสถานการณ์ไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น
เนื่องในโอกาสเปิดตัว Oculus Rift รุ่นขายจริงอย่างเป็นทางการ Lucky ได้ไปตั้งกระทู้ Reddit AMA ให้ผู้ใช้มาถามกันตรงๆ ซึ่งหนึ่งในคำถามที่น่าสนใจก็เกี่ยวกับสเปคอันสูงชะลูดนั้น Lucky บอกว่าการมาของ VR จะช่วยให้ผู้ใช้พีซีสนใจซื้อรุ่นที่ทรงพลังมากขึ้น หลังจากก่อนหน้านี้ไม่มีการใช้งานใดๆ ที่ดึงดูดให้ผู้ใช้ต้องซื้อพีซีแรงๆ โดย Lucky หวังว่า VR จะทำได้เหมือนกับเมื่อครั้งที่ความนิยมเกี่ยวกับวิดีโอสูงขึ้นจนบีบให้ความต้องการใช้งานซีพียูรุ่นแรงๆ มากขึ้นเมื่อครั้งอดีต แต่ถึงกระนั้น Oculus เองก็เริ่มคุยกับ NVIDIA และ Intel เพื่อปรับฮาร์ดแวร์พีซีให้ทำงานกับ VR ได้ดีขึ้น ซึ่งจะช่วยลดค่าตัวได้ในอนาคตเช่นกัน
สำหรับเกม VR ที่ได้ทุนพัฒนาจาก Oculus ทางบริษัทจะได้สิทธิ์ในการวางขายบน Oculus Store แบบเอ็กคลูซีฟ แต่ไม่ได้จำกัดให้ใช้กับ Oculus Rift เท่านั้น ตราบใดก็ตามที่ตัวเกมนั้นรองรับแฟลตฟอร์ม SteamVR (หรือ OpenVR) สรุปง่ายๆ คือไม่ขายที่อื่น แต่ใช้กับแว่น VR อื่นได้
เก็บตกพีซีที่ Lucky กำลังซุ่มทำอยู่ตามแนวคิดที่อยากสร้างพีซีแรงๆ ขนาดเล็กๆ โดยที่ไม่มีฮีทซิงก์ หรือพัดลม ด้วยความที่ตัวเขาคิดว่าการใช้งานไนโตรเจนเหลวนั้นอันตรายเกินไปสำหรับพีซีที่ใช้งานประจำวัน เลยหาทางออกใหม่เป็นระบบทำความเย็นด้วยโพรเพนเหลวแทน แต่ยังไม่ได้โพสต์ภาพมาครับ
ที่มา - Reddit
Comments
lens ของตัว oculus นี่ support สายตาสั้น ถึงเท่าไหรครับ
พีซีที => พีซีที่
ผมก็หวังแบบนั้นเหมือนกันครับ เพราะมันนิ่งมานานเนื่องจากผู้ใช้ทั่วไปพอใจกับความแรงแล้วนี่แหละ
แต่มาจนถึงตอนนี้จะมีคนที่ต้องการจ่ายเหลืออยู่เท่าไหร่นี่สิ
หนัก
ระบบระบายความร้อนยังมีชุดทำความเย็นของตู้เย็นอีกนะครับ
อย่าง tomshardware ก็เคยทำคลิปออกมาตั้งแต่ 10 ปีก่อน
คงมีปัญหาเรื่องการควบคุมความชื้นมั้งครับ
The Last Wizard Of Century.
นอกจากเกมส์ที่ทำมาเฉพาะแล้วเราเอา
แว่นvrตัวนี้ทำอะไรได้อีกหรือครับ?(ณ.ปัจจุบัน)
มีข่าวว่าวงการทำเกมเอาไปใช้ทำ motion capture ด้วยครับ
อย่าคิดถึงแค่เกมสิครับ แอพพลิเคชันที่ไม่ใช่เกมมันก็มี
คือโปรแกรมผมโดนคนถามว่า "เป็นเกมงี้เหรอ" บ่อยมาก (T-T) ทั้งที่ไม่ใช่ VR แต่แค่มันรันอยู่บนคอม
เอามาดูหนังที่ทำมาเฉพาะได้ครับ หรือถ้าหนังธรรมดาก็เอามาเล่นกับพวก App จำลองโรงหนังนี่อย่างฟิน
ใช้ดูหนังก็ได้ครับ เริ่มมีผู้ผลิตทำออกมาแล้วเหมือนกัน เช่น อันนี้ หรือลองดูแบบ youtube360
ส่วนตัวผมชอบตั้งคำถาม "เราทำอะไรกับ VR ได้บ้าง" มากกว่า คนทั่วๆไปยังไม่รู้สึกตัวอย่างหนึ่งคือ ตลาด VR นี่มันเหมือนการเปิดตลาด media แบบใหม่เลย วิทยุเราใช้หูฟังก็ต้องมีความพิเศษด้านเสียง ทีวีใช้ตาดู+หูฟังก็ต้องพิเศษทั้งภาพและเสียง ทั้งหมดมาจากข้อจำกัดการรับรู้ของมนุษย์เราทั้งนั้น เจ้า VR ก็พิเศษตรงที่สามารถหลอกสมองเราให้รู้สึกถึง 'พื้นที่' สามมิติได้ นี่ส่งผลมากมายกว่าที่เราคิดเยอะ เช่น ไอ้ที่เรามีเสียง 5.1, 7.1 อะไรทั้งหลายนั่น พอเอาไปใช้กับ VR จริงๆดันไม่เวิร์ค พอเวลาคนใส่หันหัวเสียงเริ่มไม่เหมาะล่ะ ก็ต้องทำเรื่องเสียงใหม่ (แบบนี้จะยังมีจากอีกหลายบริษัทแน่นอน) ด้านภาพที่ต้องทำให้ดูลื่นไหลไม่งั้นอาจทำให้เกิดอาการคลื่นใส้ในบ้างคน หรือหันเร็วไปภาพจะเริ่มเบลอ ฯลฯ ทุกอย่างต้องคิดใหม่ทำใหม่ในทางที่ไม่มีใครเคยลองมาก่อน คลิปหนังด้านบนเองก็มีปัญหาว่าต้องทำยังไงให้คนดูโฟกัสจุดที่คนทำหนังต้องการ; ถ้าสนใจผมแนะนำสองวิดิโอนี้
สรุป ตอนนี้ไม่มีใครรู้จริงๆว่าต้องทำ'อะไร ยังไง'ถึงจะประสบความสำเร็จบน VR ครับ ความรู้ด้าน VR ทุกคนเริ่มใหม่เท่ากัน ไม่แปลกที่เราสงสัยวนอกจากเกมเราจะเอา VR มาทำอะไรหว่า? ไม่มีใครรู้ครับ ทางผู้ผลิตเองก็ยังไม่แน่ใจนักเลย
ตรงนี้ทำให้ VR เนื้อหอมในมุมหนึ่งเหมือนกัน ลองถ้าใคร 'ซักคน' ทำอะไร 'ซักอย่าง' ออกมาแล้วถูกจุดลงล๊อกล่ะก็ มันจะกลายเป็นมาตฐานวงการได้เลย (เหมือนที่ Call of Duty ดังพลุแตกขายได้มหาศาล จากนั้นก็มีเกมคล้ายๆกันตามมาเพียบ เพราะนั่นเป็นแนวทางที่การันตีแล้วว่าทำแล้วประสบความสำเร็จ กลายเป็นมาตฐานวงการ กรณีแบบนี้จะมีเกิดขึ้นกับ VR แน่ รอดูได้เลย)
ติดอย่างเดียวครับความยุ่งยากของอุปกรณ์ ผมเข้าใจว่าสุดท้ายจริงๆ เราต้องการเสพคอนเทนต์ที่ดีๆ ที่ถูกใจเรามากกว่าคอนเทนต์แบบหรูหราอลังการ ไม่อย่างนั้นการมาของโทรทัศน์หรือวิดีโอก็คงฆ่าวิทยุหรือการเล่นเพลงที่มีแต่เสียงตายไปนานแล้ว หรือแม้แต่ตอนนี้เรามีอุปกรณ์ดูหนังดูละครแบบระบบเสียงรอบทิศทางในบ้านแต่หลายคนก็สามารถนั่งดูหนังดูละครจากมือถือหรือทีวีเก่าๆ ได้อย่างมีความสุข
เห็นด้วยครับ ยังไง Oculus Rift CV1 รุ่นที่จะวางขายมีข้อจำกัดหลายอย่างจริง แต่ในอนาคตอันใกล้ เมื่ออุปกรณ์พัฒนามากขึ้น ราคาลดลงมา รุ่นใหม่ๆลงตลาด มันอาจจะกลายเป็น medium ที่ใช้ง่ายพอๆกับสื่อที่เราคุ้นชิน
เวลานี้มองในมุมผู้บริโภคยังไม่น่าสนใจเท่าไหร่ แต่มองมุม indie developer ล่ะก็ผมว่าน่าสนใจทีเดียว มันจี้ถูกจุดเด็กผู้ชายในตัวผมเลย เราจะท่องเว็บใน VR ยังไหงให้เป็นธรรมชาติ จะอ่านการ์ตูนใน VR ยังไงดี หรือลองเอากล้อง 360' ติดบนโดรนแล้วถ่ายถอดลง VR จะรู้สึกไงหว่า? ฯลฯ น่าลองว่าไหม ฮา
จากมุมมองของผมไม่ใช่แค่ความยุ่งยากในด้านราคาครับ แต่ว่าตราบใดที่มันยังคงต้องใช้แว่นเกะกะอยู่แบบนี้หรือแม้แต่เป็นแว่นที่ต้องเอามาสวมใส่แบบ Google Glass มันก็จะไม่สามารถเกิดได้ หรืออย่างมากก็จะเป็นอุปกรณ์ที่ใช้งานเฉพาะกลุ่มไม่ได้เป็นอุปกรณ์พื้นฐานแบบมือถือ ทีวีหรือวิทยุที่จะมีใช้กันปกติทั่วไป อย่างที่เคยมีท่านหนึ่งเคยพูดถึงทีวี 3 มิติ ที่ตอนนี้ก็แทบจะไม่มีใครชูเอามาเป็นจุดขายกันแล้ว เพราะดันยังไงก็จุดไม่ติด
ก็จนกว่าเราจะสามารถพัฒนาให้มันใช้งานได้ง่ายที่สุดโดยพึ่งพาอุปกรณ์น้อยที่สุดนั่นแหละครับ เมื่อนั้นยุคของ VR ก็คงจะมาถึง
ผมตอบช้าไปหน่อย เพิ่งว่าง
คอมเม้นผมก็ไม่ได้มองแค่ด้านราคาอย่างเดียวครับ
อนาคตไม่มีอะไรแน่นอน แต่เราให้น้ำหนักได้ว่ามันจะดำเนินไปทางไหน ผมให้น้ำหนักไปทางรุ่งมากกว่าร่วง ส่วนที่ว่าแว่นเกะกะทางผู้ผลิตก็ well aware ครับ (สังเกต Mobile VR ชูจุดเด่นไม่มีสายเกะกะ) แต่ด้วยข้อจำกัดเทคโนโลยีปัจจุบันและจะทำขายเชิงพาณิช มันเลยได้แค่นี้ก่อน การสรุปว่าไม่สามารถเกิดได้เลยนั้นออกจะสรุปไวไป ผมขอแย้งว่ามีโอกาศโตกว่าที่คิดครับ
แน่นอนมันจะไม่มี mainstream เปิดตัวมาแป๊บๆไม่กี่ปีคนซื้อใช้มากมายแบบ smart phone หรอกครับ และผมไม่ได้บอกด้วยว่ามันจะนิยมอะไรขนาดนั้น ที่ผมกำลังพยายามพูดก็คือ อนาคตวงการ VR มันน่าลงทุนลงแรงอยู่น่ะ
ขอยกประโยคคลาสสิก การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน มาไว้ด้วย ฮิฮิ
อ้อ ผม aware ถึงกรณี TV 3D ครับ ผมเป็นคนฝั่งที่ไม่เห็นว่า TV 3D จะดีกว่าทีวีทั่วไปยังไง ตอนซื้อทีวีใหม่เมื่อปีก่อนผมก็ไม่เลือก 3D TV ที่อยู่ข้างๆเครื่องที่ซื้อมาเพราะผมไม่เห็นข้อดีกว่า 3D ทั่วไปขนาดนั้น แต่กรณี VR ผมมองว่าไม่เหมือน 3D TV ซะทีเดียวครับ จากที่ศึกษาในเน็ตมาจนปัจจุบันนี่แหละ หลักๆผมศึกษาเพราะอยากลงไปแจมตัดเค้กด้วย เลยอาจจะมองต่างจากมุมผู้ใช้ทั่วไป
ปล. ถ้าให้ผมไปแนะนำ user ทั่วไป ก็จะบอกว่า "รอต่อไปเถิด รอดู HTC Vive ก่อน รอดู Oculus Rift รุ่นที่ 2 หรือ 3 แล้วค่อยคิดอีกทีว่าจะเอาไง แต่ตอนนี้ยังไม่แนะนำ"
:P
ผมก็ไม่ได้พูดตัดช่องว่ามันจะไม่เกิดนะครับ เพียงแต่ว่าดูจากแนวโน้มในตอนนี้มันทำให้คิดว่าน่าจะเกิดได้ยากมาก Hologram ยังดูเหมือนจะเป็นไปได้ง่ายมากกว่า ลองเทียบกับด้านเกมส์ดูครับที่ผมเคยพูดถึงในคอมเมนต์ก่อนๆ บางอุปกรณ์เสริมเกมส์ก็ช่วยให้ประสบการณ์การเล่นดีขึ้นมาก แต่มันก็จะกระจุกอยู่แต่เฉพาะกับบางกลุ่มเท่านั้นเพราะความยุ่งยากของการใช้งานอุปกรณ์รวมถึงราคาที่ค่อนข้างสูง และผมก็เชื่อว่าที่สุดแล้วเราต้องการเสพ content ดีๆ หรือแบบที่ถูกจริตมากกว่าจะเน้นในด้านของความแฟนตาซีของอุปกรณ์ กราฟฟิคอลังการ เช่นเกมส์อย่าง Minecraft เป็นต้น อย่างผมนี่สามารถนอนดูหนังสือซี่รี่ส์ที่ชื่นชอบบนไอแพดหน้าจอเล็กๆ ได้อย่างมีความสุข และถึงแม้จะมีบ้านผีปอบภาค 13 ฉายบน VR ทำให้สามารถเข้าไปมีประสบการณ์วิ่งหนีลงตุ่มได้อย่างเสมือนจริง ผมก็คงไม่สนใจที่จะดูแน่นอน
ซึ่งก็ต้องรอดูกันต่อไปครับ ส่วนตัวคิดว่าถ้าเกินระยะเวลาหนึ่งพยายามดันแล้วมันก็ยังไม่เกิด ก็จะเฟดลงไปตามธรรมชาติของวงการเทคโนโลยีและตอนนี้ผมก็อยู่ในช่วงกลางของยุคของ VR ระลอกนี้แล้ว จะรุ่งจะร่วงก็อยู่ที่ช่วงนี้ ซึ่งร่วงก็คงเหมือนกระแสของ Google Glass ที่ซาลงไปแล้วในตอนนี้ จากนั้นก็คงต้องรออีกสักพักจนกว่าจะมีใครกลับมารื้อและทำออกมาแล้วสามารถเอามาใช้ในชีวิตจริงได้หรือมีเทคโนโลยีอื่นที่ดีกว่ามาแทนไปเลย
เห็นว่ากลุ่ม _V ก็มีโปรเจคเหมือนกันนะครับ แต่พอใช้จริงแล้วกลับใช้งานไม่ได้
ซีอีโอ Oculus บอก VR จะช่วยกระตุ้นความต้องการพีซีสเปคสูงให้มากขึ้น
ใช้งบสูงขึ้นด้วยครับ T_T
ถ้ากระตุ้นแล้วได้ผล งบเท่ากันจะได้แรงกว่าเดิมไงครับ
จะช่วยยอดขาย pc ที่กำลังหดได้มั๊ย
โพเพนเหลว??
The Last Wizard Of Century.
"Oculus เองก็เริ่มคุยกับ NVIDIA และ Intel "
AMD หล่ะ
สเปคไม่แรงพอ...
oxygen2.me, panithi's blog
Device: HP Zbook, iPad Pro, iPhone 15PM, iPhone 16+, Nothing Phone 1
ก็ไม่ได้กากเป็ดขนาดชนตัวขั้นต่ำของOculusไม่ได้นะครับ...
มีของเขาเอง
ไม่มีถ้ายังไม่มี Content ยังไงก็เกิดยาก
VR ทำให้ผมนึกถึงการ์ตูนเรื่อง Gunnm/Battle Angel Alita ครับ
ที่ผู้ใช้สามารถเห็นภาพและเสียงไปพร้อม ๆ กับนักกีฬา motor ball ที่กำลังแข่งจริง ๆ
อย่างตอนนี้เทคโนโลยีกล้องวีดีโอ 360 องศาเริ่มมีมากขึ้น
ถ้ามีบริษัทไหนนำไปใช้ร่วมกัน น่าจะได้กลุ่มลูกค้ามากพอควรครับ
อย่างพวกกีฬาเอกซตรีมทั้งหลาย รถแข่ง อเมริกันฟุตบอล ฯลฯ
ไหนเงินจะหมดกับแว่น VR ไหนจะอัพเกรด PC อีก
แถม Content ก็ยังน้อย ตอนนี้แว่น VR คงเฉพาะกลุ่มจริง ๆ