จากกรณี คณะกรรมาธิการยุโรปตัดสิน แอปเปิลเลี่ยงภาษีในไอร์แลนด์นาน 11 ปี มูลค่า 5 แสนล้านบาท ส่งผลให้หน่วยงานภาษีของกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เข้ามาสอบสวนในกรณีนี้ และพบว่ารายได้ที่แอปเปิลได้จาก iTunes ในญี่ปุ่น ถูกส่งไปที่บริษัทลูกของแอปเปิลในไอร์แลนด์ โดยไม่ได้เสียภาษีในญี่ปุ่นด้วย
ทางหน่วยงานภาษีจึงเรียกเก็บภาษีจากแอปเปิลเพิ่ม 12 พันล้านเยน (ประมาณ 4 พันล้านบาท) ซึ่งฝั่งแอปเปิลยังไม่ได้ให้ความเห็นอะไรในเรื่องนี้
ที่มา - Reuters
Comments
เงินล้นฟ้าขนาดนั้น ทำไมถึงได้ทำแบบนี้ได้นะ
ปล. หลังจากอัพ ios10 แอพ Music ฟังเพลงได้กากกว่าเดิมมากๆ หรือว่าเป็นอุบายให้คนซื้อไร้สายพิการนั่น
กากกว่าเดิมยังไงอ่ะคับ?
สงสัยว่ามันกากกว่าเดิมยังไงครับ
นอกจากแรกๆเปิดมางงนิดหน่อยใช้ๆไปก็ไม่ค่อยต่างเลย แล้ว Software มันไปเกี่ยวอะไรกับไร้สายครับ
ไม่ทำแบบนี้เงินจะล้นฟ้าเหรอครับ คิดว่าบริษัทอื่นไม่มีงั้นเหรอครับ?
GUI มันเปลี่ยนหน่ะครับ การทำงานเหมือนเดิมแต่มันย้ายที่ ก็เหมือน ย้ายจาก OS Windows ไป OS X ไป Linux นั่นหล่ะ จะบอกว่า 2 OS หลังนั่นกากก็ไม่ใช่นะ คิดว่าเป็นเพราะอะไรกันหล่ะครับ
เรื่องการใช้งานมันต้องเรียนรู้ ปรับตัว ไม่ใช่ใช้ไม่เป็นแล้วว่ามัน กาก
+1
บางอย่างมันก็ไม่สมควรปรับครับ อย่าง ios 1-6 ปุ่ม shuffle มันก็อยู่หน้าแรก แต่ ios 7-10 ดันเอาไปซ่อนซะไกล (10 ยังดีหน่อยโผล่มาใกล้ขึ้น)
ผมหมายถึงเสียงที่ออกมาครับ ไม่ได้หมายถึง UI
ไม่แน่ใจว่ามีการเปลี่ยนแปลงระดับโคทหรือปล่าว
ผมเทียบเสียงระหว่าง แอพ Apple Music กับแอพ KKBOX
ก่อนหน้า ของแอปเปิลจะให้เสียงนุ่มกว่า เบสไม่กลบเสียงกลาง ไม่บวม เสียงที่ได้ดีกว่าเคเคบ๊อกอย่างเห็นได้ชัด
หลังอัพเป็น iOS10 กลับสลับกันเลย คือเสียงเบสวิ่งระดับเดียวกับเสียงร้อง เสียงของเครื่องดนตรีตีกันกับเบสบวมๆพ้นเลย ผมฟังกับ Ostry kc06a ทดสอบ
อ้าวไม่ใช่ว่าสินค้า apple เชิดชู user experience หรอกหรอครับ
ของไทยมีป๊ะ เผื่อเรียกคืนได้ซักสองสามร้อยก็ยังดี เอามาซื้อแอนดรอยแจกชาวบ้านชาวดอย คงสร้างศูนย์พัฒนาและเรียนรู้ได้บ้างอะไรบ้าง เห็นเดินถือกันเต็มบ้านเต็มเมือง
แล้วอย่างนี้อนาคตมีคนทำร้านขายของไปตั้งที่ไอร์แลน/สิงค์โปร์ (หรือต่างประเทศ)กันหมด หรือต่างชาติมาทำร้าน online โปรโมตขายให้คนไทย คนไทยแห่แหนกันไปชื้อ แต่ร้านค้าไม่จ่ายภาษีให้รัฐบาลไทย รัฐไทยจะเป็นอย่างไรหน่อ ถ้าทุกอย่างการชื้อขายอยู่บนโลก online
ก็คงเหมือนน้ำที่ค่อยๆซึมออกจากตุ่ม
กรมสรรพากรไทยไม่เอาบ้างเหรอ? เห็นช่วงนี้ยอดไม่เข้าเป้านี่ เก็บแอปเปิ้ลรายเดียวน่าจะเกินเป้านะ
Apple ไม่ได้มาทำตลาดในไทยเองครับ แต่ iStudio ของแต่ละเจ้าเป็นผู้นำเข้าและเป็นตัวแทนผู้จัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการ จึงเรียกเก็บกับทาง Apple โดยตรงไม่ได้ครับ ต้องเรียกเก็บผ่านบริษัทที่เปิดร้าน iStudio แทน
แม้แต่ Call Center, ร้านขายออนไลน์, iTunes, ฯลฯ ก็ยังใช้ผ่านบริษัทในสิงคโปร์เอานะ
Get ready to work from now on.
ผมว่าที่เค้าเรียกเก็บกันน่าจะเป็นส่วนที่เกิด online ผ่าน itunes ทั้งซื้อเพลงและซื้อของผ่าน in-app purchase ซึ่งไทยควรจะเรียกเก็บได้ถ้าจะเอาจริง
งานนี้ถ้าไม่จ่ายแล้วโดนห้ามขายในญี่ปุ่นอาจจะเจ็บหนักก็ได้นะเนี่ย อู่ข้าวอู่น้ำแห่งนึงเลย พี่ยุ่นก็ได้โอกาสดันสินค้าในประเทศไปด้วยเลย
มานึกเล่นๆว่าเกิดทุกประเทศทั่วโลกเล่นงานแอปเปิ้ลพร้อมใจกันทวงภาษีพร้อมกันหมด อาจขำไม่ออกก็ได้นะทิมคุก
ทำไมบริษัทใหญ่ ขาดจิตสำนึก โกง และขี้โกง ขนาดบริษัทยักษ์ใหญ่ยังโกงขนาดนี้ ไม่ต้องแปลกใจ ถ้าคนไทยจะโกงกันบ้าง (เกี่ยวกันปะเนี่ย)
ถ้าพูดเต็มปากว่าเรื่องแบบนี้คือการโกง งั้นคุณต้องทำใจแล้วล่ะว่าน่าจะทุกบริษัทที่เข้าข่ายนี้ เพราะแต่ละที่ก็แสวงหาวิธีการที่ทำให้ต้องเสียภาษีน้อยที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้อยู่แล้ว
แสดงว่ายังไม่เคยเป็นเจ้าของธุรกิจของตัวเองแบบมีลูกน้อง
เท่าที่ผมรู้จักกับนักธุรกิจหลายๆคน ร้อยทั้งร้อย พยายามหาทางเสียภาษีให้น้อยที่สุดครับ จะว่าโกงก็ไม่ถูก เพราะกฎหมายเองมันก็เปิดช่องให้ ไม่ต้องถึงขนาดบริษัทหรอกครับ แค่พนักงานกินเงินเดือน ผมยังเห็นซื้อ LTF, RMF กันเป็นแถว หวังลดภาษี ลดได้นิดหน่อยก็เอา
เขาเรียกว่าช่องทางในการลดหย่อนภาษี ถ้าคุณเข้ามาอยู่ในระบบภาษีนิติบุคคลคุณจะรู้ว่าภาษีเก็บยิบย่อยมาก ถ้าคุณไม่ลดหย่อนภาษีเลย กำไรของคุณที่ทำงานกันอย่างรากเลือด หายไปเกือบครึ่งเลยนะ แล้วยิ่งคุณบริษัทใหญ่มากๆ จนเข้าไปอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ คุณอาจจะอยากปันผล กระจายกำไรเกือบหมด แล้วไปหากินกับการขึ้นลงของหุ้นของบริษัทคุณ แล้วก็ลงทุนเพิ่มในบริษัทอื่นๆ แทนที่จะลงบัญชีเป็นกำไรโดยตรง
อธิบายไปก็ยากต้องลองเปิดบริษัทดูครับ เดี๋ยวรู้เลย
การนำกิจการของตนเอง "เข้าระบบ" คือ "การมีจิตสำนึกที่ดี" แล้วครับ
ส่วนการทำให้ภาระภาษีลดน้อยที่สุด มันคือการทำหน้าที่ให้ดีที่สุดของลูกน้องผู้ทำบัญชี มันคือการมีจิตสำนึกที่ดีในการทำให้บริษัทมีกำไรเพียงพอจะจ่ายเงินเดือน ค่าตอบแทน สวัสดิการต่างๆ ที่ดีและมากพอให้กับลูกน้อง มันคือความอยู่รอดต่อไปของสิ่งมีชีวิตทั้งมวลในบริษัทที่กินข้าวหม้อเดียวกันอยู่
ชาติ รัฐบาล ข้าราชการกระทรวงพาณิชย์ ไม่ได้มีหน้าที่จะต้องมีจิตสำนึกที่จะต้องปราณีผู้ประกอบการอยู่แล้วครับ
จริงๆแล้วมันไม่เรียกว่าโกงครับ เรียกว่า ใช้เทคนิกทางกฏหมายอย่างชำนาญจะดีกว่า
ตอนผมเรียนยังมีมุกขำๆว่า มีสองสิ่งบนโลกนี้ที่ไม่มีทางหนีได้คือ ความตายกับภาษี
ถ้ามีช่องทางการเลี่ยงภาษีแบบถูกกฎหมายแล้วญี่ปุ่นมีสิทธิ์อะไรมาเก็บย้อนหลัง
สรุปแอบเปิ้ลโกงนั่นแหละ เพราะถ้ามันถูกกฎหมายคงเรียกเก็บย้อนหลังไม่ได้ นอกจากไปแก้กฎใหม่ซะ
เออ นั่นสิ ผมก็งงว่าทำไมมีคนบอกไม่โกงเยอะจัง
แต่ผมว่าไม่น่ามีแค่รายเดียวหรอก เชือดรายใหญ่สุดอย่างแอปเปิลเสร็จคงไปไล่เก็บบริษัทอื่นต่อ
เรื่องนี้มันยังมีความไม่เคลียร์ในหลายๆ อย่าง พรมแดนบนอินเตอร์เน็ตมันก็ยังเป็นพรมแดนที่ไม่ได้มีเส้นแบ่งชัดเจน (รายได้ที่แอปเปิลได้จาก iTunes) การจะฟันธงว่าโกงหรือถูกผิดมันก็เลยไม่มีความชัดเจน การยื่นเรื่องขอเก็บย้อนหลังนี่มันหมายถึงบทสรุปว่าเกิดความผิดสมบูรณ์แล้วเหรอครับ? ซึ่งถ้าพูดแบบเดียวกันแสดงว่าการเรียกเก็บของ EU คุณก็สามารถตัดสินได้เลยว่ามีการโกงเกิดขึ้นแล้วใช่หรือไม่ครับ ซึ่งแม้กระทั่งคู่กรณีเองก็ยังไม่กล้าที่จะฟันธงถึงความผิดเลย
ที่ผมว่ามาไม่ใช่ว่าจะบอกว่าแอปเปิ้ลทำถูกต้องขาวสะอาดนะครับ แต่อยากจะชี้ให้เห็นว่ามันคือเรื่องธุรกิจ ซึ่งหากมีช่องทางที่ถูกกฎหมายหรือพิจารณาแล้วเข้าข่ายอยู่ภายใต้กฎหมาย บริษัทต่างๆ ก็ยินดีที่จะเลือกช่องทางนั้นเพื่อลดภาระในด้านภาษีอยู่แล้ว
กรณีข่าวนี้เนื้อความมันสั้นมากจนไม่รู้ว่าที่มาที่ไปมันอย่างไร แต่จากกรณีของไอร์แลนด์ก็ยังสรุปไม่ได้ว่าแอปเปิ้ลโกงหนิครับ มันเป็นเรื่องที่มีคน(ที่สาม) คิดว่าตัวเองเสียในสิ่งที่ตัวควรจะได้แต่กฏหมายก็ดันเปิดช่องโหว่ให้เขาทำไว้เสียมากกว่า ขนาดพอแอปเปิ้ลถามว่าเอาหลักเกณฑ์อะไรมาตั้งเป็นค่าปรับ EU ก็ยังตอบไม่ได้เลย
นั่นสิครับ ผมยังงงกับความคิดเห็น "เจ้าของบริษัท" และหลายท่านในนี้เลยว่า แยกแยะไม่ออกกันหรือ ระหว่าง "การใช้ช่องทางการเลี่ยงภาษีแบบถูกกฎหมาย(ex.LTF)" กับ "การพยายามทำผิดโดยไม่จ่ายภาษี"
ไม่รู้ผมเข้าใจถูกมั้ยนะครับ
ช่องทางเลี่ยงภาษีแบบถูกกฎหมาย = ช่องทางที่รัฐบาลลดภาษีให้เราแลกกับการที่เราเอาเงินไปทำอะไรบางอย่างที่รัฐต้องการกระตุ้นให้มีมากขึ้น
แต่สิ่งที่ Apple กำลังทำอยู่นี่น่าจะเป็นเลี่ยงภาษีโดยอาศัยช่องโหว่แทน รัฐบาลไม่ได้อะไรเลย แต่ Apple ได้กอบโกยเงินในประเทศออกไปสบายๆ
คือไม่ว่าจะเรียกอะไร เลี่ยงภาษี หรือ ทำผิดโดยไม่จ่ายภาษี จุดมุ่งหมายมันก็ไม่ได้ต่างกันนักหรอกครับ จะมีซักกี่คนที่ลงทุนในกองทุน เพราะด้วยจุดประสงค์อันดับแรกว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งที่ได้ช่วยเชิดชูเศรษฐกิจโดยรวม? ลองเสิช คำว่า Ltf กับ RMF ดูขึ้นแต่ผลประโยชน์ต่อตัวผู้ลงทุนทั้งนั้นเลยครับ มิหนำซ้ำบางเว็บยังระบุข้อควรระวังไม่ให้กระเด็นซักบาทแถมอีกแน่ะ ถ้าเจอเว็บไหนที่มีหัวข้อข่าวว่า "กองทุนพวกนี้ส่งผลดีกับประเทศยังไงบ้าง" ช่วยแปะลิงก์ให้ผมเพิ่มพูนความรู้ทีเถอะครับ
ผมเข้าใจว่าหลายคนเอาเรื่องพวกนี้มาเปรียบกับการกระทำของแอปเปิ้ลกัน ก็เพื่อให้เห็นภาพเท่านั้นเองว่าพอถึงทีเรา เราจะทำยังไง? ก็เท่านั้นเอง
ถ้าเป็นยุคเก่า การจ่ายเงินให้ต่างประเทศโดยตรงเป็นเรื่อง ที่ ยุ่งยากพอสมควร และมีค่าใช้จ่าย
ยุคนี้ มี บัตรเครดิตคนละหลายใบ มี paypal
การจ่ายเงินออกนอกประเทศเป็นเรื่องง่ายแบบ เกินควบคุม ยากติดตาม
การค้าข้ามประเทศจึงตามเก็บภาษีลำบาก
หากเป็น สินค้าที่ต้องส่งเข้ามาไทย ยังพอให้ ศุลกากรเก็บให้ได้
หากเป็น สินค้าดิจิตอลคอนเท้นท์ หรือ ซื้อเวลาโฆษณา จะเก็บภาษีการค้าอย่างไร
สิ่งที่ apple ทำ เอาเปรียบผู้ประกอบการค้าประเภทเดียวกัน ที่ตั้งถิ่นฐานในท้องถิ่นนั้น
ผมเห็นควร ว่า appleต้องโดนเก็บภาษีย้อนหลังตลอดระยะเวลาที่ทำการค้าแบบนั้น
การที่บริษัทใหญ่โต ได้ตัดสินใจ ทำการค้าหลบเลี่ยงโดยอาศัยชองโหว่
มันบอกถึง ความกระหายหิว เงิน กำไร ความมั่งคั่ง กอบโกยอย่างเต็มที่ การเอารัดเอาเปรียบอย่างน่าเกลียด
ผมว่าเนื้อข่าวมันยังไม่ชัดนะ แต่ถ้าสรุปเอาเท่าที่มีแบบนี้ คนที่ซื้อ RMF เพื่อเลี่ยงภาษีทุกปี นี่ก็กระหายหิว เงิน กำไร กอบโกยเต็มที่ เอารัดเอาเปรียบอย่างน่าเกลียดสิครับ ดูแล้วเหมือนได้อยู่ระดับเดียวกับนักการเมืองที่โกงกินดื้อๆเลยแฮะ
ตามเนื้อข่าวกรณีที่เกิดในยุโรปก็ค่อนข้างชัดนะครับ apple พยายามหลบเลี่ยงไม่จากภาษี โดยให้ ASI และ AEO สั่งซื้อสินค้าจากผู้ผลิตในเอเชียโดยตรง(ไม่ผ่าน Apple Inc.) แล้วส่งเงินกลับไปยัง Apple Inc. ในรูปของเงินค่าจ้างวิจัยและพัฒนา (R&D) ครับ แต่ปัญหาคือ "สำนักงานใหญ่" ของ ASI และ AOE ไม่ถูกระบุชื่อประเทศ ไม่มีสำนักงาน ไม่มีพนักงานใดๆ ซึ่งกำไรส่วนนี้ไม่ต้องเสียภาษีเลยแม้แต่น้อย ส่งผลให้แอปเปิลลงบัญชีกำไรว่าอยู่ใน head office ไปซะเกือบหมด
นั่นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากการทำ State Aids ของรัฐบาลไอร์แลนด์อะลุ้มอะหล่วยให้แอปเปิ้ลทำได้มาเนิ่นนานไงครับ คล้ายๆกับเลือกปฏิบัตินั่นล่ะ ในทางพฤตินัยน่ะจริงแอปเปิ้ลมันก็ไม่ใช่พระเอกอะไรแน่นอน(เพราะเจตนาชัดเจนว่าแอปเปิ้ลไม่อยากเสียภาษีแพง)แต่ในทางปฏิบัติ เมื่อได้รับการละเว้นให้ขนาดนี้ ก็คงจะต้องรีบคว้าเอาไว้อยู่แล้วจริงไหมครับ
ผมเห็นควร ให้ เลิก RMF ครับ
การลงทุน ที่ได้รับการยกเว้นภาษี ผมเห็นควรให้ยกเลิกทั้งหมด
LTF RMF BOI และอื่นๆ
รวมถึง ร้านค้าปลอดภาษี ด้วยครับ
ชัดเจนนะครับ
เพราะอะไรถึงเห็นควรเช่นนั้นล่ะครับ?
ภาษีคืออะไรครับ คือเงินที่เราจ่ายให้รัฐบาลเอาไปพัฒนาประเทศใช่หรือไม่ ?
แล้วการที่เราช่วยรัฐบาลลดภาระการดูแลผู้สูงอายุของรัฐบาลโดยการซื้อ RTF หรือช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจโดยการซื้อ LMF หรือ .. ช่วยสังคมโดยการเอาเงินไปบริจาค แล้วสิ่งเหล่านี้จะได้รับการตอบแทนจากรัฐบาล ด้วยการลดภาษีเล็กน้อย (เอาจริงๆมันลดได้นิดเดียวเองนะ) แบบนี้ไม่ดีเหรอครับ รัฐบาลได้ลดภาระ เราได้ลดภาษี ผมว่า วิน-วิน นะ
+1
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
มันมีผลในแง่อื่นที่ดีกว่าได้ภาษีตัวนี้ครับและมีความเป็นไปได้สูงว่าคนไม่ลงทุนพวกนี้สร้างภาระให้รัฐมากกว่าภาษีอีก เค้าให้อยู่นิดเดียวสำหรับคนรายได้เยอะมีผลน้อยมาก ปีก่อนๆเอา LTF มาลดภาษีไปได้ไม่กี่หมื่นเอง แล้วปีนี้ยาวเป็น 7 ปีแล้วด้วย
อาจเป็นเพราะกฎหมายพัฒนาไม่ทันเทคโนโลยีจึงไม่สามารถปิดช่องโหว่ในการเก็บภาษีดิจิตอลคอนเทนต์ระหว่างประเทศได้ เพราะรัฐไม่สามารถรับรู้ได้เลยว่ามีปริมาณซื้อขายเท่าไร เนื่องจากไม่มีบริษัทในประเทศแสดงที่มาของรายได้ให้จัดเก็บภาษี จึงกลายเป็นเหตุ
หากถามกลับไป ทำไมบริษัทถึงไม่ไปตั้งสำนักงานในประเทศที่มีการขายดิจิตอลคอนเทนต์นั้นๆ ก็เพราะว่าสมัยนั้นการทำแบบนี้ไม่ผิดกฎหมาย และบริษัทเองก็บริหารง่าย เนื่องจากรวมศูนย์ ถึงประเทศปลายทางจะเก็บภาษีเป็น 0 ก็ตาม
ในมุมมองของเจ้าของกิจการ การลดหย่อนภาษีให้ได้มากที่สุด เป็นส่วนสำคัญในการดำเนินการกิจการนั้นๆ เลยด้วยซ้ำ
การแก้ไขจึงควรออกกฎหมายเกี่ยวกับการซื้อขายดิจิตอลคอนเทนต์ระหว่างประเทศ ให้สามารถจัดเก็บภาษีให้ครอบคลุม เช่นผู้ซื้อเสียภาษีบาป ภาษีณที่จ่าย ส่วนบริษัทก็เสียภาษีเงินได้(หรือจะผลักให้ผู้ซื้อแบบหลายๆ บริษัททำก็ได้) เท่านี้ก็ใช้ได้แล้ว
ส่วนในไทยการเก็บย้อนหลับแบบไม่มีกฎหมายรองรับคงทำได้โดยใช้ ม.44 ที่หลายๆ คนไม่ชอบ อยู่ที่ว่าภาครัฐมองเห็นความสำคัญ และกล้าที่จะทำหรือไม่เราประเทศที่ออกมาเรียกภาษีย้อนหลับเป็น กลุ่มหรือประเทศโลกที่ 1 ทั้งนั้น
เหมือนรัฐบาลทั่วโลกกำลังถังแตก แล้วพยายามไล่รีดภาษีอยู่เลยแฮะ
สงสัยจังว่าทำไม EU พึ่งจะมาเก็บทั้งที่น่าจะทำมานานแล้ว
อย่าบอกนะว่าสุ่มตรวจ..