Charlie Miller และ Chris Valasek นักวิจัยด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ ซึ่งเคยแฮ็กรถ Jeep Cherokee ปี 2014 สำเร็จมาแล้วครั้งหนึ่ง สามารถแฮ็กรถ Jeep Cherokee ได้อีกครั้ง แต่คราวนี้เป็นการแฮ็กผ่านการเชื่อมต่อกับพาร์ท OBD II ของรถยนต์โดยตรง ไม่ใช่การแฮ็กทางไกลแบบครั้งที่แล้ว
การแฮ็กครั้งนี้ ด้วยความสามารถในการเข้าถึงระบบและเครื่องยนต์โดยตรงและเข้าถึงเฟิร์มแวร์ ECU (Electronic Control Unit) ทำให้ทั้ง Miller และ Valasek สามารถควบคุมพวงมาลัย เบรคและควบคุมระบบ Cruise Control ได้อย่างอิสระ
อย่างไรก็ตามทาง Fiat Chrysler ระบุว่าทั้งคู่ไม่ได้ค้นพบวิธีแฮ็กแบบใหม่ อีกทั้งรถยนต์ที่ถูกแฮ็กได้นั้น เป็นรถที่มีเฟิร์มแวร์รุ่นเก่า
ที่มา - The Verge
Jeep Cherokee ปี 2014 จาก Car and Driver
Comments
ถ้าถึงขั้นต้องไปเสียบ OBD ก็คงต้องยอมละครับ
ก็ถือว่าน่ากลัวนะ ถ้าเกิดhackerตั้งว่าถ้าความเร็วรถถึง140ให้หักพวงมาลัยขวาทันที นี่สยองเลยนะครับ
แหม่ จะอัพ ECU แถมให้ยังได้เลยครับ ต่อเข้ากับพอร์ท OBD เนี่ย ตั้งโปรแกรมได้ทั้งคันครับ
เพียงแต่ว่า Hacker ต้อง Hack ให้ได้ว่า ECU ตัวนี้ ใช้ Can Bus อะไรในการส่งคำสั่งแต่ละตัว ซึ่งข้อมูลพวกนี้ยากที่จะเล็ดลอดจากผู้ผลิตครับ
จริงๆพวกนี้อันตรายใกล้ตัวนะ ไม่ต้องถึงhacker หรอกอย่างพวกกล่องคันเร่งแต่ง ที่ไปตั้งระดับคันเร่งใหม่ ให้รู้สึกไปเองว่าแรงกว่าเดิม(คือแตะน้อยๆมีผลเหมือนเหยียบลึกๆ) เคยเห็นกระทู้แนว คันเร่งค้างเพราะกล่องแต่งพวกนี้เรื่อยๆ ไปเคลมเขาก็เปลี่ยนกล่องใหม่ให้ แต่ไม่ได้รับผิดชอบถ้าเกิดอุบัติเหตุอะไร แต่ก็ยังขายดีไม่กลัวกันซะงั้น
ยิ่งถ้าถึงขั้นควบคุมพวงมาลัยได้ นี่ไม่นึกเลย พวกกล่องแต่งพวกนี้จะพาลทำให้เกิดอุบัติเหตุมากแค่ไหน
กล่องหลอกคันเร่งนี้เป็นของแต่งที่หลอกกินเงินได้ดีจริงอย่างที่พูดเลยครับ