1 เมษายน ทั่วโลกเล่นมุก April fool’s Day กันอย่างสนุกสนาน ในโลกออนไลน์ยิ่งสนุกกับการเล่นโกหกอะไรก็ได้ แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นความจริงอย่างที่ไม่มีอะไรมาเปลี่ยนแปลงได้คือวันที่ 1 เมษายน เป็นวันก่อตั้งบริษัทแอปเปิล
ฤดูใบไม้ผลิ ปี 1976 Steve Jobs, Steve Wozniak และ Ronald Wayne ทั้งสามคนทำงานตามฝันที่จะเห็นอะไรใหม่ในโลกของคอมพิวเตอร์ Wozniak เป็นผู้คิดค้น Jobs เป็นคนนำขาย และในเดือนกรกฎาคม 1976 สินค้าตัวแรก Apple I ก็ได้ออกสู่ตลาด และประสบความสำเร็จ แอปเปิลจดทะเบียนเป็นบริษัทในปี 1977
โลโก้แรกของแอปเปิลในปี 1976 ที่มาภาพ: วิกิพีเดีย
Apple I คอมพิวเตอร์รุ่นแรกของแอปเปิล ที่มาภาพ: วิกิพีเดีย
สินค้าแอปเปิลเริ่มประสบความสำเร็จและเป็นที่รู้จักใน Silicon Valley จนทำยอดขายได้ 100 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่กลับเกิดการแตกแยกภายในบริษัท
ตอนนั้น แอปเปิลแยกเป็นสองทีมคือ Lisa และ Macintosh โดยตัวผู้ก่อตั้ง Steve Jobs ออกจากทีม Apple Lisa ไปอยู่ Macintosh ซึ่งปี 1984 ผลิตภัณฑ์ Macintosh ก็ออกสู่สายตาประชาชน แต่ปัญหาก็ยังดำเนินต่อไป เมื่อยอดขาย Macintosh ไม่ได้สูงอย่างที่คาดหวังไว้ อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้บอร์ดเลือกเข้าข้าง John Sculley ให้มีอำนาจการจัดการเหนือกว่า Jobs (Jobs จ้าง Sculley มาบริหารจัดการบริษัทในฐานะซีอีโอ) ส่งผลให้ Jobs ผละออกจากบริษัทไป
แอปเปิลใต้การนำของ Sculley ไม่ได้สร้างอะไรใหม่ๆ ที่จะแข่งขันกับคู่แข่งอื่นได้ โดยเฉพาะ Microsoft ที่เป็นคู่แข่งสำคัญของบริษัทในเรื่องระบบปฏิบัติการสำหรับคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล
ถึงแม้ Sculley พยายามสร้างสินค้าใหม่ออกสู่ตลาดเสมอ เช่น คอมพิวเตอร์พกพา Apple Newton แต่มันกลับเป็นสินค้าล้มเหลวชิ้นหนึ่งของแอปเปิลเลยก็ว่าได้ สุดท้าย Sculley ถูกแทนที่โดย Michael Spindler ในปี 1993
หน้าที่ของ Splindler คือทำยังไงก็ได้ให้แอปเปิลกลับมายิ่งใหญ่เหมือนเมื่อ 20 ปีก่อนหน้า แต่ความพยายามของเขาก็ไม่สำเร็จนัก สุดท้าย Spindler ไม่ได้รับโอกาสให้ไปต่อ โดยซีอีโอคนใหม่ที่มาแทนเขาคือ Gil Amelio
Apple Newton ที่มาภาพ: วิกิพีเดีย
ในขณะเดียวกัน ฝั่งของ Jobs ก็ทำงานอย่างหนักในบริษัทใหม่ของเขา NeXT และต้องพยายามอย่างมากในการต่อสู้กับโลกคอมพิวเตอร์ที่ถูกครอบครองโดย Windows
จนกระทั่งในปี 1997 แอปเปิลได้ NeXT มาร่วมงานด้วย จากนั้นแล้วไม่ยากเลยสำหรับ Jobs ที่จะหวนคืนสู่บัลลังก์ซีอีโอ และเรื่องราวจากตรงนี้คือสิ่งที่สร้างตำนานให้แอปเปิลจนทุกวันนี้
แอปเปิลภายใต้การนำของ Jobs กลับมาพุ่งทะยานอีกครั้ง พร้อมกับการเปิดตัว iPod ในปี 2001 ที่เปลี่ยนอุตสาหกรรมเพลงไปตลอดกาล และยังเป็นแฟชั่นที่กลายมาเป็น pop culture
iPod รุ่นแรก ที่มาภาพ:วิกิพีเดีย
หลังจากนั้น แอปเปิลเริ่มมองหาตลาดใหม่ เช่น สมาร์ทโฟน ซึ่งครอบครองตลาดโดย BlackBerry และ Palm
ปี 2007 แอปเปิลเปิดตัว iPhone สมาร์ทโฟนหน้าจอสัมผัส แตกต่างจากคู่แข่งสมาร์ทโฟนในตอนนั้นอย่างมาก ชนิดเรียกได้ว่าทำลายล้างตลาดสมาร์ทโฟนในยุคนั้นไปเลย
ปี 2010 แอปเปิลเปิดตัวแท็บเล็ต iPad สั่นสะเทือนวงการเทคโนโลยีอีกครั้ง ความรุ่งโรจน์ในตอนนั้น ปฏิเสธไม่ได้ว่า Jobs มีบทบาทสำคัญมาก แม้ปัญหาสุขภาพของเขาจะพอกพูนตามกาลเวลา
หลังจากนั้น แอปเปิลประสบคู่แข่งที่น่ากลัวอย่าง Android และถูกเฉือนส่วนแบ่งการตลาดไปไม่น้อย ข่าวคราวการเปิดตัวสินค้าแอปเปิลไม่เป็นความลับ ไม่ศักดิ์สิทธิ์อีกต่อไป ข้อมูลรั่วไหลตลอดเวลา แต่ถึงกระนั้นสินค้าใหม่ทุกตัวของแอปเปิลก็สร้างแรงกระเพื่อมต่อตลาดอยู่ดี
Jobs เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งในปี 2011 ก่อนเสียชีวิตเขาเลือก Tim Cook ประธานฝ่ายปฏิบัติการขึ้นมาเป็น CEO ยุคของ Cook ยังคงเสถียรและขับเคลื่อนต่อไปได้
จนถึงตอนนี้ แอปเปิลยังเป็นบริษัทที่รวยที่สุดในโลก แอปเปิลยังคงมองหาและสรรสร้างสิ่งใหม่ต่อไป ทั้งตลาดสตรีมมิ่ง และอาจรวมถึงตลาดรถยนต์ด้วย
ที่มา - Fortune
Comments
จอบส์เสียชีวิตปี 2011 ครับ
และมีใครลืมอะไรไปหรือเปล่าว่าวันที่ 1 เม.ย. คือวันเกิด Gmail
Gmail เลยโดนด่าฉลองวันเกิดไง
ปล. mic drop
gmail ให้พื้นที่ 1gb hotmail 2mb ตอนนั้นสินะ
จุดเปลี่ยนสำคัญเลย
oxygen2.me, panithi's blog
Device: HP Zbook, iPad Pro, iPhone 15PM, iPhone 16+, Nothing Phone 1
iPhone โดนแอนดรอยด์ปาดเรียบ
พูดให้ถูกขึ้นมาอีกหน่อยคือโดน Google ปาดเรียบ
รวม Samsung ด้วย
1 เมษายน คือวันเกิดผม
ไม่เชื่อครับ XD
แอปเปิลพักหลัง มันไม่มีอะไรทำให้โดพามีนกระตุ้นตื่นเต้นเลย หมดอารมณ์ตั้งแต่Yosemite และ IOS 7 แล้ว มันเรียบไม่หรูหราแต่ก่อน มีแต่ซ้ำไปมาแค่อัพให้ใหญ่ แค่แบตยังน้อยนิดกว่าFonepad Note 6 ซะอีก ซอร์ฟแวร์ยิ่งอัพยิ่งหน่วง แต่ก่อนจอบส์มานี้แทบอยากใช้แอพเปิล ทั้งนำเสนอดีมาก ประสบการณ์ใช้งานเยื่ยม ขนาดเด็กในไร่ ลองเล่นไอแพดโดยใช้สัญชาตยานสบาย ไม่ต้องอ่านคู่มือ ไปอ่านในสตีป จอบส์ ของ Nation มา
นั่งดู Keynote จะหลับครับ นอกจาก Tim Cook กับ Craig Federighi นี่ผมฟังแล้วเหมือนไม่ใส่อารมณ์ในการพูดสักคน
เท่ากับว่าไม่เคยใช้สินค้า Apple เลยสินะครับ
555+อ่านใหม่อีกรอบใช่จริงๆด้วย ตรงคำว่า "แทบ" สินะครับ
555+อ่านใหม่อีกรอบใช่จริงๆด้วย ตรงคำว่า "แทบ" สินะครับ
"แทบ" ...
ว่าแล้วเชียว
Jobs คือ Apple
Apple คือ Jobs
โลกหลัง Jobs แล้ว Apple ยังไม่มีนวัตกรรมอะไร นอกจาก ลดต้นทุน และพยายาม Up sale iphone ด้วยความจุ 16GB กับ 64GB ดูถูก ผู้บริโภคแท้
ถ้ายึดเอาตามคำพูดคุณเป็นหลักตอนนี้ผมว่า มือถือทุกค่ายต่างก็กำลังดูถูกผู้บริโภคกันหมด เพราะกำลังทำแต่เรื่องเดิมๆ วนๆ ขายอยู่นั่นแหละ ตอนนี้มันอยู่ในยุคที่พยายามพัฒนาสิ่งเดิมที่มีอยู่ให้สมบูรณ์ขึ้น ยังไม่มีค่ายไหนที่มี wow factor ก็แค่นั้น
ผมว่าที่เขาบอกเรื่องดูถูกผู้บริโภคเป็นเรื่องของ ความจุที่เริ่มที่ 16Gb แล้วข้ามไป 64Gb เลย ซึ่งถ้าเขาจริงใจกับผู้บริโภครุ่นต่ำสุดคงให้ 32Gb มาแล้ว
ถ้าเป็นเรื่องความจริงใจต่อผู้บริโภคผมเห็นคล้อยกับคุณนะครับ แต่ว่าถ้าจะพูดว่าดูถูกผู้บริโภคนี่ไม่รู้ว่ามันเรียกว่าการดูถูกได้ยังไง เพราะมันเป็นเรื่องการวางเสป็คและราคาซึ่งเป็นเทคนิคทางการตลาดที่ Apple ชอบใช้และดูเหมือนจะได้ผลอยู่
ผมว่าจอนสคัลลี่ ไอเดียก็ดีนะครับ สินค้าเขาผมว่ามีแนวคิดที่ดีอยู่ แต่มันขาดอะไรไปบางอย่างก็ไม่รู้สินะ อย่างนิวตันนี่ผมว่ามันก็น่าสนใจนะครับ มือถือยี่ห้อที่เขาลงทุน obi นี่ก็แนวทางดีออกแบบดี แต่ก็ขาดอะไรไปก็ไม่รู้มันเลยกริบๆ
obi นี่เอาโทรศัพท์จีนมาเปลี่ยนชื่อแล้วขาย เล่นกันง่ายๆเลยนะครับ ไม่เห็นว่ามันจะเป็นแนวความคิดที่ดีตรงไหนเลยครับ
ฮือออออ
สินค้าแอปเปิลตัวแรกที่ใช้คือ ไอพอดคลาสสิก ตอนนั้นความจุ 30GB ถือว่ามหาศาลมาก (แต่ขายไปแล้ว)คลิกวิวใช้สะดวกดี
เคยแต่ซื้อให้คนอื่น ใช้ แต่ไม่เคยซื้อให้ตัวเอง เลย ยี่ฮ้อนี่