คดีการขโมยเงินของนายพันธ์สุธี มีลือกิจ ที่ถูกปลอมแปลงข้อมูลเพื่อออกซิมใหม่และรีเซ็ตรหัสธนาคารออนไลน์ จนกระทั่งธนาคารกสิกรไทยต้องปรับนโยบายในการรีเซ็ตรหัสผ่าน ตอนนี้ทาง กสทช. ก็ออกมาระบุว่ากำลังเชิญนายพันธ์สุธี และทางทรู เข้าหารือถึงการเยียวยาในกรณีนี้
เลขาธิการ กสทช. ระบุว่าได้เชิญนายพันธ์สุธี เข้าไปยังสำนักงานกสทช. ในวันจันทร์นี้เวลา 13.30 เพื่อดำเนินการให้ความช่วยเหลือ
ที่มา - @TakornNBTC
Get latest news from Blognone
Follow @twitterapi
Blognone Jobs Premium
Cloudnone
- สรุปสาระสำคัญและของใหม่จาก Microsoft Ignite 2023 | Cloudnone Special EP
- สรุปของใหม่และสาระสำคัญจาก AWS re:Invent 2023 | Cloudnone Special EP
- สงคราม AI 2024: OpenAI ชิงปาดหน้า Google วันเดียว | Cloudnone EP.17
- Microsoft, Amazon, Google ประกาศตั้ง Data Center ในไทย แล้วไงต่อ | Cloudnone EP 16
- สงคราม GenAI บนคลาวด์ในปี 2024 ไปถึงไหนกันแล้ว | Cloudnone x AWS
Comments
กระทรวงไอซีที และ ธนาคารแห่งประเทศไทย หายไปไหนครับ
ยังมีเคสโดนเปลี่ยนเบอร์สวยของดีแทคอีกนะครับ
http://pantip.com/topic/35499930
อันนี้เหมือนพลาดที่ระบบของดีแทคเองที่ไม่ยอมตัดเบอร์ที่ออกไปแล้วออกจากระบบ จนมีคนมาจองใหม่ได้
คดีนี้ผมว่าเป็นคนละเรื่องนะครับ เหมือนผู้ตั้งกระทู้จะปักใจเชื่อว่า ดีแทค เจตนาจะยกเลิกการให้เบอร์กับเขาเพราะเห็นว่าหมายเลขน่าจะทำกำไรให้ บ.ได้มากกว่า ทำให้เขาเสียทรัพย์ที่เขาควรได้ แต่ความจริงคือเขายังไม่ได้ครอบครองทรัพย์เลย มันไม่เข้าข่ายการโจรกรรมแบบเรื่องนี้นะครับ
ซึ่งหาก ดีแทค พิสูจน์ได้ว่าเกิดจากความผิดพลาดของระบบ เบอร์นี้ถูกจำหน่ายไปแล้วหรือถูกจองไว้เพื่อจำหน่ายผ่านช่องทางอื่นไว้ก่อนแล้ว จึงออกซิมให้ไม่ได้ ดีแทคก็อาจแค่ต้องชดเชยให้เขาในเรื่องการให้บริการที่ผิดพลาดแต่ไม่จำเป็นต้องไปซื้อเบอร์คืนมาให้ตามที่้ตั้งกระทู้เรียกร้องหรอกครับ
เรื่องนี้ต้องดูที่เจตนากับข้อเท็จจริงอีกทีถ้าเรื่องเป็นตามที่ผู้ตั้งกระทู้กล่าวอ้าง ดีแทคก็ควรทำตามที่เขาเรียกร้อง แต่ถ้าไม่ใช่แต่เป็นแค่ความผิดพลาดโดยไม่ตัั้งใจผมว่าผู้ตั้งกระทู้เรียกร้องเกินกว่าเหตุ แค่โลภมากอยากได้เบอร์สวยราคาถูกแค่นั้นมากกว่า คนที่ไปมุงก็ควรใช้วิจารณญาณขณะรับสารด้วยครับ
รอบนี้มันดัง ธนาคารรีบปิดเรื่องน่าจะเป็นเรื่องดีกว่า แต่ดันดึงเรื่องกะจะไม่จ่าย พอโดนเรียกจำต้องจ่ายค่อยบอกว่าเยียวยา แทนที่จะได้หน้ากลายเป็นกระแดะไม่เนียน
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
จนวันนี้ผมก็ยังคิดเหมือนเดิม ว่าการที่สมาคมธนาคารเลือกใช้หมายเลขโทรศัพท์แทนหมายเลขบัญชีในการโอนเงินเข้า (PromptPay) โดยไม่ได้พิจารณาประวัติการจัดการความเป็นเจ้าของเลขหมายที่มีปัญหาอยู่เรื่อยๆ มาตลอด เป็นการตัดสินใจที่แย่
lewcpe.com, @wasonliw
จริงๆ ถ้า 1 คนสามารถสมัคร PromptPay ได้แค่ 1 บัญชีก็ควรใช้หมายเลขบัตรประชาชนแค่อย่างเดียวพอ
ส่วนเบอร์โทรน่าจะทำมาเพื่อใช้โปรโมทข้อดีที่ว่า "จำง่ายไม่ยุ่งยาก" เพื่อโน้มน้าวให้นโยบายนี้มีคนสนใจมากขึ้น
ไม่ครับ แค่เปิดให้ใช้งานได้ก็เป็นปัญหาแล้ว
เช่นเดียวกับการเปิดให้ reset รหัสผ่านได้ผ่านทางโทรศัพท์ และการผ่อนปรนมาตรการความปลอดภัยอื่นๆ เพื่อความไม่ยุ่งยาก พวกนี้เปิดช่องทางปัญหาในระยะยาวทั้งสิ้น
lewcpe.com, @wasonliw
เห็นด้วยครับ
การผ่อนปรนมาตรการความปลอดภัย (เพราะระดับบริหารต้องการเพิ่มความสะดวกในการบริการ) เป็นจุดที่ทำให้เสี่ยงมาก ทั้งๆที่มาตรการความปลอดภัยที่ธนาคารต่างๆวางไว้มันค่อนข้างรัดกุมอยู่แล้ว
เดี๋ยวนะ ไม่ใช่ว่ามันยังใช้เลขที่บัชชี เป็นตัวชี้เหมือนเดิมก็ได้ไม่ใช่หรือครับ เพียงแต่เพิ่มตัวเลือกอื่นเช่นบัตรประชสชนหรือเบอรืโทรศัพท์ ตอนนี้ก็น่าจะมีการอ้างอิงการใช้ตัวชี้เป้าบัญชี 3 อย่างคือ หมายเลขบัชชี, หมายเลขบัตรประชาชน, หมายเลขโทรศัพท์ ใช่มั้ยครับ ผมว่าผมเคยเห็นว่ามีบอกตรงข่าวพร้อมเพย์ ผมเลยสมัครแหล่ะแต่ก็จะเอา หมายเลขบัชชีอ้างอิงเหมือนเดิม แค่อยากให้ค่าธรรมเนียมต่างธนาคารถูกลง
เรื่องเลขบัญชีนี่ยังสับสนว่าใช้จริงได้ไหม ผมติดตามมาเห็นแต่ในการนำเสนอของคุณนฤดม โดยไม่พบการประชาสัมพันธ์อื่น
แต่การเปิดให้ใช้หมายเลขโทรศัพท์ (แม้จะไม่ได้ปิดช่องทางอื่น) มันแปลว่าสมาคมธนาคารเปิดให้มีการโอนสิทธิ์ความเป็นเจ้าของหมายเลขการโอนเงินเข้า โดยผ่านหมายเลขโทรศัพท์ ซึ่งไม่รู้จะทำไปทำไม ทำไมเราควรมีการโอนความเป็นเจ้าของหมายเลขแบบนี้กัน?
ค่าธรรมเนียมถูกลงนี่ไม่เกี่ยวกับการลงทะเบียนครับ วันนี้จะประกาศค่าธรรมเนียมเป็นศูนย์ให้หมดเลยก็ได้ จะทำระบบใหม่ที่หมายเลขโอนไม่ได้แล้วค่าธรรมเนียมเป็นศูนย์ก็ได้ ผมไม่ได้มีปัญหากับการลดค่าธรรมเนียมอะไร
lewcpe.com, @wasonliw
+1 ผมพูดเรื่องนี้กับหลายคนมานานว่า เบอร์โทรศัพท์เป็น identity ที่แย่ในการ authentication เพราะมันสามารถเปลี่ยนเจ้าของได้ ต่างจากเบอร์บัตรประชาชน หรือบัญชีธนาคาร
+1 ผมโดนปิด sim ไม่รู้ตัวมาสองสามครั้งแล้ว อย่าง sim ที่ซื้อไว้งาน wifi ในจุดที่ค่ายเราไม่มีบริการ wifi หรือซื้อไว้ต่อกับ poket wifi พอไม่ได้ใช้นานๆก็โดนระงับไปเหมือนกัน โชคดีว่าแค่โดนยกเลิกยังไม่มีคนลงทะเบียนใหม่ไม่งั้นได้เติมเงินไปฟรีๆ
ล่าสุดซื้อ sim net ไปต่างประเทศ เวลาเปิดใช้โดนเจ้าเก่าหรือใครไม่รู้โทรตามตลอด ไอ้เราก็รับก็ไม่ได้ไม่งั้นเงินที่เติมไปจะพอดีกับวันที่อยู่ต่างประเทศ เลย sms ไปบอกก็ยังไม่เชื่อโทรกระหน่ำมายิ่งกว่าเดิมอีก สุดท้ายเลยยัดเข้า iPad ไปเลย เวลาจะกดเติมชั่วโมงเน็ตค่อยแกะมาในมือถือกดเบอร์รหัสเอา
พอเจอแบบนี้มันก็น่ากลัวว่ามันอาจมีอุบัติเหตุทำให้ sim เปลี่ยนเจ้าของโดยไม่รู้ตัวเลยได้เหมือนกัน
ก่อนยืนยันการโอนเงิน มันน่าจะแจ้งชื่อ-สกุลของผู้รับเงินเพื่อป้องกันความผิดพลาดนะครับ
ผมมองว่าเป็นการลดความเสี่ยง (mitigate) จากปัญหาที่การตัดสินใจวางไว้แต่แรกครับ
การตัดสินใจให้ใช้หมายเลขโทรศัพท์เป็นทางเข้าเงินได้ ทำให้ต้อง
ทั้งหมดเพื่อ "ความสะดวก" ในการโอนเงิน????? เทียบกับทุกวันนี้ add หมายเลขเข้าระบบครั้งเดียว โอนเข้าคนเดิมก็ได้คนเดิม ปิดบัญชีไปอย่างมากก็โอนไม่สำเร็จ
lewcpe.com, @wasonliw
ทำไมจับยังไม่ได้งงมากเลยครับต้องรอให้ drama กันก่อนถึงจะช่วยเหลือ
ผมอยู่ในงานที่จะพบกับลูกค้าที่ "ลืม Password" ตัวเองอยู่บ่อยๆ ครับ
พอลืมแล้วเขาจะเข้าใช้งาน อุปกรณ์ของเขาไม่ได้ จากที่สังเกตุพบว่านิสัยคนไทยคือ
1. Password และ รายละเอียดต่างๆ ไม่ได้ทำเอง จำพาสได้ จำชื่อไอดีไม่ได้ก็มีเพราะให้ร้านทำ
2. ถ้าร้านตั้งใจทำให้ ให้ตั้งรายละเอียดเองก็จะหาว่าร้านยุ่งยาก ไม่อำนวยความสะดวกลูกค้า หรือถ้าทำไอดีเองก็ทำไปส่งๆ ไม่คิดว่ามันจะมีปัญหาทีหลัง
3. มาบ่นว่ามันจะปลอดภัยอะไรกันนักกันหนา ใครจะไปจำรายละเอียดของไอดีตัวเองได้ซื้อเครื่องมาตั้ง 3 ปีแล้ว
4. ไม่ คำนึง/ไม่มีความรู้ ถึงการรักษาความปลอดภัยพื้นฐานเลย พอถามหาข้อมูลเพิ่มเติม ก็พยายามจะบอก Password เจ้าหน้าทีมาดื้อๆ ซะงั้น
5. ชอบนึกกันไปเอง ว่าเจ้าหน้าที่ สามารถแก้ไขให้ตัวเองได้ ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วไม่มีทางเพราะระบบกันไว้ เคยมีคนจะขอติดต่อตรงหลังไมค์ เพื่อจะยัดเงินก็มี
6. ทั้งหมดนี้ ทำให้ ระบบแบบไทยๆ หลายที่จำเป็นต้องอะลุ่มอะหล่วย ให้ง่ายเข้าไม่งั้นลูกค้า คนไทยบ่นตายเลยว่ายุ่งยากอะไรนักหนา
ข้อเสียจริงๆ ของคนไทย ที่ผมพบเจอเป็นส่วนใหญ่เลยครับ "มักง่าย"
คนไทยคนอื่นที่ผมไม่เจอ ผมไม่ทราบ แต่ที่ผมเจอ เป็นแบบนี้เยอะมากครับ
มักง่ายแรงไปครับ
เขาแค่ไมอบเรื่องยุ่งยาก เรื่องที่ต้องใข้สมอง
เป็นกันทุกวัย เด็กๆ ไม่ชอบเลข เพราะมันต้องคิด ไม่ชอบใช้สมอง
เจอลูกน้อง อย่าให้ผมคิด จะให้ผมยกอะไร งานหนักแค่ไหนทำหมด แต่อย่าให้คิด
ไม่แรงเกินไปครับแค่ขยะในมือยังรับผิดชอบกันไม่ได้เลย แต่มันไม่ใช่ทุกคนครับเหมารวมแบบนี้ไม่เหมาะสม เพราะผมเป็นคนไทยและก็ใช้รหัสตัวอักษร ตัวเลข และอักขระพิเศษเกือบยี่สิบตัวสามสี่รหัสเลยจำเองหมด และใช้มาตรการความปลอดภัยอื่นๆที่้ให้บริการมีให้ทั้งหมดเพื่อความปลอดภัยเหมือนกันครับ และผมก็หมั่นตรวจสอบทุกเดือนด้วย
ปล.สมัครบริการแจ้งเตือนเมื่อพบการรั่วไหลของบัญชีด้วยครับ
ผมคิดว่า "มักง่าย" ตรงแล้วนะครับ.
เขาประชดพวกไม่อยากใช้สมองครับ = =
น่าจะมีออฟชั่นให้เลือกสำหรับคนมักง่ายนะ ทำแบบรัดกุมเป็นค่าเริ่มต้นซะ ส่วนใครอยากได้ง่ายๆ แบบมักง่ายก็ทำข้อตกลงเซ็นยินยอมเป็นรายๆ ไป แล้วก็เขียนในข้อตกลงไว้ด้วยว่า ถ้าเกิดความเสียหายใดจากความมักง่ายผู้ให้บริการไม่ต้องรับผิดชอบ เท่านี้ก็วิน-วินทุกฝ่ายละ