หลังจากธนาคารแห่งประเทศไทยเปิดตัวพร้อมเพย์ไปเมื่อเช้านี้ ตอนนี้ก็ประกาศค่าธรรมเนียมออกมาแล้ว โดยมีจุดสำคัญคือการโอนเงินไม่เกิน 5,000 บาทจะฟรีทุกรายการ เมื่อจ่ายผ่านอินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์มือถือ
ส่วนวงเงินเกินนั้นได้แก่
ส่วนวงเงินสูงสุดจะขึ้นกับธนาคารเองว่าจะกำหนดเพดานเท่าไหร่
ที่มา - งานแถลงข่าวธนาคารแห่งประเทศไทย
Comments
เข้าท่าเหมือนกันนะเนี้ย
จับตาทุจริตจัดซื้อ EDC
สุดยอดมากๆ จากเดิมโอนต่างธนาคารถูกเก็บ 25 บาท ตอนนี้เป็นโอนฟรี แล้วยิ่งบัญชีผูกกับเลขประจำตัวประชาชนด้วย ตัดพวกมิฉาชีพไปได้เยอะเลย
ยังนึกไม่ออกว่าธนาคารทั้งหลายยอมให้รัฐทุบโต๊ะเอานโยบายนี้ออกมาได้ยังไง เสียรายได้หลักไปเลยนะครับ (ฟังข่าวมาเห็นว่าค่าธรรมเนียมธนาคารเป็นรายได้ 30% ของธนาคารในตอนนี้เลย)
คงพาไปปรับทัศนคติ นะครับ 555555 (แซวนะครับ)
รัฐก็อยากได้ภาษีเพิ่มอยู่ครับ ธนาคารจะฝืนนี่คงยาก
แต่ไม่ว่าจะมีเหตุผลอย่างไร ผมถือว่านี่เป็นความสำเร็จยิ่งใหญ่ของรัฐเลย หลังจากเอกชนนอนกินค่าธรรมเนียมมานาน
ปล. ค่าธรรมเนียมที่เยอะๆ นี่ยังมีอีกหลายแหล่งนะครับ ไม่ใช่แค่โอนเงิน ลองไปขอสินเชื่อนี่มีหลากหลายเลย Front-end Fee, Cancellation Fee, Refinance Fee, ค่าทวงถามหนี้ โทรกริ๊งละร้อย อะไรแบบนี้
ล่าสุดผมไปขอ statement ธนาคารสีม่วง ไปหย่อนตรูดนั่งไม่ถึงสามนาทีเสร็จ โดนไป 200 สำหรับผม ผมถือว่าแพงมาก
แต่ก่อนผมก็ขอ statement จากธนาคารเหมือนกันครับ โดนค่าธรรมเนียม เซ็งมาก
เพิ่งรู้ว่า statement จาก Internet Banking สามารถใช้แทนกันได้
จากนั้นก็ปริ๊นเองจาก Internet Banking ตลอดเลยครับ ฟรี
ถ้าผมเป็นธนาคารผมจะไม่ซีเรียส ยินดีเสียด้วยซ้ำที่ช่องทางการใช้เงินของลูกค้ามีมากขึ้น แต่ก็นั่นแหละครับหลายธนาคารทำรายได้จากค่าธรรมเนียมก็ถือว่าจะได้เห็นธนาคารปรับตัวสักที
โห โปรแรงมาก
ถ้าโอนได้วันละไม่จำกัดจำนวนครั้ง กับมี API นี่ สบายเลยนะครับ
โอนทีละ 5k รัวๆ
คนจ่าย-คนรับ คู่เดียวกันคงจำกัดจำนวนครั้งต่อวัน
ซ้ำ
แม่ค้าออนไลน์ทั้งหลายจะยอมใช้ไหม เพราะเท่ากับต้องเปิดเผยตัวเองต่อหน่วยงานรัฐ และเขาจะเห็น Transaction ทั้งหมด โดนเช็กบิลภาษีแน่ๆ ผมว่าแม่ค้าทั้งหลายมีข้ออ้างแน่นอนที่จะไม่ยอมใช้ แต่ถ้าร้านไหนใช้ก่อน ร้านนั้นได้เปรียบ ดึงลูกค้าไปได้ก่อนแน่ๆ
นี่แหละครับประเด็น... ดึงทุกคนเอามาเปิดหน้า รัฐยอมเสีย ค่าบริการเอง แล้วไปเก็บภาษีเงินได้หรือ Vat แทน
แถม สามารถ ปกป้องธุรกิจสีเทาได้อีก หลายอย่าง
เพลินเลยครับ...
รัฐเสียค่าบริการเองด้วยเหรอครับ?
ตอนนี้ยังไม่แน่ใจว่า Backend จะเป็นยังไง จะมีหน่วยงานนึงมาเป็น Clearing House ให้หรือเปล่า หรือว่าให้แต่ละธนาคารเขาทำกันเองเลย แต่ถ้ามี Clearing House โดยหน่วยงานรัฐ รัฐก็แบกรับภาระค่าธรรมเนียมให้แทน เช่นว่าทุกชั่วโมงรวบรวม Transaction ทั้งหมดในระบบ แล้วค่อย Clearing ระหว่างแต่ละธนาคาร แล้วโอนเงินให้กันทีเดียว แทนที่จะต้องเสียค่าธรรมเนียมให้ทุก Transaction ก็เซฟไปเยอะแล้วครับ
nitmx (เจ้าของ atm pool) เป็น clearing house ครับ
พวกเว็บโป๊กับเซิฟเกม(เถื่อน)ก็ยังใช้ทรูมันนี่เหมือนเดิมแหละครับ
พอลูกค้าถามว่าทำไมไม่ใช่ PromptPay ก็ตอบไม่ได้ ก็จะเสียลูกค้าไปเปล่าๆ เผลอๆ ทรูมันนี่จะเดือดร้อนเอาด้วยเพราะว่านี่น่าจะเป็นคู่แข่งกันโดยตรง
เรื่องการแจกจ่ายภาพโป้ผิดกตหมาย และ promptpay ตามตัวใด้ ผมว่าลูกค้าส่วนใหญ่ก็รู้แหละ
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
จะเสียลูกค้าให้ใครครับ สินค้าหรือบริการพวกนี้ อย่าว่าแต่คนขายเลย คนซื้อก็ไม่กล้าใช้หรอก คุณกล้าซื้อของพวกนี้โดยเปิดหน้าเปิดชื่อหรือเปล่า
ถ้าค้าขายไปจนถึงจุดนึงแล้วจะรู้ครับว่าทำให้มันถูกต้องไปเถอะ สบายใจอยากจะตรวจอยากจะทำอะไรก็เชิญ ร้านจะได้เดินหน้าต่อได้เต็มที่ เรื่องภาษีมันมีวิธีลดค่าใช้จ่ายแบบถูกต้องเยอะลองปรึกษา บ.บัญชี ยิ่งถ้าขายออนไลน์ไม่ได้ยอดขายเดือนเป็นล้านทำให้มันถูกต้องไปเถอะครับ
ร้านข้าวราดแกง จ่ายตังโดยใช้บัตรปชช สเกนลายนิ้วมือนิดหน่อย ก็จ่ายเสร็จแล้วไม่ต้องรอตังทอน ชีวิตนี้คงไม่ได้สัมผัสเหรียญอีก ฟิน
เป็นเรื่องที่ทุกประเทศในโลกนี่ต้องก้าวเดินไปอยู๋แล้วครับ
ถึงจุดๆหนึ่งทุกคนในโลกคงต้องใช้ E-money แต่คงไม่ใช่เร็วๆนี่
น่าจะอีกหลักร้อยปี
ประเด็นที่ผมห่วงคือมันจะเป็นลูกกวาดสอดไส้ยาพิษ
เพราะ ของดีและถูกไม่มีในโลก อาจจะมีสอดไส้ครับ
เพราะเงินที่โอนเข้า "ถือเป็นรายได้" เพราะงั้นหักภาษีก่อนเลยทุกรายการ
สำหรับรายการที่ตำกว่าสัก 1000 บาท และไม่ต้องกลัวเรื่องซอยยิกยังไงก็ต้อง
จำกัดครั้งต่อวันเผื่อคนพยายามเลี่ยงภาษี...
ไม่ก็หักเงินจากเงินในบัญชีสำหรับบุคคลที่มียอดโอน
ต่ำกว่า 1000 เข้ามาถี่ๆบ่อยๆในบัญชีไรงั้น
ปล.มโนล้วนเพราะถ้าทำแล้วไม่กำไรจะทำไปทำไม
เพราะไอ้เรื่องเก็บภาษีนั่นมันวิมานในอากาศพอสมควร
มันก็ต้องกินหยั่งงี้หละได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยให้ผู้บริหาร
ไปคุยกันว่าได้ตังค์เท่าไหร่
ต้องไปดูว่าเงินที่เข้ามานั้นเข้ากับมาตราไหนในประมวลรัษฎากร เช่น จ้างทำของก็โดน 5% ทันที ส่วนโอนให้โดยเสน่หาก็ไม่เสียครับ
ผมว่ามันไม่มีเส้นแบ่งของคำว่าสเหน่ห์หานะ?
แล้วมุมมองสเหน่ห์หามันก็ไม่น่าจะเท่ากันในแต่ละคน
ให้โดยเสน่หาคือให้เปล่า ซึ่งผู้ให้ยังคงแบกรับภาระภาษีของเงินที่ให้ และผู้รับไม่ต้องรับภาระด้านภาษีจากเงินที่ได้รับ เช่น พ่อโอนเงินให้ลูกเพื่อใช้ตอนเรียนมหาวิทยาลัย ซึ่งตอนยื่นแบบ ภ.ง.ด. 90 พ่อจะเอาเงินส่วนนี้มาลดหย่อนไม่ได้ครับ
เส้นแบ่งตรงนี้แหละที่ยากมาก
ลูกค้าบอกให้เงินแม่ค้าโดยเสน่หา แม่ค้าของให้ของลูกค้าโดนเสน่หา
แล้วการจับคู่ของที่ส่งกับการโอนเงินก็ยากอีก แม่ค้ารายย่อยคงสบายไปอีกสักพัก
ดีงาม
พ่อค้าแม่ค้า online จะได้ขายของง่ายขึ้นสำหรับลูกค้าที่ไม่อยากโอนผ่านbankแบบเก่า แต่ในทางกลับกันก็เสียภาษีได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยล่ะทีนี้ เพราะ monitor เงินเข้าออกโดยรัฐได้สบาย
พ่อค้าแม่ค้าก็จะยังใช้ระบบเดิม ใครจะใช้ระบบใหม่ก็จะคิดอีกราคา เพราะแม่ค้าต้องเสียภาษีด้วย
แต่ผมคิดว่างานนี้จะเป็นตัวเบิกทางให้คนรู้จัก internet banking มากขึ้น
ซักพักลูกค้าก็จะรู้จักการโอนเงินผ่าน internet banking ของแต่ละธนาคาร
ลูกค้าก็ซื้อของถูกเหมือนเดิม พ่อค้าแม่ค้าก็ไม่ต้องเสียภาษี
พ่อค้าแม่ค้าต้องคิดดีๆ ล่ะครับว่า ลูกค้าทางออนไลน์ที่เพิ่มขึ้นจำนวนมาก (ลูกค้าชอบนี่ จ่ายง่ายขึ้น) กับภาษีที่ต้องจ่ายให้รัฐเต็มเม็ดเต็มหน่วย อันไหนคุ้มกว่ากัน
ผมว่าบางธุรกิจค้าขายอาจจะคุ้มที่ทำ แต่บางธุรกิจอาจไม่คุ้มก็ได้
เหมือนว่าจะบังคับให้ประชาชนใช้ด้วย ถ้าไม่ใช้จะถูกถามหรือตามจากสรรพากร จำได้จากข่าวเก่าในนี้
ถ้าเป็นจริงขึ้นมา มันมากเกินไปไหม เพราะประชาชนมีสิทธิที่จะเลือกใช้งานหรือปฏิบัติเหมือนกัน ไม่ใช่เครื่องมือไว้ปั่นหัวและสร้างความกลัวแก่ประชาชนของรัฐบาลเพียงอย่างเดียว...
Get ready to work from now on.
บังคับในบางกรณีครับ เช่นเงินอุดหนุนเงินช่วยเหลือจากรัฐ เช่นเงินผู้สูงอายุ เงินผู้พิการ จะลงทางนี้ จะไม่ให้ผู้นำชุมชน/หน่วยงานรัฐเอาไปแจกเองแล้ว ดังนั้นใครไม่ใช้ก็จะไม่ได้เงิน ขั้นต่อไปน่าจะเป็นถ้าประชาชนจะจ่ายเงินให้หน่วยงานรัฐ&รัฐวิสาหกิจ น่าจะถูกบังคับให้ใช้ช่องทางนี้หมด (จ่ายภาษีรถ ค่าธรรมเนียมบัตรประชาชน ค่ารักษาพยาบาล รพ รัฐ ค่าน้ำค่าไฟ ฯลฯ) ส่วนของประชาชนต่อประชาชน เห็นว่าจะบังคับด้วย VAT ครับ จะมีส่วนลดให้ถ้าจ่ายทางนี้
ข่าวลือข่าวหลุดมาว่า จะบังคับด้วย vat 10% ถ้าจ่ายด้วยเงินสด และ 7% เหมือนเดิมถ้าจ่ายผ่าน e-payment ครับ
คงบังคับได้แค่คนที่นำส่ง vat เท่านั้นแหละครับ คนไม่ส่ง vat เขาก็ไม่เก็บ vat .... เหมือนเดี๋ยวนี้ แน่จริงเลิกพิมพ์ธนบัตร เหรียญกษาปณ์สิครับ แต่คงได้เห็นหายนะทางสังคมและเศษรฐกิจแน่นอน ประเมินการฉ้อโกงทางดิจิตอลต่ำไปแล้วมั้งครับ อาจจะมี clearing house ผี มีเงินนอกระบบแบบ bitcoin มาแทนที่ แล้วใครจะมาทำอะไรได้ bitcoin ยังปราบไม่ได้เลย เงินเถื่อนที่กลายมาเป็นเงินสากล
สรรพากรก็ออกมาขู่แล้วว่า จะใช้ยอดเงินเข้าออกผ่าน e-payment พิจารณาการส่งภาษีประจำปีด้วยครับ ถ้ายอดเงินเข้าเยอะกว่ายอดนำส่งภาษีเยอะ ก็จะสอบสวนต่อได้ง่ายขึ้น
คือถึงไม่จ่ายvat ก็ยังโดนเพ่งเล็งได้ง่ายขึ้นเยอะอยู่ดี
อยู่ที่บริบทครับ ที่อังกฤษประชาชนมีบัญชีได้แค่หนึ่งธนาคาร ยอดเงินทุกอย่่างโดนตรวจสอบโดยรัฐ มียอดแปลกไม่สอดคล้องกับภาษีที่ยื่นนี่เละ
"ที่อังกฤษประชาชนมีบัญชีได้แค่หนึ่งธนาคาร" --> พอมี reference ไหมครับ? ผมพยายามหาข้อมูลนี้แล้วแต่หาไม่เจอ
ต้องรอดูผู้เล่นรายใหม่ลงมาช่วยตัดราคา :)
จะรู้ได้ยังไงครับ ว่าเป็นเงินโอนจากการค้า
หรือเงินโอนปกติ เช่น แฟนโอนให้กัน ?
ถ้าคนดีตัดไฟ Clearing House
เราจ่ายแบบ Offline โดยมีการ Limit วงเงินได้ไหม?
ผมว่ามันอาจมีดอกจันทร์(*) ที่ทำให้เราผิดหวัง
ตอนแรกอุตสาห์คาดหวังว่าจะเอา blockchain มาใช้ซะอีก
คิดเหมือนกันเลยครับผม ใช้ Block Chain นี่แก้ปัญหาไปได้หลายเรื่องเลย ไหนๆเอาข้อมูลให้รัฐละ ให้ทุกคนแสดงข้อมูลกันไปเลยสะใจดีครับ
ถ้าจะให้จูงใจอีกนิดขอให้พิจารณาลด VAT 7%(10%) ในกรณีซื้อขายผ่านพร้อมเพย์ และ ช่วยเก็บข้อมูลมาเพิ่มลดหย่อนภาษีค่าใช้จ่ายด้วยน่ะครับ ถึงจะปรับไป 60000 ผมเชื่อว่ามันยังน้อยไป
เห็นด้วย แค่ 60000 ผมว่ามันยังคงสร้างความเหลื่อมล้ำระหว่างชนชั้นได้อย่างชัดเจนเหมือนเคย
ไม่เรียกว่าส่วนลดหรอก แต่ตามข่าว(ลือ)คือจ่ายเงินสดจะคิดvat10%(ไม่ประกาศลดแล้ว) แต่่ผ่าน e-payment ยังคง 7%
กับเศรษฐกิจแบบนี้ เหนื่อยใจแทนครับ ยังกับตอนติดหนี้ IMF รัฐจงใจแกมบังคับเพื่อให้ลูกค้าตั้งใจใช้ e-payment มากกว่าเงินสด ร้านค้าจะได้เลี่ยงภาษีไม่ได้
แต่ในทางกลับกัน เศรษฐกิจไม่โต รีดภาษีได้เข้มงวดขึ้น แต่รวมแล้วมันจะมากขึ้นจริงๆน่ะหรือ?
น่ากลัวจริงๆ สังคมที่บิดๆเบี้ยวๆ เต็มไปด้วย software เถื่อน os เถื่อน คนที่ใข้งานไม่เข้าใจเทคโนโลยีและความปลอดภัยที่ดีพอ
เอาตรงๆ ไม่กล้าใช้ครับ
+1 WOW ธนาคารเตรียม floor ยกกลุ่ม
โอนเงินให้เพื่อนคงใช้ แต่พ่อค้าแม่ค้าขายของใครจะไปใช้ คนซื้อของที่สืบค้นจาก internet ย่อมมีความอยากได้ของมากกว่าความอยากขายของพ่อค้าแม่ค้าแน่ ๆ
That is the way things are.
ห๊ะ....
คนที่เข้าไปค้นหาของในเนทคงมีความอยากได้ของก็จริงครับ แต่ถ้าเป็น "ในเนท" ผมเจอร้านสองร้าน ร้านนึงโอนปกติ เสียค่าโอน(ต่างธนาคาร) 25 บาท อีกแห่งเสียค่าโอน 2-5 บาท ผมคงเลือกร้านหลังแน่ๆ ครับ
ตั้งกะซื้อมา ยังไม่เคยเสียค่าโอนซักบาท คนขายเขามีบัญชีให้เลือกหลายธนาคารครับ
ที่ทำงาน ในฝ่ายผม ผมเป็นคนเดียวที่มีบัญชี SCB+SCBEasy คนมาฝากโอนซื้อของประจำอ่ะครับ เพราะคนขายมีบัญชีไม่ตรงกับของคนฝาก
ต่อให้มีหลายธนาคารก็ไม่ได้แปลว่ามีหลายสาขาครับ คนขาย-คนซื้อดันมีบัญชีต่างสาขาก้โดนค่าทำเนียนอยู่ดี (ผมเพิ่งโดนมาเมื่อสองวันก่อน TT^TT)
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
เดี๋ยวนี้โอนข้ามสาขาไม่เสียค่าธรรมเนียมแล้วครับ (มีจำกัดจำนวนครั้งต่อเดือน แต่ไม่รู้เท่าไรเหมือนกันไม่เคยเกิน)
ผมเพิ่งฝากเงินจาก กทม. ไปที่สาขาหาดใหญ่ โดนไป 30 บาทครับ
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
แล้วแต่โปรโมชั่นของแต่ละธนาคารครับ สมัยก่อนที่เก็บเพราะต้องเสียค่าโทรศัพท์ ค่าระบบนู่นนี่จิปาถะอะไรหลายอย่าง เดี๋ยวนี้ใช้เนทแต่ค่าธรรมเนียมก็ยังมีอยู่ กินฟรีมานานนนนนเหลือเกิน
แบบว่าจะได้ลดพ่อค้าแม่ค้าพวกแอบค้าขายไม่จ่ายภาษีเหรรอ ทีนี้ก็จะได้ภาษีจากการค้าขายจากพ่อค้าแม่ค้าที่เปิดเผยตัวกันมากขึ้นไปแบ่งธนาคารแทนนะเหรอ
แล้วธุรกิจ ที่ดำเนินการคล้าย ๆ PayPal ไม่เจ๊งเหรอ
ปล.ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับธุรกิจเหล่านี้นะ
ส่วนตัวมองว่าเป็นเรื่องดีนะ แต่อย่างที่บอก ต้องขอดูความปลอดภัยว่ามันจะเป็นอย่างไร
ธนาคารยอมเพราะเห็นแล้วว่าต่อไปคนคงใช้จ่ายผ่านทางนี้เยอะแน่นอน. อีกอย่างการโอนแบบนี้ถือว่าทำให้การโอนเงินผ่านธนาคาร "เจ็ด-สิบเอ็ด" เกิดยากด้วย.
"ไม่เกิน 5,000 บาทจะฟรีทุกรายการ ผ่านช่องทางอินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์มือถือ" แล้วถ้าโอนด้วย Any ID ผ่าน ATM หรือ เคาน์เตอร์ธนาคารล่ะครับ คิดเท่าไหร่ ไม่เห็นชี้แจง ผมคิดแทนชาวบ้านธรรมดา เพราะคนจำนวนมากยังทำรายการผ่านทางนี้
ที่จริงน่าจะลดค่าธรรมเนียม การโอนปกติลงด้วย เพราะทุกวันนี้ต้นทุนถูกลงมากแล้ว เห็นได้จากค่าธรรมเนียม Any ID นี่แหล่ะครับ ทำให้รู้ว่าต้นทุนของแบงค์จริงๆ ต่ำมาก ไม่งั้นคงกำหนดสูงสุด 10 บาท ไม่ได้
ถ้าสรรพากร มีโปร ได้คืนภาษี VAT7% ตอนสิ้นปีนี่ คงมีไปใช้กันรัวๆ
สำหรับผมแล้ว นี่ถือว่าเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงเลยครับ คิดว่าอย่างน้อย ๆ คงทำให้ค่า "ทำเนียน" ของธนาคารต่าง ๆ ต้องมาหยุดคิดบ้างล่ะ ไม่งั้นลูกค้าคงทยอยหายไป (หรือไม่ก็ย้ายไปใช้พร้อมเพย์กันหมดก็ไม่ต้องจ่ายค่าทำเนียนเยอะ ๆ อีกแล้ว)
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!