ผมได้รับการสอบถามจากเพื่อนสนิทมิตรสหายหลายท่าน ว่าจะเริ่มต้นสร้างบล็อกได้อย่างไร เขาคงเห็นผมสร้างบล็อกไว้ตามเว็บต่างๆจำนวนหลายแห่งกระมัง
ผมก็ตอบเขาไปแบบกำปั้นทุบดินว่า ก่อนอื่นจะต้องทำความเข้าใจก่อนว่า บล็อกคืออะไร เมื่อทำความเข้าใจดีแล้ว อันดับต่อไปก็ต้องศึกษาดูว่าบรรดาเว็บฯต่างๆที่เขาเปิดโอกาสให้เราสร้างบล็อกได้ฟรีๆนั้นมีอยู่ที่ไหน เขามีขั้นตอนในการสมัครสมาชิกอย่างไร เมื่อเราตัดสินใจได้แล้วว่าจะสร้างบล็อกที่เว็บไหน เราก็สมัครกับเว็บนั้น ศึกษาขั้นตอนการสร้างบล็อกและนโยบายของเว็บฯให้ดี
เมื่อเราจะเริ่มเขียนบล็อกเราจะต้องกำหนดทิศทางหรือธีมของบล็อกว่า เราจะเขียนในแนวไหน และเมื่อจะลงมือเขียนก็ให้ตระเตรียมข้อมูลสำหรับเขียนให้พร้อม เช่น จะมีรูปประกอบข้อเขียนหรือไม่ ถ้ามีเราจะหารูปจากที่ใดมาลงประกอบ เราจึงจำเป็นจะต้องจัดไฟล์สำหรับเก็บรูปของเราไว้ในคอมฯของเรา เปรียบเสมือนคลังภาพที่พร้อมจะนำมาใช้ได้ทันที โดยจัดการลดขนาดของรูปให้เหมาะสมที่จะนำมาใช้
ถ้าเราจะมีเพลงประกอบบล็อกด้วย เราจะต้องจัดการอัพโหลดเพลงฝากไว้กับเว็บโฮสต์ต่างๆ และพร้อมที่จะดาวน์โหลดเพลงมาลงบล็อกได้ทันที
เมื่อเราจัดการขั้นตอนต่างๆนี้ได้แล้ว การเขียนบล็อกก็จะไม่เป็นที่ลำบากแต่ประการใด ที่ลำบากมากกว่านี้คือ การที่จะหาเรื่องมาเขียนต่างหาก...ฮา
อย่างอื่นไม่ว่า แต่เพลงประกอบบล็อกนี่ ขอร้อง...
blog สำหรับผมคืออะไรก็ได้ที่ตัวเองสนใจในตอนนั้น ไม่มีกำหนดทิศทางใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่ใช่ magazine หรือหนังสือ ทำทุกอย่างให้เป็นธรรมชาติ บางครั้งกลายเป็น diary ก็มี อย่างช่วงผมอกหัก ผมก็บ่นใน blog หรือผมอยากเอาความรู้ที่ผมมีเผยแพร่ผมก็ใส่ blog ผมมองว่ามันเป็น web ที่ผมทำขึ้นมาเพื่อ log ชีวิตผม บางวันคิด ๆ นึก ๆ อะไรออกก็จดลงสมุด note แล้วเอามาเขียน blog ซะ วันไหน เจอเรื่องไหนน่าสนใจเขียนต่อน่าจะดี ก็เอามาเขียน ผมว่าสำหรับผม blog ออกแนวติสแตก คืออยากเขียนก็เขียน เรื่องอะไรก็ได้ ตามแต่อยากเขียนครับ จะเขียนได้นานกว่าครับ
แต่ต้องยึดมั่นในเรื่องของสัญญาอนุญาติ และลิขสิทธิ์ผลงานของผู้อื่นด้วย
ลูกเล่นไม่ใส่อะไรเท่าไหร่ เน้นเผยแพร่ข้อมูลเป็นหลัก
Ford AntiTrust’s Blog | PHP Hoffman Framework
ผมว่าบล็อกมันก็ไม่ใช่แบบนั้นทั้งหมดหรอกนะ
PoomK
Hi5?
twitter สิ microblogging สุดยอดดดด!
molecularck โม-เล-กุล่า-ซี-เค
sci news on foosci.com
http://www.digimolek.com
เอาอะไรมาใส่ blog ก็ได้แต่ว่าต้อง "แต่ต้องยึดมั่นในเรื่องของสัญญาอนุญาติ และลิขสิทธิ์ผลงานของผู้อื่นด้วย"
ตอนนี้ผมยังเห็นว่า หลายๆคนคิดว่า "ภาพ" ที่อยู่บนเวปต่างๆสามารถเอามาใช้ได้ฟรีๆเสมอๆ ทุกครั้งไป
blog = truely self identity
http://www.beartai.com : Beartai Hitech
พยายามทำอะไรให้ตรงข้ามกับเทรนด์ใน hi5 ครับ
เคยเข้าบล็อกของใครไม่รู้ พี่แกสลับสีพื้นหลังแบบเหมือนเฉดสีวนๆอยุ่ตลอดเวลา ถ้าเป็นลมชักคงลงไปกองเลย
ส่วนตัวผม [บล็อกเอาไว้ระบายความคิด ไดอารี่เอาไว้ระบายชีวิต] ครับ
แต่มันก็ปนกันได้เรื่อยๆ ฮ่าๆ
ไม่สนับสนุนให้ทำ Blog หน้าตาเหมือน Hi5 ครับ แสบตา แสบหู
ผมเคยทำบล็อกแบบยำสารพัด พ่นทุกอย่างที่คิด ปรากฎว่าโดนถล่มเอาเสียไม่มีดี ต่อจากนั้นมาเลยกลายเป็นว่าต้องระมัดระวังในการแสดงความคิดเห็นค่อนข้างมาก
ปัจจุบันผมมี 2 บล็อกหลัก ๆ บล็อกนึงก็ออกแนวบล็อกทั่ว ๆ ไปแหละครับ จะชอบเขียนเรื่องเทคโนโลยี โปรแกรม OS อะไรก็ว่าไป บล็อกนี้จะมีส่วนติดต่อกับผู้อ่าน มีการสื่อสารกัน 2 ทาง ฮา ๆ ตามประสาชาวบล็อกทั่วไป
อีกบล็อกนึงมันเป็นไดอารี่แท้ ๆ เลยครับ ย้อนยุคสุด ๆ บล็อกนี้จะไม่เปิดเผยตัวตนของผู้เขียนเลย (แม้แต่นิดเดียว) มันเหมือนเหรียญคนละด้านที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นคน ๆ เดียวกันเขียน ... (ว่าไปนั่น)
..ก็ ความคิดผมมันมี 2 ด้าน และบางทีก็ต่างกันสุดขั้ว จะเอาไปปนกันก็มั่วไปหมด.. ประมาณนั้นมั้งคับ . . .
แนว ๆ hi5 นั่นคงเอาไว้เน้นติดต่อกับสาว ๆ หรือไม่ก็เพื่อน ๆ สมัยเรียนซะมากกว่า
ถ้าต้องการจะเผยแพร่ความรู้ผมว่าทำออกมาแบบ Blognone หรือของคนแถว ๆ นี้แหละเหมาะสมดี
ป.ล. ปัจจุบันตั้งแต่รู้จัก Twitter นี่ก็ทำ Life Journal สะดวกขึ้นเยอะ
ระหว่างวันก็ tweet เข้า Twitter จากนั้นพอใกล้ ๆ เที่ยงคืน LoudTwitter จะสรุป tweets ทั้งหมดของวันส่งเข้า Blogspot
ประหยัดเวลาเขียน diary ไปได้เยอะเลยทีเดียว