Tags:
Node Thumbnail

สภา Bundesrat ของเยอรมนี (เทียบได้กับวุฒิสภาของบ้านเรา) ลงมติเตรียมแบนรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์เผาไหม้ภายใน (internal combustion) หรือรถยนต์ที่ใช้น้ำมันในปัจจุบัน ภายในปี 2030 เพื่อเตรียมเปลี่ยนผ่านสู่ยุคสมัยรถยนต์ที่ไม่ปล่อยควันเสียออกสู่ภายนอก (รถยนต์ไฟฟ้า หรือรถยนต์ที่ใช้เซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน)

การลงมติของ Bundesrat ยังไม่มีผลบังคับในทางกฎหมาย แต่ก็จะมีอิทธิพลต่อการออกกฎหมายในระดับของ EU ต่อไป เนื้อหาในมติฉบับนี้ยังกระตุ้นให้ EU ปรับปรุงระบบภาษีเพื่อจูงใจให้คนใช้รถยนต์ที่ไม่ปล่อยควันเสีย และขึ้นภาษีรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลด้วย

ที่มา - Forbes, Engadget, ภาพจาก Pexels

No Description

Get latest news from Blognone

Comments

By: menu_dot on 9 October 2016 - 15:33 #945537

เมืองไทยน่าจะเอาด้วยนะ กระตุ้นการเปลื่ยนแปลงหน่อย

By: jj1977
Android
on 9 October 2016 - 15:48 #945541 Reply to:945537

เมืองไทยถ้าจะแก้กฏหมายอะไรก็คงต้องทำให้เสร็จก่อนรัฐบาลนี้จะหมดวาระ ไม่งั้นคงจะยากครับ เพราะนักการเมืองและนายทุนทั้งหลายถือหุ้นบริษัทน้ำมันกันทั้งนั้น

By: buzdesign on 9 October 2016 - 15:56 #945543 Reply to:945541

รถถังไฟฟ้ามีป่าวเอ่ย ฮ่าๆๆ

By: Hadakung
iPhoneWindows PhoneAndroidWindows
on 9 October 2016 - 16:14 #945545 Reply to:945541

ผมเป็นห่วงว่ารถไฟฟ้าในไทยจะไม่เกิดเพราะไฟฟ้าเราไม่พอใช้มากกว่าครับ เพราะผมมองหุ้นบริษัทน้ำมัน ปตท. ตอนนี้รายใหญ่ๆเปอร์เซนต์เยอะๆก็พวกกองทุนรวมทั้งนั้น แล้วกองทุนพวกนี้เขาก็สนใจแค่หุ้นที่ทำกำไรได้ไม่ได้ยึดว่าจะต้องบริษัทแบบไหนอยู่แล้ว ถ้าคุณจะบอกว่าเกิดยากในยุครัฐบาลนักการเมือง,นายทุน ตอนบอร์ดปตท.ก็คนนี้ครับ ปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ อดีตรมว.กระทรวงพลังงาน ปี 49 ดูจะใกล้ชิดรัฐบาลนี้นะครับ... หรือจะคนนี้ดีครับ พลเอกฉัตรเฉลิม เฉลิมสุข ประสบการณ์จากสายทหารล้วนครับไม่เคยบริหารเอกชนมาก่อน หรือจะคนนี้ครับ พล.อ.ท.บุญสืบ ประสิทธิ์ สายทหารล้วนไม่เคยบริหารงานบริษัทเอกชนเช่นกัน ที่เหลือไปดูและพิจารณาต่อเอาละกันนะครับ ในยุคท่านผู้นำลาออกกันกี่บอร์ดเปลี่ยนคนเข้าที่ไหนบ้าง ถ้าเป็นรัฐบาลปกติคงเรียกว่าเอื้อประโยชน์แต่ถ้าเป็นรัฐบาลแบบนี้เรียกว่าทำเพื่อชาติ...

By: Polwath
ContributoriPhoneWindows PhoneAndroid
on 9 October 2016 - 16:37 #945547 Reply to:945545
Polwath's picture

แก้ไขได้ครับ ด้วยวิธีดังนี้

  1. บังคับผู้ใช้ทั้งทางตรงและทางอ้อม ในการลดการใช้พลังงานลง เช่นเพิ่มภาษีครัวเรือน เพิ่มภาษีพาณิชย์ ฯลฯ
  2. สร้างแรงจูงใจในการใช้พลังงานทดแทน และผลักดันการสร้างโรงไฟฟ้าและแหล่งผลิตพลังงานที่พึ่งได้ด้วยตนเอง
  3. เน้นการใช้งานพลังงานในประเทศให้ได้มากที่สุด ลดการซื้อจากต่างประเทศ และเปลี่ยนเป็นพลังงานทดแทนอื่นแทนพลังงานที่มีอยู่น้อยและต้องนำเข้าจากต่างประเทศ
  4. ผลักดันการสร้างแหล่งพลังงานของตนเองตามครัวเรือน เช่น Solar Cell, Wind Turbine ฯลฯ และส่งเสริมการขายพลังงานที่มีเหลือใช้ให้กับระบบไฟฟ้าหลักของประเทศ
  5. ปรับปรุงมาตรฐานอุปกรณ์ไฟฟ้าให้กินไฟลดลงและออกกฎการห้ามใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าที่กินไฟสูง เช่น หลอดใส้
    ุ6. ให้ความรู้และ(บังคับ)ล้างสมอง สำหรับผู้ที่ไม้เห็นด้วยกับการสร้างโรงไฟฟ้าหรือการใช้พลังงานทางเลือกในการผลัตไฟฟ้า เช่น Nuclear, พลังงานขยะ หรือแม้แต่พลังงาน Hydrogen ที่เคยดังในวงการรถยนต์ไทยเมื่อหลายปีก่อน แต่โดน Discredit แล้วเงียบหายไป

ที่พูดมานี้ ต่างประเทศทำไปกันก่อนแล้วทั้งนั้น และได้ผลมากด้วย ถ้าจะเอาไปประยุกต์ใช้ก็ทำได้อยู่แล้ว


Get ready to work from now on.

By: menu_dot on 10 October 2016 - 10:58 #945696 Reply to:945547

ตามท่านนี้เลยครับ สิ่งเหล่านี้เป็น trend อนาคตทั้งนั้น ถ้าไม่รีบก้าวไปเชี่ยวชาญสิ่งเหล่านี้ก็ได้เป็นแค่คนจัดซื้อเทคโนโชลยีเท่านั้น
สร้างมาขายได้อีกนะครับ น้ำมันยังไงมันก็ต้องหมดโลก ไฟฟ้ายังไงก็มา
เปลื่ยนจากครัวโลกเป็น ผู้ผลิตไฟฟ้าให้โลก คิดว่าอย่างหลังมั่นคงกว่า เพราะอนาคตแรงงานก็กินไฟฟ้าเป็นอาหารนะครับ

By: RakBinn
AndroidUbuntu
on 10 October 2016 - 11:27 #945717 Reply to:945547

ผมว่าข้อ 6 นี่ ยากนะ
เพราะถ้าให้มาตั้ง รฟฟพลังงานนิวเคลีย อยู่ข้างบ้านผมผมก็คงไม่เห็นด้วยนะครับ แม้จะยกข้อดีมา 2000 ข้อก็ตาม
แม้จะมีระบบป้องกันจากต่างดาว ผมก็ไม่เชื่อในระบบการตรวจสอบของไทย และผมก็เชื่อว่าการป้องกัน ไม่มีวิธีใด 100%

By: Lightwave
iPhoneAndroidWindows
on 10 October 2016 - 18:30 #945872 Reply to:945717

องค์กรระดับโลกตรวจสอบนิครับ

By: Kittichok
Contributor
on 9 October 2016 - 17:27 #945559 Reply to:945537

มี แผนมุ่งเป้าด้านการวิจัยและพัฒนาเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทย เป้าหมายหนึ่งคือสามารถผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศได้ภายในปี 2563
เอกสารประกอบให้ดาวน์โหลดจาก สวทช. จะได้ต้นฉบับที่เป็นภาพสี

By: MrThursday
ContributorRed HatUbuntuWindows
on 10 October 2016 - 11:14 #945709 Reply to:945537

ด้วยศักยภาพหลายๆด้าน ผมคิดว่ายังทำไม่ได้ในเร็ววัน

By: BlackMiracle
WriterAndroidUbuntuWindows
on 9 October 2016 - 16:11 #945544

ใครหวังให้มีในไทยในเร็ววัน ก็ดูเอาละกันครับว่ามีคนคอยขัดขาอยู่เยอะแค่ไหน


Pitawat's Blog :: บล็อกผมเองครับ

By: Polwath
ContributoriPhoneWindows PhoneAndroid
on 9 October 2016 - 16:23 #945546 Reply to:945544
Polwath's picture

ก็ไม่แปลก เพราะประเทศไทยยังมีคนแบบนี้อยู่ไง ประเทศถึงได้ไปไม่ถึงไหนสักที พัฒนาไม่ทันสิงคโปร์สักที ไม่หลุดจากปัญหาวงจรอุบาทว์ที่ไม่มีวันจบ เผลอๆจะโดนประเทศในอาเซียนแซงหน้าไปอีก แม้ว่ารัฐบาลจะส่งเสริมหรือไม่ก็ตาม และผมว่าของพวกนี้ปรับตัวกันได้ง่ายมาก แค่จากรถธรรมดาเป็นรถ EV อย่างอื่นยังเหมือนเดิม

ทางที่ดี ไล่คนพวกนี้ออกไปซะ เอาคนหัวก้าวหน้าหรือคนรุ่นใหม่มาแทนที่ และต้องผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างถาวร ทั้งในปัจจุบันและอนาคต เพราะคนรุ่นเก่าไม่ทันกับความเปลี่ยนแปลงอะไรเลย แถมยังต่อต้านสิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ ไม่ว่าจะด้วยผลประโยชน์ของตัวเองหรือเหตุใดที่กระทบก็ตาม

ผมว่าเรื่องพวกนี้ไม่ควรละเว้น และต้องจัดการอย่างไร้ความปราณีด้วยซ้ำ


Get ready to work from now on.

By: ZeaBiscuit
iPhoneAndroidUbuntuWindows
on 10 October 2016 - 10:53 #945692 Reply to:945544
ZeaBiscuit's picture

ผมตลกตรงที่บอกว่า EV เป็นเทคโนโลยีชั้นสูงนี่แหละ มีแบตเตอรี่ มีมอเตอร์ มันรถ Tamiya ชัดๆ

ICE นี่แหละเทคโนโลยีชั้นสูงของจริง มีกี่โรงงานที่ผลิตได้ ทำมอเตอร์ง่ายกว่า ICE ไม่รู้ตั้งกี่เท่า

By: vitnu
iPhone
on 11 October 2016 - 11:52 #946057 Reply to:945692

EV มันดูเหมือนง่ายครับ แค่ใส่ไฟฟ้าให้มอเตอร์ก็วิ่งได้ แต่นั่นมันแค่ผิวเผินครับ Battery เป็นไฟ DC 200กว่า Volt แต่ตอนจ่ายมอเตอร์ เป็น AC 3เฟส 600กว่า Volt แล้วมันไม่ใช่แค่ on กับ off ให้มอเตอร์ไปหมุนล้อ มันต้องควบคุม ความเร็วที่มอเตอร์โดยตรง เพราะรถEV ส่วนใหญ่จะเป็น Fixed gear ทุกอย่างทำผ่านกล่อง Inverter ซึ่งเป็น Power Electronic ในประเทศไทยคนที่มีความรู้ด้านนี้ นับคนได้เลย น้อยมากๆ ไม่น่าเกิน10คน ไอ้ตัวนี้แหละที่ในรถ hybrid มีอยู่ และแพงกว่า Battery เสียอีก เป็นเทคโนโลยีขั้นสูงส่วนใหญ่ก็มาจากญี่ปุ่นทั้งนั้น อีกอย่างคือ มอเตอร์ต้องทำงานได้ทั้งในโหมด Motor และ Generator โดยการควบคุมผ่าน Inverter

Motor ที่อยู่ในรถ EV ก็ไม่ใช่มอเตอร์ทั่วไป ในโรงงานมอเตอร์ขนาด 100แรงม้า ขนาดตัวเท่าแม่หมู แต่ในรถEV มอเตอร์ 100แรงม้า ขนาดแค่ตัวเท่าลูกหมู

By: ZeaBiscuit
iPhoneAndroidUbuntuWindows
on 11 October 2016 - 17:34 #946139 Reply to:946057
ZeaBiscuit's picture

ครับ ยากที่ Controller แล้วถ้าเทียบกับ ICE ละครับ ผมว่ามันคนละชั้นกันเลยนะ ICE นี่ส่วนประกอบเป็นพันๆชิ้น ยังไม่นับ Controller

ยิ่งตอนนี้จีนและใกล้ๆบ้านเรา ก็ทำ EV กันได้แล้ว (อาจยังไม่ 100% แต่ก็ใช้งานได้) ในขณะที่ประเทศที่ทำ EV ได้ ยังทำ ICE กันได้ไม่ครบเลย ผมถึงบอกว่า EV มันซับซ้อนน้อยกว่า ICE เยอะครับ

By: vitnu
iPhone
on 9 October 2016 - 16:38 #945548

คิดจะใช้รถไฟฟ้า ต้องตั้งโรงไฟฟ้าให้ได้ก่อน

By: Witna
ContributoriPhoneAndroidWindows
on 9 October 2016 - 16:39 #945550 Reply to:945548

ถ่านหินก็ไม่เอา นิวเคลียร์ก็โวยวาย

เอาไฟฟ้าอะไรดี ?

By: vitnu
iPhone
on 9 October 2016 - 16:46 #945552 Reply to:945550

Solar Farmก็ทำให้ฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล - -"

By: gotobanana
iPhoneAndroidBlackberrySymbian
on 9 October 2016 - 20:30 #945574 Reply to:945552
gotobanana's picture

Solar Farm เดียวนี้ก็โดนชาวบ้านร้องเรียนครับ ผมแนะน้ำให้พวกไม่เอาไรสักอย่างเลิกใช้ไฟฟ้าไปเลยดีว่าครับ

By: Holy
ContributorAndroidWindowsIn Love
on 10 October 2016 - 09:33 #945647 Reply to:945574
Holy's picture

เขาเอาครับ แค่ไม่เอาอะไรที่(อาจ)กระทบเขา

อยากใช้ไฟฟ้า แต่ไม่เอาโรงไฟฟ้าใกล้ๆ

By: RakBinn
AndroidUbuntu
on 10 October 2016 - 11:32 #945721 Reply to:945550

ตั้ง รฟฟนิวเคลีย อยู่ข้างบ้านคนไม่บ่นไม่โวยวาย อยากใช้พลังงาน น่าจะดีนะ

By: soginal
AndroidIn Love
on 10 October 2016 - 11:43 #945732 Reply to:945721
soginal's picture

ถ้าจะมาตั้งข้างบ้านผม ผมก็โอเคนะ แต่ถ้าบ้านผมเกิดอยู่ข้างบ้านคุณล่ะ คุณจะทำยังไง

By: RakBinn
AndroidUbuntu
on 10 October 2016 - 11:45 #945733 Reply to:945732

เราอย่าอยู่ใกล้กันเลย

By: soginal
AndroidIn Love
on 10 October 2016 - 11:52 #945736 Reply to:945733
soginal's picture

หือ ตอบไม่ตรงคำถามเลย

แล้วถ้ามันรั่วไหลจากประเทศเพื่อนบ้านยังไงเราก็ได้รับผลกระทบครับ และประเทศเพื่อนบ้านก็ไม่มาถามความเห็นของคุณด้วย นั่นคือคุณหลีกหนีสิ่งที่มันจะเกิดขึ้นไม่ได้หรอก

By: Holy
ContributorAndroidWindowsIn Love
on 10 October 2016 - 11:51 #945734 Reply to:945721
Holy's picture

มันต้องมีสิ่งชดเชยด้วยครับ กับค่าความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น เช่น ถ้าอยู่ๆ จะมาตั้งข้างบ้านผม ทำให้มูลค่าที่ดินแถวบ้านตกลงก็จ่ายค่าชดเชยมาให้ด้วย ระหว่างดำเนินงานอยู่มีความเสี่ยง ให้คนในรัศมีเท่าไหร่ๆ ใช้ไฟฟรี/subsidize ค่าไฟเท่าไหร่ๆ มีการตรวจวัดค่ามลพิษ/รังสีโดย 3rd party เป็นประจำ รายงานผลต่อ public สม่ำเสมอ แบบนี้ผมก็โอเคถ้าจะมาตั้งข้างบ้านครับ

ลองประกาศสิว่า จะตั้งโรงไฟฟ้านิวเคลียร์กลางนิคมอุตสาหกรรม โรงงานทุกโรงในนั้นใช้ค่าไฟเรทลด 50% ผมว่าแห่กันไปจองเต็มตั้งแต่ 10 นาทีแรกเลย

By: Kittichok
Contributor
on 10 October 2016 - 12:09 #945743 Reply to:945734

มีกองทุนพัฒนาชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้าอยู่แล้วนะครับ

By: witoong623
ContributorAndroidWindows
on 10 October 2016 - 14:16 #945789 Reply to:945734

ผมสงสัยว่าที่คุณว่ามาในต่างประเทศมีแบบที่ว่าไหมครับ ที่ถามเพราะสงสัยว่าความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นมันมากขนาดที่เขาจะให้สิ่งชดเชยขนาดนั้นเลยเหรอครับ อย่างเช่นเรทค่าไฟที่ลดลงไปครึ่งหนึ่ง

By: soginal
AndroidIn Love
on 10 October 2016 - 14:40 #945797 Reply to:945789
soginal's picture

.

By: witoong623
ContributorAndroidWindows
on 10 October 2016 - 14:40 #945798 Reply to:945797

สำหรับผมน้อยกว่าเยอะมากครับ

By: soginal
AndroidIn Love
on 10 October 2016 - 14:42 #945799 Reply to:945798
soginal's picture

โทษทีครับ ผมอ่านผิด เลยเข้าใจผิดไป

By: Holy
ContributorAndroidWindowsIn Love
on 10 October 2016 - 14:47 #945804 Reply to:945789
Holy's picture

ผมแค่ยกตัวอย่างเฉยๆ ครับ ไม่ได้บอกว่ามีประเทศไหนทำจริงๆ

ที่ผมต้องการจะสื่อคือ ถ้าคุณบอกจะไปตั้งข้างบ้านคนอื่นเฉยๆ มันคงไม่มีใครเอาเพราะมันมีความเสี่ยงเพิ่ม แต่ถ้าคุณชดเชยอย่างเหมาะสม (ซึ่งผมยอมรับว่าไม่ได้หาข้อมูลประเทศอื่น) คนที่ยินดีจะรับความเสี่ยงแลกกับผลประโยชน์ชดเชยก็มีครับ

By: Log
iPhoneAndroid
on 10 October 2016 - 09:19 #945643 Reply to:945548

โรงไฟฟ้าขยะ Solar cell กังหันลม พวกยังต้านเลย แล้วที่สำคัญโรงไฟฟ้าขนาดเล็กมันเหมือนเป็นอาหารเสริม กินก็ดี ไม่กินไม่เป็นไร แต่โรงไฟฟ้าใหญ่ ๆ ที่เป็น Base load นี้คืออาหารหลัก เพราะไม่งั้นจะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของระบบโดยรวม

By: Witna
ContributoriPhoneAndroidWindows
on 9 October 2016 - 16:38 #945549

เรื่องของน้ำมัน มันเกี่ยวพันกับผลประโยชน์มหาศาล ไม่แค่ไทยหรอกครับ

By: sonkub
AndroidWindows
on 9 October 2016 - 16:44 #945551

รถไฟฟ้าในไทย กลัวเรื่องเดียวเลยตอนนี้
เรื่องน้่ำท่วม ผมว่าได้มีโดนช็๋อตตายคารถกันบางละ ทั้งคนขับและคนช่วย

By: menu_dot on 10 October 2016 - 11:00 #945699 Reply to:945551

สร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ำเลยดีไหมครับ แซวขำขำนะครับ

By: Jirawat
Android
on 9 October 2016 - 17:17 #945556
Jirawat's picture

เขมรเขามีละรถไฟฟ้าอะ555

By: GiggsWalk
AndroidUbuntu
on 9 October 2016 - 19:20 #945566 Reply to:945556

ไหนครับ รถไฟฟ้าเขมร?

By: sakura
ContributorWindows PhoneSymbian
on 10 October 2016 - 14:51 #945805 Reply to:945566

นาทีที่ 3

นาทีที่ 6.10

By: OXYGEN2
ContributoriPhoneAndroidWindows
on 9 October 2016 - 18:14 #945560
OXYGEN2's picture

ค่ายใหญ่จะยอมง่ายๆ หรือเปล่า เห็นหลายค่ายลงทุนดีเซลไปเยอะ


oxygen2.me, panithi's blog

Device: ThinkPad T480s, iPad Pro, iPhone 11 Pro Max, Pixel 6

By: BlackMiracle
WriterAndroidUbuntuWindows
on 9 October 2016 - 20:49 #945578 Reply to:945560

ขึ้นอยู่กับว่าใครมีอะไรในมือครับ ยักษ์ใหญ่โตโยต้าเค้าลงแรงกับไฮบริดไปเยอะ ก็บอกว่าควรยึดไฮบริดไปก่อนอีกเป็นสิบปี เพราะตอนนี้ infrastructure ยังไม่พร้อม บลาๆ ส่วนนิสสันมี Leaf แล้วก็บอกว่าสนับสนุนเต็มที่ (source) ตั้งแต่ตอนนี้มันก็วัดกันละว่าใครขยับก่อน ทำอะไรมากแค่ไหน


Pitawat's Blog :: บล็อกผมเองครับ

By: mrBrightside
iPhoneWindows
on 9 October 2016 - 19:39 #945567

ปิดตำนานซุปเปอร์คาร์ ...
นึกภาพว่าเอา Bugatti Veyron ไปใช้เครื่องยนต์ไฟฟ้า ... มันจะขายออกไหมเนี่ย

By: Polwath
ContributoriPhoneWindows PhoneAndroid
on 9 October 2016 - 19:50 #945570 Reply to:945567
Polwath's picture

ยังมี Mercedes Benz กับ McLarren ที่ผลิตรถ Supercar ไฟฟ้านะครับ


Get ready to work from now on.

By: droidz
Windows PhoneAndroidWindows
on 9 October 2016 - 23:33 #945601 Reply to:945570

mclarenยังไม่มีครับ ตอนนี้เห็นแต่hybrid แต่อนาคตก็ไม่แน่

By: tuttap
Android
on 10 October 2016 - 09:20 #945627 Reply to:945567
tuttap's picture

แสดง ว่าคุณไม่รู้จัก rimac concept one

By: MaxDOL
iPhoneWindows
on 9 October 2016 - 21:08 #945581

ยาก SMEไทย ที่ทำชิ้นส่วนเครื่องยนต์สันดาปในปัจุบันที่มีกว่า1,000บริษัทที่จ้างคนไทยไม่ต่ำกว่าหลักแสนคน จะล้มหายตายจากไปเพราะรถไฟฟ้าใช้ชิ้นส่วนน้อยกว่าเครื่องยต์สันดาป
คนตกงานหลักแสน

เราดันไปหลงเชื่อนายทุนต่างชาติไปผูกเศรษฐกิจประเทศเรากับระบบยานยนต์ข้ามชาติ จนเราดิ้นไปไหนไม่ได้

แล้วยังมีเรื่อง โรงไฟฟ้า ที่สร้างใหม่ไม่ได้อีก

By: tanapon000 on 9 October 2016 - 21:17 #945582 Reply to:945581
tanapon000's picture

SEM ก็ต้องรู้จักปรับตัวเพื่ออนาคตไม่ใช้ นอนนับวันตาย ถ้าหากปรับตัวไม่เป็นผมว่าจะตายไปก็ไม่แปลกหรอก เพราะโลกมันหมุนทุกวัน

By: Architec
ContributorWindows PhoneAndroidWindows
on 9 October 2016 - 21:50 #945586 Reply to:945582

คุณใช่พวกที่หลุดมาจากพันทิปรึเปล่าครับ เห็นต้นปีเมนต์แบบนี้ปาวๆ เดี๋ยวนี้หายจ้อยไปหมดเลย ไม่นึกว่าจะมาเจอในนี้อีก

By: tanapon000 on 9 October 2016 - 23:21 #945600 Reply to:945586
tanapon000's picture

งั้นคงแปลว่าไม่ใช่ผมคนเดียวที่คิดแบบนี้ ผมก็ตามข่าวเทคโนโลยีทุกวัน บริษัทไหนไม่ปรับตัว ปรับตัวไม่ทันก็เห็นล้มหายตายจากไปตั้งเยอะแยะ อย่ามาอ้างว่าหลุดจากพันดริฟเลย

By: mk-
Symbian
on 9 October 2016 - 22:15 #945589 Reply to:945581
mk-'s picture

คนที่ตกงานก็สามารถไปทำงานอย่างอื่นได้นี่ครับ ถ้าเป็นจริงแสดงว่าระบบรถไฟฟ้ามีประสิทธิภาพมาก
ผลิตรถยนต์ได้เท่าเดิมแต่มีกำลังคนที่สามารถไปทำงานผลิตอย่างอื่นได้ เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับสังคม

By: put4558350
ContributorAndroidUbuntuWindows
on 9 October 2016 - 22:19 #945590 Reply to:945581
put4558350's picture

SMEไทย หันมาทำชิ้นส่วนมอร์เตอรไฟฟ้าไม่ได้ ? ปัญหาจริงๆของบ้านเราคือการต่อรองกำไรนั้นแหละ

โรงผลิตเครื่องยนต์ ไม่ต้องการลงทุนเพื่อ ปรับสายการผลิต
บ. ผลิตรถยนต์ที่ยังไม่พร้อม ต่อรองยืดเวลาเตรียมตัว
ชาวบ้านไม่ให้สร้างโรงไฟฟ้าเพราะจะอ้างเรียกเงินชดเชย


samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo

By: isk on 9 October 2016 - 22:12 #945588

โลกยังคงต้องใช้น้ำมัน ในรถไฟฟ้าเองก็ยังต้องใช้วัสดุที่สกัดจากน้ำมันดิบ

By: put4558350
ContributorAndroidUbuntuWindows
on 9 October 2016 - 22:24 #945592 Reply to:945588
put4558350's picture

ปัญหาไม่ใช้ต้องการหรือไม่ แต่เป็นราคาน้ำมันแพงขึ้นเลยต้องการตัวเลือกอื่นมากกว่า


samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo

By: negithousand
iPhone
on 9 October 2016 - 22:44 #945596 Reply to:945592

+1
วันนึงน้ำมันก็ต้องหมดไป นี่ยังไม่รวมผลกระทบจากเผาไหม้ ที่ทำให้โลกร้อนขึ้นอีกนะครับ
ผมว่าการขยับตัวนี้น่าจะเป็นผลดีต่อทุกคน ยกเว้นบ.ผลิตรถบ้านเราหละ ที่งอแงเพราะไม่อยากปรับตัว

By: RakBinn
AndroidUbuntu
on 10 October 2016 - 11:39 #945728 Reply to:945596

ดิ้นหนักกว่าคือ บ.น้ำมัน

By: jokerxsi on 9 October 2016 - 23:46 #945602

รถยนต์ไฟฟ้า กับรถขับเคลื่อนได้ตัวเองมันมีอะไรที่เปลี่ยนโลกได้แบบที่เรานึกไม่ถึงได้เลยนะครับ

รถยนต์ไฟฟ้าช่วยลดขนาดรถยนต์ให้เล็กลงได้มาก เนื่องจากเอาระบบหลายส่วนออก เช่นระบบส่งกำลัง, น้ำมัน, หล่อลื่นส่วนใหญ่, ระบายความร้อนออก ที่เพิ่มน่าจะเป็นสมองกล กับแบตเตอรี่รวมถึงการชาร์จไฟ

ผมเชื่อว่ารถไฟฟ้าต่อไปจะเปลี่ยนระบบพวงมาลัยให้รถมีวงเลี้ยวแคบมากๆ หรือหมุนรอบตัวได้ ซึ่งช่วยแก้ปัญหารถในเมืองได้ไม่น้อย

สิ่งที่รัฐบาลควรทำคือ อย่าขวางผู้ประกอบการที่จะสร้าง หรือนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าแค่นี้ก็พอแล้ว

By: crisis_xiii
iPhone
on 10 October 2016 - 00:19 #945603
crisis_xiii's picture

ทางเบนซ์กะบีเอ็มยังเชียร์เครื่องยนต์ดีเซลอยู่เต็มที่

By: OXYGEN2
ContributoriPhoneAndroidWindows
on 10 October 2016 - 00:34 #945605 Reply to:945603
OXYGEN2's picture

OM 654 ลงทุนพัฒนาไป 3 พันล้านเหรียญ คงใช้ยาวๆ (ในต่างประเทศ) ครับ แต่ในไทยดัน Plug-in Hybrid เหลือเกิน


oxygen2.me, panithi's blog

Device: ThinkPad T480s, iPad Pro, iPhone 11 Pro Max, Pixel 6

By: darkfaty
AndroidWindows
on 10 October 2016 - 06:26 #945612
darkfaty's picture

รถไฟฟ้ายังไงก็ยังต้องใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็น by-product จากปิโตรเลียมอยู่ดีครับ น้ำมันหล่อลื่น น้ำมันเบรค น้ำมันเกียร์ น้ำมันไฮโดรลิค ซึ่งถ้าทุกคนเปลี่ยนไปใช้รถไฟฟ้าของพวกนี้จะกลายเป็น main-product แทน หากน้ำมันใสขายไม่ได้ ราคาน้ำมันหล่อลื่นก็จะต้องสูงขึ้นเพื่อมาเป็นรายได้ของโรงกลั่น จนกว่ารถไฟฟ้าจะไม่ใช้ผลิตภัณฑ์จากปิโตรเลียมเลยผมว่ามันก็ไม่ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงเท่าไหร่

ส่วนเรื่องลดโลกร้อน ผมว่าการย้ายมลพิษที่ออกจากท่อไอเสียรถยนต์ไปอยู่ที่โรงงานผลิตไฟฟ้ามันไม่ได้ลดปัญหามลภาวะเท่าไหร่ครับ แถมการส่งพลังงานไฟฟ้าจากระยะทางไกลด้วยสายมันย่อมมีการสูญเสียและปลดปล่อยความร้อนออกมา คิดภาพจำนวนโรงไฟฟ้าและสายส่งที่จะมาซับพอร์ตรถยนต์หลายสิบล้านคันในประเทศเรามันจะต้องมีเยอะขนาดไหน

By: Orion
Windows PhoneAndroidWindows
on 10 October 2016 - 07:08 #945614 Reply to:945612
Orion's picture

ผมว่าเรื่องมลพิษมันลดได้เยอะนะ โรงงานไฟฟ้ามันควบคุมมลพิษได้มากกว่าพยายามควบคุมมลพิษจากรถเป็นล้านคันครับ ส่วนเรื่องไฟฟ้าถ้าภาครัฐสนับสนุนพลังงานแสงอาทิตย์ตามครัวเรื่องก็ช่วยได้มากครับ

By: Architec
ContributorWindows PhoneAndroidWindows
on 10 October 2016 - 09:16 #945639 Reply to:945614

loss ในระบบสายส่งคือตัวปัญหาครับ ทีนี้ต้องมาเทียบ carbon foorprint กันแล้วแหละว่าคาร์บอนที่ผลิตมาจากโรงไฟฟ้ากับเครื่องยนต์สันดาปตรงๆ อย่างไหนจะก่อมลพิษมากกว่ากัน

อ้อล้มบอกไป ผมไม่เข้าใจเหตุผลการกฟผ.อย่างมากในเรื่องของการห้ามติดตั้งระบบสำรองแบตเพื่อจ่ายไฟในเวลากลางคืน ทั้งๆที่รู้กันอยู่ว่าทุกวันนี้คนไทยใช้ไฟเยอะขึ้นเป็นบ้าเป็นหลังขนาดนั้น

By: vitnu
iPhone
on 10 October 2016 - 09:54 #945662 Reply to:945639

ถ้าเป็นแนวคิดรถไฮโดรเจนของ toyota จะเอาไฟจาก solar farm มาผลิตไฮโดเจนเลย เพื่อที่จะลดขั้นตอนลด loss จากการ แปลงไฟจาก DC to AC แล้ว step up ขึ้นสายส่ง step down ลงมาใช้ตามบ้าน แต่ก็หมายความว่า ต้องมีถังบรรจุ และใช้รถขนเหมือนรถแก๊ส

By: ZeaBiscuit
iPhoneAndroidUbuntuWindows
on 10 October 2016 - 10:58 #945697 Reply to:945662
ZeaBiscuit's picture

แล้วทำไมไม่เอาไฟจาก Solar farm มาป้อน EV ตรงๆเลยละครับ ?

จะไปแยกน้ำสร้าง H2 ให้มัน loss ทำไม แล้วยังเอา H2 มาใส่แปลงกลับเป็นไฟฟ้าอีก ?

By: vitnu
iPhone
on 11 October 2016 - 12:19 #946066 Reply to:945697

อันนั้นมันก็ทำได้อยู่แล้วในส่วนของรถ EV ไงครับ แต่แดดมันไม่ได้มีตลอดวัน และ Solar Farm มันก็อยู่นอกเมือง แต่ผมพูดถึงแนวคิดของรถ ไฮโดรเจน ที่เก็บพลังงานในรูปแบบของ ไฮโดรเจน มันก็ต้องมีแหล่งที่มาของพลังงาน

By: ZeaBiscuit
iPhoneAndroidUbuntuWindows
on 11 October 2016 - 17:38 #946140 Reply to:946066
ZeaBiscuit's picture

ถือว่าแลกเปลี่ยนกันนะ ผมคิดว่าคุณทราบว่าการเปลี่ยนแปลงพลังงานทุกครั้งมันมี loss คำถามคือ เราจะแปลงไฟฟ้าให้กลายเป็น H2 แล้วแปลง H2 ให้กลายเป็นไฟฟ้าอีกทีทำไม ? ในเมื่อเราเอาไฟฟ้าไปใช้กับ EV ตรงๆได้

เพราะตอนแรกคุณบอกว่าใช้ fuel cell เพราะลดการ loss จากการแปลง DC > AC

By: -Rookies-
ContributorAndroidWindowsIn Love
on 10 October 2016 - 11:19 #945712 Reply to:945639

คำถามน่าสนใจ เลยลองคำนวณเล่น ๆ ดู

ผมใช้ Tesla Model X P90 kW·h จากวิกิ เพราะดูแล้วเป็นรุ่นที่ประสิทธิภาพแบตต่ำสุดละ วิ่งได้ 402 km ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง

จากข้อมูลของ อบก. ล่าสุด (พฤศจิกายน 2558) Thailand Grid Mix Electricity ใช้ค่า Emission Factor ที่ 0.5813 kgCO2eq/kWh ดังนั้นเอารถรุ่นนี้มาชาร์จไฟบ้านเรา จะปล่อยก๊าซคาร์บอนเทียบเท่า 90*0.5813 = 52.37 kgCO2eq หรือ 130.27 gCO2eq/km

ทีนี้ลองเทียบกับรถยนต์ทั่วไป สมมติประหยัดน้ำมันสุด ๆ เลย ที่ 20 km/litr แปลว่าจะวิ่งให้ได้ระบะเท่ากับรถเทสล่ารุ่นนี้ ก็ต้องใช้น้ำมัน 402/20 = 20.1 litr

และจากข้อมูลของ อบก. เจ้าเดิม ผมเลือกใช้พลังงานแบบ Motor Gasoline - uncontrolled เพราะมีค่า EF ต่ำสุดในตารางนั้นแล้วคือ 2.2376 kgCO2eq/litr ก็จะได้ว่ารถยนต์ดังกล่าวจะปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนเทียบเท่า 20.1*2.2376 = 44.97576 kgCO2eq หรือ 111.88 gCO2eq/km ซึ่งน้อยกว่า tesla พอสมควรครับ

หรือในทางกลับกัน ถ้ารถยนต์ทั่วไปมันไม่ได้ปะหยัดน้ำมันขนาดนั้น ผมก็ลองคำนวณกลับให้ดังนี้ (402*2.2376)/52.37 = 17.176 km/litr พูดง่าย ๆ คือถ้ารถยนต์กินน้ำมัน 17.176 km/litr พอดี จะปลดปล่อยก๊าซเท่ากับ Tesla รุ่นนี้ครับ

ส่วนตัวผมคิดว่า Tesla ดูดีกว่าหลายขุมครับ เพราะรถยนต์เชื้อเพลิงน่าจะตัน ๆ มาซักพักแล้ว แต่รถยนต์ไฟฟ้าเพิ่งเริ่มเอง เดี๋ยวคงพัฒนาแบตให้ดีขึ้นได้เรื่อย ๆ ช่องว่างตรงนี้ก็น่าจะถ่างออกไปเรื่อย ๆ

ป.ล. ความจริงคือ Tesla บอกว่าวิ่งได้ระยะทาง "อย่างน้อย" ต่อการชาร์จหนึ่งครับ กลับกัน อัตราการกินน้ำมันของรถยนต์มักเป็นอัตรา "สูงสุด" ที่รถสามารถจะทำได้ (รถผม Mazda 2 Skyactive อายุ 3 ปี ได้ 15 km/litr ก็น้ำตาไหลแล้ว ตอนซื้อมาใหม่ ๆ อยู่แถว 16-17 มั้ง ขับในเมืองไม่ต้องพูดถึง หล่นลงไปเป็น 10-11 เลยล่ะ)
ป.ล.2 Elon เคยกล่าวไว้ว่า จะทำให้ Tesla วิ่งได้ 1,000 km ต่อการชาร์จหนึ่งครั้งให้ได้ในปี 2017 อันนี้เป็น "ระยะทางสูงสุดที่วิ่งได้" ซึ่งในข่าวบอกว่าตอนนี้วิ่งได้ 800 km แล้ว (Model S)
ป.ล.3 อันนี้ยังไม่คิดเรื่องการปลดปล่อยอันเนื่องมาจากการได้มาซึ่งวัตถุดิบและการแปรรูป การประกอบ การขนส่ง และการกำจัดซาก ของรถทั้งสองประเภท ซึ่ง Tesla น่าจะมีค่าที่ดีกว่า เนื่องจากชิ้นส่วนน้อยกว่าอย่างมีนัยสำคัญ
ป.ล.4 ค่าที่ผมคิดได้นี้ ขัดกับข่าว ผู้ใช้รถ Tesla Model S ที่สิงคโปร์ถูกปรับเพราะรถปล่อยมลภาวะมากเกินไป!? อยู่พอสมควร อาจเพราะผมคิดแค่คร่าว ๆ วิธีคิดเลยต่างกัน และการปลดปล่อยก๊าซจากการผลิตไฟฟ้าของสิงคโปร์กับของไทยห่างกันมาก
ป.ล.5 ผมไม่ได้คิด loss จากสายส่งเลย บอกตรง ๆ ไม่รู้จะคิดยังไง ๕๕๕


เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!

By: manster
iPhoneAndroidUbuntuWindows
on 11 October 2016 - 11:55 #946060 Reply to:945712
manster's picture

เห็นภาพมาก

แต่โรงงานทำแบตเตอรี่นี่โหดกว่าคาร์บอนพวกนี้มากมาย เคยได้ยินพนักงานในโรงงานแบตเตอรี่แล้วสยองเลย
นี่ขนาดยังไม่ได้เป็นรถไฟฟ้าเต็มตัวนะ ถ้ารถไฟฟ้าระดับประเทศคงน่ากลัวกว่านี้มาก

By: -Rookies-
ContributorAndroidWindowsIn Love
on 11 October 2016 - 19:03 #946175 Reply to:946060

ทำแบ็ตเตอรี่อาจปลดปล่อยเยอะนะครับ แต่ไม่ใช่ Hotspot ของ Life Cycle แน่ ๆ Hotspot มันไปกองอยู่ที่การใช้เชื้อเพลิงนี่แหละ เพราะอายุการใช้งานรถมันนานมาก (บ้านเรา 10++ ปี) จึงเผาผลาญเชื้อเพลิงเยอะมาก

การผลิตแบตลูกนึงการส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมไปกองที่การผลิตตะกั่ว จากการหาข้อมูลและคำนวณคร่าว ๆ ถ้าแบ็ตรถยนต์ธรรมดาหนักราว 17+ kg จะมีตะกั่วอยู่ราว 10 kg ซึ่งผลกระทบจากการผลิตตะกั่ว 10 kg อยู่ที่ราว ๆ 8 kgCO2eq ครับ ซึ่งถ้าไปเทียบกับการใช้เชื้อเพลิงรถยนต์ธรรมดาที่ปล่อยคาร์บอน 111.88 gCO2eq/km จะได้ว่า ขับรถไป 8/(111.88/1000) = 71.5 km ก็ปล่อยคาร์บอนเท่ากับการผลิตแบตเตอรี่ทั้งลูกแล้วครับ

แล้วถ้าแบตเตอรี่ถูกนำไปรีไซเคิลด้วย ค่าการปลดปล่อยก็จะลดลงไปมหาศาลเลยครับ (อย่างน้อยครึ่งนึงแน่ ๆ)

นี่เป็นเหตุผลที่ประเทศต่าง ๆ พยายามบีบผู้ผลิตรถยนต์ให้ทำรถให้ประหยัดน้ำมัน (เพราะเป็น Hotspot) และออกมาตรการรีไซเคิลให้รัดกุม แต่อนิจจา ประเทศไทยยังตามหลังเขาอยู่ ยังไม่สนใจเรื่องรีไซเคิลเท่าไหร่ รอวันขยะล้นเมืองแบบจริงจังเท่านั้นเอง...


เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!

By: hisoft
ContributorWindows PhoneWindows
on 11 October 2016 - 21:52 #946246 Reply to:946175
hisoft's picture

สงสัย (แบบขี้เกียจค้น) นิดนึง แบตรถยนต์ไฟฟ้านี่แบตตะกั่วเหรอครับ?

By: -Rookies-
ContributorAndroidWindowsIn Love
on 12 October 2016 - 11:39 #946421 Reply to:946246

อ้อ คิดว่าไม่น่าใช่ตะกั่วนะครับ ลืมอธิบายไปครับว่าที่คำนวณให้ดู จะได้เห็นภาพว่า Hotspot มันไปกองที่การใช้เชื้อเพลิง ส่วสการผลิตชิ้นส่วนต่าง ๆ มันขี้ประติ๋วน่ะครับ ผมเลยอัสสัมชัญเอาว่า ของเทสล่ามันก็คงไปกองที่เดียวกันนั่นแหละ ต่อให้แบตจะเป็นอย่างอื่นก็เถอะ ขออภัยที่ไม่ได้อธิบายไว้ครับ


เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!

By: Holy
ContributorAndroidWindowsIn Love
on 12 October 2016 - 09:49 #946376 Reply to:946175
Holy's picture

มาเพิ่มข้อมูลให้ครับว่าเคยมีคนทำงานวิจัยแล้ว ลดได้ 51-53% ต่อให้ใช้ไฟฟ้าที่ผลิตจากถ่านหินมาป้อนยานยนต์ไฟฟ้าก็เถอะ แต่อันนี้อิงจากการผลิตรถของ Tesla ซึ่งรวมการ Recycle แบตตอนหลังไว้ด้วย ทำให้ Carbon Footprint ลดลงนะครับ

By: -Rookies-
ContributorAndroidWindowsIn Love
on 12 October 2016 - 11:42 #946422 Reply to:946376

โอ้ววววว นี่มันใช่เลย ลดไปเยอะมาก ๆ ปกติทำ LCA เพื่อหา Hotspot และปรับปรุง ถ้าลดได้ 5-10% นี่แทบร้องไห้แล้ว นี่ล่อไปครึ่งนึงเลยโหดมาก


เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!

By: pepporony
ContributorAndroid
on 10 October 2016 - 11:17 #945711 Reply to:945612

มันลดมลภาวะในเมืองแน่ๆล่ะครับ

ผมไม่ค่อยชอบนักหรอก เวลาเดินในกรุงเทพแล้วโดนอัดควันใส่ 555

By: thanyadol
iPhone
on 10 October 2016 - 14:12 #945788 Reply to:945612

ฝั่งยุโรป เขามองว่ารถพวกนี้ emission-free เลยครับ

By: waroonh
Windows
on 10 October 2016 - 07:30 #945618

คงยากนะครับ
เพราะพรีอุส มีปัญหา
นำเข้าชิ้นส่วนแล้วสำแดงภาษีผิด
ที่การเมืองเค้าเอามาเล่นกันว่า
ประธานต้านคนโกง มาโกงภาษีซะเอง
เลยยกเลิกการขายไปเงียบๆนะครับ
ถือเป็นกรรมหนักของประเทศ
ที่บ้านเมืองนี้ หาใครดีไม่ได้ เลยซักคน

By: Hadakung
iPhoneWindows PhoneAndroidWindows
on 10 October 2016 - 08:19 #945623 Reply to:945618

แค่ทำให้คนไทยเข้าใจว่าประเทศนี้ไม่ได้มีคน"ดี"ไปซะหมดทุกเรื่องประเทศก็เจริญขึ้นอีกเยอะครับ