Eugene Kaspersky ผู้พัฒนาแอนตี้ไวรัส Kaspersky ได้ออกมาบอกว่า การที่ Microsoft ใส่ Defender ไว้ใน Windows 10 เป็นการต่อต้านการแข่งขันอย่างชัดเจน และเป็นการขัดขวางนักพัฒนารายอื่น คือทำให้ผู้ใช้ไม่สนใจซอฟต์แวร์ความปลอดภัยของนักพัฒนารายอื่น
Kaspersky ได้ส่งคำวิจารณ์ไปยังหน่วยงานต่อต้านการผูกขาดของ EU และรัสเซียแล้ว ซึ่งเขาบอกว่าต้องการให้ Microsoft เลิกพฤติกรรมที่ทำให้เกิดการขัดขวางการแข่งขัน
Kaspersky บอกว่า Windows 10 นั้นมีพฤติกรรมที่เขาเห็นว่าเป็นปัญหา คือเมื่อผู้ใช้อัพเกรดเป็น Windows 10 แล้ว ตัวระบบจะทำการตรวจสอบโปรแกรมแอนตี้ไวรัสที่ไม่ซัพพอร์ต และถอนการติดตั้งในช่วงการอัพเกรด แม้ว่าผู้ใช้จะเลือกให้เก็บไฟล์และแอพไว้ก็ตาม และ Kaspersky ต้องการให้ Microsoft ออก Windows เวอร์ชันใหม่ที่นักพัฒนามีเวลาเพียงพอในการทำให้ตัวซอฟต์แวร์เข้ากันได้กับ Windows
ถัดไป Kaspersky นั้นต้องการให้เปลี่ยนพฤติกรรมการติดตั้งและอัพเกรด คือต้องการให้ Windows บอกให้ชัดเจนว่าการติดตั้งจะลบแอพแอนตี้มัลแวร์ที่ไม่รองรับออกไปเมื่ออัพเกรดเสร็จ และต้องการให้ Windows แนะนำซอฟต์แวร์ของนักพัฒนารายอื่นที่เข้ากับ Windows เวอร์ชันใหม่ได้ด้วย
สุดท้ายคือการที่ Microsoft ได้กำหนดให้ Windows ใช้ Defender เป็นค่าเริ่มต้น คือ Windows จะมีตัวเลือกให้สองแบบ คือเปิด Defender ซึ่งตัวเลือกนี้จะทำการปิดบริการอื่นแม้ว่าจะอัพเดตล่าสุดแล้วก็ตาม ส่วนตัวเลือกที่สองคือให้ผู้ใช้ทดลองแอพพลิเคชั่นจากนักพัฒนารายอื่น โดยเมื่อติดตั้งแล้ว และหมดเวลาทดลอง หากผู้ใช้มีโปรแกรมแรกติดตั้งไปก่อน Windows จะเลือกเปิด Defender ไม่ใช่โปรแกรมแรก
Kaspersky บอกว่าการตัดสินใจของ Microsoft กับ Defender นี้เป็นความพยายามในการกำจัดนักพัฒนารายอื่น ซึ่งอันตรายต่อผู้ใช้ Windows ซึ่งเขามองว่า Microsoft กำลังสร้างแพลตฟอร์มแบบเผด็จการ (totalitarian) ที่ไม่มีพื้นที่สำหรับนักพัฒนาภายนอกหรือตัวเลือกสำหรับผู้ใช้
ที่มา - Kaspersky, Ars Technica
Comments
เอ เรื่องอี่อัพเกรดวินโดวส์แล้วโปรแกรมแอนตี้ไวรัสไม่ซัพพอร์ตก็เลยลง Defender ให้นี่ผมว่ามันก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรนะครับ
ย่อหน้ารองสุดท้ายผมอ่านไม่เข้าใจครับ
ส่วนตัวผมไม่คิดว่านี่เป็น totalitarian เพราะไม่ได้มีการจำกัดไม่ให้ลงโปรแกรมตัวอื่น พอลงโปรแกรมอื่นแล้ว Defender ก็ไม่ทำงานนะ ตอนที่ผมอัพเกรดจาก 7 ไป 10 ก็เป็นแบบนั้น
ผมว่าเลวร้ายเลยครับ เพราะ Defender มักจะได้ ranking ต่ำสุดในบรรดา anti-virus ทุกตัว ทุกวันนี้ก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง
https://www.av-comparatives.org/
คือ ให้ผมใช้อะไรก็ได้ที่ไม่ใช่ Microsoft Defender
แต่โปรแกรมที่มีอยู่แล้วมันใช้ไม่ได้นี่ครับ ถ้าไม่ใส่ defender เข้าไปคือมันไม่มีอะไรเลยนะครับ ถ้าต้องการโปรแกรมที่ดีกว่าก็โหลดมาติดตั้งเองได้อยู่แล้ว แต่นี่คือมันเป็นสถานการณ์พิเศษที่ว่า อัพเกรดแล้ว->โปรแกรมไวรัสตัวเดิมใช้ไม่ได้->ลง defender เอาไว้ก่อนก็ยังดี->โหลดโปรแกรมที่ตัวเองต้องการมาใส่แทน ก็ไม่ได้เป็นการบังคับว่าต้องใช้ defender นี่ครับ
งั้นผมสรุปข่าวเลยดีกว่า
1.Microsoft ไม่ให้เวลานักพัฒนาอื่นนานพอที่จะทำ anti-virus ออกมารองรับได้
2.Microsoft ถือวิสาสะลบออกไปเลย โดยไม่แจ้งเตือนผู้ใช้ (กรณีนี้ Kaspersky อยากให้ Windows แนะนำผู้ใช้ด้วยว่ามี Anti-virus เจ้าไหนที่รองรับ 'Windows เวอร์ชันใหม่' แล้วบ้าง ไม่จำเป็นต้องเป็นของตัวเอง)
3.เมื่อ Anti-virus อื่นหมดช่วง free-trial แล้ว Microsoft จะปรับมาเป็น Defender ให้เอง ถือวิสาสะ ไม่แจ้งเตือนผู้ใช้อีกแล้ว (เรื่องนี้ มีบางประเด็นที่เห็นด้วย และบางประเด็นที่ไม่เห็นด้วย สรุปว่าผมเฉยๆล่ะกัน)
ข้อ 1-2 ผมเห็นด้วยกับ Ksapersky
สรุปสั้นๆ ว่า ประเด็นที่ Kaspersky เอามาสู้นั้นอ่อนครับ
แต่ก่อนผมก็อารมณ์เสียนะ กับที่ MS ลบแอพเราไปหลัง Upgrade Windows แต่พออ่านคอมเมนต์นี้แล้วสมเหตุสมผลเลยทีเดียว
อีกอย่าง
ถ้า Microsoft ต้องออก Windows ใหม่ให้มีเวลาให้ Kaspersky ทำ software ให้รองรับ แล้วถ้าต่อไปบริษัทเจ้าอื่นขอแบบนี้กับ Microsoft บ้าง กว่าจะออกอัพเดท 1 ชุดนี่คงนานเลย
ผมค่อนข้างเห็นด้วยกับความคิดเห็นนี้ครับ
คิดแบบเดียวกันครับ
สู้แหละดีแล้ว
ถ้าไม่ทำอะไร จะออกแนว Netscape เอา
แต่เอาเข้าจริง
Defender ออกแนวกัน crack มากกว่า กันไวรัส...
crack ไม่ใช่ไวรัส ?
ถ้า โปรแกรม crack เฉยๆ เลย ผมว่าไม่นะ เหมือนบางตัวแค่ไปแก้ hex exe บางไฟล์ ให้ใช้ โปรแกรมต่อไปได้ หรือเปิด server หลอกระบบ activate โปรแกรม แค่นั้น ไม่ได้ทำลายระบบ หรือมี backdoor อะไร ส่วนตัว crack ที่มี อย่างอื่นแฝงมานั่นอีกเรื่อง แต่อย่างหลังจะเยอะและหาง่ายกว่ามาก
ส่วนเรื่อง ควรทำไม่ควรทำนั่น แล้วแต่บุคคลหละกัน
Ton-Or
Windows Defender สำหรับ Power User + ใช้คอมคนเดียวก็เหลือเฟือแล้ว จะไปเสียตังซื้อเพิ่มทำไม
+1 ผมเห็นด้วยอย่างยิ่ง
+999 คือ AV ตัวอื่น ๆ ที่ลองใช้ นอกจากหนัก ดึงเครื่อง ช้า แล้วนะครับ ยังมีเรื่องการเปลี่ยนแปลงระบบ ทำให้ Windows ทำงานผิดพลาดบ่อย ๆ จนแฮงค์ หรือเสียหายด้วย
เหมือนกันครับ
เมื่อก่อนนี่เป็นสาวก KAV เลย แต่ 5-6 ปีหลังนี่เครื่องส่วนตัวก็กลับมาใช้แต่ Defender มาตลอด
ระมัดระวังๆการใช้งานหน่อยก็อยู่ได้ปลอดภัยดี
ผมว่าการที่ MS มี anti-virus(ซึ่งไม่ได้ดีมาก ไม่ได้เอามาแข่งขัน) เนี่ยเพื่อความปลอดภัยขั้นต้นของ user ตัวเองนะครับ (AKA free & no nagware)
ส่วนตัวผมว่า Kaspersky เองที่ไม่กล้าแข่งขันตรงๆ(กับตลาดฟรี)มากกว่า และพยายามจะใช้ platform Windows ในการโฆษณา software suite(ที่ไม่ฟรี)ของตน ที่กำลังถูกตลาดฟรีกลืนกินไปเรื่อยๆ
ถ้าผลกระทบจากการที่ MS ติดตั้ง defender มาให้ มันใหญ่ขนาดนั้น MS ก็คงกลืนตลาดไปนานแล้วและคงไม่มีที่ให้ผู้เล่นรายอื่น แต่เท่าที่เห็นนี่กลุ่ม 3-A ยังครองตลาดอยู่เลย ในขณะที่ตัว Kaspersky เองมี market share ไม่ถึง 5%(ข้อมูลปี 2015)
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
ทุกวันนี้ใช้วิน 10ไม่มีแอนตี้ไวรัสเลย แถมเข้าไปทุกที่
ผิดด้วยหรอที่จะทำให้ OS ตัวเองปลอดภัย เพราะถ้าไม่ปลอดภัยก็โดนด่า พอทำให้ปลอดภัยไปก็โดนด่า ถ้าไมโครซอฟท์เล่นด้วยผู้ใช้คงเงิบไปเป็นแถว...
ประเด็น คือ Microsoft ถือวิสาสะลบออกไปเลย ไม่มีแจ้งเตือนผู้ใช้ว่าจะลบนะ
แจ้งครับ ตอนอัพเดตเป็น win10
Defender มันไม่ได้ช่วยอะไรเลย เอา flashdrive ที่มีไวรัสเสียบ ไม่เห็นมันจะเตือนอะไรเลย
พวกโปรแกรมแคร๊ก ที่มีโทรจัน . มันก็มไม่ได้ป้องกันอะไรเลย เลยงงว่า มันป้องกันอะไรบ้าง...???
ของผมขึ้นนะครับ เพื่อนเอา flashdrive มาเสียบมีเตือนเลยครับ ทั้งไวรัส โปรแกรมแคร๊กก็มา
ของผมขึ้นเป็นปกตินะครับ
คาดว่าคุณคงโดน..อ่านจันทราที่แฝงมากับ malware
ของผมก็ขึ้นเตือนปกตินะครับ
แปลว่าไม่ค่อยเวิร์ค สำหรับผม 555
ไม่เหมือนกันนะครับ
Windows Defender บน Windows 7 ไม่ใช่โปรแกรมป้องกันไวรัสแบบเต็มตัว ต้องลง MS Security Essentials เสริมอีกตัว
Windows Defender บน Windows 8 - 10 เป็นโปรแกรมป้องกันไวรัสแบบเต็มตัว ซึ่งทำงานได้ดีไม่ต่างกับ Free Antivirus ทั่ว ๆ ไป
ที่คุณไม่เจอเตือน เพราะเป็น Defender บน Win 7 หรือเปล่า
เปิดตัวเลือกให้สแกน USB ไว้หรือเปล่าครับ ถ้าเปิดก็สันนิษฐานว่าเครื่องคุณน่าจะโดนไวรัสเล่นงานแล้วล่ะครับ
ดีแล้ว ก็ให้มันมีอะไรป้องกันตัวเองขั้นต้นก่อน ผมไม่ได้ลง antivirus ตัวไหนเลย เน้นไม่ลงโปรแกรมมั่วกด next รัวๆ เข้าเว็บก็หมั่นสังเกตุดีๆไม่หลงกลพวก scam ปุ่มหลอกทั้งหลาย
ดีแล้วที่มี Defender อย่างน้อยๆ ผู้ใช้ที่ไม่คิดจะหา Antivirus มาลง ก็ยังพอมีอะไรป้องกันบ้าง
ปล. ใช้ Kaspersky อยู่ โดยรวมก็ดี แต่มันมีปัญหากับการติดตั้งและอัพเดตแอพบางตัวอยู่เหมือนกัน เช่น Autodesk Maya, Atom
ที่ตอนนี้ใช้ Kaspersky อยู่ เพราะเวลาซื้อของ หรือเข้าเว็บธนาคาร มันจะมีหน้าเพจแบบเข้ารหัสมาให้ใช้ต่างหากน่ะ ดูเหนียวขึ้นดี
ขเ้ากัน -> เข้ากัน
Common sense is free and most secured anti-virus :)
สำหรับคนเข้าเว็บอย่างว่า ดู video online ที่กดแล่ว ads เด้ง windows defender กันอยู่มั้ยครับ
ยืนยันว่าเอาไม่อยู่ครับ ถ้าเป็น eset, malwarebytes เอาอยู่ได้เยอะพอสมควรครับ
ส่วน defender เนี่ย สูบทั้ง CPU + Disk ยิ่งเป็น HDD 5400 rpm ไม่ต้องเป็นอันทำงานกันพอดี
Kaspersky ลองมาบุกตลาด ฟรี สิครับ
Kaspersky ฟรี ยังลงกับ 10 ไม่ได้เลย
เห็นด้วยที่ออกมาครับ ผมลง Symantec ไป พออัพ anniversary updates ปุ๊ป โดนถอนเฉย ลงใหม่ก็ไม่ให้ลงอีก
บล็อกส่วนตัวที่อัพเดตตามอารมณ์และความขยัน :P
มันใช่กับวินโดวส์10 ไม่ได้เพราะความเข้ากันได้ทางซอฟท์แวร์ครับ ถ้าอัพเกรดวินโดวส์แล้วเปิดไม่ขึ้นคุณจะโทษวินโดวส์หรือแอนตี้ไวรัสครับ?
ประเด็นที่เขาสู้ คือ Microsoft ไม่ให้เวลานักพัฒนาอื่นนานพอที่จะทำ anti-virus ออกมารองรับได้
เอาจริงๆ Windows ถือว่าเป็น OS ที่มีการเปิด Beta ก่อนออกตัวจริงนานมากอยู่นะครับ ซึ่งนักพัฒนาที่พัฒนาอะไรก็ตามที่เข้าถึงแกนหลักของระบบ ควรจะต้องทดลองและพัฒนาตามไปเรื่อยๆ อยู่แล้วครับ
ข้อโต้แย้งจุดนี้ผมว่าอ่อนไปครับ
MS มี beta build ออกมาให้ลองก่อนหลายเวอร์ชั่นและออกก่อนตัวจริงนานมาก
คำถามคือทำไมมีแต่ Kaspersky ที่เจอปัญหาทำไม่ทันแล้วออกมาบ่น ในขณะที่ software อื่นๆจำนวนมากรวมถึงที่ไม่ใช่ Anti-Virus ไม่เจอปัญหาในการ update โปรแกรมให้รองรับ
จากเหตุผลที่กล่าวอ้าง ยังไม่เห็นข้อดีที่จะเกิดแก่ผู้ใช้งาน
เพื่อตัวเองล้วนๆ
ถ้าโปรแกรมดีจริงๆ ผมว่าผู้ใช้ก็คงต้องหาวิธีลงให้ได้
มือใหม่!! ใหม่จริงๆนะ
microsoft ต้องการกีดกัน anti-malware เจ้าอื่นจริง เพราะลงเป็นค่า default มาเลย เทียบได้กับการผนวกเอา IE เป็นส่วนหนึ่งของ Windows แล้วทำให้ Netscape เสื่อมความนิยมอย่างรวดเร็ว
การปิดการทำงานของโปรแกรมอื่นหลังเปิดใช้ Defender มีเหตุผลอยู่ เพราะถ้าเปิดหลายตัวพร้อมกันนอกจากจะสิ้นเปลืองพลังงานและการประมวลผลหนักขึ้นแล้วยังอาจจะตีกันเองด้วย
คิดว่าไม่จำเป็นที่ microsoft ต้องแนะนำ anti-malware ให้ผู้ใช้งาน มันน่าจะเป็นหน้าที่ของนักพัฒนาที่จะโปรโมตผลิตภัณฑ์ของตนเอง
ตอนที่ผมยังใช้ Windows อยู่ก็ไม่ลง anti virus/malware เลย แต่ใช้แค่ defender อย่างเดียวเท่านั้น ก็ในเมื่อมันมากับโอเอส ฟรี และทำงานได้ดีพอสมควร แล้วจะลงตัวอื่นเพื่ออะไร
เรื่อง Netscape ตายผมว่าก็อาจจะเป็นส่วนนึงที่ IE มันมาพร้อมกับวินโดวส์
แต่ผมว่าไม่ใช่ทั้งหมด เพราะปัจจุบัน Chrome, Firefox, Opera เค้าก็อยู่กันได้ แถมผมใช้ Chrome เป็นหลักซะด้วยซ้ำ
ส่วน Defender ส่วนตัวผมมองว่าห่วยเลยลง Nod ใช้แทน ห่วยในที่นี้คือกินทรัพยากรมากไปลงใน Notebook นี่ร้อนจี๋แบตลดฮวบส่วนเรื่องการป้องกันผมไม่ซีเรียสเพราะระวังตัวเองอยู่แล้ว
Defender ถูกออกแบบมาเพื่อให้ Windows มีอะไรป้องกันตัวเองเฉยๆ หลังจากติดตั้ง OS เสร็จ ซึ่งถ้าดูแบบละเอียดจะเห็นว่า free AV ทั้งหลายมีความสามารถเยอะกว่าอีก ซึ่งถ้าให้เปรียบเทียบคือ บ. รถ ให้เข็มขัดนิรภัยแบบพื้นฐานมากับรถทุกคันที่ซื้อเลย แต่ บ. ที่ผลิตเข็มขัดนิรภัยสำหรับรถแข่ง (ที่ออกแบบมาดีกว่าแบบพื้นฐานมากๆ) ออกมาโวยวายว่า บ. รถทำให้เข็มขัดนิรภัยของตนเองขายไม่ได้ครับ
อันนี้ต้องถามว่าตัว Windows OS เอง จำเป็นไหมที่ต้องมี antivirus หน่ะครับ ในส่วนตัวผมคิดว่าจำเป็นนะครับ ซึ่งถ้าใช้หลักการว่าจำเป็น แต่มีไม่ได้ ในหลักการเดียวกันแล้ว เราอาจจะต้องกลับไปสู่ยุคที่ OS ทำอะไรด้วยตัวเองไม่ได้เลยครับ
Notepad/WordPad ก็ห้ามมีเพราะจะไปแข่งกับ editor ตัวอื่นๆ
WMP/Xbox Music|Video ก็ห้ามมีเพราะจะไปแข่งกับ media player ตัวอื่นๆ
Photo viewer ก็ห้ามมี ฯลฯ
หรือแม้แต่ Android เองที่ครองส่วนแบ่งตลาดในขณะนี้อยู่ก็ไม่สามารถมี Chrome/Photos/Play xxx/Gmail ได้
ผมว่ายุคนี้เป็นยุคแห่งข่าวสารและบริการแล้ว(สิ่งที่ดีกว่าและ/หรือตรงกับความต้องการถูกเลือกก่อน) ต่างจากยุคของ Netscape มาก เราจะเห็นว่า Chrome ครองส่วนแบ่งด้วยซ้ำ ทั้งๆที่ไม่ได้เกี่ยวกับ OS เลย ดังนั้นการ preload สิ่งที่จำเป็น(และที่ไม่จำเป็น)มากับ OS ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร
อย่างไรก็ตาม Microsoft จำเป็นต้องทำให้การเปลี่ยนไปใช้ alternative software เป็นเรื่องที่ง่าย ซึ่งสำหรับ antivirus แล้วส่วนนี้ไม่มีปัญหาอะไร--MS ปิด Defenders/Firewall ให้อัตโนมัติหลังการติดตั้ง แต่ก็ยังมีบางส่วนที่แย่ลง เช่นการเปลี่ยน default programs โดยเฉพาะ default browser ในยุค Windows 10 ที่ทำได้ลำบากขึ้น
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
มันไม่จำเป็นต้องสุดโต่งไปทางใดทางหนึ่งครับ
ผมเห็นด้วยว่า Microsoft Defender ควรเป็นฟีเจอร์ขั้นต่ำของเครื่อง
แต่ผมไม่เห็นด้วยเรื่องที่ Microsoft บีบผู้พัฒนารายอื่น
วิธีคือ ก็ทำหน้าต่างแจ้งเตือนให้ผู้ใช้กดเลือกได้ง่ายสิครับ
สมัย Windows 8 ไม่เห็นมีดราม่า Default App/Default Program อะไรแบบนี้เลย
ตอนนี้ก็มีอยู่นะครับ ตั้งได้ว่าจะเอาตัวไหนเป็นตัวหลัก อย่าง AV ถ้าลงตัวอื่น Defender ก็จะปิดตัวเองอัตโนมัติอยู่แล้ว ส่วนโปรแกรมอื่นก็ตั้งเป็น Defaultได้เองเลย ยกเว้นว่าโปรแกรมที่ลงไปนั้นเกิดทำงานแล้ว Error จน Windows 10 ทำการรีเซตค่า Default กลับมาเป็นตัวที่มากับ Windows เอง ตรงนี้ผมก็เห็นโปรแกรมที่ Support กับ WIndows 10 เอง ทำงานได้ไม่เคยมีปัญหาอะไร
ออกโรงขนาดนี้ เห็นแกผลประโยชน์ส่วนใคร ???
แล้ว ผู้บริโภค ตาดำๆต้องจ่านเงินซื้อทั้ง OS และ Antivirus เลยหรอ
จ่ายเพื่อใคร แล้วจำเป็นต้องจ่ายจริงๆหรอ แบบนี้เรียกผู้ขาดไหมแบบเผด็จการ(totalitarian) ???
ข้อเสียคือ Defender กิน CPU กับ HD อย่างเยอะ
ไปใช้ Antivirus Free ตัวอื่น performce ดีกว่าเยอะ
Bitdefender เทพสุด
ขอถามหน่อยค่ายนี้ ตกปีละกี่บาทครับ สำหรับผู้ใช้ใหม่และสำหรีบผู้ต่ออายุ ว่าจะเป็นจาก AVG มา Kasper
มีแถมมาไม่เป็นไรหรอก แต่ผมว่าประเด็นคือตอน upgrade แอบถอนหรือบังคับให้ถอน Antivirus ตัวอื่นโดยไม่ยินยอมพร้อมใจนี่แหละ ตรงนี้ถ้าอ้างเรื่องความเข้ากันได้ ก็ควรจะให้เวลาผู้พัฒนาเจ้าอื่นแก้ไขด้วย
หรือล่าสุด Anniversary ก็บังคับให้ผมถอน endpoint (เครื่องของบ.)ออก ไม่งั้นไม่ยอมupgrade ให้
แต่เครื่องบ้านผมใช้ Kapersky antivirus ดันลง update anniversary ได้ไม่มีปัญหาแฮะ?
ผมว่าเคสนี้ Windows Defender ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรด้วยเลยครับ
Windows Defender มันติดอยู่กับวินโดวส์ก็จริง แต่ถ้ามันเจอการทำงานของโปรแกรมป้องกันตัวอื่นมันก็ปิดการทำงาน ถ้าไม่เจอมันก็เปิดขึ้นมา (แม้ว่าปัจจุบันจะมีโหมดใหม่ที่เปิดการทำงานพร้อมกับตัวอื่นด้วย แต่ไม่เกี่ยวกับกรณีนี้)
ผมอิงสรุปจากคห.บนนิดนึง
ข้อหนึ่ง อันนั้นก็อยู่ที่ทางนักพัฒนาแล้วครับ จะขอเวลาเท่าไหร่ล่ะครับ ครึ่งปี? ถ้าแก้ตาม Insider ไปเรื่อยๆ มันก็ต่างจากตัวเต็มไม่มากเท่าไหร่
ข้อสอง มีหรือไม่มี Windows Defender มันก็ต้องลบครับ จะให้ทิ้งไว้แล้วเปิดเครื่องไม่ขึ้นแทนนี่ก็ไม่ใช่เรื่อง
ข้อสาม มันไม่ได้ปรับมาเป็น Windows Defender ให้เองครับ แต่พอหมด free trial แล้วตัวซอฟต์แวร์มันปิดการทำงานไป Windows มันไม่เจอการป้องกันจากตัวอื่นมันก็เปิด Windows Defender ล่ะมั้งครับ จะให้ปล่อยให้เครื่องไม่มีการป้องกันต่อไป? ถ้าจะมีใครต้องเตือนผู้ใช้มันก็เป็นหน้าที่ของตัวที่หมดระยะทดลองครับว่าตัวเองหมดอายุการใช้งานไปแล้ว
ว่าแต่ผมไม่ได้ใช้ anti virus มาเกือบ 5 ปีละสำหรับ คอมฯส่วนตัว มีแล้วรู้สึกเครื่องมันอืดเลยไม่ลงซะเลย ทั้งแมคทั้งวินโดวส์ก็ไม่ได้ลง win 10 นี่มันบังคับเปิด defender ก็เลยปล่อยไป สั่งปิดไปสักพักก็เปิดมาอีก
windows defender มีนั่นดีแล้ว...1.ป้องกันระบบเบื้องต้น 2.กันสิ่งผิดปกติจากภัยนอกให้ผู้ใช้ทั่วไป...อย่างน้อยก็อุ่นใจได้นิด
ผมว่าMSน่าจะใช้โอกาสนี้ผลักดันStoreของตัวเองไปเลยนะ
ประมาณว่าพอมีการอัพเดทOSในขั้นตอนการติดตั้งแอพต่างๆก็ให้เช็คกับStoreตัวอัพเดทไปเลยว่าโปรแกรมไหนมีอัพเดทที่รองรับOSเวอร์ชั่นใหม่แล้วหรือยัง มีกี่ตัวที่รองรับแล้วก็ขึ้นแจ้งให้ผู้ใช้กด อัพเดท/ไม่อัพเดท ไปเลย
แอพไหนไม่เอามาลงStoreก็ปล่อยลอยแพมันไป เพราะถือว่าMSทำช่องทางที่สะดวกในการอัพเดทมาให้แล้วไม่มาใช้กันเอง
ส่วนในกรณีที่ทำแอพไม่ทัน ผมว่ามันไม่ใช่ข้ออ้าง ถือซะว่าใครตามตลาดไม่ทันก็แพ้ไป Betaออกมาตั้งหลายเดือนไม่รู้จักกระตือรือร้นทำให้ทัน
ที่จริงผมเองก็ชอบ Defender
1.มันมากับ Windows ซึ่งมันก็ฟรี ไม่ต้องมาใส่ Antivirus อีก
2.มันกัน Autorun.inf ได้ ผมชอบมากเลยตรงนี้
3.มันเตือนเรื่องไวรัสตลอด (เพราะต้องการทำงานกับแฟลชไดร์ฟของคนอื่นด้วย)
ซึ่งถ้า Kaspersky ดีจริง ต่อให้มี Defender เขาก็ใช้ของคุณต่ออยู่แล้ว ไม่ต้องห่วงเรื่องกักกัน Developer หรอก
แบบนี้ผมจะไว้ใจได้อย่างไรว่าจะรับมือกับภัยคุกคามใหม่ๆได้ทัน
ในเมื่อ MS เค้าก็ออก insider และ build ต่างๆ มาเรื่อยๆอยู่แล้วไม่ใช่หรอ และก็น่าจะออกก่อนตัวจริงหลายเดือน ยังทำไม่ทัน
และต้องให้ผู้ใช้รอโปรแกรมตัวนึงเพื่อที่จะได้ใช้ OS ตัวล่าสุด (ที่ระบบโดยรวมแล้วน่าจะปลอดภัยกว่าเพราะมี patch ล่าสุด)แบบนี้รึที่ต้องการ