ข่าวนี้ หนุ่มๆ Blognone คงตาร้อนเป็นแถบ เพราะเราจะนำเสนอชีวิตของ Evan Spiegel ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ Snapchat ที่ประสบความสำเร็จในการทำสตาร์ทอัพตั้งแต่อายุยังน้อย (ปัจจุบันเขาอายุเพียง 26 ปีเท่านั้น) และสร้าง Snapchat จนโด่งดัง ตอนนี้มีมูลค่าบริษัทกว่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์
ดูเหมือน Spiegel รู้ตัวว่าชีวิตของเขาช่างน่าอิจฉา เขาเคยยอมรับว่าเขาโชคดี เป็นคนผิวขาว บ้านมีฐานะ ได้รับการศึกษาดี มีเงิน ก่อนปิดท้ายว่า ชีวิตก็ไม่ยุติธรรมแบบนี้แหละ
ภาพจาก วิกิพีเดีย
เราลองมาไล่เรียงกันดีกว่าว่าชายคนนี้ ชีวิตดีอย่างไรบ้าง
ในแง่ชีวิตรัก เขามีโอกาสได้เดทช่วงสั้นๆ กับนักร้องสาวเทเลอร์ สวิฟต์ ในปี 2013 ส่วนในปี 2015 ตกลงคบหาเป็นแฟนกับนางแบบสาวสวย มิรานด้า เคอร์ จนมาถึงปัจจุบัน (ประกาศหมั้นกับมิรานด้า ในเดือนกรกฎาคม 2016)
A photo posted by Miranda (@mirandakerr) on Sep 18, 2016 at 5:35pm PDT
A photo posted by Miranda (@mirandakerr) on May 14, 2016 at 3:35am PDT
ด้วยรูปร่างหน้าตาดี มีเทสต์ดีเรื่องแฟชั่น เคยได้รับรางวัลเป็นซีอีโอบริษัทเทคโนโลยีที่เด่นด้านแฟชั่นที่สุด และเคยถ่ายแบบลงปก Vogue Italy ฉบับตุลาคม 2015
ภาพจาก Vogue Italy
Spiegel ได้รับการนับถือว่ามีวิสัยทัศน์ด้านผลิตภัณฑ์ และในปี 2017 นี้ เขาเตรียมนำบริษัทเข้าตลาดหุ้นไอพีโอ ถือเป็นก้าวใหญ่ที่สำคัญของ Snapchat ที่ทุกคนจับตามอง
ที่มา - Business Insider
Comments
ผมยังงง เลยว่าแอพ มันคืออะไรอ่ะครับ หรือผมเทส ไม่ถึง
ผมว่าเหมือนแอพแชท + แอพอ่านข่าว
แอพแชทใช้ส่งภาพหรือคลิปแล้วลบทิ้งหลังจากนั้นไม่กี่วิ ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะภาพหรือคลิปที่รู้ๆกัน
App chat ครับ ฮิตมากในหมู่วัยรุ่น เพราะส่งข้อความ ภาพไวดี ส่งไปแล้วข้อความภาพหายไปเอง ส่วนเรื่องภาพอย่างว่ามันก็คงมี แต่คนเอาไว้แชทจริงๆก็มี เด่นที่ filter พวก filter ทำคนเป็นหน้าหมาที่ฮิตมากๆ ช่วงเทศกาล ช่วงหนังดัง ก็เพิ่มฟิลเตอร์มาให้เป็นช่วงๆ ต่างประเทศฮิตน่ะครับ เขาไม่ได้ใช้ Line แล้วดาราก็เล่นเยอะ เพราะโพสต์รูปอะไรก็ได้ 24ชม ก็จะหายไปเอง แล้วถ้ามีใครแคปหน้าจอ app ก็จะบอกด้วยใครแคปหน้าจอเราไป แบรนด์ต่างๆ นิตยสารก็มาใช้เยอะขึ้น แต่บ้านเราไม่ค่อยบูมครับ เล่นกันไม่เยอะ
เฮ้อ น่าอิจฉาคนที่เกิดมารวยจัง
อ่านประวัติเขาแล้วก็นะ.... "ชีวิตก็ไม่ยุติธรรมแบบนี้แหละ"
ถึงจะรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ (ว่าตัวเองโชคดี) แต่ผมว่าไม่ค่อยดีเท่าไรที่เลือกที่นำเสนอตัวเองออกมาแบบนี้ ยังไงการเลือกที่จะนำเสนอด้านที่ยากลำบากกว่าจะฝ่าฟันอุปสรรคมาจนประสบความสำเร็จมันย่อมต้องให้ประโยชน์กับสังคมมากกว่าอยู่แล้ว
นึกถึงเวลาอ่านพวกคอมเมนต์ที่ชอบพูดถึงคนที่ประสบความสำเร็จว่ามีพื้นฐานดีอย่างนู้นดีอย่างนี้ก็เลยประสบความสำเร็จ ทัศนคติแบบนี้พูดไปแล้วมันได้ประโยชน์อะไรขึ้นมาทั้งกับตัวเองและสังคม นอกจากแสดงให้เห็นว่ามีทัศนคติที่ยอมรับความพ่ายแพ้และล้มเหลวในชีวิต
ผมว่าเค้าแค่ใช้ชีวิตปกติของเค้านะ และที่เค้าพูดว่าเค้าเกิดมาโชคดีนั้นก็ตอนที่งาน stanford business conference
"I am a young, white, educated male," he once said at a Stanford business conference. "I got really, really lucky. And life isn't fair." ซึ่งถ้าเข้าใจสังคมอเมริกันก็คงรู้ว่าเค้าโชคดีจริงๆ อย่างไรก็ตามการที่เค้ากลายเป็นเศรษฐีพันล้าน มันก็ได้มาด้วยฝีมือ
เค้าก็ไม่ได้จะมาโชว์บ้านรวย หน้าตาดี แฟนสวยหรอก BI เอาชีวิตส่วนหนึ่งของเค้ามาทำให้คนอิจฉาเล่นๆ เจ้าตัวไม่ได้รู้เรื่องด้วย
ตามความเห็นของผมนะ ผมมองว่าเขาตอบได้แบบเข้าใจโลกดี ซึ่งมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ความยุติธรรมมันไม่เคยมีอยู่จริง เราต้องเผชิญกับความจริงข้อนี้ตั้งแต่เรายังไม่เกิดด้วยซ้ำครับ ส่วนเรื่องการเลือกนำเสนอตัวเองเท่าที่เคยเห็น คนที่อยู่ระดับนี้หลายคนไม่จำเป็นต้องคอยระวังสร้างภาพสักเท่าไหร่ เวลาพูดหรือทำอะไรก็มักจะสื่อสารออกไปตรงๆ อย่างที่คิด
ซึ่งเรื่องที่ว่าบางคนไปอ่านอะไรแบบนี้เข้าแล้วจะรู้สึกหดหู่มองตัวเองเป็น loser อันนี้ก็คงแล้วแต่มุมมองของใครของมัน เพราะตัวอย่างของคนที่สร้างเนื้อสร้างตัวเริ่มต้นจากศูนย์ก็มีให้เห็นเป็นตัวอย่างอยู่ไม่น้อย ตรงนี้ผมว่าเราสามารถเลือกคัดกรองเอาแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์มาปรับใช้ได้เองครับ
จริงๆ ผมก็เห็นเหมือนท่านทั้งสองน่ะแหละครับ แต่พอเวลามันผ่าน ผมก็อยากจะลองมองในมุมที่มันแตกต่างจากเดิมดูบ้าง
ผมจำได้ว่าเรื่องที่สปีเกลเคยพูดนี้ ผมอ่านจากฟีด BI ในเฟซ ซึ่งผม unfollow BI ไปนานพอสมควรแล้ว นั่นก็หมายความว่าเรื่องนี้น่าจะนานมากแล้ว และก็นั่นแหละครับ พอเราได้ผ่านการมองไปรอบนึงแล้ว บางครั้งมันก็อยากที่จะลองมองในมุมอื่นๆ ดูบ้าง
เคยเห็นคอมเมนต์ "เคยดูแล้ว" ที่ไม่ได้มีประโยชน์อะไร เวลามีคนเอาคลิปมาลงในกระทู้พันทิปไหมครับ แต่ก่อนผมเห็นแล้วก็ขำเพราะตัวเองก็เคยเป็นแบบนั้น วันนี้ผมก็แค่ลองพยายามพัฒนาความคิดตัวเองให้ทันหลายๆ ท่านในนี้ดูน่ะครับ หลายๆ ท่านนี่แสดงความเห็นแล้วรู้เลยว่าความคิดความอ่าน(และน่าจะอายุ ฮ่าๆ)ไปไกลมาก ส่วนบางท่านก็...ผมว่าผมไม่ยุ่งดีกว่า 55
ถ้าเขาบอกว่าผมประสบความสำเร็จด้วยตัวเอง ฝ่าฟันมาอย่างยากลำบากประสบความสำเร็จได้เพราะเก่งจริงๆ ก็ดูจะเป็นเรื่องโม้อวดตัวไปหน่อยนะ ในเมื่อพื้นฐานครอบครัวเขาก็รวยไม่แพ้บิลเกทส์ที่ก็โดนวิเคราะห์ทีหลังว่าอาศัยบารมีผู้ปกครอง
แต่บางคนก็ไต่มาจากระดับล่างจริงๆ เช่นแจ๊คหม่า สตีเวนจ๊อบส์
เออ แฮะ มันก็จริงนะครับ ผมเองก็เคยอ่านมาบ้างที่บิลเกตส์มีพื้นฐานที่ดี แต่ผมกลับคิดว่าไม่ค่อยมีผลเท่าไร อาจจะเพราะส่วนที่เป็นพื้นฐานที่ผมรับรู้มานั้นน้อยมากเทียบกับเรื่องราวอื่นๆ เลยคิดว่าสปีเกลก็น่าจะเหมือนกัน เพราะผมเชื่อว่าพื้นฐานเป็นเพียงส่วนน้อยนิดที่มีผลต่อความสำเร็จ แต่นั่นก็ขึ้นอยู่กับการตีความอยู่ดี อย่างล่าสุดเพิ่งเมื่อไม่กี่วันก่อนผมเพิ่งบังเอิญมีโอกาสได้รู้ว่าพ่อของซัคเคอร์เบิร์กได้จ้างติวเตอร์มาสอนเขียนโปรแกรมตั้งแต่ยังเด็ก(จนถึงกับตามไปไลค์พ่อซัคในเฟซเลยทีเดียว) แต่สงสัย subconcious ผมยังไม่นับรวมสิ่งนั้นเข้ากับคำว่าพื้นฐาน ตอนนี้สมองเลยยังไม่ตีความว่าพื้นฐานมีส่วนอย่างยิ่งในการประสบความสำเร็จ หรืออาจจะเป็นเพราะสมองผมไม่อยากจะยอมรับเรื่องนั้นเพราะมันจะทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองไกลจากความสำเร็จระดับนั้นเข้าไปอีก ฮ่าๆ
ถึงจะเกิดมาพื้นฐานดียังไง แต่ถ้าไม่มีความพยายามของตัวเอง ยังไงก็ไม่ประสพความสำเร็จ
แต่พื้นฐานดียังไงก็ได้เปรียบกว่าอ่ะนะ
ทำไมตอนนั้นถึงไม่ขายให้ facebook ล่ะครับ
ผมว่าคำตอบน่าจะออกมาสั้นๆ ง่ายๆ ว่า เพราะเขารวยและไม่ได้ลำบากในเรื่องการเงิน
ผมว่าแอพเค้าเนี่ยมาจากฝีมือล้วนๆแหละ แต่ถ้าเค้าไม่ได้ทำแอพตัวนี้ ผมว่าชีวิตเค้าก็คงอยู่ในระดับที่เรียกว่าดีอยู่แล้ว ด้วยเหตุนี้มั้ง เค้าถึงบอกว่าตัวเค้าโชคดี มโนล้วนๆ 555
..: เรื่อยไป
hahahahahaha ถ้าคุณไม่เคยเจ็บปวดถึงขีดสุด คุณจะซึ้งได้ไง ว่าสิ่งที่คุณกำลังได้รับอยู่นั้นมันมีความสุขขนาดไหน มันก็คงเป็นอีกวันนึงที่ดูจะสูงค่ากว่าคนอื่น คุณแค่รู้สึกว่ามันเจ๋ง แต่ในใจคุณไม่ได้ตื่นตันเหมือนคนที่ทุกสุดๆแล้วได้รับโอกาสที่ดีจนขนลุกไปทั้งตัว ทิดเอ้ยยยย ชีวิตดี๊ดีที่ตัวเองไม่เคยรู้ว่าอะไรดีที่สุดจริงๆในใจ
ออกแนวองุ่นเปรี้ยวหรือเปล่าครับ?
ผมว่า Evan Spiegel เองก็ไม่ได้ยกตัวเองว่ามีความสุขหรือดีเลิศกว่าคนอื่นนะครับ คำที่เค้ากล่าวคือ
ซึ่งคำพูดข้างต้นนั้นถ้ามองในมุมมองปกติแล้ว การบอกว่าตนเองได้อะไรมาเพราะโชคช่วยนั้นถือว่า Evan Spiegel ค่อนข้างถ่อมตนครับ ในกรณีนี้ผมเห็นด้วยกับคุณ Hus นะว่า Business Insider เอาชีวิตเค้ามาเขียนให้เป็นเรื่องใหญ่เอง
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
ครับ ก็ไม่ได้ว่าเค้าโชคร้าย แต่ถ้าบอกว่าชีวิตดี๊ดีผมว่ามันไม่ถูกทั้งหมด มันแค่ชีวิตโชคดี คนที่ชีวิตดี๊ดีจริงๆควรต้องได้รับความเสียใจบ้าง มีเจ็บ มีทุกข์ มีปัญหาหนักๆ ชีวิตถึงจะดี๊ดีจริงๆในความคิดผม เพราะมันเคยทุกข์มันถึงรู้ว่าสุขจริงๆคืออะไร มีอะไรเปรี้ยวครับ ผมงง
ปล. หากไม่รู้จักเจ็บปวด ก็คงไม่ซึ้งถึงความสุขใจ พี่บอยกล่าวไว้
ตามที่ผมเข้าใจและรู้สึกนะครับ คำว่าชีวิตดี๊ดีที่คนส่วนใหญ่เข้าใจคือการที่ทำอะไรก็ราบรื่นประสบความสำเร็จในหมด ทำอะไรก็ได้ผลลัพธ์เป็นบวกไม่ต้องตกระกำลำบาก ส่วนนิยามที่คุณว่ามาผมว่าใช้คำอื่นน่าจะตรงกว่า แต่ถ้าคุณอยากจะนิยามไปแบบนั้นก็คงไม่มีใครสามารถห้ามคุณได้
เจอตุลาการตีความเข้าให้แล้ว แหมมมม เอาๆ เอาของคุณเป็นหลักในสากลโลกเลยแล้วกัน ชีวิตดี๊ดีต่อไปนี้ไม่ได้หมายความว่ามีความสุขนะ เอาแบบนั้นเลย ลงใน Wiki
ปล. ผมสังเกตหลายๆเม้น พอแซะไอดอลเข้าหน่อย(ไม่ว่าคน บริษัท หรือวัตถุ) มาเลย "ไม่มีปัญญาซื้ออะดิ อิจฉาเค้าหนะซิ" จริงๆครับ ทุกคนก็อิจฉาสิ่งที่ดีกว่าที่ตัวเองมีอยู่แล้ว แต่คุณจะใส่มาแบบนี้ตั้งแต่ยังไม่คุยเหตุผลเลย เหมือนตราหน้าว่ามันเป็นแบบนั้นทุกกรณีไม่ได้หรอกมั้ง ยกให้คำพวกนี้เป็นคำประชดของคนชั้นกลางแห่งยุคเลย ยังไม่ทันจะคุยสาระ ไร้สาระนำมาแล้ว ทำไมครับ เป้าหมายอยากให้คนเป็นคนขี้อิจฉาเหมือนคุณทั้งโลกเลยเหรอ เหตุผลต้องมากก่อนซิครับ ไม่ใช่คำประชด แซะไอดอลไม่ได้เลยนะ พอรักแล้วทำอะไรก็ไม่ผิด พูดอะไรถูกหมดเลยเหรอ คนในข่าวมันพูดอะไรก็ถูกหมดเลยรึไง เพราะมันรวยใช่ป่ะ คุณถึงต้องมาด่าผมองุ่นเปรี้ยว hhahhaa
ผมงงหรือคุณงงกันแน่ ผมแค่มาอภิปรายเรื่องคำว่าชีวิตดี๊ดี แล้วน้ำๆ ที่คุณร่ายมามันคืออะไรครับ และที่สำคัญผมก็เข้าใจที่มาของคำๆ นี้ว่ามันเป็นคำที่เพิ่งเกิดใหม่ความหมายมันจึงยังดิ้นได้ ซึ่งผมก็ชี้แจงไว้บรรทัดสุดท้ายแล้วว่าถ้าคุณอยากจะนิยามคำนี้ว่ายังไงในตอนนี้ก็เป็นเรื่องของคุณ
แล้วคำว่า "องุ่นเปรี้ยวที่คุณกล่าวถึงเนี้ย" ผมควรดีใจและปล่อยมันไปใช่ป่ะครับ ได้ครับ เอาเป็นว่าคนในบทความ ชีวิตเค้าดี๊ดี ถูกต้องแล้ว แต่ถ้าผมจะบอกว่าชีวิตผมดี๊ดี นั้นไม่ใช่แค่เพราะเหตุผลในบทความแค่นั้น แต่มันคงต้องการอะไรมากกว่านั้น เท่านั้นเอง ผมก็เลยขอใช้คำว่า ชีวิตโชคดีเหมือนคนถูกหวยบ่อย แต่สำหรับคุณ แค่นั้นก็ดี๊ดีแล้ว
ถ้าอย่างนั้นคุณน่าจะ reply ผิดคนแล้วล่ะครับ เพราะผมไม่ได้พูดถึงองุ่นเปรี้ยวเลย
แปลว่าคุณอยากวิจารณ์ชีวิตใครก็วิจารณ์ได้(ยกตัวอย่างอีกกรณี) แต่พอมีคนวิจารณ์คุณบ้างคุณกลับโมโห?
จริงๆคุณอยากวิจารณ์อะไรใครคงไม่มีใครว่าหรอกครับ ถ้ามันเป็นการวิจารณ์ตามหลักเหตุและผล ไม่ใช่ไปวิจารณ์เค้าทั้งที่เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเค้าเลย(ยกตัวอย่างเช่นเรื่องนี้ คำว่าชีวิตดี๊ดีเองเค้าก็ไม่ได้เป็นคนพูดด้วยซ้ำ) มันกลายเป็นว่าคุณวิจารณ์เพราะอิจฉาตาร้อนแทน(คนปกติมักจะยินดีในความสำเร็จของผู้อื่น ไม่ใช่หาข่อด่างพร้อยในความสำเร็จของผู้อื่น) ลองกลับไปอ่านคอมเมนต์แรกของคุณเองก็ได้ครับ
ย้อนกลับไปอ่านข้างบน คุณบอกว่าคุณแซะจนคนต้องเข้ามาปกป้องไอดอล อันนี้ขอให้คุณมองมุมกลับนะครับว่าคนเค้าไม่ได้เข้ามาปกป้องไอดอลกัน แต่เข้ามาตำหนิการกระทำที่น่ารังเกียจของคุณมากกว่าหรือเปล่า? การไร้เหตุและผลมันก็อยู่ที่เม้นแรกของคุณอยู่แล้วครับ
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
อยากเจ็บปวดถึงขีดสุด มันก็ไม่ยากอะไรนี่ หยิบมีดมาเอามืออีกข้างวางไว้บนโต๊ะแล้วแทงลงไปให้เต็มแรง
แค่นี้ก็มีชีวิตดี๊ดีได้แล้ว