ประชาชนในมาเก๊ามากกว่า 300 คน ได้ออกมาเดินประท้วงเมื่อวานนี้ เรียกร้องให้ทางการปรับเปลี่ยนแก้ไขข้อกฎหมาย เพื่อให้ Uber และบริการเรียกรถอื่นๆ มีสภาพเป็นธุรกิจบริการที่ถูกต้องตามกฎหมาย โดยผู้ประท้วงได้เดินตามถนนจากจัตุรัส Tap Seac ไปยังสำนักงานรัฐของมาเก๊าที่ Avenida da Praia Grande
การประท้วงครั้งนี้มีขึ้นหลังจากที่ Uber ประกาศเตรียมปิดบริการในมาเก๊าหลังวันที่ 9 กันยายนที่จะถึงนี้ หลังประสบปัญหามากมายในการทำธุรกิจ ซึ่งมีทั้งเรื่องบทลงโทษต่อผู้ขับขี่, ปัญหาการคุกคามลูกค้าผู้ใช้บริการ ตลอดจนความหละหลวมของภาครัฐที่ควรจะบังคับใช้กฎหมายควบคุมบริการรถโดยสารอย่างเท่าเทียมและมีประสิทธิภาพ
Jeremy Lei Man-chao โฆษกของ Macao Community Development Initiative องค์กรพัฒนาชุมชนของมาเก๊า เล่าถึงสภาพปัญหาบริการรถโดยสารของมาเก๊าว่ามีรถแท็กซี่ให้บริการไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้งานของผู้คน โดยทุกวันนี้มีรถแท็กซี่ให้บริการในมาเก๊าราว 1,300 คัน ในขณะที่มาเก๊ามีประชากร 650,000 คน ยังไม่นับจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมามากถึงปีละ 30 ล้านคน สถานการณ์ดังกล่าวส่งผลให้คนขับแท็กซี่จำนวนมากเลือกรับแต่ผู้โดยสารที่เป็นนักท่องเที่ยวและปฏิเสธผู้โดยสารที่เป็นผู้พำนักในท้องถิ่น ทั้งยังมีปัญหาคนขับเรียกค่าโดยสารเกินอัตราปกติ (เหตุการณ์คุ้นๆ นะ)
Lei มองว่าการเข้ามาของ Uber ช่วยเติมจำนวนรถโดยสารบนท้องถนนให้มารองรับความต้องการใช้งานของผู้คนจำนวนมากได้ และที่สำคัญคือการเข้ามาของ Uber น่าจะทำให้เกิดการแข่งขันด้านการให้บริการซึ่งจะส่งผลให้คนขับแท็กซี่กลุ่มเดิมต้องหันมาปรับปรุงการทำงานให้เป็นที่ยอมรับและแข่งขันได้มากขึ้น
Au Kam-san นักกฎหมายรายหนึ่งในมาเก๊าเล่าว่าจนถึงขณะนี้ ทางราชการก็ยังคงอุบเงียบไม่มีการตอบกลับใดๆ ต่อข้อเรียกร้องของประชาชนเรื่องพิจารณาการแก้กฎหมายเกี่ยวกับระบบรถโดยสารนี้ Au ให้ความเห็นว่าส่วนหนึ่งอาจเป็นแรงกดดันจากทางผู้ประกอบการโดยเฉพาะกลุ่มเจ้าของรถแท็กซี่ที่ไม่ต้องการให้มีรถมาวิ่งบนถนนมากกว่าที่เป็นอยู่นี้ เนื่องจากว่ากันว่าในปัจจุบันใบอนุญาตรถแท็กซี่ของมาเก๊าแต่ละฉบับนั้นมีมูลค่าสูงถึง 10 ล้านปาตากาส์ (ราว 43 ล้านบาท) หากทางการตัดสินใจเพิ่มจำนวนใบอนุญาตรถแท็กซี่ก็จะส่งผลต่อมูลค่าใบอนุญาตเดิมของบรรดาเจ้าของรถเหล่านั้น (เรื่องราวคุ้นๆ อีกแล้ว)
คนขับ Uber รายหนึ่งซึ่งเคยโดนทางการมาเก๊าสั่งปรับเงินถึง 6 ครั้ง บอกว่าเขามีรายได้จากการขับรถให้ Uber ตกเดือนละ 30,000 ปาตากาส์ (ราว 130,000 บาท) เขาบอกว่างานนี้เป็นงานที่รายได้ดีและมีเวลาการทำงานที่ยืดหยุ่น มันเป็นเรื่องยากมากที่จะหางานอื่นที่ดีแบบนี้ได้
สำหรับ Uber นั้น ได้เริ่มเข้ามาให้บริการในมาเก๊าตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว ที่ผ่านมามีการฟ้องร้องดำเนินคดีเกี่ยวกับ Uber ถึง 379 ครั้ง มีคนขับกว่า 300 คนจากทั้งหมดมากกว่า 2,000 คน ที่เคยถูกทางการสั่งปรับเงินรวมแล้วมูลค่า 10 ล้านปาตากาส์ (ราว 43 ล้านบาท) ซึ่งค่าปรับทั้งหมด Uber เป็นผู้ออกให้แทนคนขับรถที่โดนสั่งปรับ ทั้งนี้ Uber ประเมินว่าได้ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้ท้องถิ่นเป็นมูลค่าถึง 21 ล้านปาตากาส์ (ราว 91 ล้านบาท) นับตั้งแต่ทำธุรกิจมาเกือบ 1 ปี
ที่มา - South China Morning Post
Comments
รัฐก็ควรปล่อยให้เป็นไปตามกลไกทางสังคมและการตลาดเถอะครับ จะได้ปรับเปลี่ยนไป หาทางออกกันไป ถ้าปรับไม่ได้ก็ออกจากตลาดไป โดยเฉพาะพวกที่ไม่รับการเปลี่ยนแปลงก็ไปหางานอื่นทำได้เลย เหมือนกับหน่วยงานรัฐที่นอนกินผลประโยชน์สบายๆในบ้านเราเลยจริงๆ
อย่างไรก็ตามก็ต้องให้ทาง UBER ทำตามกฎหมายให้ได้ด้วย ซึ่งจะดีทั้งสองฝ่าย
Get ready to work from now on.
มีเงินทุ่มตลาด+ทำเงินบน grey-economy นี่ดีจริงๆนะครับ ประชาชนชอบ แถมยังช่วยขับไล่พวกที่มาอยู่ก่อนให้อีก
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
มีเงินซื้อสัมปทาน+ทำเงินบน grey-economy แบบพวกที่อยู่ก่อน นี่ดีจริงๆนะครับ ประชาชนไม่ชอบ แต่รัฐก็ยังอุ้ม แถมช่วยขับไล่พวกที่มาใหม่(แต่ดีกว่า)ให้อีก
ถ้าของที่มีอยู่เก่ามันห่วย ก็ยอมรับหน่อยเหอะครับ
ผมเข้าใจว่าเค้าหมายถึง Uber ควรทำเป็นขั้นเป็นตอนนะครับ อยากทำอะไรก็ยื่นเรื่องติดต่อโดยตรงไม่ใช่มาทำผิดกฎหมายซึ่งๆหน้าแล้วให้ชาวบ้านต่อสู้กับรัฐเอาเอง
แต่ส่วนตัวผมเห็นด้วยกับความเห็นคุณนะ
ถ้าซื้อสัมปทาน + grey-economy นี่ผมเห็นด้วยกับความเห็นคุณนะครับ แต่ถ้าเป็นซื้อสัมปทานอย่างเดียวแล้วไม่ grey-economy นี่ผมไม่เห็นด้วย
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
ผมกลับมมองว่าสิ่งที่ Uber ทำควรจะเขียนกฏหมายให้มารองรับด้วยซำ้ไป โลกมันเปลี่ยนไปมากแล้ว
กฎหมายสร้างเพื่อควบคุม และช่วยให้กลุ่มของผู้ออกกฎหมายอยู่รอด
ใครออกกฎหมายได้ ก็ชี้ชะตาธุรกิจได้
ผมว่ายังต่างกันที่จำนวนนะ ที่ กทม. มันไม่ได้น้อยจนแย่งชิงกันขนาดนั้น ตรงข้ามเลย มันเยอะจนเต็มถนนไปหมด ถ้าเท่าที่มีอยู่บริหารจัดการดี ๆ มันก็ไม่น่าจะต้องรอกันนานหรอก
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
จตุรัส => จัตุรัส
เที่่ยว => เที่ยว
เกี่่ยว => เกี่ยว
ในประเทศอื่นๆUBERประสบความสำเร็จเพราะจำนวนรถTAXIถูกจำกัดจำนวนด้วยราคาใบอนุญาตที่มีราคาสูง จึงมีจำนวนรถไม่เพียงพอต่อการให้ประชาชนใช้บริการ
แต่ที่กรุงเทพรถTAXIและใบอนุญาตขับขี่ทำได้ง่ายมากๆ จำนวนรถก็อย่างที่เห็นบางถนนมีรถTAXIมากกว่ารถชนิดอื่นๆซะอีก
ผมจึงไม่เข้าใจทำไมUBERไม่จัดให้รถTAXIมาเข้าร่วมบริการเหมือนกับGRAB TAXIหรือยี่ห้ออื่นๆ
แต่UBERก็ยังพยายามไม่สนกฎหมายให้คนใช้รถธรรมดาและใช้ใบขับขี่ธรรมดามาขับรถส่งประชาชน
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ผมไม่ชอบUBERมากๆ(เฉพาะในไทยนะครับ)
ค่าไช้งาน uber ไม่เป็นไปตามกตหมายไทย (uber แพงกว่า)
แต่คนไทยยอมจ่ายอัตราของ uber เพราะคิดราคาตาม gps ไม่ไช่มิเตอร์โมมา บริการดีกว่า และที่สำคัญ taxi ไม่รับคนไปส่งในบางจุดครับ
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ดีแล้วครับที่ไม่ชอบ จะได้ไม่ต้องแย่งผมใช้ ผมชอบ uber ครับ :)
ลึกๆ จริงๆ คือ Taxi ที่มีอยู่ทุกวันนี้หลายเมืองค่อนข้าง Grey มาแต่แรกแล้ว เรียกว่ามีมาเฟียอยู่เบื้องหลังทำให้สามารถใช้อำนาจกดดันให้กฏหมายออกมาเอื้อบริษัทได้
ตัวอย่างที่เห็นชัดๆ ก็คือที่ Las Vegas ถึงขั้นหยุดการก่อสร้าง Monorail ได้เลย ส่วนที่นิวยอร์ก เมืองที่ขึ้นชื่อว่าใช้แท๊กซี่กันกว้างขวาง ก็ค่อนข้างเลื่องลือว่าแท๊กซี่ผูกอยู่กับมาเฟียซิซิเลียน และ ชาวยุโรปตะวันออก
ใครบอกว่า Uber Grey อันนี้ไม่เถียงเลยครับ แต่ต้องเข้าใจด้วยว่าแท๊กซี่ในต่างประเทศ (ของเราก็ด้วยแหละ ถ้าภูเก็ต มี Uber น่าจะดีนะ) ไม่ได้ขาวสะอาดมาแต่แรกแล้ว ถึงผิดกับผิดไม่ได้ทำให้มันเป็นถูก แต่ก็มีผลกับการตัดสินใจของคนอยู่ดี
ปล. แต่ Uber เองก็ค่อนข้างชัดเจนนะที่วันนี้ทำเพื่อทุ่มตลาด โมเดลธุรกิจปัจจุบันขาดทุนตอนนี้เหมือนผันมาเตรียมลงเรื่อง Autonomous Vehicle มากกว่า
ปล.2 อเมริกา มีร่างกฏหมายเรื่อง Sharing Economy มากำลังดันๆ กันอยู่
ปล.3 Google เองก็เล็งเรื่อง Subscribing Transportation Service อยู่ ซึ่งว่ากันว่าหากเกิดขึ้นจริงจะเป็นการอวสานของรถเมล์แบบเดิมๆ ที่เรานั่งกันอยู่ค่อนข้างแน่ชัด
Shut up and ヽ༼ຈل͜ຈ༽ノ raise your dongers ヽ༼ຈل͜ຈ༽ノ
ภูเก็ตเคยมีครับ