ทีมนักวิจัยความปลอดภัยจาก Newcastle University เผยแพร่วิธีการแฮ็กบัตรเครดิตออนไลน์ โดยที่รู้ข้อมูลหน้าบัตร และสามารถ "เดา" เลข CVV หลังบัตรได้ โดยอาศัยจุดอ่อนในระบบของบัตร Visa
หลักการเดาเลข CVV นั้นง่ายๆ เพราะใช้วิธี brute force เดาเลขไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเดาถูก (เลข 3 หลักคือ 1,000 ครั้ง) ช่องโหว่เกิดจาก Visa มีระบบป้องกันการเดารหัส CVV โดยจำกัดจำนวนครั้งที่ให้ลองป้อนข้อมูล (ประมาณ 10-20 ครั้งต่อเว็บไซต์) แต่กลับไม่มีระบบนับการเดาเลข CVV จากหลายเว็บพร้อมกัน ดังนั้นเราจึงสามารถแบ่งชุดของรหัส CVV ไปลองป้อนกับเว็บไซต์หลายแห่งได้ไม่ยาก (unlimited guesses)
ในกรณีที่ไม่รู้ข้อมูลบนหน้าบัตรด้วย (เช่น หมายเลขบัตร วันหมดอายุ) แฮ็กเกอร์ยังสามารถเดาข้อมูลไปเรื่อยๆ ด้วยเทคนิคเดียวกัน เพียงแต่ต้องใช้จำนวนครั้งในการคาดเดามากขึ้นนั่นเอง
ทีมวิจัยลองสร้างซอฟต์แวร์ที่ช่วยกระจายการคาดเดาไปยังเว็บไซต์ต่างๆ (Distributed Guessing Attack) ในกรณีที่รู้ข้อมูลหน้าบัตรและต้องการเลข CVV ก็ใช้เวลาเพียง 6 วินาทีเท่านั้น (ตามในวิดีโอ)
เทคนิคนี้ใช้ได้กับบัตร Visa เท่านั้น ส่วน Mastercard มีระบบป้องกันการคาดเดาที่ส่วนกลาง (จำกัดจำนวนไม่เกิน 10 ครั้ง) จึงไม่มีปัญหานี้
ที่มา - Newcaster University, Sophos, ภาพจาก Pexels
Comments
อันตรายแฮะ แต่ดูเหมือนแก้ไม่ยาก
แค่ให้การนับการเดาโดยไม่สนเวปต้นทาง ครบจำนวนคือหยุด เหมือน MasterCard ก็ Ok
ก็ OTP ไง ที่อุดช่องว่าง
เครือข่าย SS7 ก็มีช่องโหว่ในการดักรับ SMS OTP อยู่นะครับ
Verify by Visa นี่จากประสบการณ์ผมมันเหมือนว่าจะไม่ได้ใช้กันทุก merchant นะครับ
ผมรับ OTP ผ่านอีเมลแทนเบอร์มือถือ น่าจะช่วยได้อีกระดับนึง (มั้ง)
OTP ผ่าน email นี่ไม่ได้ปลอดภัยเลยครับ จำได้มีเคสนึงโดน mitm ในหอพัก กวาดเงินไปได้แสนนิดๆ
ถึงใช้การนับรวมเวบ
แต่จะกำหนดช่วงเวลายังไงดีหละ ภายใน 5 นาที 1ชั่วโมง หรือยังไงก็มีคนเลี่ยงอยู่ดี ยิ่งกว้างเป็นวันนี้ นั่งลองได้หลายบัตรเลย
ไม่ต้องถึงขนาดเป็นวันก็ได้มั้งครับ อาจเป็นชั่วโมง แล้วตั้งระบบไว้ว่าเดาเยอะเกิน 3-4 ครั้งก็ให้เข้าโหมดเฝ้าระวัง หากเกิดธุรกรรมขึ้นเจ้าหน้าที่ต้องติดต่อเจ้าของบัตรทันทีไรงี้ (หรือติดต่อก่อนหน้าจะเกิดธุรกรรม)
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
ช่องโหว่รูเบ้อเริ่มขนาดนี้ทำไมเพิ่งคิดกันได้
หรือแค่เพิ่งเปิดเผย?
นั่นสิครับ มันทั่วไปมากอะ ไม่คิดเลยว่าเพิ่งคิดวิธีนี้ได้ หรือมันง่ายเสียจนแฮกเกอร์คิดว่าเขาอุดช่องไว้อยู่แล้วเลยไมมีใครลอง?
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
ปกติให้ส่ง OTP เข้า email ส่วน email ใช้ 2-Step Verification
น่าจะ "พอ" ช่วยได้บ้าง