เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ชาวเมืองออสติน ในมลรัฐเทกซัส ออกมาโหวตปฏิเสธไม่ให้บริษัทบริการแทกซี่ Uber และ Lyft สามารถออกกฎควบคุมมาตรฐานความปลอดภัยของตนเองได้ โดยมีคะแนนเสียง 56% ส่วน 44% หนุนให้ทางบริษัทจัดการควบคุมตนเองได้
เรียกได้ว่าเป็นบทสรุปวิวาทะมาตั้งแต่ปี 2014 เมื่อ Lyft เปิดบริการในออสติน แต่ลักษณะการบริการคนขับรถแตกต่างจากผู้ขับแทกซี่ที่ปฏิบัติตามกฎหมายของออสติน จนกระทั่งเดือนธันวาคมในปีเดียวกัน สภาฯผ่านกฎหมายเรียกร้องให้บริษัทเหล่านี้ มีมาตรการเข้มงวดด้านคนขับมากขึ้นโดยใช้วิธีสแกนลายนิ้วมือให้ง่ายต่อการตรวจสอบประวัติ
สำหรับหัวข้อการโหวตให้บริษัทสามารถออกกฎควบคุมตนเอง (The Proposition 1) สำนักข่าว USATODAY วิเคราะห์ไว้ว่า ถ้าผ่าน ชาวเมืองออสตินก็กลับไปใช้บริการได้เหมือนเดิม โดย Uber และ Lyft สามารถทำธุรกิจต่อไปได้เหมือนอย่างทีผ่านมา แต่ถ้าไม่ผ่าน ทั้งสองบริษัทต้องน้อมรับกฎหมายคุมเข้มความปลอดภัยโดยเฉพาะคุณสมบัติของคนขับ ว่าปลอดภัยแค่ไหน และต้องใช้ระบบสแกนลายนิ้วมือตรวจประวัติ รวมถึงต้องมีตราสัญลักษณ์บนรถทุกคัน
ผลการโหวตคือ ไม่ผ่าน
อย่างไรก็ตามนายกเทศมนตรีออสติน Steve Adler กล่าวเมื่อวันเสาร์ว่า “เมืองออสตินยังต้อนรับ Uber และ Lyft ออสตินเป็นเมืองแห่งนวัตกรรมและความสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ เราเพียงแค่ต้องการให้ทั้งสองบริษัทมาร่วมเจรจา”
ส่วนท่าทีของ Uber และ Lyft ดูผิดหวังกับผลโหวตมาก Lyft ออกแถลงการณ์ในคืนวันเสาร์ที่มีการโหวต ทำนองว่า น่าเสียดายที่กฎข้อบังคับไม่เอื้อให้เกิด ride-sharing อย่างแท้จริง กฎเกณฑ์ดังกล่าวโดยเฉพาะเรื่องสแกนลายนิ้วมือทำให้เราว่าจ้างคนขับ part time ได้ยากขึ้น โดยเราจะหยุดให้บริการในวันจันทร์ที่ 9 พ.ค.
Uber ออกมาโต้ผลโหวตดังกล่าวว่า การสแกนลายนิ้วมือหรือ fingerprints นี้ จะลดโอกาสของคนขับหน้าใหม่ และลดศักยภาพของธุรกิจ ride-sharing ที่มีส่วนช่วยลดอุบัติเหตุบนท้องถนนจากสาเหตุเมาแล้วขับ และ Uber จะหยุดให้บริการในเมืองออสติน 8 โมงเช้า วันที่ 9 พ.ค. เช่นกัน
Comments
ผมไม่เข้าใจว่าทำไมทั้งสองบริษัทยกเรื่องสแกนลายนิ้วมือเป็นสำคัญ มันมีขั้นตอนที่ยุ่งยากกว่าอย่างอื่นหรอ
ผมเข้าใจอย่างงี้ครับ มันเริ่มจากความคิดที่ว่า
ฉันมีรถ รถฉันจะไปทางนี้ ไปด้วยกันไหม? หรือ ฉันมีรถ ว่างๆ อยู่ หาอะไรทำเล่นๆ สร้างรายได้เพิ่มนิดหน่อย อะไรแบบนี้
ฟังดูแล้วง่ายดี
แต่พอการแสกนลายนิ้วมือ ทำให้ต้องมีทั้ง สำนักงานย่อยเพื่อจัดการ
หากสำนักงานอยู่ไกลๆ คงไม่มีใครขับรถไปเพื่อแสกนรายนิ้วมือเฉยๆ
แทกซี่ =>แท็กซี่