Uber กำลังทดสอบมาตรการใหม่ หากผู้เรียกรถไม่แสดงตัวที่จุดนัดพบหลังคนขับรถของ Uber ไปถึงจุดดังกล่าวในเวลา 2 นาที ผู้ใช้บริการจะถูกคิดค่าบริการเพิ่มเติมสำหรับการผิดเวลานั้น และหากสายเกิน 5 นาทีก็จะถูกยกเลิกการเรียกรถในครั้งนั้นซึ่งแน่นอนว่าจะแพงกว่าค่าปรับกรณีสายเฉยๆ
ส่วนทางด้านผู้ขับรถของ Uber เมื่อไปยังจุดนัดพบตามที่โดนเรียกแล้ว ต้องรออย่างน้อยจนครบ 5 นาที หากครบ 5 นาทีแล้วยังไม่พบผู้ใช้ที่เป็นคนเรียกรถ จึงจะถือว่ายกเลิกการเรียกรถครั้งนั้นโดยอัตโนมัติ ซึ่งผู้ขับจะได้ค่าเสียเวลาสำหรับกรณีดังกล่าว
กรณีที่ผู้เรียกรถเปลี่ยนใจไม่ต้องการเดินทางหลังกดเรียกรถไปแล้วเกิน 2 นาที จะต้องเสียค่าธรรมเนียมสำหรับการยกเลิกการเดินทางเช่นกัน โดยค่าธรรมเนียมนี้จะอยู่ในช่วง 5-10 ดอลลาร์ ขึ้นอยู่กับว่าจุดที่เรียกรถนั้นอยู่ในพื้นที่ไหน
นโยบายการคิดเงินสำหรับผู้เรียกรถที่มาสายหรือยกเลิกการเดินทางโดยไม่บอกกล่าว (หรือบอกช้าเกินไปเพราะคนขับเสียเวลาเดินทางมาแล้ว) และชดเชยค่าเสียเวลาให้กับคนขับ Uber ที่เจอผู้เรียกรถแบบนี้ เป็นแนวทางหนึ่งที่ Uber ต้องการผลักดันเพื่อให้คนขับไม่รู้สึกว่าถูกเอาเปรียบจนเกินไป และเป็นหนึ่งในกลยุทธ์เพื่อให้ Uber สามารถบริหารรถในเครือข่ายให้มอบบริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ที่มา - Engadget
Comments
อืม เข้าทีดีนะ ผู้โดยสารจะได้ไม่เอาเปรียบคนขับ
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
แต่ค่าปรับโหดจังวุ้ย
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!