วันนี้เมื่อสิบปีที่แล้ว (9 มกราคม 2007) สตีฟ จ็อบส์ ขึ้นเวทีงาน Macworld 2007 และโชว์สินค้าตัวหนึ่งที่เขาเรียกว่า three products in one ได้แก่ “a widescreen iPod with touch controls, a revolutionary mobile phone and a breakthrough internet communications device.”
สิบปีที่ผ่านมา iPhone ถือว่าเปลี่ยนโลกไปอย่างมาก และมียอดขายได้มากกว่า 1 พันล้านเครื่อง
ทิม คุก ซีอีโอของแอปเปิลกล่าวในโอกาสที่ iPhone ครบรอบสิบปีว่า iPhone เป็นผู้กำหนดมาตรฐานของโลก mobile computing ในรอบสิบปีแรกของมันเอง นี่เพิ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นเท่านั้น เรายังจะได้เห็นอะไรอีกมากถัดจากนี้ไป "we are just getting started. The best is yet to come."
ภาพประวัติศาสตร์ในปี 2007
เปรียบเทียบ iPhone รุ่นแรก และ iPhone 7
ที่มา - Apple
คลิปเปิดตัว
Comments
ไอโฟนจิ๋ว
ต้องขอบคุณ Apple ครับ ที่ปฏิวัติการสื่อสารเลย เมื่อก่อนพวก Smartphone ใช้พวก Dopod ซึ่งใช้ยากมาก
oxygen2.me, panithi's blog
Device: HP Zbook, iPad Pro, iPhone 15PM, iPhone 16+, Nothing Phone 1
จริงครับ ปาล์ม O2 คนใช้เฉพาะกลุ่มมากมาก
เมื่อก่อนมุมมองจะเป็นการเอา PDA มาใส่ฟังก์ชั่นโทรศัพท์
iPhone เปลี่ยนมุมมองใหม่แบบกลับด้านไปเลย
จำได้ช่วงนั้นตัว prototype ของรายอื่นๆออกมาเยอะมาก แต่ไม่ปล่อยลงตลาดมาซักที
จริง ...
ตอนนั้นมือถืออยู่ใด้หลายวัน ทนทานตกหล่นใด้ ที่สำคัญราคาไม่แพง
เดี่ยวนี้ แบต 1 วัน เวลาตกถ้าหน้าลงก็ ... นะ
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
มือถือแบบนั้นในตอนนี้ก็ยังมีขายนะครับ
ส่วนเรื่องราคา ตอนนั้นซื้อมือถือได้มือถือ ตอนนี้ได้คอมครับ
Samsung Hero ไงครับ ถ้าอยากได้นวัตกรรมเมื่อ 10ปีที่แล้วน่ะนะ
เป็นการเปิดตัวสินค้าที่ว๊าวที่สุดของ Apple เช่นกัน
"we are just getting started. The worst is yet to come."
ทิม คุก ... ไม่ได้กล่าวไว้
คิดถึงลุงจ๊อบ
วันที่คือวันที่เปิดตัวใช่ไหมครับในรูปในจอไอโฟน แล้วเวลาหมายถึงอะไรครับ
9.41 เอาไว้ตอนที่จะโชว์รูปแรก จะได้ตรงกับเวลาจริง
The best is yet to come
๕๕๕+
ตอนนั้น Apple กับ Google ยังรักกันดี ส่วนตอนนี้เหรอ..
เป็นวันที่เปลี่ยนโลกจริงๆ ที่ให้เกิดสังคมใหม่ เช่น สังคมก้มหน้า XD
คิดถึง ui ของแอพ music แบบก่อนจริงๆ ใช้ง่ายกว่าทุกวันนี้เยอะเลย ไม่รู้ออกแบบมายังไงให้ใช้ยากกว่าเดิม
เป็นมือถือที่ทำลายนวัตกรรมดีไซน์ได้หนักสุดแล้ว สังเกตว่าหลังจากไอโฟนออกมา ดีไซน์เหลือแค่ก้อนสบู่ห่วยๆ
แหม่ทรงแบบหน้าจอทัชสกรีนใหญ่ๆ นี่ก่อนไอโฟนก็มีนะครับ การทำให้มือถือตัวเองติดตลาดแล้วอยู่ๆ ก็ถูกตราหน้าว่าทำลายนวัตกรรมดีไซน์นี่มันก็ยังไงๆ อยู่นะครับ
Smartphone เดิมๆ ดีไซน์ที่มีคีย์บอร์ดทำให้เกิดข้อจำกัดด้าน UX
การทำให้ Smartphone จอใหญ่ ทำให้สามารถเพิ่ม Keyboard ที่เปลี่ยนแปลงได้ตาม Application ที่ใช้งาน (จากคำพูดของจ๊อบส์ในคลิป) แน่นอนว่าขนาดจอมีผลต่อดีไซน์รูปทรงตัวเครื่อง
ซึ่งถ้าให้เลือก ผมเลือกก้อนสบู่ห่วยๆ แบบนี้ครับ..
ผมไม่อยากได้ Smartphone รูปทรงจอแปลกประหลาด
มันห่วยขนาดนั้นเลยหรอ คงชอบแบบฝาพับสินะ
ฝาพับ 2 จอ แบบ nintendo ds ไม่ทำออกมาแซะที จอจะได้ใหญ่ๆ แต่พับใส่กระเป๋ากางเกงได้
ยุคก่อนก็มีพวก smartphone ดีไซน์สวยๆเยอะนะครับ
Xperia Arc Xperia S
แต่พอมายุคนี้ นิยมว่าขอบจอต้องบางๆ ปุ่มจริงไม่ต้องมี เลยย่อกันไปเรื่อยๆ จนตอนนี้ด้านหน้าเหลือแต่หน้าจอ กล้อง ลำโพง
นั่นสิครับตอนนี้เลยออกมาด้านหน้าดูเป็นแบบเดียวกันหมด พอไปรู้เว็บรีวิวที่ถ่ายเครื่องจากมุมเดียวกันแล้วจากรูปเล็กมองไม่ออกเลย กระทั่งความโค้งตรงมุมยังทำโค้งเท่า ๆ กันอีกมีน้อยรุ่นมากที่จะฉีกออกไปบ้าง เช่น XZ ใช้โค้งนิดเดียวจนเกือบเหลี่ยม หรือ Moto Z ที่ด้านบนกับล่างดูโค้งนิด ๆ ...นี่เรามาถึงยุคที่แยกดีไซน์เครื่องผ่านมุมแล้วเหรือเนี่ย 5555
คิดถึงดีไซน์สมัย Arc หรือ Ray จริง ๆ นั่นแหละเห็นรูปร่างก็รู้เลยว่ารุ่นไหน
ปีนี้จะเป็นรุ่นครบรอบ 10 ปีสินะ จะว้าวไหม
เป็น Keynote ที่ชอบที่สุด มีทั้งความสนุก ความ Wow
Apple ยุคหลังเปิดตัวอะไรก็น่าเบื่อ คิดถึงลุงจ๊อบส์แท้
น่าสังเกตุตอนต้นมือถือสี่รุ่นที่เอามาเทียบตายเรียบแม้กระทั่งชื่อ
ถึงวันนี้จะไม่ค่อยประทับใจแล้ว แต่ก็ขอบคุณนะที่ทำให้ยุคโทรศัพเปลี่ยนแปลงอย่างจริงๆ
สงสัยผมประหลาดอยู่คนเดียวเพราะปีนั้นผมโครตเฉย ๆ เลย ตอนดูงานเปิดตัว(ความรู้สึกตอนนั้นคุ้น ๆ ว่ายัง wow กับ touchFLO ของ HTC อยู่) ตอนนั้นยังซื้อ ASUS P535 มาใช้อยู่ เพราะไอโฟนยังทำอะไรแทบไม่ได้เลย copy paste อะไรพื้นฐาน ๆ ก็ยังทำไม่ได้สักอย่าง(จำได้ว่ามันมี leak ข้อมูลรั่วมา feature เยอะมาก แต่พอเปิดตัวกลับแทบไม่มีอะไรสักอย่าง)
โอะ ใช้ P535 เหมือนผมเลย
ทุกวันนี้ก็ยังรู้สึกว่า จอ Resistive สมัยก่อนบางทีมันก็เหมาะกับคนเล็บยาวแบบผม มากกว่าจอ Capacitive ปัจจุบัน... เมื่อก่อนทำมาเถอะ ปุ่มเล็กแค่ไหนก็กดถูก เดี๋ยวนี้ก็ยังวืดอยู่เนืองๆ
จำได้ว่าเห็น pinch to zoom แล้วรู้สึกว่าเจ๋งมากสำหรับตอนนั้น
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
iPhone 2017 ขอแบบจัดเต็ม จัดหนักนะครับ เก็บเงินพอถอยเครื่องใหม่ได้แล้ว (หวังว่าจะไม่มี Wow Factor แบบ ราคา +5,000 ไรงี้นะครับ)
ต้องยอมรับว่า iPhone เป็นตัวผลักดันให้โทรศัพท์กระโดดเข้าสู่ยุคนี้จริงๆ
..: เรื่อยไป
Ive ใช้ v3 ป่ะครับ
กดแท็กดูย้อนอดีตแล้วได้อารมณ์มากครับ
oxygen2.me, panithi's blog
Device: HP Zbook, iPad Pro, iPhone 15PM, iPhone 16+, Nothing Phone 1
ยอมรับนะครับ ว่า iPhone เปลี่ยนโลกจริงๆ เพราะทำให้ปฏิวัติวงการ Mobile เข้าสู่ยุค Touch Screen ด้วยนิ้วเต็มรูปแบบ แต่นั่นผมว่าต้องยกเครดิตให้ สตีฟ จ๊อปส์ มากกว่า เพราะสมัยที่ยังมีชีวิตอยู่นั้น นวัตกรรมทั้งหลายที่ออกมาผ่าน iPhone เจ้าอื่นแทบจะเหลียวมองแล้วทำตาม แต่พอหลังจากที่จ๊อปส์เสียชีวิต iPhone หลังจากนั้นก็เริ่มออกทะเล และเริ่มหลุดกรอบแนวคิดของจ๊อปส์มากขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงนวัตกรรมที่เริ่มอยู่ตัวและหาอะไรใหม่ไม่ได้ ผนวกกับคู่แข่งที่จับแนวทางของตนเองได้แล้ว ว่าควรจะหาจุดที่แตกต่างอย่างไรบ้าง และเริ่มที่จะเข็นนวัตกรรมเฉพาะของยี่ห้อตัวเองออกมาแข่ง ทำให้จากเดิมที่ iPhone เป็นผู้ริเริ่มนวัตกรรม กลายเป็นว่าตอนนี้กลับกลายเป็น "ผู้ตาม" นวัตกรรมไปแล้ว ทำให้ iPhone ที่เปิดตัวออกมาในช่วง 3 ปี (หรือมากกว่า) เริ่มไม่ว้าว เพราะมีอะไรหลายๆ อย่างอยู่ใน OS หรือเครื่องคู่แข่งมาก่อนทั้งนั้น รวมถึงการดีไซน์ที่ไม่ไหน (เผลอๆ แย่กว่าเดิมอีก อย่าง iPhone ที่มีเส้นพาดจนทำให้ออกมาน่าเกลียดกันมาแล้ว)
แล้วยิ่งตอนหลังที่เป็นผู้ริเริ่มสิ่งใหม่ๆ ที่หลายคนไม่ค่อยจะว้าวด้วย ซึ่งก็คือการตัดช่องหูฟัง 3.5 ม.ม. ออกไป ทำให้หูฟังที่มีอยู่ไม่สามารถใช้กับ iPhone 7 ได้ในทันที..หากไม่มีหัวแปลง (แน่นอนว่า หลายคนที่ใช้ iPhone รู้ดีว่าคุณภาพสาย iPhone ทั้งหลาย พังไวมาก ไม่ว่าจะเป็นสายชาร์จหรือสายหูฟัง) ส่วนเหตุผลที่จะตัดช่อง 3.5 ม.ม. จะเป็นอะไรก็ตามแต่ แต่เชื่อว่าหลายคนไม่ว้าวเรื่องนี้แน่ๆ
แต่ผมกลับคิดว่าตอนนี้โทรศัพท์มือถือก็ไม่ได้มีนวัตกรรมอะไรมานานแล้วนะครับในรอบ 10 ปีมานี้แทบจะไม่มีอะไรที่เรียกได้เต็มปากว่าเป็นนวัตกรรมเปลี่ยนโลกเลย ยังวนเวียนอยู่แต่ในฟีเจอร์เดิมๆ ส่วนใหญ่แค่ปรับเปลี่ยนให้สมบูรณ์มากขึ้นทีละเล็กทีละน้อยเท่านั้น
ผมก็แอบเห็นด้วยนะครับเรื่องนี้ ใช้ iPhone มาตลอด iPhone ออกมาใหม่ต้องมีอะไรนำหน้าคนอื่นตลอด iPhone 4 นี่ทั้ง retina display กล้องดีสุดในตอนนั้น แต่พอหลังๆมาเริ่มแผ่วลง android ออกจอใหญ่นำหน้าไปนาน apple ก็เข็นจอ 4นิ้วมาถึง 5s กว่าจะออก 6 มาได้ เรื่องกล้องจากเดิม iPhone นำคนอื่นตลอด หลังๆฝั่ง samsung huawei ทำได้ดีกว่า แต่ iPhone 7 ไม่ได้ทำดีกว่าเลย
รู้สึกว่าหลังๆนี้ Apple เห็นว่าคนอื่นขายได้ก็ออกตาม ออก iPad มาก่อน อ่าวมีคนอยากได้จอเล็กเหรอ ออก iPad Mini มาอีกที ออก iPad Pro มา อ่าวจอใหญ่ คนไม่ชอบ ออก Pro 9.4" มา ไปทับไลน์ iPad Air iPhone จอเล็กไปเหรอ ออกจอใหญ่ 6/6plus เอ้ะ ตลาด 4" ยังขายได้ ออก SE มาละกัน สินค้าดูมั่วมาก
เห็นด้วยทั้งหมด
แต่คนที่ใช้ไอโฟนจริงๆ เขาก็รอแต่ไอโฟนนั้นแหละ ต่อให้ยี่ห้ออื่นมีวัตกรรมใหม่กว่าก็ตาม เพราะไอโฟนไม่จุกจิก ใช้มา 2-3 ปี ก็ยังลื่นในระดับที่ยังน่าพอใจ ที่สำคัญมากกว่ารูปลักษณ์ภายนอกคือ iOS นี่แหละ
iPhoneยังมีiOSครับ
เป็นสิ่งเดียวที่ทำให้มันขายได้เลยในปัจุบัน
แม้จะไม่ค่อยมีลูกเล่นหวือหวาให้เอามาโฆษณาแบบเจ้าอื่นๆ แต่เรื่องรายละเอียดยิบย่อย มันยังคงอยู่ครับ
เช่น
-ปรับแต่ง เปิดปิด Notificationง่าย
-ปรับแต่งVPNง่าย
-อัพเดทSoftwareง่าย และได้อัพเดทพร้อมกันทั่วโลก
-มีiTuneเป็นSoftwareจัดการเครื่อง ทำ Full Back up ง่าย เชื่อมต่อไร้สายก็ได้
-App Store เป็นระเบียบ
-มีการจัดสรรการใช้พลังงานที่ดี ไม่ค่อยขึ้นๆลงๆ เดี๋ยวสูบเดี๋ยวไม่สูบ เหมือนหลายๆเจ้า
ผมว่า iPhone มันไม่เคยสุดด้านไหนด้านนึงอยู่แล้วครับ แต่สิ่งที่มันให้มา มันก็ถือว่าไม่น่าเกลียด ซึ่งความไม่น่าเกลียดในทุกๆด้านนี่แหละยังคงเป็นจุดแข็งของมันอยู่ ซื้อมาไม่มีอะไรคอยหลอกหลอนกวนใจจนวันพังแน่ๆครับ(ยกเว้นสายชาร์จไว้อันนึง)
เกลียดตรงสายชาร์จ เหมือนเป็นตราบาปคนใช้iPhoneทุกคนกับปัญหาสายเน่า 555
มายืนยันว่าไม่ทุกคนครับ สายชาร์จ 5s ใช้มาตลอดอายุใช้งานเครื่อง (3 ปี) ตอนนี้สายอยู่ดีไม่หักครับ (ใช้เสร็จถอดออกอย่าเสียบคา adapter, ตอนชาร์จอย่าเล่นมือถือ ถ้าจะเล่น อย่าให้ตรงขั้วหักเด็ดขาด แค่สองหลักง่าย ๆ นี่แหละครับลองดู ๆ)
มิติเรื่อง Touch Screen นี่ผมเห็นด้วยในเชิงเทคนิคนะ แต่มีมิติอีกอันที่สำคัญมากๆ คือเรื่องของ App Store และแนวคิดเรื่องของ App ที่เปลี่ยนทิศทางการใช้งานไปอย่างสิ้นเชิง (อันนี้ผมเห็นด้วยกับ Goggin นะ)
จำได้ว่า ปัจจัยที่ทำให้ซื้อ iPhone 3GS เพราะประโยคเดียว "There's an app for that." ซึ่งเดี๋ยวนี้คงไม่ใช่ประเด็นหลัก (ยกเว้นกับบางแพลตฟอร์ม)
I'm ordinary man; who desires nothing more than just an ordinary chance to live exactly what he likes and do precisely what he wants.
ขอบคุณ Apple และ iPhone ด้วยจริงๆ
เคยกลับไปใช้แอนดรอยอยู่พักนึงตอนที่ UI ยังไม่เข้าที่เข้าทาง
สุดท้ายกลับมาใช้ไอโฟน และพึ่งบริการของ apple มาโดยตลอดจนถอนตัวไม่ขึ้นแร้ว
สิ่งหนึ่งที่ได้เรียนรู้จากข่าวนี้คือ ไม่ว่าคุณจะทำมันออกมาได้ดีแค่ไหน ก็จะมีคนที่หาเรื่องติมันได้เสมอ
เอ่อ.. แต่ว่าเทคนิคการขายของ Jobs คือติคู่แข่งนะครับ จะบอกว่าเทคโนโลยีใหม่ของคู่แข่งห่วยจนกว่าตัวเองจะทำตามได้
หมายถึงรีข้างบนน่ะจ้ะ รีไหนคงไม่ต้องบอกเนาะ รู้ ๆ กันอยู่แล้ว
ขอโทษทีครับ ผมแก่แล้ว อ่านแล้วไม่เข้าใจความหมายนะครับ
Who wants a stylus? ในวันนั้น
ทุกวันนี้ก็ไม่มีใครใช้ apple pencil เพื่อกดจิ้ม on screen keyboard (เพื่อพิมพ์แบบจริงจัง) นะ
stylus มันเป็น pointing device นะครับ และตอนนั้นก็ทดแทนด้วยนิ้วมือของเราเอง
แต่รูปแบบการเขียนต่างหาก ที่ต้องใช้ pencil เข้ามาทดแทน
ทั้ง stylus และ pencil มันคนละหน้าที่กันนะครับ
ถ้า stylus ที่ Jobs กล่าวถึง น่าจะหมายถึง S pen ของ Samsung หรือเปล่าครับ คือจริง ๆ มันก็ใช้เขียนได้มาตั้งแต่สมัยเป็น stylus พวกเครื่อง Palm แล้วนะครับ ไม่ได้ใช้แค่จิ้ม
ผมคนนึงวันนั้น พอดูจบ ผมรู้สึกเลยว่าเครื่องนี้แหละจะเปลี่ยนโลก
ตอนนั้นใช้ Nokia N73+HP iPAQ 210 2เครื่องรวมกันตอนนั้น แพงกว่าiphone ไปมาก
พอดูจบ รู้สึกเลยว่า คนละโลกกันเลย แต่N73ถ่ายรูปสวยมากนะตอนนั้น
ที่ผมชอบใจ iphone 1 มีอยู่อย่างเดียวคือ Capacitive Touch
มันดีกว่า resistive มากมาย
สงสัยว่าทำไมยี่ห้ออื่นไม่ถูกฟ้องสิทธิบัตรมัลติทัชของแอปเปิ้ลคะ ตอนแรกนึกว่าของเลียนแบบจดสิทธิบัตรใหม่
ความเป็นจริงของสิทธิบัตร Multi-touch ของแอปเปิล ครอบจักรวาลจริงหรือไม่?
แอปเปิลเลิกประกาศว่า Multi-Touch เป็นสิทธิบัตรของตัวเองแล้ว !?
ครับ
ออก iPhone ตัวแรก แต่เครื่องในเป็น iPhone 8 ไปเลย. #รำลึก
ทิศทางโลกมันบีบให้โทรศัพท์รวมกับสมาร์ทดีไวอยู่แล้ว ทั้งทัช ทั้งปุ่มที่จะหายไปเหลือแต่หน้าจอ ผมว่าบริษัทใหญ่ๆก็คงเข้าใจกันเกือบหมด แต่มีแค่ iPhone เท่านั้นที่ทำออกมาได้ถูกใจคน ก็เลยได้รับบทพระเอกไปเท่านั้นเอง
ยอมรับครับว่า iPhone มันคือจุดเปลี่ยนยุคของโทรศัพท์จริง ๆ สักการะสักครั้ง
แต่ตอนนี้ยังกินบุญเก่าไปนาน ๆ แบบนี้ระวังจะหมดนะครับ
อีกเรื่องที่ต้องให้เครดิต Apple / iPhone ก็คือฟังก์ชัน Accessibility ครับ ยอมรับว่าก่อนหน้านั้น ไม่มีค่ายไหนใส่ใจพัฒนาฟังก์ชันนี้แบบจริงจัง ส่วนมากคือไม่มี เจ้าที่มีก็แค่ "พอใช้" โดยมากคือต้องเพิ่งพาซอฟต์แวร์จากนักพัฒนาภายนอก ซึ่งก็ทำได้อย่างไม่สะดวกนัก เพราะต้องใช้แค่ API ที่ OS เปิดให้ไว้
แต่การมีของ iPhone ซึ่ง built-in Accessibiliby features มาให้แบบ "ใช้ได้จริง" เป็นตัวผลักดันเจ้าอื่นๆ ได้อย่างดีจริงๆ ครับ รู้สึกว่าตัวเองต้องทำบ้าง ทำให้คนที่ต้องใช้ฟังก์ชันพวกนี้ สามารถมีตัวเลือกในการใช้ device hitech ได้มากขึ้น ถ้าจะเจาะจงไป ก็ต้องขอบคุณ บุตรชายฝาแฝดของผู้บริหารระดับสูงคนหนึ่ง ที่อยู่ในทีมหลักของการพัฒนาไอโฟนจากแรกเริ่ม ครับ ^^
@ Virusfowl
I'm not a dev. not yet a user.