เนื่องจากความบกพร่องของระบบ ลูกค้าหญิงรายหนึ่งของ Uber จึงได้รับอีเมลแจ้งเตือนว่าเธอต้องเสียค่าบริการสำหรับนั่งรถเป็นเงิน 28,639.14 ดอลลาร์ แต่ระบบไม่สามารถดึงเงินออกจากบัญชีของเธอได้เนื่องจากธนาคารบล็อคไว้ เพราะราคาสูงเกินไป
ลูกค้าหญิงรายนี้อาศัยอยู่ที่ฟิลาเดลเฟีย เธอเล่าว่าหลังจากอีเมลแจ้งค่าบริการดังกล่าว เธอก็ได้รับอีเมลอีกฉบับจาก Uber แจ้งว่าข้อมูลการเงินของเธอถูกแฮก หลังจากนั้น 1 สัปดาห์ ก็มีอีเมลจาก Uber แจ้งว่าเป็นความผิดพลาดทางระบบ วิศวกรกำลังแก้ไขปัญหาและจะไม่ทำให้เกิดขึ้นอีก
ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้เป็นรายเดียวที่เจอเหตุการณ์ดังกล่าว ยังมีอีกหลายคนที่เจอ และ Uber ก็ปฏิเสธที่จะบอกตัวเลขว่ากี่ราย
ที่มา - Fortune
Comments
ธนาคารเจ๋งอ่ะ รู้ด้วยว่าราคาสูงเกินไปเลยไม่อนุมัติจ่ายให้
อาจจะเกินวงเงิน
ในต่างประเทศเค้ามีการติดตามพฤติกรรมการใช้จ่ายบัตรเครดิตครับ ถ้ามีการใช้จ่ายบัตรแบบที่นอกเหนือพฤติกรรมปกติไปมากๆ จะมีการยกเลิกการทำรายการแล้วอาจจะติดต่อเจ้าของบัตรเพื่อให้ยืนยันการใช้จ่ายครับ
ซึ่งทั้งนี้ทั้งนั้นเพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดจากการขโมยหมายเลขบัตรเครดิตไปทำธุรกรรมการการเงินครับ
แล้วธนาคารไทยละครับ
ธนาคารไทยก็มีครับ ผมก็เคยเจอ ยืนยันได้เลยว่ามี
ระบบบัตรเครดิตมอนิเตอร์พฤติกรรมคนใช้งานตลอดครับ และแยกแยะประเภทบริการที่ลูกค้าใช้ได้ อะไรที่ผมใช้บ่อยมากๆ และหลากหลาย เช่นการท่องเที่ยว การเดินทาง ถึงเป็นรายการแปลกๆ แบงค์ก็ไม่เคยติดต่อมาเลย แม้แต่เอาไปใช้ที่ต่างประเทศ แต่พอเป็นรายการประเภทที่ไม่ค่อยใช้บริการและเป็นรายการแปลกๆ แบงค์จะโทรมาถามเองเลยว่าได้ใช้ไปรึเปล่า
และผมก็เคยเจอโดนแฮคเลขบัตรเครดิตใช้ด้วย ยอดเรียกเก็บมาจากอเมริกาเป็นหลายหมื่น อันนี้แบงค์ไม่รอเลย แบงค์ยกเลิกรายการนั้นให้เอง อายัติบัตรให้เอง และโทรมาแจ้งผมเองอีกสองชั่วโมงว่าบัตรผมโดนรายการแปลกปลอมซึ่งน่าจะโดนแฮค ไม่ต้องกังวลเรื่องยอดนั้นและแบงค์จะส่งบัตรใหม่มาให้ อันนี้แบงค์รู้ก่อนลูกค้าด้วยซ้ำ แถมจัดการให้เสร็จสรรพและโทรมาแจ้งให้ทราบเองด้วย
มีครับโทรมาสอบถามเลยครับในกรณีที่ใช้จ่ายสูงหรือบางทีเป็นการใช้จ่ายในต่างประเทศ
ผมเคยใช้บัตรเครดิตแบงค์เขียวรูดซื้อชุดเครื่องเสียงไปแปดหมื่นกว่า มันเกินวงเงินปกติ แต่ก่อนรูดผมเอาเงินในบัญชีที่ผูกกับบัตรไว้จ่ายชำระเงินเพื่อเติมวงเงินให้พอรูดไปแล้ว ตอนรูดน่ะผ่าน แต่รูดเสร็จและยังไม่ทันได้เซ็น ธนาคารโทรเข้ามือถือผมเลยครับว่าผมเป็นคนรูดจริงมั้ย ผมก็ตอบว่ารูดจริงและเรื่องก็จบแค่นั้น
ค่ารถเป็นล้าน สงสัยคำนวณด้วยระยะวนรอบโลกก่อน 1 รอบ
เกือบสามหมื่นดอลล่าร์นี่เกือบล้านเลยนะครับ ความจริงแล้วตัวอูเบอร์เองน่าจะมีระบบตรวจสอบความผิดปรกติในการคำนวณค่าโดยสารอยู่ชั้นหนึ่งก่อนด้วย ไม่ต้องรอให้ธนาคารบล็อคน่าจะดีกว่า นี่ตัดเงินจากบัญชีได้อาจจะมีดราม่ามากกว่านี้
uber นี้สุ่มตัดบัตรเหมือนกันนะครับ ตอนเรียกรถแล้วรอรถมารับ
บางทีก็ตัด 10 บาท 20 บาทบ้าง แล้วก็ void ให้
ล่าสุด ตัด 350 ใจแป้วเหมือนกัน หากไม่ void ขึ้นมานี้งานงอกเลย
คิดค่าบริการซะซื้อรถขับเองถูกกว่า