สองผู้บริหารระดับสูงของแอปเปิล Craig Federighi กับ Eddy Cue ไปออกรายการพ็อดแคสต์ของ John Gruber แฟนคลับผู้ยิ่งใหญ่ และให้ข้อมูลสถิติที่น่าสนใจดังนี้
- Apple Music มีสมาชิกแบบจ่ายเงิน 11 ล้านคนแล้ว
- iCloud มีผู้ใช้งาน 782 ล้านคน โดยนับจากผู้ใช้ที่อัพโหลดภาพขึ้น iCloud อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง
- แอปเปิลมีแผนจะเปิดใช้ฟีเจอร์สั่งงานด้วยเสียงผ่าน Siri กับ Apple TV มาตั้งแต่แรก
- ผู้บริหารทั้งคู่ยอมรับเรื่องแอพของแอปเปิลคุณภาพตกลง โดย Federighi อธิบายว่าแอปเปิลอยู่ตรงกลางระหว่างฝ่ายที่อยากนำเสนอแนวคิดใหม่ๆ เพื่อพัฒนาวิธีการทำงานแบบเดิม กับฝ่ายที่ชอบวิธีการทำงานแบบเดิมอยู่แล้ว ไม่อยากให้เปลี่ยนแปลง แอปเปิลจึงต้องหาจุดสมดุลที่เหมาะสมระหว่างทั้งสองกลุ่มนี้
ที่มา - Daring Fireball, The Verge
Comments
ขำตรง แฟนคลับผู้ยิ่งใหญ่ lol
ขนาดผู้บริหารยังยอมรับ พวกแฟนแอปเปิ้ลก็ควรยอมรับบ้าง ผมเห็นไปว่าคนที่วิจารณ์แอปเปิ้ลด้วย ไล่เขาไปใช้อย่างอื่นอีก
ที่นี่มีคนที่เถียงแบบนี้ด้วยเหรอครับ ?
เปล่าครับ ผมเห็นที่อื่น
ผมใช้ทั้งสองค่ายเรือธงด้วย
สรุปว่าถูกใจ Apple มากกว่า
จะเรียกว่าแฟนบอย Apple ก็ได้ แต่ก็ยอมรับนะครับ
ตอนนี้ขนาดแอพ Music ที่เอาไว้เปิดเพลงผมว่ามันสับสนมาก
วันนี้ผมเพิ่งเอา iphone ให้แฟนใช้ เพราะรู้สึกมันเอ๋อๆ เลยกลับไปใช้ huawei p8 แทน ยอมรับว่าใช้แล้วรู้สึกมีระดับ แต่ด้วยข้อจำกัดด้านการส่งรูปถ่ายต่างๆ ให้กันผ่านบลูทูด มันยุ่งยากเลยเลิกใช้ ไอ้เรามันก็ไม่มี net adsl เหมือนคนอื่นเขาแค่เอามาส่งไฟล์ให้กัน 4GB speed เร็วสุด หายจ้อยไปกับการส่งภาพให้กันเซ็งเลย
ที่ผมถูกใจ Apple ไม่เกี่ยวกับเรื่องมีระดับอะไรเลย
ข้อดีของ Android เป็นสิ่งที่ผมไม่ได้ใช้
เช่น โอนไฟล์ ปรับแต่ง เล่นรอม(อันนี้ขี้เกียจเอง)หรือต่ออุปกรณ์ภายนอก ...
แต่ข้อเสียของ Android จะหาทางแก้มันก็แก้ได้แต่มันมีมากวนใจเรื่อย ๆ
เช่นลง app บางตัวไม่ได้เพราะไม่ซัพพอร์ต เพราะใช้ Nexus ที่เวอร์ชั่นใหม่กว่า
หรือตอนใช้ Galaxy S2 เครื่องร้อน แบตหมดเร็ว เครื่องดับเอง
ผมอาจจะไม่ถูกชะตากับ Android เองก็ได้
และที่สำคัญ ซื้อแอพกับเพลงกับ Apple ไว้เยอะแล้ว
อืม มีเหตุผลตรงซื้อแอปเยอะนี่เอง ถ้าเป็นผมก็คงไม่ย้ายครับ 55
ขอร่วม discuss ด้วยนะครับ ^^"
ผมใช้ Android 5.1.1 Note 4 อยู่ ส่วนตัวผมไม่เคยเจอปัญหาลง app ไม่ได้เลยนะครับ จากประสบการณ์ลงแอพบนเครื่องนี้ 100% ซัพพอร์ตหมดทุกตัวครับ ตรงนี้ผมว่าถ้าเราใช้มือถือเรือธงกระแสหลัก ปัญหาเรื่องนี้คงน้อยมากๆ ครับเพราะ dev ก็ต้องทำแอพรองรับผู้ใช้ส่วนใหญ่อยู่แล้ว
Android อาจจะมีปัญหากันมาตลอดเรื่อง fragmentation (แลกกับความหลากหลายของอุปกรณ์มากๆ) แต่ถ้าเรากลัวปัญหาเรื่องนี้ แล้วยอมเลือกมือถือกระแสหลักใช้ซะ ปัญหาเรื่องนี้จบเลยครับ (ฟังเหมือนน่าขัดใจและดูผิดหลักการเปิดกว้างของ Android แต่ในฝั่ง Apple ก็ไม่ต่างกันคือมีให้เลือกแค่ไม่กี่รุ่นเช่นกัน)
เรื่องความเสถียรของตัวเครื่อง ผมว่า Galaxy S2 มันรุ่นเก่ามากแล้วครับ อาจจะเปรียบเทียบกับ Android ตัวใหม่ๆ ในยุคนี้ไม่ได้ ผมว่าตอนนีัฝั่ง Android ก็พัฒนาไปพอสมควรทั้ง Hardware และ Software อย่าง Note 4 ที่ผมใช้ตอนนี้ ถือว่าแรงพอตัวเลย จอก็ละเอียดมาก แต่ไม่ร้อนเลย (ตอนนี้ผมพิมพ์จากบน Note 4 อยู่ เครื่องแทบไม่ร้อนเลยครับ แค่อุ่นนิดๆ ยิ่งถ้าใส่เคสยิ่งไม่รู้สึกว่ามันอุ่นเลย) และไม่เคยเจอดับเองเลย อย่ามากก็รีสตาร์ทตัวเองซึ่งตลอดเวลาที่ใช้มาเจอแค่ 5-6 ครั้ง เรียกว่าเจอได้น้อยมากจนไม่ส่งผลต่อการใช้เท่าไหร่
แต่ปัญหาเรื่องแบตหมดเร็วนี่ ยังมีอยู่แน่นอน หงุดหงิดมากด้วย 555 ทว่าผมใช้มันเยอะด้วยแหละ และเพราะจอมันใหญ่+ละเอียดจริงๆ เลยพอยอมรับได้ แลกกับหน้าจอใหญ่ฟินนี่มันก็คุ้มกับการพก powerbank แล้ว อีกอย่างคนรอบตัวผมใช้ iphone 5-6 ก็เห็นต้องหอบ powerbank ติดตัวไม่ต่างกัน
เรื่องข้อดีของ Android อย่างการปรับแต่งเนี่ย อย่างผมแทบไม่ได้ปรับแต่งอะไรจากค่า default เลยครับ ขนาด Wallpaper ยังเป็นรูปเดิมของเครื่องเลย 555 เดิมๆ แบบไม่รูท เรื่องเล่นรอมนี่ไม่ต้องพูดถึง ที่ใช้มาผมว่ารูปแบบเดิมๆ ที่ซัมซุงเซ็ตไว้ให้ก็ใช้งานได้ดีแล้ว สวยงาม ลื่นไหล ใช้ง่าย ไม่มีความรู้สึกว่าอยากเปลี่ยน ตัว touchwiz รุ่นใหม่ๆ เองผมก็ว่ามันโอเคแล้วนะ ดังนั้นผมเองก็ใชัรอมเดิมๆ ค่าเดิมๆ นี่แหละ เหมือนหลายๆ ท่านที่ชอบ iPhone เพราะไม่อยากเสียเวลาชีวิตเพื่อปรับแต่งหรือเล่นรอมอะไร สำหรับผม ผมก็ว่าเหมือนๆ กัน ใช่ว่าใช้ Android แล้วจะต้องมาปรับแต่ง เล่นรอมกันซะเมื่อไหร่ ไม่รู้ว่าทำไมมันกลายเป็นชุดความคิดแบบนั้นไปได้ (อาจจะเพราะประสบการณ์ที่แย่ของหลายๆ คนสมัย Android 2.x ละมั้งครับ)
ส่วนเรื่องโอนไฟล์ต่างๆ นี่ผมใช้หนักมาก ถึงกับต้องพก USB-OTG ติดตัว ซึ่งสำหรับผมเป็นอะไรที่ตอบโจทย์ชีวิตมากๆ
ผมเองก็เคยใช้ iPhone 5s มาสัปดาห์นึง ทนไม่ไหวมากๆ กับ iOS แบบแทบจะปาทิ้ง เพราะมันปิดกั้นไปซะทุกอย่าง แม้แต่ตั้งค่ากล้องถ่ายรูปก็ยังปรับอะไรไม่ได้เลย (ต้องไปโหลดแอพมาเพิ่ม นี่คือใช้ง่าย ประสบการณ์การใช้งานดี?) ก็อาจจะเป็นที่รูปแบบการใช้งานส่วนตัวที่แตกต่างกันก็ได้ครับ ^^"
ทุกอย่างผมเห็นด้วยครับ แต่เรื่องกล้อง point and shoot คือยกมาแล้วไม่ต้องปรับอะไรเลยตรงนี้ยังไงผมว่า Apple ก็ยังคงทำงานได้ดีในระดับแนวหน้าครับ
ตอบคุณ illusion นะครับ
ผมก็เล่นหลายรุ่นอยู่นะครับทั้ง flagship ทั้ง budget phone
S2 S3 Nexus7 2013 ก็ซื้อตอนนออกใหม่
S2 นี่เก่าแล้วผมเปรียบกับ 3GS ที่ออกมาพร้อม ๆ กัน ผมว่าพอเปรียบกันได้นะ
ผมชาร์จเต็มถอดปลั๊กนอน ตื่นเช้ามาแบตหมด บางคืนตืนมาเข้าห้องน้ำ
เห็นหน้าติดขึ้นมาเอง ปล่อยทิ้งไว้ก็ไม่ยอมดับเองทั้งที่ตั้งไว้แล้วให้ปิดหน้าจอหลัง 2 นาที
บางทีคุย ๆ อยู่เครื่องรีสตาร์ทเอง คุยคนเดียวอยู่ตั้งนาน ล้างเครื่องใหม่ก็ไม่หาย
Nexus 7 2013 ผมก็เปรียบเทียบกับ iPad 2 ที่ออกมาก่อน
ตอนนี้ยังทำงานได้ดีปีนี้ไม่รู้จะยังอัพได้หรือเปล่า ส่วน Nexus 7 ลงกล่องเก็บของเรียบร้อยแล้ว
Nexus 7 ตอนซื่อมาใหม่ ๆ ลงแอพของธนาคารที่ผมใช้อยู่ไม่ได้
รอมาปีกว่าจนเลิกใช้ก็ยังลงไม่ได้ สำหรับบางคนมันอาจไม่ได้เป็นปัญหาที่ Android
เป็นความผิดชอบdevก็จริง แต่สำหรับผมมันทำให้หงุดหงิดเวลาอยากเล่นแอพที่หาเจอในplay storeแล้วลงไม่ได้
เรื่องการปรับแต่ง Android ผมยกมาเพราะว่าเวลาพูดถึงข้อดี ทางฝั่งคนใช้ Android มักจะยกมาเสมอ
ผมเองตอนเล่นคอมใหม่ ๆก็บ้าปรับแต่งจนคอมเล่นจนเน่าแล้วลงใหม่บ่อย ๆ
หลัง ๆทุกอย่างคืนสู่สามัญ wallpaper desktop ยังขี้เกียจเปลี่ยน
เรื่องโอนไฟล์พูดไปแล้ว ส่วนเรื่องกล้องจะกล้องอะไรดีแค่ไหนผมก็ถ่าย Auto หมดเพราะไม่มีความรู้เรื่องนี้เท่าใหร่
เรื่องแบตผมเล่นแค่แบตหมดก็พอและผมพกiPadกับมือถือธรรมดาแบตiPadหมดผมก็ยังใช้โทรศัพท์ได้อยู่
ก็อย่างที่ผมบอก ข้อดีของ Android มันมีมากแต่มันไม่ตรงกับความต้องการของผม
และผมก็คิดว่าคนที่ใช้ชอบ iOS บางส่วนก็เพราะมันตรงกับวิถีชีวิตไม่ใช่เพราะติดหรูเพียงอย่างเดียว
ส่วนตัวผมว่า Android ถ้าเรื่องการพัฒนา App มาซักตัว ด้าน Fragmentation คิดว่าไม่ใช่ปัญหาหนักหนาอะไรนะแก้ง่ายเอามากๆ (ที่เห็นยังมีบาง App มีปัญหาอยู่ตอบได้อย่างเดียวผู้พัฒนามันอ่านคู่มือแล้วงงแหงๆ) แต่ปัญหาหนักหนาจริงๆ ของ Android คือ มันไม่แก้ Bug SDK มากกว่า Bug บางตัวนี้เรื้อรังหลายปียังไงก็ยังอยู่เหมือนเดิม
คือ จะเรียกว่า Google มันไม่รับฟัง Feedback จาก Dev เลยก็ว่าได้หากคุณไปรายงาน Bug ถ้าเทียบกับ Apple รายนั้นตอบกลับช้าหน่อย แต่อย่างน้อยพี่แกตอบกลับทุกตัว = =)
ล่าสุดเพิ่งแก้เรื่อง low latency audio หลังจากเปิดมาเกือบทศวรรษ :)
แอนดรอยมี Apple Music นะครับ!!
เชื่อว่าเดี๋ยวต้องมีคนสับสนคำว่า "แอพของแอปเปิ้ลคุณภาพตกลง" กับ "แอปเปิ้ลคุณภาพตกลง"
มันแปรผันตามกันอยู่ครับไม่มากก็น้อย เพราะคุณภาพงานสะท้อนคุณภาพบริษัทเช่นกันครับ
มันก็สื่อไปในทางเดียวกันนั่นแหละ
สำหรับผมว่ามันตกลงทั้งสองอย่างแหละครับ
กับบริษัทที่มีจุดขายที่ Software การที่แอพคุณภาพลดลงย่อมสื่อถึงตัวบริษัทที่มีคุณภาพลดลงด้วยครับ
ป.ล. จุดขายของ iPhone อยู่ที่ iOS จุดขายของ MAC อยู่ที่ OSX
ผมว่าช่วงหลังๆ มันรวนๆ นะครับ ตัว update บอกว่ามีแอปต้อง update อยู่สองรายการ แต่พอเข้าไปกลับกด update ไม่ได้
บน iPad2 iOS 8.x เวลามีอัพเดต จะมีแอพ 1 หรือ 2 ตัวที่อัพเดตไม่สำเร็จเสมอ ต้องกดยกเลิกแล้วกดอัพเดตใหม่
คิดเอาว่าอาจเป็นเพราะฮาร์ดแวร์มันเก่าแล้ว เลยไม่ใส่ใจมาก
คนขี้ลืม | คนบ้าเกม | คนเหงาๆ
iPad Air 2 ก็เจอแบบเดียวกันนี่แหละ หลัง ๆ เจอเกือบทุกครั้งเลย มันไม่เกียวกับเครื่องรุ่นเก่าแล้วล่ะ แต่เพราะ iOS มันห่วยลง
รู้ตัวแล้วรีบปรับปรุงนะ...
iPhone7 สำหรับวิธีทำงานแบบเดิม กับ iPhone7s สำหรับวิธีทำงานแบบใหม่ ...แล้วมาดูผลกัน :3
แอพคุณภาพห่วยไม่เท่าไหร่
แต่แอพจ่ายตังไปแล้ว แต่แอพหายไป พวก vdownloader แอพโหลตคลิบ youtube นี่น่าโมโห
ทีแอนดรอยซื้อแอพมา 6 ปีอยู่ครบ แต่แอพฝั่ง ipad iphone ทยอยหายไป หมายความว่าไง
ซื้อแอพใช้ชั่วชีวิตนะครับ ไม่ใช่ใช้ชั่วคราว
อันนั้นแอปละเมิดลิขสิทธิ์นี่ครับ แต่ก็นะแอปเปิลก็ไม่ควรปล่อยให้ขึ้นแอปสโตร์ตั้งแต่แรก
พวกนั้นแอพละเมิดครับ ขึ้น store ก็รอวันโดนปลด
แต่บางรายเอา feature download ออกก็อยู่ต่อได้
แต่ก็จะโดนด่าใน review แทน
เหมือนพวก emu ที่แอบซ่อนฟีเจอร์ไว้
ปรับปรุงวัสดุด้วยนะครับ
ผมไม่เชื่อว่าการอยู่ตรงกลางมันจะช่วยให้บริษัทสามารถดำเนินไปในทิศทางที่ดีได้ มันต้องเอียงไปฝั่งใดฝั่งหนึ่งให้มากกว่า และมีคนที่มีวิสัยทัศน์ที่ดีมาเป็นคนนำ ไม่งั้นมันก็จะวนอยู่ในลูปเดิมไม่รู้จักจบสิ้น
สมมติสถานการณ์ในห้องประชุม อันนั้นดีนะ อันนี้ดีนะ โอเคเอาเป็นว่าเอาส่วนดีของแต่ละคนมาใส่ให้หมดเพื่อไม่ให้เจ็บช้ำน้ำใจกัน กลายเป็นว่าฟีเจอร์เพียบ OS บวมเป่ง ข้อดีของแต่ละอย่างไม่ได้มาจากที่เดียวกันหรือพื้นฐานแนวคิดเดียวกันทำให้ตัวฟังก์ชั่นมีโอกาสทำงานขัดกันได้สูง อย่างที่เห็นได้จากเคสท้องป่อง, วิธีชาร์จ Apple Pencil Magic Mouse, หรือตัวหนังสือตัวเล็กๆ สำหรับกลับไปแอพก่อนหน้าในมุมบนซ้าย รวมถึงความ complexity ใน Apple music
มันไม่ต้องหาจุดสมดุลอะไรหรอกผมว่า
แค่เอาการใช้งานพื้นฐานแบบเดิมๆไว้ที่เดิม ส่วนการใช้งานพวกลูกเล่นใหม่ๆก็แค่ทำเสริมลงไปตรงที่มันยังว่างอยู่ หรือไม่ก็ใส่รวบยอดไว้ที่ปุ่มAdvanceก็ได้ ส่วนวิธีการใช้งานใหม่ๆเดี๋ยวก็ค่อยเรียนรู้กันไป และในส่วนของMenuตั้งค่า ก็อย่าขยันสลับที่ได้มั้ย เดี๋ยวย้ายนู่นมานี่ ย้ายนี่ปนั่น กลัวคนหาที่เปิดปุ่มAssisเจอง่ายๆ จนไม่ได้ค่าเปลี่ยนปุ่มโฮมเหรอ และก็ทำFirmwareให้มันเสถียรก่อนค่อยปล่อยออกมาได้มั้ย จำนวนรุ่นก็น้อยกว่าคนอื่นแล้วยังจะขี้เกียจทดสอบอยู่เหรอ
Ipad mini1 เผลอตั้งอัพเดท auto เลยกลายเป็น9.1.2 อยากกลับไป7.1.2ทำได้ไหมครับ
The Last Wizard Of Century.
Apple Music เข้าขั้นเลวร้ายเลยหล่ะ ใช้ยาก งงงวยมาก
+1 Apple Music ลองเปิดใช้ดูแล้วถึงกับงง
oxygen2.me, panithi's blog
Device: ThinkPad T480s, iPad Pro, iPhone 11 Pro Max, Pixel 6
+6s ถ้า Apple Music คือผลลัพธ์จากการที่ยึดจุดสมดุลที่ว่า ก็ควรเอียงกลับไปอยู่จุดเดิมจะดีกว่า
ไม่สุดสักทาง อาจเป็นเพราะว่าอำนาจกระจายศูนย์มากไป
ผมขอเสนอความหิดเห็นหน่อยนะครับ พูดได้เต็มปากหรอครับว่า "ข้อดีของ Android เป็นสิ่งที่ผมไม่ได้ใช้" แต่ผมว่าไม่น่ามีให้ใช้มากกว่า เลยเป็นไปตามกฎของความเคยชินมากกว่า
-แอพทำงานพื้นหลังหลายแอพพร้อมกัน
-ถ่ายโอนรูป เพลง วีดีโอ ปริ้นเอกสาร แบบไร้สาย
-เป็น flash drive ไปในตัว
-การทำงานของแอพมีอิสสระกว่าเยอะ ios ปรับแสงจนเหลือ 0 แบบเปิดหน้าจออยู่ได้ประครับ
-การรองรับโฟรเดอร์ภายในเครื่อง
-sd card
-OTA sync
-quickchange
ซึงยังมีอีกเยอะ จนจำไม่หมดเลย ถ้าไมได้ใช้ ผมว่า "น่าจะเปลียนเป็นไม่มีให้ใช้" จะเหมาะกว่านะครับตรงตามตัวเลย
เล่น ios นี่น่าหงุดหงิดกว่า android อีกครับ โดนเฉพาะเล่นเกม ชอบไปโดน Slide Over หรือ Control Center ทำให้เครื่องช้าลง แถมปิดไม่ได้ด้วย แอพที่ไม่ใช้ก็ซ่อนไม่ได้รกหูรกตามาก
แถมไม่อัพเดทราวฯ 2เดือนมันแจ้งเตือนทั้ง 60ครั้งเลย ของที่ไม่ใช้อย่าง apple music จะไปอัพเดททำไม ไม่รู้
อ่านไปอ่านมาเหมือนเอาข้อดีหลายๆ ตัวมารวมกันแฮะ = =)?
อ๋อแล้วเรื่อง
-ถ่ายโอนรูป เพลง วีดีโอ ปริ้นเอกสาร แบบไร้สาย? ทำได้หมดนิ แถมไม่ต้องเปิดเครื่องก็ได้ลากใส่ Cloud Drive แล้วเอาไปเปิดดูทีหลังก็ได้
-iOS ปรับแสงจนเหลือ 0 แบบเปิดหน้าจออยู่ได้ครับ จริงๆ เขียนจากบน App เองให้ใส่คำสั่งห้ามปิดจอไปโต้งๆ ก็ได้
-Slide Over กับ Control Center มันปิดได้นะ
ปิดยังไงลำคาญ มือชอบเลื่อนไปโดน
แล้วถ้าส่งผ่านอุปกณตรงฯแบบ NFC กับ bluetooths มันทำได้ปะหละครับ ไร้สายมันไม่ใช่มีแค่ตัวสองตัวนะ ส่งผ่านอุปกณโดนตรงกับยี่ห้ออื่นยังไม่ได้เลย
ปิดได้ครับเข้าไปดูใน Setting ให้ดีมีวิธีปิดอยู่ ทำไม่เป็นก็ใช้ Google ให้เป็นประโยชน์
ส่วนตัวส่งไร้สายผมไม่มีปัญหานะ เพราะมีแต่ Mac + AirPort
ในทางกลับกัน Android ส่งมาหา Mac ผ่าน Bluetooth เวลาใช้งานจริงค่อนข้างลำบาก ติดๆ ดับๆ โอน file อย่างอืด แถมต้องวุ่นวายไป Set ค่าโน่นนี่ให้เสียเวลาอีกต่างหาก
ปัญหามันน่าจะอยู่ที่ "มันรับ-ส่งไฟล์ไร้สายกับชาวบ้านเค้าได้รึเปล่า" มากกว่านะครับ
ผมไม่รู้ว่า Apple เปิดมาตรฐานขนาดไหน แต่อย่างน้อยๆ ทำแอปมาลงก็น่าจะได้
ใช้ไม่ใช้มันแล้วแต่คนหรือเปล่า ผมใช้ Android แต่ผมแทบไม่ได้ใช้สิ่งที่คุณว่ามาเลย (รุ่นผมไม่มี sd card และยังไม่มี quick charge)
แต่ละคนใช้งานไม่เหมือนกัน และถ้าข้อดีมันไม่ได้ใช้มันก็ไม่ใช่ข้อดีสำหรับเค้า (ผมเลือกใช้ Android เพราะข้อดีคือคุ้มราคากว่า ไม่ใช่สิ่งที่คุณว่ามา)
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
มีไว้ดีกว่าไม่มีไม่ใช่หรอครับ แต่ละคนใช้งานไม่เหมือนกัน ไอรุ่นที่ไม่มี sd card ผมไม่ซื้อแน่ แถม quick charge ยังช่วยให้ประหยัดเวลาไปเป็น ชม. ดีกว่ารุ่นที่ไม่มีเยอะ
อารมณ์แบบ Bloatware ที่ยัดมาในรอมหรือเปล่าซึ่งมีมาให้เพียบใช้ไม่ใช้ก็ไม่รู้ใส่มาให้เยอะๆ ก่อน
ไม่เหมือนครับ พวกที่ว่ามาไม่ใช้ไม่เป็นไร ถ้าสักวันจะใช้ก็ได้เลย ถ้าไม่ติดเครื่องมาพอจะใช้จริงๆ ก็ใช้ไม่ได้ แต่พวก bloatware นี่หนักเครื่องโดยไม่ได้ใช้ ซึ่งถ้ามันไม่ติดเครื่องมา พอจะใช้เราก็สามารถหามาลงได้เลย