By: nismod 
on 22 January 2016 - 13:12
Tags:
Topics:
หลังประกาศได้เพียงอาทิตย์เดียว Netflix ก็เริ่มบล็อคผู้ใช้ที่ใช้บริการ proxy หรือ VPN มุดไปยังประเทศอื่นๆ อย่างเช่นสหรัฐฯ เพื่อดูคอนเทนท์ที่จำกัดการฉายเฉพาะบางประเทศแล้ว
อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นมีเพียงผู้ใช้บางรายในออสเตรเลียเท่านั้น ที่ Netflix แจ้งเตือนและขอให้ผู้ใช้ปิดบริการ proxy หรือ VPN ซึ่งคาดว่าอีกไม่นาน Netflix น่าจะเริ่มบังคับใช้มาตรการนี้อย่างแพร่หลายมากขึ้น
ที่มา - Engadget
Get latest news from Blognone
Follow @twitterapi
Hiring! บริษัทที่น่าสนใจ
Blognone Jobs Premium
Cloudnone
- NVIDIA จะไปหยุดที่ตรงไหน ทำไมครองโลกดาต้าเซ็นเตอร์ | Cloudnone EP.22
- ถึงคลาวด์เคราะห์: ทำอย่างไรเมื่อบริการคลาวด์ที่ใช้ถูกยกเลิก | Cloudnone EP. 21
- รู้จักอาชีพ Site Reliability Engineer สำคัญยังไง? | Cloudnone EP. 20
- อธิบาย CrowdStrike ทางเทคนิค ทำไมถึงทำพีซีจอฟ้าเป็นล้านๆ เครื่อง | Cloudnone EP.19
- Kubernetes [Part 2] ยี่ห้อไหนดี งานไหนต้องใช้ แล้วเลือกยังไง? | Cloudnone EP.18
Comments
รออ่านข่าว ว่า อีกสามเดือนยอดผู้ใช้จะตกไปไหมเนี่ย
คนที่อยากอุดหนุนอยากดูก็ดูไม่ได้ เพราะโดนบล็อก ก็หนีไปใช้ผู้ให้บริการรายอื่นแทน หรือกลับมาโหลดบิตเหมือนเดิม......
Get ready to work from now on.
บล็อคเพื่อ เสียประโยนช์ ตรงไหน อยากล้อมกรอบเหรอ
เค้าเรียบกระชับพื้นที่ครับแหมมมมมม ไปเรียกล้อมกรอบก็เกิ๊นไป :p
ปล. ถ้าไม่เจอผมโพสต์หลายวันผมไปเข้าค่ายแถวดินแดงนะครับ
ผมคงโดน ด้วย :P
ทำหนังให้เยอะเท่าเมกาก่อนดีไหม
555 ในข่าวแรกยังมีคนบอกว่าออกมาขู่เฉยๆ เอาจริงสินะ
คห.ข้างบนครับ
Netflixใจจริงไม่อยากblockหรอกครับ
เพราะซื้อlicenseแค่ไม่กี่ประเทศแล้วอาศัยให้คนดูทั้งโลกไปมุดดูเอา
ถ้าจะซื้อlicenseให้คนดูได้ทั้งโลก Netflixเสียเงินตายเลยครับ
โดยปัญหาคือเจ้าของcontentหรือพวกค่ายหนังต่างๆที่ขายlicenseให้Netflixเนี่ยไม่ชอบใจ
เพราะพวกค่ายหนังต่างๆตามปกติเค้าขายlicenseไปให้ตัวแทนในแต่ละประเทศแล้วตัวแทนเหล่านี้ก็จะนำฉายต่อในแต่ละประเทศของตัวเองอีกที
Netflixปล่อยให้คนดูมุดไปดูcontentที่ต้องการในNetflixประเทศอื่นๆโดยไม่ผ่านตัวแทนประจำประเทศที่ซื้อLicenseมาอย่างถูกต้อง พวกตัวแทนก็เลยไปโวยค่ายหนังที่ปล่อยให้Netflixทำแบบนี้ได้ไงทำให้ตัวแทนเสียรายได้
ซึ่งทำให้ทางค่ายหนังมาผลักดันให้Netflixป้องกันลูกค้าของNetflixไปมุดดูข้ามประเทศ
ทำถูกเพราะตัวแทนไม่ได้มีแต่ Netflix ครับ เราจะมองแต่มุมตัวเองว่าเสียประโยชน์ไม่ได้ครับ เพราะฉะนั้นเรื่องไหนดูไม่ได้โหลดแนะนำให้บิทเลยครับ#มันใช่เหรอ - -"
The Last Wizard Of Century.
ทำไมตอนPS1 โซนี่ทำได้ไงขายเครื่องถล่มทลายทั้งยังแผ่นเถื่อนเพียบ
ก็ Sony ขายเครื่องนิครับ ไม่ได้ขายเกมในแผ่น
มันไม่มีคนทำเครื่องเถื่อนขายครับ ถ้ามีคงแย่งส่วนแบ่งจาก sony ได้
หมายถึงบริษัทที่ทำเกมลงทำไมไม่กดดันโซนี่เหมือนที่ NF โดนอยู่ตอนนี้
เพราะเครื่อง ps1 มันเล่นแผ่นปลอมไม่ได้อยู่แล้วครับ ที่เล่นได้คือเอาไปใส่ mod chip ยุคนั้นยังแบนผ่าน internet ไม่ได้ด้วยคือจะแบนเครื่องที่ใส่ mod chip ยังไง พอยุค ps3 ที่ทำได้ เค้าก็แบนกันปกติครับ
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
เท่าที่รู้คนที่เล่นแผ่นก็อปเป็นหลัก (เช่นตลาดบ้านเรา) ถือเป็นส่วนน้อยมาก (เผลอๆ ไม่ถึง 1%) เมื่อเทียบกับตลาดทั่วโลก
เอาง่ายๆ ยอดขายเกมแผ่นแท้ในตลาดยุโรป + อเมริกา + ญี่ปุ่นนี่ก็ทำกำไรให้บริษัทเกมเป็นกอบเป็นกำแล้วครับ
ตราบใดที่ยอดขายในตลาดแผ่นก็อปไม่มากกว่า (หรือส่งผลอย่างสูงต่อ) ยอดขายทั่วโลก Sony ก็คงไม่สนใจที่จะทำการป้องกันเท่าไหร่ครับ
ขอบคุณสำหรับข้อมูลทั้งสองท่านครับ อย่างนี้แสดงว่าคนทั่วไปมุดผ่าน VPN/Proxy เป็นปกติเลย แม้แต่ต่างประเทศก็ไม่คิดว่าเป็นการใช้งานเกินข้อตกลงหรือเปล่า(ผมคิดเอาเองว่าส่วนใหญ่ในบ้านเราไม่ค่อยสนใจเรื่องนี้ถ้าฟรีหรือจ่ายน้อยที่สุดก็จะเลือกทางนั้นทันที)
ผมคิดว่าคุณเข้าใจผิดที่ว่า "คนทั่วไปมุดผ่าน VPN/Proxy เป็นปกติ" นะครับ .. ส่วนใหญ่คนที่มุดผ่านจะเป็นแถบบ้านเรามากกว่า ที่ต้องมุดเพราะจำนวน content ที่ดูได้ในประเทศตัวเองไม่เท่ากับการมุดไปดู content ของประเทศอื่น
เอาง่ายๆ ถ้าผมอยู่อเมริกา หรือประเทศในแถบยุโรป (ซึ่งเป็นลูกค้าหลักๆ ของ Netflix) ผมไม่เห็นความจำเป็นในการมุดเข้า proxy เลยครับ เพราะ content นี่ก็เยอะจนไม่รู้จะดูยังไงหมดอยู่แล้ว
ส่วนเรื่องการใช้งานเกินข้อตกลง เค้าก็ได้แค่เตือนกับป้องกันเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของเจ้าของ content แค่นั้นครับ ส่วนผู้ใช้จะทำตามข้อตกลงหรือเปล่า Netflix เองก็คงเอาผิดไม่ได้
อาจพอบอกได้ว่าต้องการขยายฐานลูกค้าออกนอกอเมริกา ยุโรป ซึ่งอาจจะเริ่มอิ่มตัวแล้วหรือเปล่า
บล็อคลูกค้าแบบนี้เจอลูกค้าบล็อคกลับไม่โกงแน่นอนครับ
จ่ายเงินเหมือนกัน แต่ content น้อยกว่า ไม่แฟร์เลยนะ
แล้วปัญหาอีกอย่างของ Region Lock คือ คนที่ทำงานอยู่ต่างประเทศ (เช่น มาทำงานที่เมืองไทย) หรือคนที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศบ่อยๆ จะทำให้เขาดูยังไงครับ
ล็อคที่ user เลยผมว่าง่ายดี
เนียนสมัครเป็น USA กันหมด
ไม่ก็ล็อคจากบัตรเครดิตตามประเทศ
ก็ทุกวันนี้ก็ล็อคให้สมัครได้เฉพาะบัตรเครดิตของประเทศนั้นๆ นะครับ
account Netflix US ของผม จะใช้บัตรไทยจ่ายมันก็ไม่รับ
สมัคร user ที่ไทยแล้วมุด VPN ไปดูของเมกาได้ โดยใช้ user ไทยคับ
ผมใช้บัตรของ citibank จ่ายได้นะครับ สงสัยเค้าคิดว่าบัตรออกจาก citi ที่อเมริกา
My Twitter
มีให้ดูก็ดู ไม่มีให้ดูก็ไม่ต้องดู
ปล.ผมว่าตัวเอง (ตอนนี้ก็ไม่ได้ดูมันล่ะ หนังซ้ำๆ กับเจ้าอื่น หมดโปรฯฟรีก็ลาล่ะ)
แต่ปัญหาจริงๆของผมไม่ใช่ content ซ้ำ แต่เป็นที่ คุณภาพ
สนใจที่ไหน??
จะบล็อคก็บล็อคไปเหอะ ตัด ช่องทางรายได้ตัวเอง
บ่องตงว่า ไม่รู้สึกอะไรเลย