เมื่อวานนี้ Tesla Motors ได้เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นเล็ก Tesla Model 3 เป็นที่เรียบร้อย ที่ดีไซน์สตูดิโอของ Tesla ณ เมือง Hawthorne รัฐแคลิฟอร์เนีย รายละเอียดหลักๆ เกี่ยวกับตัวรถอ่านได้จากข่าวเก่า แต่ในงานยังได้เปิดเผยข้อมูลอื่นๆ อีกบางส่วน ผมจึงรวบรวมมาอีกทีนะครับ
Tesla Model 3
แผนการขั้นสุดยอดของ Elon Musk ซีอีโอของบริษัท คือการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่คนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ และผลิตในจำนวนมาก แต่ก่อนจะทำเช่นนั้นได้ต้องโชว์ให้โลกเห็นก่อนว่ารถยนต์ไฟฟ้าไม่ห่วยและหน้าตาน่าเกลียด Tesla จึงออกรถยนต์รุ่นแรก Tesla Roadster ซึ่งขายแพงและผลิตจำนวนน้อย กล่าวคือทำมาโชว์เป็นหลัก และเพื่อทลายกำแพงความอคติต่อรถยนต์ไฟฟ้าในผู้คนทิ้งเสีย
Tesla Roadster รูปโดย Plug in America
ต่อมาจึงออก Tesla Model S รุ่นยอดนิยม ซึ่งผลิตจำนวนมากขึ้น (แต่ยังไม่เท่ารถยนต์ในตลาดทั่วไป) ตั้งราคาถูกลงนิดหน่อย แต่ยังวางตัวเป็นรถยนต์ระดับสูงอยู่เพื่อโชว์อย่างต่อเนื่องว่ารถยนต์ไฟฟ้าดีแค่ไหน ใส่เทคโนโลยีล้ำๆ มาเต็ม พร้อมทั้งกวาดรางวัลรถยนต์ที่ดีที่สุดไปเพียบ
Tesla Model S
เมื่อเริ่มมีโมเมนตัมแล้วก็ออก Tesla Model X มาเพิ่ม เพื่อสนองความต้องการของลูกค้าที่ชอบรถยนต์ SUV และได้ใส่กิมมิคเท่ๆ อย่างประตูปีกนกแบบ Gullwing มาด้วย แต่ราคาก็ยังถือว่าสูงอยู่ และจำนวนการผลิตก็เท่าๆ กับ Model S ซึ่งมาถึงจุดนี้ บริษัทมีอายุเพียง 13 ปีเท่านั้น แต่ได้เปลี่ยนความรู้สึกและความคิดของผู้คนต่อรถยนต์ไฟฟ้าไปมากแล้ว
Tesla Model X
เพื่อทำให้แผนการของบริษัทลุล่วง จึงเป็นที่มาของ Model 3 รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นเล็กสุดของบริษัท ตั้งราคาเพียง 35,000 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นราคาที่คนส่วนใหญ่เอื้อมถึง และจะผลิตในจำนวนมาก (mass production) และใช้ฐานการผลิตที่โรงงาน Gigafactory ในรัฐเนวาดา ซึ่ง Musk กล่าวว่าโรงงานนี้เป็นอาคารที่กินพื้นที่เยอะที่สุดในโลก และใหญ่เป็นอันดับสองรองจากโรงงานเครื่องบิน Boeing ในรัฐวอชิงตันเท่านั้น มันจะเป็นโรงงานผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนที่ใหญ่ที่สุดในโลก จำนวนการผลิตจะมากกว่าทุกโรงงานในโลกรวมกันซะอีก และแม้ยังสร้างไม่เสร็จดีนัก แต่ก็เริ่มเดินสายการผลิตแล้ว
Tesla Gigafactory
Musk บอกว่าด้วยราคา 35,000 ดอลลาร์สหรัฐ คุณไม่สามารถหารถยนต์ที่ดีกว่านี้ได้อีกแล้ว แม้จะซื้อแบบไม่เพิ่มออพชั่นเลยก็ตาม มันรองรับการชาร์จแบบ Supercharge (ชาร์จด่วนจาก 0% ถึง 80% ภายใน 40 นาที ในแบตเตอรี่ขนาด 90 กิโลวัตต์ชั่วโมง ชาร์จฟรีตลอดชีพ) และติดตั้งฮาร์ดแวร์สำหรับฟีเจอร์ขับอัตโนมัติ (Autopilot) มาตั้งแต่ต้น ตรงนี้ผู้เขียนคิดว่าฟีเจอร์ Autopilot คงต้องซื้อเพิ่ม แต่มีฮาร์ดแวร์มาให้พร้อมเลย หากอยากได้ภายหลังก็จ่ายเงินซื้อแล้วส่งอัพเดตมาที่รถก็พร้อมใช้ทันที
Tesla Model 3
หากจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพ ราคา 35,000 ดอลลาร์สหรัฐสามารถซื้อ Mitsubishi Lancer Evolution ตัวเริ่มต้น หรือไม่ก็ BMW 320i xDrive ตัวเริ่มต้นได้
ขณะนี้ทั่วโลกมีสถานี Supercharger อยู่ 3,608 จุด และมีสถานีชาร์จตามโรงแรม, ร้านอาหาร, ห้างสรรพสินค้าอยู่ 3,689 จุด และภายในสิ้นปี 2017 จะเพิ่มสถานีชาร์จทั้งสองแบบเป็น 7,200 และ 15,000 จุด ตามลำดับ โดยสถานีชาร์จตามโรงแรมและจุดที่ผู้คนชอบไป เรียกว่า Destination Chargers ซึ่งเจ้าของกิจการสามารถส่งคำร้องขอสถานีชาร์จไปที่ Tesla ได้ ถ้าหากผ่านเกณฑ์ก็จะได้รับเครื่องชาร์จฟรีๆ ถึง 2 เครื่องเพื่อติดตั้งให้บริการลูกค้าของตน
สถานี Supercharger
ขณะนี้เราสามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่า Elon Musk ได้ทำให้ภารกิจของ Tesla เป็นจริงขึ้นมาแล้ว ด้วยการออกรถยนต์ที่ผลิตจำนวนมากในราคาที่คนจำนวนมากเอื้อมถึง จึงเป็นคำตอบว่าทำไม Model 3 ถึงสำคัญต่อ Tesla มากมายนัก ซึ่ง Tesla ได้เปิดให้จอง Model 3 ผ่านเว็บไซต์เป็นเวลา 24 ชั่วโมงก่อนเริ่มงานเปิดตัว มียอดจองสูงกว่า 115,000 คัน ทั้งๆ ที่ยังไม่ทราบข้อมูลใดๆ เกี่ยวกับรถรุ่นนี้เลย
ที่มา - Tesla Motors, งานเปิดตัว
Comments
ลิเธียม => ลิเทียม
ขอบคุณครับ
Pitawat's Blog :: บล็อกผมเองครับ
เข้าไทยจะราคาเท่าไรนี่
ราคาเริ่มต้น 1.2 ล้าน
รถนำเข้าทั้งคัน โดนภาษี 287.5% ถึง 428.0%
จากนั้นก็โดนกำไรที่ บ. หน้าร้านจะต้องมี ... คิดทบไปบนราคารวมภาษีนั้นแหละ
แถมที่ชาจไฟฟรีก็ไม่มีเสียด้วย
สรุป ไม่คุ้มครับ
*** รถอื่นก็เช่นกัน เช่น porsche 911-turbo-s ฝรั่งขาย 5 ล้านบาท เข้าเมืองไทยขาย 24 ล้าน ***
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ประเทศอื่นในอาเซียนมีภาษีรถนำเข้าอย่างนี้มั๊ย
ข้อมูลปี 2010 ภาษี'ทุกประเภท' เมื่อเทียบกับ GDP ไทยอยู่อันดับ 7 ของโลกครับ
โดยอันดับ 1 เป็นของมาเก้า ภาษีสูงถึง 34.3%
แถมในปี 2012 ประเทศไทย มีรายได้มาจากกรมสรรพากรประมาณ 75% ...
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ขนาดที่เมืองนอกนี่, ราคาที่หาซื้อได้จิงก้อน่าจะพุ่งไปซักพักใหญ่.. ยอดจองร่วมแสนนี่กว่าจะส่งมอบได้หมด, ระหว่างนั้นน่าจะมีคนที่กะเอามาบวกแล้วขายต่ออยุ่ไม่น้อย
Model S เมืองนอกน่าจะประมาณ 2-3 ล้าน เข้าไทยเห็นขาย 7-8 ล้านครับ
OTL
อ่านแล้วผมก็พอเข้าใจละว่าทำไมอยู่ดีๆ คนก็มา hype กับรถยี่ห้อนี้
Ford Model T คือรถยนต์รุ่นแรกที่ชนชั้นกลางทั่วไปสามารถเป็นเจ้าของได้
Tesla Model 3 คือรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกที่ชนชั้นกลางทั่วไปสามารถเป็นเจ้าของได้
เข้าใจตั้งชื่อนะ
ตอนแรกชื่อ Model E
แต่เห็นว่าจะมี 4 รุ่น ข่าวลือว่าจดชื่อ Model Y ไปแล้ว พอครบ 4 รุ่นก็เป็น Tesla S 3 X Y พอดี
มองมาที่ Thailand มั่งนะจ้ะ
ให้ Nissan Leaf ขายอย่างเป็นทางการก่อนเถอะครับ (ติดขัดอะไรมิทราบ?) บางคนรอไม่ไหวซื้อรถเกรย์มาแล้วก็มี
Leaf เห็นที่ F1 Auto โชว์ขายมาหลายปีมากละ
oxygen2.me, panithi's blog
Device: ThinkPad T480s, iPad Pro, iPhone 11 Pro Max, Pixel 6
ไม่นับ Gray Market ซิฮ่ะ เอาแบบประกอบเป็นล่ำเป็นสัน ราคาจะได้ไม่พุ่งทยานฟ้า
Who killed the electric car
nuclear car
คิดแบบรถนำเข้าทั้งคันไม่ได้ รัฐบาลต้องมีมาตราการอะไรมาช่วยเพราะมันไม่ใช่น้ำมัน และ ไฟฟ้าบ้านเราใช้ gas และถ่านหินเป็นส่วนใหญ่ถ้า รัฐบาลไม่ช่วย ไม่เกิดที่บ้านเราแน่นอน
ปัญหาที่มันไม่เกิดสักที ก็ไม่พ้นเรื่องผลประโยชน์ทางการเมืองนั่นและครับ
Get ready to work from now on.
รบ.ดัน Solar rooftop ออกมาแล้วครับ ไม่ทราบว่าจะมีเฟส 3 ออกมาหรือเปล่า
ที่แปลกกว่านั้นคือจะทำโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ทั้งๆที่การเมืองนิ่งเกิ๊น(ประชด) เขาคงอนุญาตให้ทำอยู่หรอกนะ
ยอดจองแสนกว่าคันก่อนงานเปิดตัว !!!!
ต้องขอซูฮกวิสัยทัศน์ของเขาจริงๆ
ชอบๆ
โอ้ยยยยย งานดี
ต้องรอมีโรงงานประกอบในอาเซี่ยน ราคาในไทยคงจะถูกลงไปเยอะ
รถยนต์พลังงานไฟฟ้าไม่สามารถเกิดได้ในบ้านเรา หากบ้านเรายังไม่มีความมั่นคงในพลังงาน อัตราส่วนผลิดไฟฟ้าปี 58 ไม่ว่าจะโรงไฟฟ้าอะไร นิวเคลียร์ ถ่านหิน ขอให้สร้างเถอะ แถวบ้านเราก็ยอมแต่ขอให้คนอยู่ใกล้ใช้ไฟฟ้าฟรีแบบสิทธิที่พนักงานการไฟฟ้าได้รับก็โอเคละ
ที่มันไม่มีความมั่นคงทางพลังงานก็เพราะตำแหน่งที่ตั้งของแหล่งผลิตพลังงานนี่แหละครับ
จุดที่ใช้ไฟเยอะๆ ไม่ตั้ง ที่ตั้งแต่ละที่เอาไปไว้แต่ที่ๆไม่มีคน + อุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ
เพราะตั้งในที่ไม่มีคนจะมีการคัดค้านน้อยที่สุดไงครับ
ขืนไปตั้งในเมืองโดนด่าตั้งแต่อ้าปากพูดแล้ว
รถยนต์ฟลังงานไฟฟ้า ไม่ใช้ปัญหาอีกต่อไป
ปัญหาคือ ชาร์จที่ไหน ราคาเท่าไหร่
คิดดูถ้ารถทุกคนใช้ไฟฟ้าหมด ไม่มีไอเสีย อากาศจะดีซักแค่ไหน(โดยเฉพาะกทม)
มันคือนวัตกรรม ที่ทำให้โลกเราน่าอยู่ขึ้นนะ ผมว่า (แล้วก็ลืมโอเปคไปเลย)