ข่าวใหญ่ของวงการไอทีในรอบสัปดาห์นี้คือ แอปเปิลประกาศผลประกอบการไตรมาสล่าสุด ซึ่งมียอดขายลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 13 ปี แถมยอดขาย iPhone ก็ตกลงถึง 10 ล้านเครื่องเทียบกับปีก่อน
Blognone มีคอมเมนต์ล้อว่า "นี่คือสัญญาณของการล่มสลาย" ซึ่งที่ผ่านมาก็เป็นมุขล้อกันสนุกๆ แต่รอบนี้อาจไม่ใช่เรื่องน่าสนุกสำหรับแอปเปิลซะแล้ว
เว็บไซต์ Quartz มีบทวิเคราะห์ประเด็นนี้ ขอสรุปมาเฉพาะประเด็นสำคัญบางส่วนครับ
อย่างแรกเลย เราต้องเข้าใจโครงสร้างรายได้ของแอปเปิลกันก่อน จากกราฟด้านล่างจะเห็นว่าแอปเปิล "พึ่งพา" รายได้จาก iPhone เป็นสัดส่วนที่เยอะมาก (เยอะในระดับว่าเลิกทำอย่างอื่น มาทำ iPhone อย่างเดียวก็ยังได้เลย)
ปัญหาคือไตรมาสแรกของปี 2016 ยอดขาย iPhone กลับลดลง (เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน) ซึ่งเรายังไม่รู้ว่าเป็นการตกเฉพาะไตรมาส (ที่อาจกลับมาได้ด้วยการออก iPhone SE มากระตุ้นตลาด) หรือเป็นแนวโน้มในระยะยาว ที่อันตรายกว่ามาก
การที่ iPhone ยอดตกเป็นอันตรายต่อแอปเปิลมาก เพราะส่วนธุรกิจอื่นๆ ของแอปเปิลก็ไม่ใช่ธุรกิจที่เติบโตสักเท่าไร อย่าง iPad ยอดก็ตกมานานหลายปีแล้ว
Apple Watch ถูกรวมอยู่ในส่วน Other Services ร่วมกับ Beats และ Apple TV ซึ่งก็ดูไม่ใช่ธุรกิจที่ร้อนแรงเช่นกัน แถมแอปเปิลไม่เคยเผยยอดขายของ Apple Watch เลยสักครั้งเดียว
ธุรกิจที่น่าจับตาคือ Services หรือบริการออนไลน์ต่างๆ (พวก iTunes, iCloud, Apple Music) ซึ่งเติบโตขึ้นเรื่อยๆ เพราะแอปเปิลมีฐานลูกค้าที่ใหญ่มาก และต่อให้ลูกค้าไม่ซื้ออุปกรณ์ชิ้นใหม่ ก็ยังมีโอกาสในการซื้อบริการเพิ่มเติมต่อไป
อย่างไรก็ตาม ข้อกังวลคือแอปเปิลเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจบริการไม่ค่อยเก่งนัก เพราะรากเหง้าของบริษัทมาจากฮาร์ดแวร์ (มีบทวิเคราะห์เรื่องนี้ Apple's Organizational Crossroads) ในระยะยาวแล้วต้องรอดูกันต่อไปครับว่า แอปเปิลจะสามารถต่อสู้กับกูเกิล (หรือเฟซบุ๊ก) ที่เก่งเรื่องบริการออนไลน์มากกว่ามากได้แค่ไหนกัน
ในภาพรวมแล้ว รอบสิบกว่าปีที่ผ่านมา แอปเปิลทำกำไรได้เยอะมาก ยังมีเงินสดอยู่ในมือมหาศาล ยังห่างไกลกับ "การล่มสลาย" ในเร็ววัน แต่การตกลงของ iPhone ก็เป็นสัญญาณเตือนภัยที่ดีว่ายุคทองของแอปเปิลอาจใกล้จบลงแล้ว และแอปเปิลกำลังจะกลายเป็นบริษัทไอทีที่มีการเติบโตใกล้กับบริษัทอื่นทั่วไป
ที่มา - Quartz
Comments
ถ้ามีอะไรว๊าวๆ นอกจากกการอัพสเปค ก็จะหันกลับไปเล่นสาย i อยู่
ตอนนี้สาย An บางเจ้าฟังก์ชั่นว๊าวๆ เยอะกว่าอีก
ข้าขอทรยศต่อคนทั้งโลก ดีกว่าให้ใครมาทรยศข้า
เดี๋ยวนับยอดขาย iphone SE ,iphone 7 ก็ขายดีเหมือนเดิม
ประเด็นยักษ์ล้มยากนี่มันน่าสนใจนะ แต่เราก็เคยเห็นยักษ์ล้มมาแล้ว (โนเกีย)
แต่อีกประเด็นน่าสนใจ คือจนถึงวันนี้ถ้าไม่นับแบรนด์จีนใหม่ๆ (ที่ยังไม่มีการเก็บข้อมูล) ก็ยังมีแค่แอปเปิลกับซัมซุงเพียงแค่สองรายที่ทำกำไรได้จากธุรกิจมือถือ -___-
@TonsTweetings
จริงๆ แล้ว ในอดีตก็มีบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ล้มหายไปหลายรายแล้วหละครับ มีที่เกือบล้มก็ IBM Dell Apple ฯลฯ
Get ready to work from now on.
Q4 2015 มี Sony อีกจ้าวนึงนะครับที่ทำกำไร
http://www.xperiablog.net/2016/03/14/sony-xperia-phones-generate-highest-unit-profit-in-android-world/
U r dead man but u dont know.
ตะ... แต่ นักท่องเที่ยวที่หลงทางในสวนสาธารณะญี่ปุ่นคนหนึ่งเขาวิเคราะห์ว่า กำไรของธุรกิจมือถือทั้งโลกจะกลายเป็นของ apple ทั้งหมดเลยนะครับ
อวยสุดลิ่มทิ่มประตู อ่าน blog แล้วผมนี้มึนเลย
555555555555555
ฮา
อ่านแล้วขำมาก 555
ขนาดผมใช้ iPhone ยังขำเลย
โดนทัก เอ้ย ทิมคุกซื้อไปแล้วแน่ๆ นักหลงทางคนนั้น
ฮาาาา นักหลงทางในตำนาน
รถยนต์ Lexus, ผลิตภัณฑ์สิงห์, น้ำดื่ม Aquarius, รังนก Brands, Coke สินค้าพวกนี้ผมเลี่ยงได้จะเลี่ยงครับ เพราะเห็นไปสนับสนุนอยู่กลางหน้าเว็บเลย
oxygen2.me, panithi's blog
Device: HP Zbook, iPad Pro, iPhone 15PM, iPhone 16+, Nothing Phone 1
Aquarius เลี่ยงได้เลี่ยงครับ ไม่อร่อยเลย กินมาแล้ว บอกตามตรงว่า ซื้อ Calpis Lacto ดีกว่าครับ กินแล้วเสียดายเงินฉิบเป๋ง
Coder | Designer | Thinker | Blogger
จริงๆ ไม่รู้จักด้วย 555 ว่า Aquarius คืออะไร แต่แบรนด์ที่สนับสนุนทั้งหมด ผมจะเลี่ยงไม่ซื้อครับ เห็นเมื่อก่อน MS เอา Office 365 ไปโฆษณาด้วย เลยไม่รู้ว่านักหลงป่าในตำนานเขามีดีอะไร เพราะแต่ละบทความก็ Bias สุดๆ
oxygen2.me, panithi's blog
Device: HP Zbook, iPad Pro, iPhone 15PM, iPhone 16+, Nothing Phone 1
น้ำดี่มแบรนด์หนึ่งจากโค้กครับ น้ำรสอะไรไม่รู้ เอามะพร้าวผสมกับองุ่น แถมกลิ่นเลม่อนอีก กินแล้วไม่เวิร์กอย่างแรง 5555
Coder | Designer | Thinker | Blogger
Aquarius นี่ผมกลับเห็นว่า เป็นเครื่องดื่มที่รสชาติอร่อยมาก เรียกความสดชื่นได้ดี เครื่องดื่มเดี๋ยวนี้รสชาติออกหวานเกินไป
ครับ ผมว่าตัวนี้โอเค ผมชอบมาก(ผมไม่ได้โฆษณานะฮะ เป็นความคิดเห็นส่วนตัว) จริงๆลงในโฆษณาทีวีก็โอเคแล้ว ไม่น่าไปลง blog ของคนนั้นเลย
ผมว่าแบรนด์เหล่านี้เหมือนจะตัดสินใจถูกแล้วครับในแง่ของการโฆษณา ขนาดคนที่ไม่ชอบบล็อกเกอร์คนนี้อย่างหลายๆ ท่านด้านบนก็ยังได้เห็นโฆษณาที่ลงไว้เลย
เอาจริง ๆ มันขึ้นกับรสนิยมของแต่ละคนด้วยนะครับ (ฮา) แต่โดยส่วนตัวผมชอบรสชาติของ Calpis มากกว่า เพราะมันไม่ได้ตัดกันซะจนแย่อะไร ดื่มทีแทบไม่ต้องกินข้าวเลย เพราะอิ่มมาก
Coder | Designer | Thinker | Blogger
แทบไม่ได้ใช้ กินเกีอบทุกอย่างยกเว้น coke T_T
ผมเลี่ยงไม่เปิดเวปทุกกรณีเลยไม่ให้ยอดวิวมันเพิ่ม
ทำไมผมตกข่าว...
ใครคือ "นักท่องเที่ยวที่หลงทางในสวนสาธารณะญี่ปุ่น" หรือครับ?
คุณ Cookie ไงครับ
Get ready to work from now on.
ขอบคุณ ท่าน Polwath ครับ
เป็น blog ที่แสดงความคิดเห็น จากข่าวและสิ่งที่เขารู้ครับ
ถือเป็นการแลกเปลื่ยนความเห็นกัน
เป็น blog ที่แสดงความคิดเห็น จากข่าวและสิ่งที่เขารู้ครับ
ถือเป็นการแลกเปลื่ยนความเห็นกัน
ฮา ....
แต่ตอนหลง (ป่า) เอ้ย สวนสาธารณะนั่นแกอวย Nokia Xpress Music อยู่ครับ XD
อย่างไรก็ตาม ข้อกังวลคือแอปเปิลเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจบริการไม่ค่อยเก่งนัก ??
พวกฝั่งบริการอย่าง เช่น iCloud iTune ครับที่มีแต่เสียงบ่นเสียงด่ามาตลอดหลังที่เปิดบริการใหม่ ๆ
Safari
Service ที่ประสบความสำเร็จของแอปเปิ้ลมีไม่กี่อย่างครับ ที่ผมนึกออกก็แค่ iTunes กับ App Store (ถือเป็น Service รึเปล่า) นอกนั้นก็แค่พอไปวัดไปวาได้ไม่ถือว่าโดดเด่น
อาจจะได้เห็นหลายๆรุ่นราคาที่ถูกลง กับ อัดสเปคแรงมากขึ้นในไม่ช้า
มันอาจเป็นจุดอิ่มตัวของมือถือรึเปล่า... คนเกิดใหม่ยังโตไม่ทันมือถือที่ผลิตออกมาใช้เลย ที่สำคัญ ทำไมต้องเปลี่ยนมือถือใหม่เรื่อยๆด้วยล่ะ?
ประเด็นคือ top 5 เขาเพิ่มกันหมด ยกเว้นแอปเปิลครับ
เห็นด้วยกับข้อสรุปครับ ก็แค่ลดความความร้อนแรงลง
แต่ก็ยังเป็นไฟกองใหญ่กว่าชาวบ้านที่ไม่ใกล้เคียงคำว่ามอดเลย
(แต่ถ้าทิ้งไว้ระยะยาวก็ไม่แน่)
งานนี้ต้องรอผลิตภัณฑ์ใหม่มาเติมไฟให้บริษัทครับ
Happiness only real when shared.
พาดหัวได้คุ้นเคยมากครับ LOL
ผมว่าไม่ใช่แค่ Apple อย่างเดียวนะ รอดูปีนี้และกัน
มือใหม่!! ใหม่จริงๆนะ
เรารอสอย macpro อยู่นะเห้ยรีบลดราคา+ออกรุ่นใหม่ที่ว้าวๆหน่อย
ผมมองว่า แอปเปิลต้องหันมา "เปลี่ยนเกียร์" หลังจากอยู่เกียร์ 1มานาน
ไม่ใช่ว่า apple ไม่ทำอะไรนะ อย่าง biometric ที่กลายเป็นมาตรฐานที่ทุกเจ้าต้องใส่มา
แต่มันน้อย มันช้าไป
คงต้องออกมาแบบอัดหนักๆ พัฒนาให้เร็วกว่าที่เป็นอยู่
จอ 2k 4k ควรจะใส่มา แบตควรจะพยายามเพิ่มความจุอย่างจริงจัง ฯลฯ
จอ 2k, 4k นี่ไม่เห็นประโยชน์อะไรเลยนะครับ นอกจากเอามือถือมาทำเป็นแว่น VR ทุกวันนี้ android ตัวท็อปใช้แบตเป็นน้ำ ซัดแรมเป็นกระดักก็เพราะจอละเอียดนี่แหละ
แบตไม่ต้องเพิ่มความจุ ทุกวันนี้ก็อึดกว่า Android ทั่วไปอยู่แล้ว ไปเน้นให้ชาร์จเร็วดีกว่า
มีประโยชน์ครับ 55 เวลาแคปหน้าจอ 2k นี่ละเอียดถึงใจถึงอารมณ์มาก โดยเฉพาะพวกกันเซฟอย่าง IG นี่ แคปหน้าจอแล้วได้ภาพละเอียดสบายๆ
ผมว่าจอ 2k กำลังดี โดยเฉพาะพวกจอ 5.5" ขึ้นไปมันให้ผลทางความรู้สึกมากว่าจะไม่มีอะไรชัดไปกว่านี้อีกแล้ว แต่อย่าง 4k นี่เกินความจำเป็นไปจริงๆ
ประโยชน์ที่ได้ กับผลเสียมันต่างกันเกินไปครับ เพราะทุกวันนี้แบตไอโฟนนิดเดียว เป็นเจ้าที่งกแบตอันดับต้น ๆ ของวงารเลย แต่ก็ใช้งานได้ทั้งวัน
เทียบกับฝั่งดรอย ยัดมาให้เยอะแต่ไหลเป็นน้ำ - -
แต่จอ 4k นี่ตัวหนังสือชัดมากเลยนะครับ ใช้แล้วฟินอย่างบอกไม่ถูก
ผมก็ยังไม่กล้าเคลมมากว่าพวก QHD, 4k มันดีกว่าจริงครับ ฮ่าๆ
ผมใช้ Note 4 จอ QHD เคยคิดว่าจอเทพสุดละในด้านความละเอียด แต่พอเอาไปลองเทียบกับจอ Note 3 ที่เป็น FHD กลับรู้สึกว่า อ้าว เรื่องความละเอียดไม่เห็นจะต่างกันเลย พยายามเพ่งยังไงก็ไม่เห็นความต่าง คือเอาจริงๆ ตั้งแต่ยุค FHD นี่ก็เรียกว่าละเอียดยิบจนไม่เห็นเม็ดพิกเซลละครับ
สรุปว่าตั้งแต่นั้นมา ผมก็ไม่กล้าเคลมว่าจอ QHD มันให้ภาพที่ดีกว่าจอ FHD ในขนาด 5.7" เลย จอ QHD คงจะได้ประโยชน์จริงๆ ตอนเอาไปใช้กับแว่น VR (กับเรื่องแคปหน้าจอที่ผมรู้สึกว่ามันเวิร์คมากกับความละเอียดแบบนี้)
ซึ่งตอน Sony เปิดตัวจอ 4k นี่ผมยังตกใจเลยครับว่าจะเข็นความละเอียดขนาดนั้นไปทำไม แถมเอาเข้าจริงดันมีผลเฉพาะบางแอพอีก ส่วนการใช้งานอื่นๆ จะลดขนาดลงเหลือ FHD ผมนี่แบบ....อ้าว เสียของชะมัด สู้ให้มันเป็นแค่ QHD แต่ก็ให้มัน QHD ไปตลอดแบบพวก Samsung ยังจะมีประโยชน์กว่าอีก
เหมือน TV ครับ ตัว 4K ไม่รู้สึกอะไรเลย แถมมาเปิดหนัง Full HD เอาดูจริงๆ ภาพแตก ตอนนี้รู้สึกว่า OLED LED TV น่าจะโอเคสุด แต่ทำไมไม่ดันตัวนี้ก็ไม่รู้ ไปทำแต่ 4K TV กัน
oxygen2.me, panithi's blog
Device: HP Zbook, iPad Pro, iPhone 15PM, iPhone 16+, Nothing Phone 1
น่าจะเรื่องขนาดครับทำให้ยอดขายกำไรเยอะกว่า จอที่เห็นชัดระหว่าง 4K กับ FHD คือ 55 นิ้วขึ้นไปอันนี้ผมใช้อยู่ครับ เพราะจะ 4K ไปทำไมถ้าจอแค่ 32 นิ้ว ราคาถูกมากขายไปกำไรนิดเดียว
มันมีเรื่องของระยะการมอง/ความสามารถในการแยกแยะของสายตาเข้ามาเกี่ยวด้วยนี่แหละครับ
แล้วพอพัฒนาไปถึงจุดหนึ่ง มันก็จะเลยจุดที่มนุษย์แยกแยะออกได้
เหมือนกับงานพิมพ์นี่แหละครับ งานระดับ 300 dpi สามารถแยกแยะได้ที่ระยะ 1 ฟุต ถ้ามองไกลกว่านั้นก็ไม่เห็นความต่าง
จอมือถือ/ทีวี ผมว่ามันกำลังจะถึงจุดนั้นแล้วเช่นกัน คือมองด้วยตาไม่เห็นความต่างแล้วว่ามีขอบหยัก มีจุดสี
แต่จะได้ประโยชน์แค่พื้นที่ที่เยอะขึ้นเท่านั้น
ได้เวลาทำ MacBook Hybrid จอสัมผัสที่สลับไปมาระหว่าง OsX Mode กับ iOS Mode แล้วมั้ง
ถ้าทำจริง Apple เจ้งแน่ๆเพราะ เพิ่มความลำบากซับซ้อนให้ User
เพิ่มแรม 4 GB ลำโพงคู่ให้ และ iPhone Maxx แบ็ต 5000 แต่ราคาเท่าเดิม เวรกำไรลดลงอีก คงไม่มีใครอยากได้ลำโฟงคู่เกะกะ แบ็ตเยอะน้ำหนักก็เพิ่มเครื่องก็หนา
เอาเป็นว่า เอาตามที่ท่าน CEO เห็นสมควรละกัน
ไม่ตกได้ไง เครื่องนึงใช้ได้ 2-3 ปี ตอนนี้คนใช้ i5 i5s ยังมีเยอะอยู่เลย
แบบนี้ต้องมารอดูยอด SE ต่อไป
ก็ตาม step Apple ตอนนั้นที่จ็อบออกไป
ซอยรุ่น -> ออกสินค้าใหม่ไม่รุ่ง(Apple Watch) -> ลดราคา (iPhoneSE) -> (อนาคต) ขายไลเซ่น os ให้ บ. ทำมือถืออื่น ๆ
แล้วก็เริ่มมีการลอยแพเหมือน android
สำนักข่าวบีบีซี รายงานว่า นายคาร์ล ไอคาห์น มหาเศรษฐีนักลงทุนชื่อดังชาวอเมริกัน ที่ติดอันดับหนึ่งในผู้ร่ำรวยที่สุดในสหรัฐฯ ประกาศเทขายหุ้นทั้งหมดที่ถืออยู่ในบริษัทแอปเปิล บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของโลก โดยเขาถือหุ้นทั้งหมด 53 ล้านหุ้น ที่สามารถขายได้ในราคา 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 70,000 ล้านบาท เนื่องจากเขากังวลในศักยภาพการทำกำไรของแอปเปิล
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1461921372
แกขายทีหุ้นตก 2%กว่า
แต่ถ้าจำไม่ผิด แกให้สัมภาษณ์ว่ากังวลเกี่ยวกับความสัมพันธ์กับจีนนะครับ จึงขายถ้าอนาคตแอปเปิ้ลความสัมพันธ์ดีขึ้นก็อาจจะกลับเข้ามาถือใหม่
ไม่แปลกหรอก เพราะพักหลัง ๆ ไม่มี wow factor อะไรเลย ผู้ใช้เฉย ๆ ไปซื้อของที่ wow กว่า ยอดขายก็เลยตกลงตามนี้
Coder | Designer | Thinker | Blogger
เห็นบอกจะทำรถยนต์ น่าจะสินค้าต่อไปมั่งครับ
ไม่แปลกใจกับ iPhone ที่ยอดขายตกเพราะเหมือนปีนี้ Apple ไม่ได้เปิดตลาดประเทศใหม่เลย
น่าจะตันแล้วด้วยมีขายทุกประเทศ ตัว 3D Touch ก็ไม่ได้กระตุ้นให้น่าเปลี่ยนเท่าตอน Touch ID
อยากให้ Apple มาตั้งใจกับ Mac มากขึ้นกว่านี้ แต่ก็นะ มันไม่ใช่สินค้าที่ทำกำไรตัวหลักให้บริษัทอีกต่อไปแล้ว
สิ่งที่จะช่วย Apple ได้ ถ้าไม่เป็นสินค้า category ใหม่ Apple ก็ต้องจุด Apple Watch ให้ติดในปีนี้ให้ได้ ใส่อะไรให้มันล้ำๆ เลย
แต่อย่างว่า ใครจะเปลี่ยนนาฬิกากันทุกปีแบบมือถือ ~~~~
ต้องรอ iCar มะ ฮ่า... ไปร่วมมือกับ Tesla เลยดีกว่านะ Apple
เริ่มอยู่ตัว
มีอะไรบ้างที่เป็นนวัตกรรม เด็ดๆ หลังจาก 4s ที่ยืนปรบมือแทบไม่ทันก็สแกนลายนิ้วมือ
ทำมาสคอต iPhone สิครับ แล้วจับกลุ่มกับเด็กๆ ปลูกฝังเด็กๆ เงินไหลมาเทมาแน่ๆ
เป็นเพราะ spec ของเครื่องที่มันดีจนเกือบอิ่มตัวแล้วหรือป่าว
แค่ iphone 5 นี่ก็ใช้งานได้แบบลื่นๆแล้ว ipad ก็คล้ายๆกัน แค่ air1,air2 ก็ใช้งานได้ดีละ
แล้วก็น่าจะเป็นแบบเดียวกันในฝั่ง android ด้วย แล้วเครื่องใครที่ยังใช้งานได้ จะอยากซื้อรุ่นใหม่ล่ะครับ?
จริงครับ ใช้ i5 อยู่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าช้า ยืม i6 มาลองก็ไม่รู้สึกว่ามันเร็วกว่า
ตามนั้นครับ ผมใช้ 5c spec อ่อนกว่า 5 อีกหยิบ 5s กับ 6 ของเพื่อนมาเล่น Facebook ถ่ายรูป กับเล่นเกม marvel future fight ไม่ได้รู้สึกแตกต่างกันอาจจะต่างแค่ช่วงเปิดเข้าเกมแค่นั้น ส่วน 6s ยังไม่มีโอกาสได้ลอง
+1
Iphone 5 นอกจากแบตเสื่อมตามอายุ...อย่างอื่นยังใช้ได้ดี
ส่วน ipad 3 แบตอึดมาก...ทุกวันนี้ยังใช้งานปกติ
ใจก็อยากได้ใหม่ ipad pro 9.7 + ปากกา ... แต่พอกดราคาแล้ว...ยังแพงไป...
ปัญหาเพียงอย่างเดียวคือแบตครับ ;_; (5s)
ไม่น่าจะเป็นไปได้ในเวลาอันใกล้แต่ก็มีสิทธิ์
อยากเห็น การพัฒนาของ OS อื่นนอกจาก android นะ
ไม่อยากให้ google หรือ บริษัทใดบริษัทหนึ่งผูกขาดเหมือนที่เราโดนกับ microsoft (ปัจจุบันก็ต้องใช้อยู่)
ไม่ล่มหรอกครับ เพราะผมไปถอย 5s มาแล้ว 5,900.- อิอิ เดี๋ยวจะซื้อแอพซื้อเพลงซื้อหนังให้ ไม่ได้ใช้มานานนนน ตั้งแต่ 4s แล้ว ใช้สักปีก็คุ้มแล้วครับ เดี๋ยวถ้า i7s จะออกแล้วเอา 6 มาลดอีกผมก็ซื้อครับ :)
5,900!!!
เห็นมาพักนึงแล้ว รู้สึกจะเป็นของ DTAC อ่ะครับ
ผมจัดมาตอน 23,500บาท =_=
5,900.- อยากสอยบ้างจัง ยังเหลืออยู่ปะครับ
เห็น True ก็ลดอยู่ประมาณนี้นะครับ แต่ถ้าเป็นคนโทรน้อยๆ ไม่คุ้มนะครับ เพราะบังคับโปรแพงมาก
oxygen2.me, panithi's blog
Device: HP Zbook, iPad Pro, iPhone 15PM, iPhone 16+, Nothing Phone 1
ค่าย / ราคา / ส่วนลด / ย้ายค่าย / ลดciti% / ราคาประมาณ / โปร12เดือน / รวมจ่ายประมาณ
ais. / 12,900 / 4,000 / ---------- / 3% = 267 / 8,633 / 399x1.07x12 = 5,123.16 / 13,756.16
dtac/ 13,000 / 4,100 / 1,500 ../ -------------- / 7,400 / 399x1.07x12 = 5,123.16 / 12,532.16
true./ 13,000 / 5,100 / 1,000 ../ 1% = 69 ./ 6,831 / 499x1.07x12 = 6,407.16 / 13,238.16
ผู้ซื้อใหม่ เริ่มไม่ชอบ ecosystem ของ apple แล้วเหรอ
หรือว่า ยอดขายมันตกกันทุกราย ในตลาดเซกเมนท์เดียว นี้
ที่ร่วงคือยอดขาย iphone ครับ ไม่ใช่ฝั่งบริการ
ของเก่าก็ดีอยู่แล้ว ทำไมต้องเปลี่ยน ...
คือเหมือนใครๆก็ถือไอโฟนกันหมดแล้ว...
ข่าวเก่าเล่าใหม่ในทุก ๆ ปี ความเห็นแบบเดิมทุกปี มีคนห่วงแอปเปิลมากกว่าเดิมขึ้นทุกปี นักทำนายอนาคตแอปเปิลมากขึ้นทุกปี ช่วง 2013 นี่เลวร้ายสุด ๆ หุ้นนี่แทบทะลุลงดินยังผ่านมาได้ 2016 คงไม่ยากเกินไปใช่ไหมท่านทิม
แอปเปิ้ลเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ไม่ว้าวเท่าไหร่
ยอดตกก็ไม่แปลก
น่าจะยังเหลือของให้ปล่อยอีกเยอะ กันน้ำ ชาร์ทไวเลส ความจุแบต กล้องว้าวๆ. ^ ^
Apple ควรเริ่มทำ search engine หรือบริการแบบ AWS ให้เร็วที่สุด ผมว่ามันยั่งยืนกว่า
That is the way things are.
คนรอ SE หรือ7ก็เลยดองเงินไว้ รอ SE ขายครบทั่วโลกก่อน
The Last Wizard Of Century.
iPhone SE ถึงจะแรงและถูกกว่าก็จริง แต่ถ้าคนที่เคยไปใช้จอใหญ่แล้ว น้อยคนที่จะกลับไปใช้จอเล็กๆอีก
ต้องรอดูยอดขายต่อไปว่าจะมาเพิ่มหรือเปล่า
ที่ผ่านมา ยอดขายมันโตกระฉูดเพราะเปิดตลาดใหม่เรื่อยๆไม่ใช่หรอ
นี่ก็เปิดทั้งโลกละ จะโตกว่านี้คงต้องไปขายดาวอังคารแบบลุงแถวบ้านผม
ผมว่ายังเหลือเกาหลีเหนือครับ
เกาหลีเหนือยังขอรับความช่วยเหลือด้านอาหารจาก UN อยู่เลยครับ คงไม่มีตังค์มาซื้อ iPhone หรอกมั้งครับ ยกเว้นท่านผู้นำ
มันไม่ใช่เรื่องแปลก มันเป็นเรื่องคาดการณ์ได้อยู่แล้ว และแม้แต่แอปเปิ้ลเอง ก็คงรู้
ในยุคแรก ยอดขายพุ่ง เพราะเป็นการเพิ่มจากตลาดที่เป็น 0 เพราะไม่เคยมี smart phone มาก่อน
สมัยก่อน ความชันของกราฟยอดขาย แทบจะเป็นแนวตั้งด้วยซ้ำ เพราะไม่เคยมีฐานเดิมมาก่อน
ปัจจุบันนี้ คนใช้ไอโฟน มีเยอะแยะ ฐานเดิมเริ่มเยอะ แต่ไม่ใช่ทุกคนจะเปลี่ยนมือถือทุกครั้งที่ออกรุ่นใหม่
วิธีแก้ปัญหาคือ ขยายตลาดไปเรื่อย ๆ เปิดประเทศใหม่ ๆ แต่พอเต็ม ก็จบ
ทางถัดไป ขยายฐานให้ลงล่างขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อกวาดลูกค้าให้ได้มากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งก็ได้เห็นแล้ว กับ iphone low cost
เพราะหลายคนก็อยากใช้ แต่เดิม ราคาแพง ไม่มีตัง พอตอนนี้ลดราคา เราจะเห็นเครื่องขายได้เพิ่ม คนใช้ได้เพิ่ม
ลูกค้าที่เป็นกลุ่มไฮโซ ไม่อยากใช้อะไรโหล ๆ คุณก็ไม่มีทางเลือกจะหนีไปไหน คุณก็ต้องใช้ต่อ ถึงต่อไป มันจะมีของถูกออกมา
แต่....ถ้าใครต่อใครก็คิดเรื่องนี้ได้ วิเคราะห์กันได้ แอปเปิ้ล คงไม่โง่กว่านักวิเคราะห์
การขาย iphone ไม่ได้จบแค่การขายเครื่อง (ที่ฉลาดกว่าคนอื่น ตรงที่บวกกำไรไปเยอะมาก แล้วยังมีคนยอมจ่าย)
แต่หลังจากลูกค้าซื้อไปแล้ว คุณก็ต้องอยู่ในวังวนของระบบ ออกไปไหนไม่ได้
ต้องซื้อ app เค้า ใช้บริการต่าง ๆ ของเค้า apple ก็สามารถกินหัวคิว จากบริการอื่นที่จะเข้ามาในระบบได้
นี่คือรายได้ระยะยาวของแอปเปิล ซึ่งทำกำไรได้เป็นกอบเป็นกำ โดยต้นทุนการดำเนินงานน้อยมาก เพราะลงทุนไปหมดแล้วในช่วงแรก
หลังจากนี้ แค่ maintain จำนวนลูกค้าไม่ให้ลด หรือเพิ่มได้ด้วยซ้ำ ด้วยการออก low cost ก็ทำให้ apple ิอยู่ได้สบาย
ยังห่างไกลจากคำว่าล่มสลายอีกเยอะ
อีกอย่าง apple เริ่มทำการขายปีกธุรกิจของตัวออกไปให้กว้างขึ้น
เพื่อกวาดคนมาเข้าระบบตัวเองให้เยอะขึ้น
ยังมองไม่เห็นทางที apple จะล้มได้เลย
อย่าไปเทียบกับบริษัทที่เน้นขายแต่ hardware อย่างโนเกีย
และอีกอย่าง โนเกีย ล้มเพราะอะไร ก็รู้ ๆ กันอยู่ ไม่ใช่เพราะสินค้าไม่ดี
ดังนั้น ไม่มีทางที่ apple จะล่มสลายในเวลาอันใกล้ ๆ อย่างน้อยก็ 10 ปีข้างหน้าแน่ ๆ
ชอบความเห็นนี้มากครับ
โนเกียไม่ได้ทำสินค้า ไม่ดี ผมยังชอบลูเมี่ยสมัยอยู่กับโนเกียมาก design สวย อย่าง 920 1020, 720
เรื่องการรับส่ง gsm ดีมาก (ไอโฟนแต่ก่อนห่วยในเรื่องนี้ เนื่องจากความที่เพิ่งเข้ามาในวงการ)
แอพที่โนเกียออกเอง คุณภาพสูง ทั้งแอพกล้อง แปนที่ here บลาๆ
ตายเพราะ windows phone ล้วนๆ ส่วนตัวคิดว่า ถึงใช้ android ยังดูไม่ค่อยเหมาะกับ design hardware ( ถ้า custom luncher สวยก็ไม่แน่) ส่วนตัวคิดว่าเหมาะกับ meego หรือ sailfish (แต่ก็ต้องพัฒนาต่ออีก)
ส่วนตัว
ผมว่าตายเพราะ Symbian และการตามตลาด touch screen ที่ช้ามาก (Symbian Touch OS ช้าและอืดมากถ้าใครทันได้ใช้ หน้าจอก็หนืดๆ ไงไม่รู้แล้วก็ไม่ไป capacitive เต็มตัวเสียที ยังคงออก resistive มาเรื่อยๆ) ส่วนการมาของ WP นั้นคือเหมือนมาช่วยให้ตายช้าลง และช่วยตอกฝาโลงงามๆ ให้แค่นั้นเอง
ສະບາຍດີ :)
ตอกฝาโลงงามๆ ถึงขั้นขายกิจการเลยนะครับ
แต่ก็นะ microsoft ก็ไม่ได้รุ่งจากดีลนี้สักนิด สรุปกอดคอกันจมน้ำ
Apple ยังถือว่าสภาพดี ระดับหรูหรา นะครับ เพราะเศรษฐกิจสหรัฐตอนนี้ บันเทิงมากครับ
บันเทิงขนาดที่ทุกบริษัท สั่งทำ jobs holocaust พร้อมกัน
โดยไม่ได้นัดหมาย อย่างช่วงอาทิตย์นี้ Microsoft ก็เพิ่งจัดไป
ตอนแรกนึกว่าจะโดนแต่ พวก Nokia ทำไปทำมานั่งอยู่ Redmond ก็ยังโดน
จนเหมือนกับว่า บิลเกต เอา สัตยา นาเดลลา มาเพื่อไล่คนออกโดยเฉพาะ
เพราะ 3 ปีนี้ไล่ออกเยอะจริงๆ ตรงใหนกำไรน้อยพ่อคุณไล่ออกหายตูมเดียวทั้งทีมเลย
อันนี้ list ที่ฝรั่งเค้า list กัน น่าจะปีที่แล้ว ไม่รวมปีนี้
Boeing is laying off 4,000 workers.
Nokia is laying off 15,000 workers.
Intel is laying off 12,000 workers.
Qualcomm is laying of 5,000 workers.
Microsoft laying off 17,000 workers.
IBM laying off 14,000 workers.
Twitter laying off 400 workers.
Samsung laid off 10,000 workers
Yahoo laid off 1,700 workers.
แล้วมันจะมีงานให้สมัครที่ใหนได้อีกหล่ะเนี่ย ?
แรงงานล้นตลาดขนาดนั้น
workers นี่หมายถึงพวกที่อยู่ตามโรงงานหรือเปล่าครับ ถ้าพวกนี้ไม่แปลกที่จะ layoff เพราะไปจ้างเหมา บ.จีนกันเยอะ อย่าง Foxconn นั่นก็ใช่เลย
สงสัยอยู่เหมือนกัน ถ้าเป็นคนไทยอาจจะกลับไปทำงานภาคเกษตร แต่อย่างพวกอเมริกันนี่ถ้าตกงานแล้วเขาจะไปทางไหนกัน
Layoff เยอะนี่ไม่แปลกใจครับ
เพราะบริษัท IT ในอเมริกาเปลี่ยนแนวไปเป็นซื้อบริษัทอื่นหรือซื้อ Startup กันเยอะมากๆ ซึ่งบางครั้งก็ซื้อเพื่อเอาสิทธิบัตรหรือ Knowhow กันเท่านั้น ทำให้พนักงานที่ convert มาล้น
ลดราคา SE หน่อยสิ จะช่วยซื้อ
ไม่รู้ว่ามีใครรู้สึกเหมือผมไหม
ว่าiPhone6/6s มันไม่น่าซื้อเพราะเหมือนเครื่องทำมาให้พังง่ายเกินไป
สังเกตง่ายๆก็
1.กล้องนูน(เพิ่มโอกาสให้กล้องแตกได้ง่ายขึ้นถ้าไม่ใส่เคส
2.จอ2.5D ใส่เคสแล้วขอบเคสไม่สูงกว่าหน้าจอ เพิ่มโอกาสให้จอกระแทกจนแตกได้ง่ายขึ้น + ติดฟิล์ม/กระจก ก็ไม่ค่อยช่วยอะไรได้เท่าไหร่เพราะมันไม่ครอบคลุมหน้าจอจนมิดทั้งหมดอยู่ดี
3.เคสปูด ซึ่งไม่รู้ออกมาทำไม มันเหมือนเป็นการยอมแพ้ต่อข้อกล่าวหาของคู่แข่งที่ว่า แบตiPhoneไม่อึด ชัดๆ
4.iPhone SE ตัวนี้อาจจะเหมือนมาดันยอดขาย แต่ผมว่ามันมาฉุดยอดขายiPhone7แน่นอน เพราะคนจำนวนนึงจะเกร็งรอว่าAppleจะออกiPhoneที่ความแรงเท่าเรือธงแต่ราคาต่ำอีกหรือไม่
5.iPhone6ใช้ Live Photo ไม่ได้ ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าตกรุ่นเร็วเกิ๊น
พูดง่ายๆ เหมือนทำสินค้ามาทำลายBrand Loyalty ของตัวเองเข้าไปทุกวั๊นทุกวัน
นี่ยังขนาดยังไม่ลามไปฝั่งMacที่ออกMacbookที่มีคีย์บอร์ดแบบใหม่ ซึ่งเป็นคีย์บอร์ดแบบปุ่มจริงที่พิมพ์แล้วความรู้สึกแทบไม่ต่างกับคีย์บอร์ดบนจอสัมผัส และiPad Pro ที่รุ่นใหญ่ที่ตกรุ่นเร็วมากๆ เพราะรุ่นเล็กที่ออกตามหลังมาไม่กี่เดือนดันมีลูกเล่นเยอะกว่า
อย่าลืมว่าสมัย New iPad ก็เคยหักหลังกันด้วย iPad 4 ที่ออกมาหลัง New iPad ไม่ถึงปีมาแล้วครับ
แค่มนุษย์คนนึงที่อยากรู้เกี่ยวกับวงการไอที
ผมคิดต่างนิดหน่อยครับ คือ ซื้อก่อนใช้ก่อน ถ้ารุ่นนี้ไม่ชอบก็ไปซื้อรุ่นใหม่
หรือถ้าไม่แตกต่างมาก ก็รอข้ามรุ่นไปอีกรุ่น แล้ว apple เอง เวลาออกตัวใหม่ ตัวเก่าก็ยังมีขายอยู่ แถมราคาลดลงอีก
ส่วน ipad pro ไม่ถือว่าตกรุ่นเร็วนะ มันเป็นทางเลือกมากกว่า เพราะถ้าตกรุ่นมันต้องจอ 12" แบบเดียวกัน อย่าเอามาปนกันเพราะลำดับการออก
เพราะถ้าเทียบแบบนี้ macbook pro คงขายไม่ออก
พอดีผมคิดว่ามันตกรุ่นในเชิงฟังก์ชั่นอ่ะครับ
ถ้าจะออกiPad Pro ตัวเล็ก อย่างน้อยก็น่าจะสเป็คเท่าๆกับตัวใหญ่ ต่างกันแค่ขนาดหน้าจอพอ
ลองนึกดูว่าถ้า ออกiPhoneSE ได้สเปคลูกเล่นเยอะกว่าiPhone6s ต่างแค่ขนาดหน้าจอ ผมว่าคนที่ถอยมาก่อนหน้ามีเคืองอะครับ
ส่วนMacbook Pro มันมีลูกเล่นเหมือนๆกันหมด ต่างแค่สเปค ซึ่งสเปคมันก็แปรผันตรงกับราคาอยู่แล้ว จึงไม่น่ามีปัญหาอะไร
และการที่ว่า ซื้อก่อนใช้ก่อนเนี่ย ก็จะยังคงใช้ได้เสมอตราบใดที่Appleรักษาความเป็นแฟชั่นของสินค้าตัวเองได้อยู่
ส่วนไม่ชอบแล้วซื้อรุ่นใหม่ หรือ รอข้ามรุ่น เนี่ย ผมว่าเป็นสิ่งที่Appleกำลังเผชิญอยู่ขณะนี้ และเป็นอีกหนึ่งความท้าทายที่CEOต้องฝ่าฟันไปให้ได้ ต้องหาสินค้าที่สามารถดึงทั้งลูกค้าเก่าและใหม่ให้มาซื้อให้ได้ เพราะถ้าทำไม่ได้ บัลลังก์CEOมีสั่นคลอนแน่นอน เพราะเหล่าผู้ถือหุ้นคงไม่ปลื้มเท่าไหร่ที่สินค้าใหม่มันไม่โต
+1
แนวทางออกผลิตภัณฑ์ช่วงนี้ดูสะเปะสะปะมาก
เคสหลังเต่านี่...จุกเลย...
ผมว่าข้อ 1-2 ปกตินะครับ ตามสมัยนิยมของมือถือสมัยนี้แหละ
มือถือที่ผมใช้ก็เป็นอย่างข้อ 1-2 ว่ามาทุกอย่าง ทั้งกล้องปูด จอ 2.5D ติดฟิล์มกระจกแล้วไม่มิดจอ แต่ผมเลือกใส่เคส OtterBox หนาเตอะเข้าไปครับ (เป็นคนเกลียดเครื่องบางๆ มาก รู้สึกจับยากไม่ถนัดมือ) ใส่แล้วเครื่องหนาขึ้นเกือบสองเท่าตัว แต่ทนถึกมาก ส่วนฟิล์มกระจกที่ไม่เต็มจอก็มี bumber ของเคสมาหุ้มไว้พอดี ส่วนด้านหลังก็หนาเกินเลนส์กล้องไปไกล ตอนนี้ใช้มาเป็นปีละ เลนส์ยังใสกิ๊กอยู่เลย ทำตกกี่ครั้งๆ ก็ปลอดภัย
ผมว่าเค้าไม่ได้ตั้งใจจะทำให้พังง่ายหรอก แต่เพราะต้องบางเอาใจตลาด+ให้เครื่องดูสวยตามสมัยนิยมมากกว่า แต่เรื่องนี้ซื้อเคสดีๆ ใส่แล้วจบเลยครับ
เห็นด้วยเรื่องเคสปูดกับไอแพดครับกับการออกผลิตภัณฑ์ที่ดูสะเปะสะปะกับคุณภาพที่ดูจะลดลงไป แต่ข้อที่เขียนเกี่ยวกับไอโฟน 6 นี่เฉยๆ ครับกับคนที่ใช้งานแบบทรหดขึ้นเขาลงห้วยโดยที่ไม่ได้ติดฟิล์มอย่างผม รวมถึง Live Photo ที่ไม่ได้รู้สึกว่ามันทำให้รู้สึกว่าจำเป็นอะไร ตอนซื้อมาช่วงแรกๆ ก็กลัวเรื่อง bendgate มาก ถึงกับหลอนไปเลยแต่พอใช้งานไปเรื่อยๆ ปรากฏว่ามันไม่ได้งอง่ายขนาดนั้น ส่วน SE ก็ออกมาขยายตลาดที่ยังเข้าไม่ถึงอย่างอินเดียก็น่าจะเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องเพราะถ้าเอาเครื่องราคาสูงกว่านี้ไปตีก็คงยาก
ขอยืนยันว่า iPhone ทนนะครับ จากการใช้งานมือถือของผม เมื่อก่อนสมัยก่อนที่จะเปิดใจใช้ iPhone 4 ผมโลดแล่นใช้ทั้ง Nokia, Ericsson, Sony Ericsson, Samsung ทุกเครื่องล้วนพังภายในไม่กี่เดือนครับ พอได้รู้จัก iPhone 4 รู้สึกได้เลยว่าทนมากครับ จะมีแค่ iPhone 5 เท่านั้นที่ใช้งานไปปีกว่าแล้วแบตเตอรี่บวม นอกนั้นโอเคสุดแล้วครับ เคยหลงไปซื้อ Android ราคาต่ำๆ อยู่ อย่างเช่น Lenovo A7000 Plus ใช้งานได้ไม่กี่เดือน จอ Touch ไม่ได้ซะแล้ว
oxygen2.me, panithi's blog
Device: HP Zbook, iPad Pro, iPhone 15PM, iPhone 16+, Nothing Phone 1
iPhone ตั้งแต่รุ่นแรกจนถึง 4 นี่ยืนยันว่าทนครับ แต่หลังจากนั้นรู้สึกจะมีปัญหากันเยอะ
ตอนแรกก็คิดว่า iPad Pro จอเล็กออกมาหักหลังกัน
แต่พอเห็นแรมแล้วก็เฉยๆอะครับ
ข้อ 1,2 รุ่นใหม่ๆ บางยี่ห้อหนักกว่าอีกครับ ดูพวก edge ใส่เคสแล้วจอยังล้นออกมาน่าหวาดเสียวกว่าไม่เห็นมีใครกลัว กล้องปูดก็ไม่ยอมแพ้กันเลย ส่วนเรื่องเคสเตี้ยกว่าจออันนี้ไม่จริงเคสมีตั้งหลายแบบนะ ของผมที่บ้านก็สูงเกินจอหมด
ข้อ 3,4 มันเกี่ยวอะไรกับ i6 ??
ข้อ 5 โดนครับ เห็นด้วยว่าแนวทางน่าเกลียดมาก ใครจะ rotalty ต่อก็ตามใจแต่รุ่นต่อไป Apple ไม่ได้ตังค์ผมละ
ipad ไม่สงสัยทำไมยอดขายตก จนบัดนี้ ipad 2 ผมยังใช้ได้ดีอยู่เลย
ยังสร้างนวัตกรรมอยู่ได้อีกนานครับ เพราะสีมีตั้ง 16 ล้านสี รอเปลี่ยนไปเรื่อยๆ
แซวเล่นนะครับ อิอิ
อันนี้ฮาจริง
ฮาจริง 555++
สักพักคงมีแบบว่า ให้เปิดกล่องลุ้นสีเอาเอง ไม่มีบอกสีบนตัวกล่อง
ใครได้สีแรร์ไอเทมก็เอาไปประมูลได้หลายตังค์
(นี่ซื้อโทรศัพท์หรือซื้อหวย)
เมื่อคืนวานอ่านแล้ว งง ไม่เข้าใจ ทำไมต้อง 16 ล้านสี
พอมาวันนี้ อ๋อ เข้าใจแล้วนั่งหัวเราะคนเดียวดังมาก
ปล. พิมพ์ไปก็หัวเราะไป โอยเนาะ คิดได้ไง
แอปเปิ้ลมีฐานสาวกแข็งแกร่งไม่ล่มสลายง่ายๆหรอก ถึงจะออกสินค้าไม่ถูกใจ สาวกก็ช่วยอุดหนุนอยู่ดี
อาจจะจริง อย่าง iPhone 6s Smart Battery Case มีคะแนนรีวิวถึง 4 ดาว จากคนรีวิว 93 คน
oxygen2.me, panithi's blog
Device: HP Zbook, iPad Pro, iPhone 15PM, iPhone 16+, Nothing Phone 1
ผมคือคนที่ใช้เคสนี่อยู่และจะบอกว่าของเขาทำมาดีจริงครับ ของจริงใส่แล้วไม่ได้ดูน่าเกลียดแบบในรูป ผมว่ามันสวยเลยล่ะถ้าเทียบกับแบตเตอรี่เคสทั่วๆไปและพออยู่ในมือมันให้ความกระชับที่ดีกว่าเคสหลายๆยี่ห้อไม่หนาไปไม่บางไป แต่ด้วยราคา(แพง)ของมันก็อาจจะทำให้หลายๆคนแขวะมันเป็นธรรมดาซึ่งก็เข้าใจได้อยู่ (อาจจะมีองุ่นเปรี้ยวก็ได้) แต่เผอิญผมได้มันมาฟรีก็เลยใช้ไม่คิดอะไรมากครับ
สาวก โนเกียก็เยอะนะครับ
Apple เติบโตขึ้นมาขนาดนี้จาก iPhone ซึ่งตอนนี้ต้องยอมรับว่าตลาดสมาร์ทโฟนเริ่มอิ่มตัวแล้ว จุดพีคของสมาร์ทโฟนจึงเป็นจุดพีคของ Apple ไปโดยปริยาย
สตีฟ จ๊อบส์เคยให้สัมภาษณ์ว่า ธุรกิจใดๆ จะมี Cycle ของมัน มีช่วงเริ่มต้น ช่วงอิ่มตัว และช่วงถดถอย Apple ต้องพยายามหาอุตสาหกรรมที่เป็นช่วงเริ่มต้น แล้วสร้างผลิตภัณฑ์ที่ดีออกมา
เท่าที่ติดตามมา กลยุทธ์ของ Apple แทบจะไม่เคยเปลี่ยน จนถึงเดี๋ยวนี้ การออก iPhone SE เป็นการบอกให้รู้ว่าตลาดสมาร์ทโฟนนั้นผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว (iPhone ออกมา 10 ปีแล้วนะครับ เวลาผ่านไปเร็วมาก) iPhone จะมีสถานะคล้ายๆ Mac คือพัฒนาดีขึ้นเรื่อยๆ ขายได้เรื่อยๆ แต่จะไม่ได้ว้าว เปรี้ยงปร้างอะไรอย่างนั้น
จึงพอเข้าใจได้ว่าทำไม Apple ถึงอาจจะซุ่มทำรถพลังงานไฟฟ้าอยู่ จริงๆ น่าจะมีผลิตภัณฑ์หลายอย่างที่อยู่ระหว่างการพัฒนาและตัดสินใจว่าจะทำดีหรือเปล่า แต่รถพลังงานไฟฟ้าดูจากที่ Tesla เริ่มไปแล้ว คิดว่ายังไงก็มาแน่
น่าเสียดายที่คนที่มีวิชั่นและสามารถมองเห็นได้ชัดว่าควรทำอะไรหรือไม่ทำอะไรอย่างสตีฟ จ๊อบส์ตายไปแล้ว เราเลยอาจจะคาดหวังอะไรไม่ค่อยได้ว่า Apple จะสามารถออกผลิตภัณฑ์อะไรที่สามารถเปลี่ยนอุตสาหกรรมเดิมได้อย่างที่ Mac, iPod, iPhone ทำขึ้นมา เรื่องโตแบบก้าวกระโดดคงไม่คาดหวัง แต่จะล่มสลายในเร็ววันก็คงไม่ง่าย
คนใช้ปัจจุบันไม่ยอมซื้อเครื่องใหม่เพราะมันยังดีอยู่ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปอาจจะมีการลอยแพกันเกิดขึ้น
ผมว่า iPhone ยังมีอะไรที่ไม่เหมือนชาวบ้านเค้าอีกเยอะเลยนะครับ
เพราะฉะนั้นถือว่ายังมีอะไรให้เป็นจุดขายอีกเยอะ
ซึ่งก็น่าจะเห็นจากการเปิดตัวฟังก์ชั่นหรือการใช้งานต่างๆ ที่ iPhone มักจะไม่ได้มีเป็นรายแรก
แต่กลับเกิดเป็นกระแส ที่บางค่ายเคยมองข้ามแล้วต้องทำตาม
แต่สิ่งที่อยากให้มีใน iPhone รุ่นต่อไปคือ
กล้องหน้า กล้องหลัง ที่มีความเป็นเลนส์ไวน์มากขึ้น คือ ให้มากกว่าที่เป็นอยู่ก็พอ จะได้เก็บรายละเอียดต่างๆ หมด
และที่สำคัญ ถ่ายในที่แสงน้อยได้ดี
(ซึ่งตอนนี้มีใน S7 แต่พูดตามตรง ก็ยังไม่ไว้ใจ Samsung อยู่ดี รู้สึกว่าในราคาที่เท่ากัน ซื้อ iPhone ยังไงมันก็คุ้มค่ากว่าในระยะยาวมาก)
ขอแค่นี้แหละ อย่างอื่นก็เฉยๆ แล้ว เพราะตัว iOS ก็สมูทมากอยู่แล้ว ถ้ายิ่งพัฒนาและเพิ่มโน่นนี่ก็น่าจะยิ่งโอเค
และถ้ายิ่งพัฒนาให้เป็นมิตรกับผู้ใช้งานใหม่ โดยเฉพาะการลงภาพ ลงเพลง ได้ง่ายขึ้น ก็น่าจะถูกใจลูกค้าใหม่ได้มากเลยทีเดียว
บริษัท IT อเมริกัน มองภาพ Post PC Era แบบนี้
ย้ายไปอยู่ใน Clouds เพราะทำ User Device แล้วไม่กำไร
เพราะงั้น ตอนนี้ บ. ที่กำไรคือ ไปโขกสับเอากับ Data Center แทน
หมายความว่า มันไปแข่งกันบนตลาด ผู้ให้บริการ ซึ่งไม่จ่ายไม่ได้
Apple อาจจะพิเศษหน่อยตรง ขาย iPhone Spec ต่ำ ราคาสูง
แต่เรื่อง Data Center , Clouds แล้วะก็ Service ยังเป็นรอง
IBM, Google, Cisco และ Oracle อยู่หลายขุม
Microsoft สัตยา นาเดลลา อาจจะมองเกมส์ออกจริงๆ
สังเกตจากที่ ไล่เช็ดเรื่องที่ สตีฟ บัลเมอร์ ไปซื้อ Nokia เข้ามาอยู่
ทั้งไล่ออก ทั้งปิดแผนก ถ้าไม่ทำ Surface ได้ คงเลิกทำไปแล้ว
+1 แอปเปิลยังไม่ถนัดเรื่องพวกนี้ ต้องคว้าตัวคนเก่ง ๆ มาเสริมทัพด้านนี้ ถ้าจัดการข้อมูลขนาดมหึมาไม่ดีอนาคตอยู่ยาก
ทำสายชาร์จให้ทนได้สักครึ่งหนึ่งของเครื่องก็คงดี
ผมเพิ่งซื้อ ipad ใหม่ เทียบกับ ipad2 เดิมเมื่อ 5 ปีที่แล้ว เห็นได้ชัดเจนเลยว่าสายใหม่ดู กรอบแกรบ บอบบางกว่าเดิมมาก นี่ถ้าไม่ซื้อจากช้อปนึกว่าของก้อปเส้นละ 20 บาท
ใช่ว่าสาย ipad2 จะทนทานนี่ครับ ผมเคยถูกคนหลับตาเถียงด้วยว่าสายของ Iphone, ipad นี่ทนสุดในสามโลกแล้ว คนที่ทำสายขาดคือใช้ไม่เป็นเอง ขรำ...