บริการ PromptPay เตรียมเปิดใช้งานจริงวันที่ 31 ตุลาคมนี้ ตอนนี้มีการประชาสัมพันธ์ออกมาหลายช่องทาง (บางช่องทางก็ดูจะ "พยายาม" มากเกินไปสักหน่อย) แต่ด้วยความที่โครงการ Nation e-Payment เป็นโครงการขนาดใหญ่ และมีข้อมูลที่หลายครั้งสับสน เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางสมาคมธนาคารจึงเชิญบล็อกเกอร์และสื่อหลายคนไปพูดคุยกัน ผมเองได้เข้าร่วมด้วย จึงสรุปประเด็นที่พูดคุยกันไว้มาให้
บริการ PromptPay ถูกวางให้รับข้อมูลระบุตัวผู้รับได้ 5 ประเภท ได้แก่ เลขบัตรประชาชน, เลขโทรศัพท์มือถือ, เลขบัญชีธนาคาร, กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์, และอีเมล อย่างไรก็ดี ช่วงแรกจะเปิดให้บริการเฉพาะ เลขบัตรประชาชนและเลขโทรศัพท์มือถือ เท่านั้น
ประเด็นแรกๆ หนึ่งที่มีการพูดกันมากคือ การเก็บภาษีกับ National e-Payment ที่ทำให้คนสงสัยว่าการสมัคร PromptPay จะเกี่ยวกับภาษีหรือไม่ บางคนอาจจะกลัวไปถึงว่ารับเงินผ่าน PromptPay แล้วรัฐจะตามมาตรวจภาษีได้ง่ายขึ้น
ที่จริงแล้วกระบวนการด้านภาษีเป็นเฟสที่สามของโครงการ National e-Payment ในภาพใหญ่ ที่ในอนาคต เมื่อมีการจ่ายเงินระหว่างองค์กรธุรกิจ จะไม่ต้องเก็บใบกำกับภาษีและใบหักภาษี ณ ที่จ่ายกันให้ยุ่งยากเหมือนทุกวันนี้อีกต่อไป แต่หักกันและยื่นแบบต่างๆ ได้ทางอิเล็กทรอนิกส์เลย
สำหรับกระบวนการโอนเงิน PromptPay ทุกวันนี้ความเป็นส่วนตัวก็ยังอยู่ระดับเดียวกับการโอนเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่เราใช้งานกัน มีหน่วยงานบางหน่วยงานมีอำนาจตามกฎหมายเข้าตรวจสอบตามกระบวนการเหมือนๆ กัน
แม้ว่าจะชื่อว่าพร้อมเพย์ แต่โครงการ National e-Payment จะเริ่มเป็นโครงการจ่ายเงินอย่างจริงจังในขั้นที่สอง การขยายการใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ ที่อาศัยโครงสร้างพื้นฐานเดียวกับพร้อมเพย์
ทุกวันนี้คนไทยมีบัตรอิเล็กทรอนิกส์จำนวนมาก เป็นบัตรเดบิต 48 ล้านใบ และบัตรเอทีเอ็มถึง 20 ล้านใบ แต่ปริมาณการใช้เงินสดก็ยังสูงมาก เป็นต้นทุนของทั้งผู้ใช้ (คนซื้อของต้องถือเงินสด ร้านค้าต้องเก็บเงินสดมากๆ ไว้ในร้าน) และธนาคารเองที่ต้องขนส่งเงินไปมา
เมื่อโครงการ National e-Payment ถึงขั้นที่สอง จะมีการออกเครื่องรับจ่ายเงิน (Electronic Data Capture - EDC) เพื่อรับจ่ายเงินกันเป็นวงกว้าง แม้จะยังไม่มีรายละเอียดออกมา แต่ทางสมาคมธนาคารก็ระบุว่าต้นทุนการติดตั้ง EDC ในอนาคตจะถูกลงมาก ร้านค้ารายย่อยจะรับจ่ายกันได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะเมื่อมีการพัฒนา mobile EDC ที่ติดตั้งกับโทรศัพท์มือถือออกมา
โครงการ EDC จะเริ่มเห็นรายละเอียดกันช่วงต้นปีหน้า
ตัวอย่างหน้าจอ PromptPay เป็นเมนูแยกออกจากเมนูการโอนต่างธนาคารตามปกติ สังเกตว่าไม่ต้องมีกระบวนการ "เพิ่มบัญชีบุคคลอื่น" เหมือนการโอนทุกวันนี้แล้ว
ตัว PromptPay เอง แม้จะเป็นเพียงระบบโอนเงินใหม่ และต้องรอโครงการเฟสต่อๆ ไปจึงเห็นกระบวนการรับจ่ายอิเล็กทรอนิกส์ในวงกว้าง แต่ตัวระบบ PromptPay เองก็จะมีการปรับปรุงตามมาในอนาคต ที่น่าเราน่าจะเห็นผลกันได้แก่
Comments
เข้าใจเลยว่า เงินสดมันมีต้นทุนการจัดเก็บ ขนส่ง
มีประโยชน์เวลาควบคุมเงินเฟ้อ พวกเศษสตางค์งี้ด้วย
ผมเข้าใจว่า รับจ้างรายบุคคล ถ้าหันมาใช้หมดจะมีคุณูปการกับประเทศด้วย
เพราะจะทำให้บุคคลนั้นๆ เห็นกระแสเงินสดได้ดีขึ้น
อาจจะช่วยให้เกิดการวางแผนทางการเงินส่วนบุคคลที่ดีขึ้น
ว่าแต่ที่ผลักดันออกมาตอนนี้ ไม่เห็นจะมีอะไรจูงใจให้ผู้ใช้ในระยะสั้นนี้เลยนี่ครับ
ถ้าจะเริ่ม ต้องไปเริ่ม ผลักทางด้านร้านค้าก่อนรึเปล่า
แล้วก็บังคับต่อไปที่เงินเดือนข้าราชการ เงินที่รัฐจ่ายให้บริษัทที่รับงานมาจากรัฐ
ประชาชนทั่วไปน่าจะหลังๆ เลยนี่ครับ ทำไมดูกลับหัวกลับหางชอบกล
ตอนนี้ผมเห็นแรงจูงใจเดียวคือค่าโอนถูกมากครับ
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
ค่าโอนถูกมาก + ไม่ต้องจำเบอร์บัญชีครับ ถ้าซื้อของออนไลน์แบบโอนเงิน ผู้ขายก็ไม่ต้องเปิดบัญชีหลายๆ แบงก์ครับ
อ้อ ใช่ครับ ไม่ต้องจำบัญชี และกรณีบางบัญชีมีค่ารักษาบัญชี ก็ประหยัดค่ารักษาบัญชีได้อีกทางนึง
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
อยากให้ การจัดเก็บภาษี เป็นเรื่องที่เข้าถึงทุกคน
เหมือนซื้อของ ต้องจ่าย VAT ที่ทุกคนเจอจนเป็นเรื่องปรกติ
คนที่มีรายได้แต่ที่ไม่อยู่ในระบบ ยอดรายได้ ไม่ได้น้อย ไม่เคยเสียภาษี
ขณะที่พนักงาน บริษัท หรือที่อยู่ในระบบ รายได้พอๆกัน เสียภาษี เต็มๆ
ภาษีเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องช่วยกัน ส่วนที่ ใครจะเอาภาษีไปใช้ ยังไง
ข้อนี้เชื่อว่าถ้าคนใช้เงินภาษีจะโกง คงซวยกันทั้งประเทศ
+1 ครับ ภาษีเป็นหน้าที่ ชอบหาวิธีเลี่ยงกันแล้วอ้างว่าไม่ถูกเอาไปใช้ประโยชน์ ซึ่งมันเป็นคนละเรื่องกัน
อยากให้ภาครัฐผลักดันเรื่องนี้อย่างจริงจังเหมือนกัน ทุกวันนี้มีคนที่อยู่นอกระบบภาษีจำนวนมาก ซึ่งมีรายได้ค่อนข้างสูง แต่มีช่องโหว่ ช่องว่าง ก็เลยไม่ต้องจ่าย
ผมเชื่อว่าถ้าเราเก็บภาษีได้คลอบคลุม เราจะได้เงินมาอีกเยอะ ซึ่งถึงตอนนั้น เราสามารถลดอัตราการจ่ายภาษีลงยังได้เลย
ไม่ได้องุ่นเปรี้ยว่าหลบเลี่ยงไม่ได้ ส่วนตัวเต็มใจเสียภาษี ถึงแม้จะรู้ว่ามันถูกเอาไปใช้แบบว่านะ... แต่คนไทยบางกลุ่มยังคิดเรื่องเลี่ยงภาษีคือไม่จ่ายเลย ไม่ใช่แบบว่าหาวิธีลดหย่อนตามที่กฏหมายกำหนดไว้ให้
..: เรื่อยไป
ทุกวันนี้คนไทยมีบัตรอิเล็กทรอนิกส์จำนวนมาก เป็นบัตรเดบิต 48 ล้านใบ และบัตรเอทีเอ็มถึง 20 ล้านใบ
--บัตรเดบิตมักจะพ่วงค่าธรรมเนียมรายปีสุดโหด+ประกันอุบัติเหตุที่แทบไม่ได้ใช้จริง
48 vs 20 ล้านใบแสดงถึงการยัดเยียดบัตรที่มีค่าธรรมเนียม
ถ้าเอาไว้จ่ายเงินเดือน ยกเว้นค่าธรรมเนียมถ้าโอนไม่เกิน 5000 น่าจะน้อยไปเยอะเลยครับ
ก็คงต้องจ่ายค่าธรรมเนียมตามปกติครับ ทุกวันนี้บริการ Payroll ของแบงก์ก็ต้องเสียค่าธรรมเนียมอยู่แล้ว ต่อให้เป็นภายในแบงก์เดียวกันก็เถอะ แต่อันนี้จะโอนเข้าบัญชีธนาคารไหนก็ได้ ราคาเท่ากัน