ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ออกมาให้สัมภาษณ์ในประเด็นร้อน "AI จะแย่งงานคนหรือไม่" เขามองโลกในแง่ดีว่าทุกครั้งที่มีเทคโนโลยีใหม่ๆ งานเก่าจะหายไป แต่จะมีงานแขนงใหม่เกิดขึ้นมา
ส่วนในยุคของ AI เขามองว่าแรงงานที่มีทักษะขั้นสูงจะใช้ประโยชน์จาก AI และเครื่องจักร ช่วยยกระดับคุณภาพของสินค้าและเพิ่มยอดขายได้อีกมาก แต่แรงงานทักษะต่ำจะเจอปัญหาอย่างมาก โดยเฉพาะค่าแรงที่ถูกกดลง
เขาบอกว่าทุกคนในสังคมต้องพูดคุยเพื่อเตรียมพร้อมการเปลี่ยนผ่านครั้งนี้ เราต้องออกแบบสัญญาประชาคม (social contract) กำหนดสายสัมพันธ์ของคนกับรัฐกันใหม่ ว่าโมเดลที่เหมาะสมในอีก 10-20 ปีข้างหน้าคืออะไร สุดท้ายแล้วเราต้องมีกำหนดรายได้ขั้นต่ำให้กับทุกคน (universal income) หรือไม่ เป็นเรื่องที่ต้องถกเถียงกันต่อไป
ที่มา - Wired, ภาพจาก White House
Comments
เพราะปัจจุบันอาชีพที่ใช้แรงงานมักจะถูกเหยียด ถ้ามนุษย์จะพัฒนาความเท่าเทียมกันก็ต้องเดินทางนี้แหละ ต้องทำให้อาชีพที่ใช้แรงงานต้องหมดไป เหลือแต่อาชีพที่ใช้ความคิด การวางแผน การออกแบบ
คงไม่ใช่ที่ USA ล่ะครับที่เหยียดแรงงาน
เพราะแรงงานบ้านเขาค่าแรงแพงมาก แพงกว่าหมออีกมั่ง
ปัญหาคือ อาจไม่ใช่ทุกคนที่สามารถทำงานแบบนั้นได้ จะกลายเป็นคนกลุ่มนั้นหางานแทบไม่ได้เลย
จริงๆ AI ที่เน็นแทนที่อาชีพที่ใช้ความคิด การวางแผน การออกแบบ ก็มีนะครับ ดังๆ ก็ IBM Watson กะ Google DeepMind
แนะนำ video : Humans Need Not Apply
เริ่มพูดถึง skill ที่ใช้ความคิด การวางแผน การออกแบบ ประมาณนาทีที่ 7
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
การปฏิวัติอุตสาหกรรม มีปัญหาความเหลื่อมล้ำ+ความวุ่นวายของสังคม เกิดขึ้นเสมอ
แนวคิด universal income ออกแนวๆสังคมนิยมเฉียดๆคอมมิวนิสต์ละ
แต่คงจำเป็นในยุคที่ประสิทธิภาพสูงมากๆจนตำแหน่งงานที่สุจริตมีไม่พอกับคนในระบบ เพื่อลดแรงกดดันไม่ให้คนหันไปหาอาชีพไม่สุจริตทำ
ชอบ signature ครับ
ขอบคุณครับ :)
+1 ครับ ผมนี้ลุกขึ้นยืนเลย #ปรบมือสิครับ ประเทศไทย ไม่เหมาะกับการให้เสรีภาพจนเกินไปครับ เพราะคนไทยไม่มีวินัย
อีกมุมนึง อาจมองได้ว่า คนไทยมีเสรีมากเกินไป จึงไม่มีวินัยก็ได้นะครับ
อย่างแรกต้องลบล้างวลีที่ว่า "ทำอะไรตามใจคือไทยแท้" ออกไปจากโลกนี้ให้ได้เสียก่อน
อาจจะต้องใช้เวลาเป็น generation เลยก็ได้ แต่ก้อต้องช่วยกันครับ
แทนนักการเมือง
natural selection
แต่ในภาพรวมมีปัญหานะครับ เวลาทำสินค้าออกมา ความต้องการคือขาย
ถ้าไช้หุ่นทำทุกอย่างไม่มีพนักงานไม่มีการจ่ายเงินเดือน พนักงานซึ่งก็คือลูกค้าเงินน้อยลงไม่มีใครซื้อของง่ายๆ กลายเป็น deflation ลองหา USA great depression มาอ่านดูว่าเกิดอย่างไรแก้อย่างไร
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
มันใช่เรื่องเดียวกันเหรอครับ deflation กับ Natural Selection
คนไม่มีเงินซื้อของ (เพราะ ai แย่งงาน) กับ deflation เป็นเรื่องเดียวกันครับ
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
เขาจะทำอะไรต้องเตรียมพร้อมกับผลที่จะตามมา ขณะที่ของเราดุ่ยๆทำไป ไว้ให้เกิดแล้วค่อยมาแก้
ว่าแต่ว่าโอบาม่ามองเทคโนโลยีไม่เหมือนแจ๊ค หม่า รายนั้นบอกว่าเทคโนโลยีจะสร้างงานให้คนไม่ใช่แย่งงาน ไม่รู้พูดเอาเท่ห์รึเป็นจริง
ก็ไม่ได้ขัดกันนะครับ เพราะขอบเขตมันต่างกันมากเลย เทคโนโลยีไม่ได้ระบุเฉพาะเรื่อง AI และเรื่องสร้างงาน งานไม่จำเป็นจะต้องเป็นแรงงานนะครับ มันจะสร้างงานใหม่ๆ รูปแบบใหม่ๆ อาชีพใหม่ๆ
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
ใช่ครับยุคหลังๆ มานี้มีอาชีพแปลกๆ ผุดขึ้นมาเยอะเลยครับ ย้อนกลับไปไม่กี่ปี ตอนนั้นใครจะไปรู้ว่าในโลกนี้จะมีอาชีพแปลกๆ อย่างนัก cast เกมส์เกิดขึ้นมาบนโลก
ผมไม่เชื่อ แจ๊คหม่า นะ
เพราะเทคโนโลยีดีขึ้น = ใช้คนน้อยลง ได้งานเท่าเดิม = ตำแหน่งงาน ย่อมน้อยลง
ทีนี้ ถ้าจะอ้างให้ไปหาอาชีพใหม่ขึ้นบนโลก
มันก็ติดเรื่องการมีไอเดีย ความรู้ มีทุน ฯลฯ
ซึ่งจะเข้าทางคนที่รวยอยู่แล้ว มากกว่า จะเป็นรายเล็ก
ผมก็ไม่คิดเหมือนแจ๊คหม่าครับ ถ้าจะให้สร้างงานคนก็ต้องปรับตัวไปกับมันและเรียนรู้ทักษะที่จะทำงานที่เข้ากับมัน
.
แต่ปัญหามันอยู่ที่การเรียนรู้สิ่งใหม่นั้นมันต้องใช้ทั้งเวลาและทุนซึ่งเรามีจำกัดทั้งคู่แถมแปรผกผันกันอีกต่างหาก ยิ่งในกลุ่มแรงงานทักษะต่ำที่มีแนวโน้มถูกแย่งงานก่อนยิ่งมี 2 สิ่งนี้น้อยครับปรับตัวยากแน่ ๆ เมื่อเป็นแบบนี้ในช่วงระยะสั้นของการเปลี่ยนผ่านนี่แย่เลยครับ และหากรัฐบาลหาทางรับมือกับอัตราการว่างงานไม่ได้ในระยะยาวนี่ we all dead ครับผมว่าเรื่องรายได้ขั้นต่ำนี่เป็นข้อเสนอของเขาเพื่อแก้ปัญหานี้เลย
สนใจแค่ จะดิ้นยังไงตอนนี้ แข่งกับชาติอื่นยากแล้ว
ผมว่าคนเราไม่ได้เกิดมาเพื่อทำงาน ให้aiทำแทนก็ดีแล้วน่ะ
แต่ที่แน่ๆ มนุษย์ถูกสร้างมาให้ใช้แรงงานครับ
มนุษย์วิวัฒนาการมาถึงนี่ได้เพราะเราใช้สมองมากกว่าสิ่งมีชีวิตอื่นทำให้ใช้แรงงานน้อยกว่าสิ่งมีชีวิตอื่นอีกจำนวนมากครับ :p
ส่วนนั้นน่าจะเรียกว่าข้อได้เปรียบครับ ข้อพิสูจน์ว่ามนุษย์ต้องใช้แรงงานก็อย่างที่เราเจอมาแล้วว่าถ้าเอาแต่นั่งทำงานใช้แต่สมองไม่ค่อยขยับเขยี้อนร่างกายผลลัพธ์มันจะออกมายังไง รวมถึงความสามารถในการเก็บกักพลังงานของเราด้วยครับ
จินตนาการเล่นๆว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติใช้ เอไอ ทำงานทุกอย่างแทนสัญญาบัตรตั้งแต่เรื่องพิจารณาค่าปรับ การตัดสินคดี ไปยันการโยกย้ายตำแหน่งประจำปี โดยที่ไม่มีใครไปรีโปรแกรมอะไรมันได้ ทุกอย่างเป็นไปตามข้อมูลที่มันมี เหลือที่เป็นคนทำงานจริงๆแค่ส่วนที่ดูแลระบบ กับอีกส่วนที่ไปวิ่งจับโจร ผมว่ามันก็น่าจะดีนะ
ให้เป็น ai เลือกเลย กลัวคนรับไม่ได้น่ะผมว่า
น่าจะเป็นแบบ ai รีวิวข้อมูลสรุปเป็นscoreให้
แล้วให้คนตัดสินเป็นขั้นสุดท้าย
แต่scoreต้องให้เปิดเผยน่ะ ไม่งั้นมีใต้โต๊ะอีก
เมื่อธุรกิจไม่ต้องใช้คนหันมาใช้หุ่นยนต์แทนผมว่าราคาค่าสินค้าน่าจะถูกลงในระยะยาวเพราะไม่ต้องเสียค่าแรงจ้างคนเสียเพียงค่าเทคโนโลยีตอนแรก จนแม้แต่คนที่ถูกแย่งงานโดยหุ่นยนต์ก็หาซื้อได้สบาย
อันนี้ไม่เสมอไปหรอกครับ ขึ้นอยู่กับค่าแรงของแต่ละประเทศด้วย เปรียบเทียบเห็นภาพก็ชาวนาไทยสมัยก่อนยังใช้ควายและเกณฑ์ไพร่พลพรรคพวกมาช่วยกันเก็บข้าวทั้งที่ต่างประเทศใช้แทรคเตอร์คนเดียว ก็เพราะเทคโนโลยีมันยังแพงกว่าค่าแรงคนมาก
ต้นทุนไม่ได้สะท้อนราคาขายครับ ของทุน 1 บาท ก็สามารถขาย 100+ บาทได้ ถ้ามีความต้องการ และไม่มีคู่แข่ง
ถ้ายังมีคู่แข่ง ราคาขายจะสะท้อน demand / supply ครับ
ใช้หุ่นทำงาน ผลิตใดมากขึ้น ต้นทุนลดลง supply สูงขึ้นทำให้ราคาลดลงครับ
คนไม่มีงานก็ไม่มีเงิน ความต้องการของคนไม่มีเงินไม่นับเป็น demand มองในภาพรวม demand ลดทำให้ราคาลงเช่นกัน
ราคาสินค้าลดลงแต่คนก็ไม่ซื้อเป็นปัญหากับ บ. เช่นกัน
ปล. แต่ถ้าไม่มีคู่แข่งและไม่มีสิ่งอื่นทดแทน รัฐมักจะเข้ามากำหนดราคาขั้นสูงแทนนะครับ
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ต้นทุนถูกลง ไม่ได้แปลว่า supply มากขึ้นนะครับ ถูกลงแต่ผลิตเท่าเดิม supply ก็ไม่ได้มากขึ้น
การจะผลิต product อะไรซักชิ้น ต้อง forecast มาแล้วว่าต้องผลิตกี่ล๊อต ล๊อตละเท่าไหร่ แค่เปลี่ยนไปใช้เครื่องจักรผลิต ไม่ได้ทำให้ปริมาณที่ forecast เปลี่ยนไปนะครับ
ที่ว่าคนงานไม่มีเงิน ก็ไม่มี demand ก็ไม่แน่อีก เพราะต้องมาดูว่าคุณว่า position สินค้าไว้ตรงไหน ของ hiend ไม่ได้มีความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์เลยแม้แต่น้อย แต่ก็ยังขายได้ กำไรมากด้วย
กรณีที่ไม่มีการผูกขาด ต้นทุนถูกลงแปลว่า supply มากขึ้นถูกแล้วครับ ถ้ามอง เศรษฐศาสตร์มหภาค นะ
หลักๆคืิอผู้ผลิตหน้าใหม่ (หรือหน้าเก่าจากอย่างหนึ่ง เงินเหลือจากต้นทุนที่ถูกลง แล้วขยายไปทำสินค้าอื่น -การกำเงินเอาไว้เฉยๆ ถือว่าเสียโอกาศ โดยเฉพาะ บ. จดทะเบียน-)
อีกอย่างคือ คนรวย ซึ่งมักจะเกาะกับ บ. ใหญ่ไม่ไช่ไม่เจ็บ บ. ใหญ่แค่ใหนถ้าไม่มีลูกค้าก็มีปัญหาเช่นกัน ของ hi-end มักจะมีลูกค้าน้อยเป็นทุนอยู่แล้ว และมันไม่ได้มีความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ คนรวยเศรฐกิจไม่ดีเรื่องจะปรับไปซื้อของถูกลงเป็นเรื่องปรกติ แถมของ hi-end จะลดราคาแข่งใด้ยาก
แนะนำให้อ่านเรื่องเกี่ยวกับ cycle / deflation / great depression มาอ่านจะเข้าใจครับ
great depression ของ US เกิดจากหลายปัจจัย แต่ส่วนใหญ่บอกว่า setup เกิดจากสงครามโลก ทำให้ชาวนาซื้อเครื่องมือ พอสงครามจบ ชาวนาไม่มีเงินคืน ธนาคารปล่อยเงินกู้น้อยลง บ.ต่างๆ ลดคนงาน ... แล้วก็ถึง down cycle ที่ ...
คนงานซึ่งก็คือลูกค้าไม่มีเงินก็ลด การซื้อของ / ปล้น / ลักทรัพย์
บ.ต่างๆขายของไม่ใด้ ก็ ปิดตัว / ลดราคา / ลดคนงาน
คนงานซึ่งก็คือลูกค้าไม่มีเงินก็ลด การซื้อของ / ปล้น / ลักทรัพย์
บ.ต่างๆขายของไม่ใด้ ก็ ปิดตัว / ลดราคา / ลดคนงาน
เวลาหุ่นเข้ามันจะเริ่มที่ บ.ต่างๆ ลดคนงาน ...
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ถ้าคิดแบบนั้นก็ต้องบอกว่า เดี๋ยวทุกอย่างก็กลับคืยสู่สมดุลครับ
ถ้ามีการทำให้สมดุลถูกทำลาย(ด้วยเครื่องจักร) เดี๋ยวซักพักมันก็จะกลับสู่สมดุลเอง
เรื่อง AI นี่ ก็คงเหมือนช่วงเปลี่ยนผ่านภาคอุตสาหกรรม สุดท้ายมันก็จะหาสมดุลของมันเอง
การแก้ไขปัญหาอาจมาในรูปรัฐสวัสดิการก็ได้ อาจเพิ่มภาษีสำหรับบริษัทที่ใช้ AI เพื่อทดแทนส่วนที่รัฐต้องรับภาระเพิ่ม แต่ต้องไม่สูงมากจนไม่จูงใจ ส่วนอาชีพของมนุษย์ในอนาคตอาจมาในรูปแบบการลงทุนในธุรกิจแล้วรับผลตอบแทน เพราะการลงทุนในตลาดทุนอาจง่ายจนใกล้เคียงการใช้ ATM ทำให้คนทั่วไปเข้าถึงได้ เพราะถึงตอนนั้นในตลาดทุนคงมีแต่ AI ที่เป็นผู้ทำการซื้อขายและให้คำแนะนำ มโนล้วนๆ