ช่วงที่ผ่านมาเราเห็นผู้ผลิตจากหลากหลายค่าย ต่างเปิดตัวคอมพิวเตอร์ขนาดจิ๋วที่มีขนาดไม่ใหญ่มาก (ขนาดประมาณแท่งขนมช็อคโกแลตอย่าง Mars) แต่เสียบใช้งานกับทีวีหรือจอที่รองรับ HDMI แล้วกลายเป็นคอมพิวเตอร์ที่ทำงานได้ หนึ่งในนั้นคือ Chromebit ผลิตโดย ASUS ที่เปิดตัวไปเมื่อเมษายนและวางจำหน่ายเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว
ผมมีโอกาสได้สั่งมาจาก Amazon เพื่อลองเล่นดูว่า Chromebit จะเป็นอย่างไรบ้างในการใช้งานจริงครับ ทั้งนี้ราคาปัจจุบันที่จำหน่ายใน Amazon อยู่ที่ 84.99 ดอลลาร์สหรัฐฯ (สั่งกลับไทยมีภาษีเพิ่มที่ 52.95 ดอลลาร์สหรัฐ เป็นมัดจำ ถ้าไม่เก็บก็ได้คืน) ส่วนสเปกอ่านจากข่าวเก่าครับ
แกะกล่องและภายนอกของเครื่อง
Chromebit มาในกล่องที่มีขนาดเล็ก (แต่ไม่ได้เล็กมาก) ส่วนน้ำหนักก็ถือว่าพอตัว (ข้อมูลจาก Amazon อยู่ที่ประมาณ 300 กรัม) พอแกะออกมาจากกล่องด้านบนแล้วเลื่อนออกมา จะพบ Chromebit นอนรออยู่ในกล่อง
พอดึงออก ด้านล่างจะมีสายต่อขยาย (extender) สำหรับ HDMI ในกรณีที่ด้านหลังจออาจจะไม่มีพื้นที่เพียงพอสำหรับการเสียบเป็นแท่งยาวๆ (เดี๋ยวภาพหลังๆ จะเห็นครับ), adapter สำหรับจ่ายพลังงาน (ไม่ใช่ microUSB ตามข่าวเก่าแล้วนะครับ), คู่มือ และเทปตีนตุ๊กแก สำหรับเอาไว้ติดตัว Chromebit หรือ USB Hub ไว้หลังจอ
ตัวเครื่องมีขนาดประมาณแท่งช็อกโกแลต Mars มาในสีดำสนิท (ไม่มีสีอื่นๆ เลย เข้าใจว่าสีอื่นตอนเปิดตัวนั้นหายไปหมด) ถือว่าใหญ่อยู่ (ลองเทียบกับมือผมละกันครับ) ด้านหลังเครื่องมีปุ่มรีเซ็ตและข้อมูลการรับรอง (regulatory approvals) แสดงเอาไว้ ส่วนด้านข้างเครื่องนอกจากรูเสียบ adapter เพื่อจ่ายไฟ, พอร์ต USB ขนาดเต็ม 1 ช่องแล้ว ก็มีที่ให้สำหรับสายแขวน (loop) ด้วย (มีเท่านี้จริงๆ ครับ)
ตัว Chromebit แสดงผลด้วยการเสียบเข้ากับพอร์ต HDMI ของหน้าจอที่มีที่ครอบป้องกันอยู่ และจะทำงานทันทีที่เสียบปลั๊กจ่ายไฟ (ไม่มีปุ่มให้เปิดเครื่อง) ดังนั้นแล้วอาจจะมีความไม่สะดวกในหลายครั้งที่สมมติเราสั่งปิดเครื่องแล้วต้องการเปิดใหม่ หนทางเดียวคือการดึงปลั๊กออก แล้วรอประมาณ 3-5 วินาที ก่อนเสียบปลั๊กใหม่เพื่อใช้งานเครื่องครับ ความจำกัดจำเขี่ยของพอร์ต USB ที่มีเพียงอันเดียว ก็ทำให้ต้องต่อ USB Hub หากต้องการเชื่อมต่อกับเมาส์และคีย์บอร์ด หรือไม่ก็ thumbdrive ต่างๆ (ตัวเครื่องรองรับการเชื่อมต่อผ่าน bluetooth)
ซอฟต์แวร์และการใช้งานจริง
เมื่อใช้งานจริง สิ่งแรกที่โดดเด่นคือความเร็วในการเปิดเครื่อง (มันเร็วมาก!) โดยต้องผ่านขั้นตอนหน้าจอแนะนำการติดตั้งก่อน ใช้เวลาไม่นานนักก็สามารถเข้าใช้งานได้ แต่ผมก็ต้องพบความจริงที่ว่า Chromebit ผมไม่มีเสียง เพราะหน้าจอคอมพิวเตอร์ผมปัจจุบันนั้นไม่มีลำโพงให้มาในตัวนั่นเอง ใช้งานกับคีย์บอร์ดแบบเดิมได้เลย
ตัวซอฟต์แวร์เป็น Chrome OS ซึ่งเปิดเว็บต่างๆ ใช้งานได้ดีตามปกติ แต่เมื่อพอเริ่มใช้ไปได้ระยะหนึ่งก็เริ่มช้าตามประสิทธิภาพของเครื่อง นอกจากนั้นแล้วตัวของระบบปฏิบัติการเองก็ทำงานแบบออฟไลน์จำกัดมาก (เรื่องนี้เคยรีวิวกันไปแล้ว ลองอ่านจากรีวิวเก่าได้ครับ) คือถ้าไม่มีอินเทอร์เน็ต ก็เรียกว่าไม่ต้องทำงานเลย ส่วนคนที่กลัวเรื่องภาษาไทย (?) ก็ไม่ต้องห่วงครับ ใช้ได้ดีตามปกติ
เมื่อใช้งานไปได้ระยะหนึ่ง ผมพบว่าตัวเครื่องค่อนข้างร้อนเอาเรื่องอยู่ แม้จะไม่ถึงขั้นลวกร้อนมือครับ
สรุป
ผมใช้งาน Chromebit ได้มาประมาณสองวัน ก็ต้องบอกว่าเป็นพีซีตัวเล็กที่มีโฟกัสชัดและทำงานได้เร็วดี นั่นก็คือ ทุกอย่างทำงานที่เกี่ยวข้องกับอินเทอร์เน็ตล้วนๆ ซึ่งเป็นแนวคิดของ Chrome OS ที่ดีมาก แต่ในทางกลับกันก็ทำให้ Chromebit เอง ทำงานได้ค่อนข้างจำกัดเช่นกัน ซึ่งเป็นข้อจำกัดที่อยู่ใน Chrome OS อยู่แล้ว ความตื่นเต้นในการใช้งานจึงไปตกอยู่ที่ขนาดแทน
แต่เมื่อต้องมานั่งคิดให้ละเอียดว่าตกลงแล้ว Chromebit จะเป็นยังไงบ้าง คำตอบที่ผมมีให้กับตัวเองก็คือหากเป็นบริษัทที่มีหน้าจอและแป้นพิมพ์ให้ แต่อยากเอาเครื่องส่วนตัวไปต่อเอง Chromebit ก็อาจจะเหมาะสม หรือในกรณีของสถานศึกษาก็ได้ ปัญหาก็คือหากใช้งานที่มีลักษณะเสียบค้างไว้ที่เครื่อง ก็ควรจะต้องมีระบบกันโจรกรรมที่ดีกว่านี้ (อาจจะเป็นช่องอย่าง Kensington Lock) และถ้าเป็นการพกพาซึ่งมีโอกาสหายได้ง่าย (ขนาดไม่ใหญ่มาก) ก็ทำให้ผมคิดว่าตกลงแล้ว Chromebit จะเข้ามาตอบโจทย์ในการใช้งานแบบไหนกันแน่
เท่าที่ผมนึกออก หากไม่เป็นกรณีที่ใช้กับป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ที่เปิดแบบ 24 ชั่วโมง (เพราะ Chromebit ไม่มีปุ่มเปิดและปิดเครื่องบนตัวเครื่อง) ก็อาจจะเป็นกรณีที่เสียบคาไว้กับทีวีที่บ้านเพื่อทำเป็นทีวีอัจฉริยะ (แต่ก็มี Chromecast เป็นผลิตภัณฑ์อยู่แล้ว) ไม่ก็อาจจะเอาไปใช้ได้ตามโรงแรมขนาดใหญ่ที่มีหน้าจอและปลั๊กพร้อมสำหรับการใช้งานในห้อง (สถานการณ์แบบนี้มีสักกี่ครั้ง?) แต่ที่พอจะนึกออกชัดเจนที่สุดคือกรณีมีอุปกรณ์เหลือในบ้าน และต้องการมีคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กสักเครื่องไว้ใช้งานสำหรับงานเบาๆ ที่ไม่ต้องการอะไรมากมายนัก
อย่างไรก็ตาม อุปกรณ์เหล่านี้มีหลากหลาย และในบางกรณีอย่างที่ผมเจอ ก็ไม่สามารถใช้งานได้เต็มความสามารถ เพราะหน้าจอคอมพิวเตอร์ผมไม่สามารถส่งสัญญาณเสียงออกมาได้ Chromebit อาจจะเป็นทางเลือกในการใช้งานแบบสำรอง แต่ถ้าใช้งานเป็นหลักผมยังไม่แน่ใจนักครับ ข้อดีที่เห็นได้ชัดเจนแน่ๆ คือราคาที่ถูก แต่ด้วยความสงสัยต่างๆ ข้างต้น ก็ทำให้คิดว่าในท้ายที่สุดแล้ว Chromebit ก็อาจจะเหมือนกับพีซีแบบเดียวกัน คือมีตลาดเฉพาะทางไป แต่ไม่ได้รับความนิยมในวงกว้างอย่างที่ควรจะเป็น
ข้อดี
ข้อเสีย
ข้อสังเกต
Comments
ถามนิดนึงครับว่าตรงแถวหัวมันหมุนได้หรือเปล่าฮะ
Coder | Designer | Thinker | Blogger
ไม่ได้ครับ
I'm ordinary man; who desires nothing more than just an ordinary chance to live exactly what he likes and do precisely what he wants.
นอกตัวนี้ มีตัวอื่นไปเปิดเสียบทิ้งไว้ได้นานข้ามคืนไหมครับ จะเอาไปใช้เปิดรัน Automated Test browser ตอนทำงาน :D
ผมรัน Intel Compute Stick ข้ามคืน (เปิดวิดีโอด้วย คือจะเทสต์ความน่าเชื่อถือ) ในห้องไม่แอร์ ยังไม่เคยเจอปัญหาอะไรครับ
intel compute stick ดูอเนกประสงค์กว่าแฮะ
ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ ผมอ่านแล้วก็คิดว่ายังไม่เหมาะกับรูปแบบการใช้งานส่วนตัวของผม
นอกเรื่องนิดนึง เข้าไปฮาเม้นแรกของรีวิว HP Chromebook 11 โอ็ยเนาะ 5555
เรื่องนี้เคยรีวิวกันไปแล้ว ลองอ่านจากรีวิวเก่าได้ครับ
ສະບາຍດີ :)
จารกรรม => โจรกรรม