Dennis Nicholl ชายวัย 63 ปี ผู้อาศัยอยู่ใน Chicago ถูกจับกุมในขณะโดยสารรถไฟสาย Red Line เขาโดนแจ้งข้อหาหนักจากการแอบใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รบกวนสัญญาณโทรศัพท์มือถือในระหว่างการเดินทาง
Nicholl เดินทางด้วยรถไฟสาย Red Line ไปทำงานทุกวัน ผู้โดยสารรถไฟสายนี้ได้แจ้งร้องเรียนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเรื่องปัญหาสัญญาณโทรศัพท์ที่ขัดข้องอยู่เป็นนิจมานานตลอดระยะเวลาหลายเดือนหลัง ในขณะที่ยังไม่มีใครค้นพบสาเหตุของปัญหานั้นเอง ผู้โดยสารรายหนึ่งรู้สึกไม่สบายใจจนถึงขนาดโทรหาหน่วยฉุกเฉิน 911 นั่นเป็นที่มาของการสืบสวนสอบสวนเรื่องนี้โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ
จากการสืบสวนร่วมกับหน่วยงานขนส่งของ Chicago และคณะกรรมการสื่อสารของรัฐ เมื่อทางตำรวจได้รับภาพของ Nicholl ถืออุปกรณ์กวนสัญญาณมือถือสีดำ พวกเขาจึงส่งเจ้าหน้าที่แฝงตัวเข้าไปนั่งโดยสารข้าง Nicholl และทำทีเป็นหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาใช้งาน และแน่นอนว่าเมื่อเจ้าหน้าที่มีปัญหาในการโทรออก เขาก็แสดงตัวจับกุม Nicholl พร้อมของกลางเครื่องกวนสัญญาณในมือแบบคาหนังคาเขาได้ทันที
สำนักข่าว Chicago Sun-Times รายงานว่าอุปกรณ์ที่ Nicholl ใช้มีเสาอากาศ 5 ก้าน มันเป็นของที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ซึ่ง Nicholl รู้ดีว่าเป็นของผิดกฎหมาย
Nicholl เคยมีประวัติโดนจับกุมจากการก่อกวนสัญญาณมือถือมาแล้วเมื่อปี 2009 โดยครั้งนั้นเขาโดนข้อหาลหุโทษเท่านั้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ริบอุปกรณ์กวนสัญญาณไปทำลายทิ้ง แต่การก่อเหตุในครั้งนี้ Nicholl ถูกตั้งข้อหาหนักขึ้นฐาน "ก่อกวนการใช้งานสาธารณูปโภค" โดยตอนนี้เขาถูกจองจำ และต้องใช้เงิน 10,000 ดอลลาร์หากต้องการประกันตัว
ทนายของ Nicholl ได้กล่าวในชั้นศาลว่า ลูกความของเขาลงมือกระทำการไปเพราะรำคาญเสียงคุยโทรศัพท์ของคนอื่นๆ ในระหว่างการนั่งรถไฟ หวังว่าสังคมบ้านเราจะไม่มีใครเหลืออดแล้วทำอะไรแบบ Nicholl
ที่มา - Gizmodo
Comments
คิดเล่นๆ ถ้าเอาไปทำในโรงหนังก็คงดี รำคาญคนไม่รู้จักกาละเทศะ
ว่าแล้วผมก็เจอกับตัวเมื่อวาน.....กลุ่มหนุ่ม(น่าจะเกาหลี)นั่งอยู่แถวหน้าผม เอามือถือขึ้นมาดูบ่อยๆแชทอยู่นั่นแหละ....ขาทั้งข้างผมมันกระตุกๆอยู่ตลอด ต้องคอยยับยั้งไม่ให้ทำลงไป ไม่งั้นเดี๋ยวเรื่องยาว
ป.ล. เปิดcontrast แบบเต็มด้วยนะ หยิบขึ้นมานี่สว่างว๊าบเชียว คือแล้วก็ไม่ได้มีคนเดียว มากันห้าคนแล้วผลัดหยิบกันดู -*-
อาจารย์ผมตอนป.ตรี เคยคิดคิดหัวข้อโปรเจ็คงี้ให้นะ แน่นอนว่าโดนด่า
นั่งรถทัวร์ก็ด้วย สมัยก่อนเคยเจอโทรทั้งคืน ไม่เกรงใจคนในรถเลย ไม่รับพวกที่ไม่ปิดเสียง ไม่รู้จะโทรอะไรหนักหนา สมัยนี้ก็ไม่แพ้เปิดมาเล่นไลน์ เฟซ เกม แสงมารบกวนคนอื่น น่าจะมีสอนมารยาทการใช้มือถือด้วยก็ดี
เป็นเหตุผลหลัก...ที่ทำให้เข้าโรงหนังน้อยลงมาก
เข้าใจว่ามันเป็นสถานที่สาธารณะไม่ใช่ที่ส่วนตัว
แต่มารยาทในการดูหนังมันแย่ขึ้นเรื่อย ๆ
บางคนคุยกันตั้งแต่ต้นเรื่องยันหนังจบ...คือ...ทำไมไปคุยกันข้างนอก(วะ)
ทุกวันนี้ผมดูหนังรอบดึก ไม่ก็ดูโรงที่ไม่ใช่ของSFหรือMajorแทน
โชคดีหน่อยแถวบ้านผมมีเครือNevadaอยู่ เพราะรู้สึกคนแถวนี้เค้าติดแบรนด์ Nevadaแทบไม่มีคนเลย เคยไปดูDeadpoolทั้งโรงมีผมดูคนเดียวมันก็ฉาย ดูหนังฟินมาก เหมือนมาเช่าHome Teatre เค้าดูเลย ถูกกว่าเปิดแอร์ดูอยู่บ้านอีก 555
แม้มันจะไม่ฉายเครดิตจนจบ แต่ผมก็ถือว่าโอเคกว่าการเข้าไปอารมย์เสียกับพวกไม่รู้จักกาละเทศะในโรงหนัง โฆษณาก็ไม่มี ตัวอย่างหนัง3อัน เพลงสรรเสริญ Dolby ฉายเลย
ทุกวันนี้ผมอาศัยเลี่ยงไปดูช่วงที่คนน้อยๆ แบบคุณเลยครับ ถือว่าเป็นความสุขอย่างหนึ่งของคนต่างจังหวัดเลยมั้ง แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะรอดทุกครั้ง อย่างล่าสุดเจอนักพากย์นั่งข้างหลังเสียอารมณ์ดูหนังมากครับ
ใส่หูฟังเพลงก็จบแล้ว
โทรไปจรวดบ้านเราเขาจะสืบสวนแบบนี้ไหมน้อ
ถ้ารถไฟฟ้าบ้านเราคงไม่มีตัดสัญญาณมือถือ แต่อาจทุบลำโพงรถไฟฟ้าแทน เสียงโฆษณาน่ารำคาญกว่าทุกสิ่งในนั้น ความห่วยแตกที่คนกรุงเทพต้องจำทนจริงๆ ญี่ปุ่นนี่ไม่มีเลยนะครับ ถึงเปิดโฆษณาแต่ไม่มีเสียงเลย
"With the first link, the chain is forged. The first speech censured, the first thought forbidden, the first freedom denied, chains us all irrevocably."
ลุงใช้อินเอียร์ที่มี noise cancelling ซิ ถูกกว่าค่าปรับซะอีก
ข้อหา unlawful interference with a public utility คำว่า public utility ควรจะแปลว่า "สาธารณูปโภค" มากกว่าครับ
//
ลองเสิร์ชดูเร็วๆ ชื่อข้อหานี้น่าจะเป็นกฎหมายของรัฐอิลลินอยส์ ตอนแรกคิดว่าใช้กฎหมายระดับ federal (ที่ FCC ดูแล) แต่ข้อหานี้อาจจะหนักกว่า
หูฟังแบบตัดเสียงรบกวนถูกกว่ามั๋ย
แต่ ตร เค้าน่าเชื่อถือ ใส่ใจดีจัง
ผมว่าดูแล้วออกจะเป็นแนวโรคจิตนิดๆ นะครับ เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทำอะไรแบบนี้