Toyota Motor เตรียมจะเพิ่มผลิตภัณฑ์รถยนต์อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม จากที่มีรถยนต์ไฮบริด (น้ำมัน/ไฟฟ้า) และรถยนต์เซลล์เชื้อเพลิง (Fuel-cell Vehicles) อยู่แล้ว จากการตั้งเป้าวางจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า ในช่วงประมาณปี 2020
Toyota เล็งจะพัฒนาให้รถยนต์ไฟฟ้าของตน สามารถวิ่งเป็นระยะทางไม่ต่ำกว่า 300 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ซึ่งหนึ่งในแผนของ Toyota ตอนนี้คือนำแพลตฟอร์มรถยนต์ในปัจจุบันอย่าง Prius หรือ Corolla มาพัฒนาต่อเป็นรถยนต์ไฟฟ้า แต่ไม่ว่าแผนสุดท้ายจะเป็นอย่างไร Toyota ก็เตรียมจะตั้งทีมพัฒนาในช่วงต้นปีหน้านี้แล้ว
ที่มาผ่าน Toyota พยายามผลักดันรถยนต์เซลล์เชื้อเพลิงมาโดยตลอด เนื่องจากสามารถวิ่งได้ไกลพอๆ กับรถยนต์เครื่องยนต์เบนซิลและไม่ต้องใช้เวลาเติมเชื้อเพลิงนาน แต่อาจจะเนื่องด้วยการขาดแคลนสถานีเติมเชื้อเพลิงไฮโดรเจน ทำให้รถยนต์เซลล์เชื้อเพลิงไม่เป็นที่นิยมมากนัก จนนำมาสู่การเปลี่ยนกลยุทธของ Toyota ครั้งนี้
ที่มา - Fortune
Comments
จริงๆผมว่าทำได้นานแล้วแต่ไม่เอาออกมาเป็น mass เพราะกลัวรถตัวเองที่อยู่ใน plan ขายไม่ออกมากกว่า เทคโนโลยีมันพร้อมมาตั้งนานแล้วแต่ไม่ทำออกมา
แหกโค้ง ซะงั้น 5555 สะใจ ใจจริงผมชอบ Fuel-cell มากกว่านะ แต่คู่แข็ง Tesla นำไปไกลแล้วและก็ทำได้ดีมากๆด้วย กระแสทางยุโรปก็หันไปพึงรถยนต์ไฟฟ้ากันหลายๆประเทศ เลยต้องจำยอมสินะ จะสะใจหรือสงสารดี กักเทคโนโลไม่ผลักดันให้เป็นรูปธรรมเอง ผลก็เลยต้องเสียเวลาไปกับ Feul-cell ไป
แต่ยินดีกับ Tesla ด้วยคุณคือ Number one ในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในปัจจุบัน และคุณทำได้ดีใน Auto pilot และสถานีชาตไฟฟรีทั่วประเทศ นี้สินะ พัฒนาแล้วต่อยอดเอามาให้ผู้บริโภคใช้ได้จริงไม่กัก ผลก็เป็นอย่างที่เห็นดังด้วยตัวมันเอง
เคยอ่านเรื่อง Fuel-cell เมื่อหลายปีก่อน มันติดปัญหาเรื่องการเตรียม H นี้ที่ตอนนี้ไม่รู้แก้กันได้หรือยัง เพราะแหล่งใหญ่สุดคือได้จากน้ำที่ต้องแยกด้วยไฟฟ้าอยู่ดี... จำได้ว่าวิธีแก้ดีที่สุดยุคนั้นที่คิดไว้คือใช้ไฟฟ้าจากเซลแสงอาทิตย์แยกน้ำแทน
TOYOTA เขาผลัดดันเต็มที่แล้วนะครับ เปิดให้ใช้งานสิทธิบัตรระบบ Fuel-cell แบบฟรีๆกว่า 5600 รายการครับ แต่เท่าที่เห็นมีแค่ Honda Clarity ที่ทำออกมาขายครับ
http://blog.toyota.co.uk/toyota-makes-5600-fuel-cell-related-patents-available
https://automobiles.honda.com/clarity
เมื่อถึงตอนนั้นมันจะสะอาดกับประหยัดกว่าน้ำมันจริงๆหรือเปล่า? บ้านเราพลังไฟฟ้าส่วนใหญ่ยังเป็นน้ำมันเตากับซื้อจากเพื่อนบ้านเรานิ
ค่าการปล่อยมลพิษ หรืออัตตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงในรถยนต์ มันเปลืองมากกว่าการใช้ผลิตไฟฟ้าเพียวๆอยู่แล้ว พลังไฟฟ้าผลิตได้ด้วย คลื่นทะเล ลม แสงแดด เขื่อน ถ่านหิน หรือ พลังงานนิวเคลียร์ ฯ
เมื่อคำนวนค่าการปล่อยมลพิษแล้ว การใช้พลังงานจากเครื่องยนต์สันดาปในรถยนต์ก่อให้เกิดมลพิษมากกว่า การใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลผลิตกระแสไฟอีก แต่ถึงยังไง การลดการพึ่งพาพลังงานฟอสซิลเป็นทางเลือกที่กำลังเริ่มต้นค่อยเป็นค่อยไปอยู่แล้ว เพราะในอนาคตน้ำมันมีให้ใช้ไม่ถึง100-200ปี ก็หมดแล้ว
ปล.การผลิตเชื้อเพลิง Feul-cell มีวัตถุดิบมาจากก๊าซธรรมชาติด้วยคับ สะอาด100% ไหมก็ไม่ แต่ที่สะอาด100% คือไอเสียคับที่ปล่อยมาในรูปแบบ ไอน้ำ HO2
ถ้าไม่ประหยัดกว่า ก็เป็นการย้ายการปล่อยมลพิษไปไว้ที่ดีเดียวกัน กำจัด ดักจับ ควบคุมง่ายกว่า ให้มาปล่อยในเมืองกันนะครับ เมืองจะได้น่าอยู่ขึ้น
เสริมทางวฺสวกรรมเรียกว่า point source คือระบุต้นตอได้
แต่อย่างรถยนต์เป็น mobile source ซึ่งระบุแหล่งที่มาได้ยาก
การจัดการมลพิษก็ทำได้ยากเช่นกัน
ไฟฟ้าที่ผลิตในไทย 70% มาจากก๊าซธรรมชาติครับ 1 ใน 3 มาจากพม่า 2 ใน 3 มาจากอ่าวไทย และก็มีอีกส่วนที่ซื้อไฟฟ้าจากลาว ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากไม่สามารถตั้งโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่(Base Load) เพิ่มเติมภายในประเทศได้
น้ำมันเตาทั้งประเทศไม่ถึง 1% ซื้อจากต่างประเทศ 7.86% ผลิตจากก๊าซธรรมชาติ 69.22%
อ้างอิงจากรายงานของกฝผ.ปี 58 ครับ
เบนซิล => เบนซิน
กลยุทธ => กลยุทธ์
ตอนแรกคิดว่า Toyota กำลังจะล้ม เดินตามรอย Kodak Nokia
แต่จากข่าวนี้คิดว่า เขาน่าจะกลับมาได้ เพราะตัดสินใจกลับตัวเร็ว
แนวทางรถยนต์ไฟฟ้าแพ้แนวทางรถยนต์น้ำมันมาเกือบร้อยปี ธุรกิจต่างๆเกี่ยวกับรถยนต์น้ำมันมันก็ฝังรากลึกมาช้านาน จะให้เปลี่ยนทันทีมันก็มีพวกบริษัทที่โดนผลกระทบกันเยอะ
ที่เทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้าไม่เดินหน้าเพราะผลประโยชน์บริษัทน้ำมัน กับบริษัทชิ้นส่วนรถยนต์ในปัจจุบันแท้ๆ ร่วมกันกดดัน กว่า Tesla จะมาถึงจุดนี้ได้ก็ต้องผ่านด่านพวกบริษัทพวกนี้มาเยอะ
ตอนนี้ Tesla ก็ได้ทำให้เกิดกระแสยุคเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยีได้สำเร็จ บริษัทรถยนต์เก่าแก่หลายๆจ้าวก็เริ่มเอาด้วย ถ้าโตโยต้าเอาด้วยอย่างนี้ เราก็น่าจะได้เห็นอะไรๆเปลี่ยนไปเยอะ
กราบ Tesla ที่เป็นตัวผลักดันค่ายพี่เบิ้มทั้งหลาย
กราบ Tesla ตู
มาช้ายังดีกว่าไม่มา
ตอนนี้เราควรชะลอการซื้อรถใหม่ออกไปก่อน เพือรอรถยนต์ไฟฟ้าไหมครับ พอดีมีแผนว่าจะซื้อรถใหม่ปีนี้
ผมคิดว่า รถยนต์ไฟฟ้าพร้อมใช้งานในไทยจริงๆ ก็ 10 ปีเลยละครับ
ถ้าวื้อปีนี้หรือปีหน้า ซื้อเลยเถอะครับ เพราะกว่ารถยนต์จะผลิตออกมาเสร็จ ต้องมารอให้บ้านเราทำสถานีเติมไฟฟ้าแบบทั่วถึงอีกนาน
ส่วนตัวนะครับ ถ้ามีแผนอยู่แล้วก็ซื้อเถอะครับ แต่ผมจะมองว่าซื้อไว้เป็นรถคันที่สอง (ถ้าเกิดว่าอยากได้รถไฟฟ้าจริงๆ) เพราะรถไฟฟ้าช่วงแรกๆในไทยคงยังออกต่างจังหวัดมากไม่ได้
ไม่เข้าใจว่าทำไมรถอย่าง Nissan note ไม่ทำมาขายก่อน แทนรถไฟฟ้าที่ใช้เวลา change นาน
ผมว่าอนาคตรูปแบบการชาร์ตไฟจะทำได้เร็วขึ้น หรือไม่อย่างเร็วที่สุดคือทำแบบ tesla ที่สามาถเปลี่ยนแบตเตอร์ได้เลยทำให้แพร่หลายก็จะลดเวลาในการชาร์ตไปเลย
ช่วยลดภาษี รถที่มีความปลอดภัยสูง ตัวถังแข็งแรง อย่างรถยุโรป BMW Mecedes ก่อนมั้ย ? หรือในอนาคต ก็มี Tesla ที่ไม่ปล่อยมลพิษขณะขับขี่ จะมาอ้างว่าเป็นรถฟุ่มเฟือยจึงเก็บภาษีเยอะไม่ได้แล้วมั้ง
จริงๆ รายได้ของคนไทยซื้อรถระดับสูง ความปลอดภัยสูงกว่า ฮอนด้า โตโยต้า ที่เป็นรถบ้านในปัจจุบัน ได้สบาย ถ้าไม่มีมาตราการภาษี ที่โครตโบราณและเอื้อกลุ่มทุน
ทำใจครับ....ชิ้นส่วนนำเข้าโดนบวกหนักอยู่แล้ว ถ้าชิ้นส่วนในประเทศ 97% เหมือนค่ายสามห่วงก็คงถูกกว่านี้อะครับ
ส่วนวรรคสองเนี่ยผมออกควาเห็นได้แค่ว่า ลาวกับกัมพูชาคงเหมาะที่จะย้ายไปแล้วเป็นเจ้าของรถที่นั่นดีกว่าครับ (ปีที่แล้วเห็นเอา GTR จากลาวข้ามฝั่งมาโชว์ในไทย ส่วนเจ้าของรถฝั่งไทยแทบไม่มีอะไรจะโชว์นอกจากรถจดประกอบ)
ปี 2018 แบตลิเธี่ยมเมทัลสำหรับรถยนต์ก็จะถูกผลิตขึ้นแล้ว ซึ่งถ้าใช้แบตชนิดนี้มันก็วิ่งได้เกิน 300 กม.แน่นอน เพราะเก็บประจุได้เป็นสองเท่าของแบตในปัจจุบัน ทำไมต้องรอถึงปี 2020