นโยบายสกัดกั้นผู้อพยพของ Donald Trump อาจเป็นเพียงแค่ปัญหาเล็กๆ ของวงการไอที เพราะก้าวต่อไปของ Trump อาจเป็นการเปลี่ยนนโยบายวีซ่าทำงาน H-1B แบบยกเครื่อง ส่งผลกระทบต่อบริษัทไอทีในสหรัฐที่ใช้แรงงานจากต่างประเทศจำนวนมาก
สำนักข่าว Bloomberg รายงานข่าววงในว่าทีมงานของ Trump กำลังร่างนโยบายวีซ่าทำงานแบบใหม่ บังคับให้บริษัทอเมริกันต้อง "จ้างคนอเมริกันก่อน" (hire American first) และถ้าจำเป็นต้องจ่ายคนต่างชาติ รัฐบาลจะจัดลำดับความสำคัญตามค่าจ้าง คนที่มีค่าจ้างสูงก็มีโอกาสจะได้รับการอนุมัติวีซ่ามากกว่านั่นเอง
นโยบายนี้ออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาที่บริษัทอเมริกันในช่วงหลัง นำแรงงานราคาถูกจากต่างประเทศ (กรณีของวงการไอทีคือแรงงานจากอินเดีย) เข้ามาทำงาน และเป็นผลให้คนอเมริกันที่ค่าจ้างแพงกว่าไม่มีงานทำ
ถ้าคำสั่งประธานาธิบดีฉบับนี้ออกมาจริง นอกจากบริษัทไอทีในอเมริกาจะได้รับผลกระทบแล้ว บริษัทอีกกลุ่มที่จะโดนด้วยคือบริษัทไอทีในอินเดียที่รับงานเอาต์ซอร์ส เช่น Tata Consultancy Services, Infosys, Wipro ซึ่งใช้วิธีส่งคนไปทำงานในอเมริกา ผ่านวีซ่าทำงาน H-1B ในลักษณะนี้
ที่มา - Bloomberg
Comments
เงิบเลยอยู่ดี CEO บริษัทไอทียักษ์ใหญ่โดนถอดวีซ่านิขำไม่ออกเลย มันจักลายเป็นไปตั้งบริษัทลูกที่ต่างประเทศกันหมดหรือเปล่า
จากที่อ่านเขาป้องกันแรงงานราคาถูกมาแย่งงานคนเมกันนะ
พวก ceo ที่รับเงินเดือน 1usd ล่ะ?
อันนี้น่าคิด
กลายเป็นแรงงานราคาถูกทันที
ก็เพิ่มเงินเดือนตัวเอง ไม่ยากครับ ตำแหน่งสูงๆ ไม่มีเรื่องให้กังวลหรอก
May the Force Close be with you. || @nuttyi
คนที่มีค่าจ้างสูงก็มีโอกาสจะได้รับการอนุมัติวีซ่ามากกว่า
CEO ที่มาจากต่างประเทศส่วนใหญ่ไม่ถือ Green Card ก็แปลงเป็น citizen ไปแล้วครับ ฉะนั้น Sundar กับ Satya ไม่โดนแน่นอนครับ และเมกามีกฏที่ว่าถ้าคุณลงทุนในสหรัฐมากกว่าจำนวนหนึ่งขึ้นไป (ถ้าจำไม่ผิดคือ $1M) สามารถยื่นขอ GC ได้
แล้วคนอเมริกันเขาจะอยากทำงานแทนคนที่ค่าจ้างถูกๆหรอ
เหมือนไทยที่จ้างแรงงานต่างด้าวตาม ร้านขายของ, บริกร ไรงี้
H-1B เป็นวีซ่าแรงงานที่มี skill ครับคือต้องจบป.ตรีขึ้นไป (โควต้าตรีขึ้นไป 45,000 กับ โทขึ้นไป 15,000 ตำแหน่งต่อปี) โดยมีกฏว่าจะต้องเป็นแรงงานที่คนเมกาทำไม่ได้หรือขาดแคลน และต้องติดประกาศที่บอร์ดหางานของบริษัทอย่างเปิดเผย ฉะนั้นจะไม่ใช่แรงงานตามร้านขายของหรือ บริกรครับ
โอ้ เข้าใจแล้วครับผม ขอบคุณมากครับ
ตั้งบริษัทลูกต่างชาติ
ให้ programmer, สถาปนิก, วิศวกร ต่างชาติทำงาน แล้วให้คนอเมริกาเข้าไปดูหรือตรวจสอบงานที่ต่างประเทศแทน
หรือ ออกแบบที่ต่างประเทศ ส่งแบบให้บริษัทแม่ที่อเมริกา หรือ Remote ทำงานจากต่างประเทศ
อีกอย่างต้นทุนจ้างที่ปรึกษาจะสูงขึ้นเพราะค่าแรงคนเมริกาสูงกว่าคนต่างชาติ
ขอให้เป็นแค่ลือแล้วกัน แต่ก็มีความเป็นไปได้สูง คนอย่างTrumpน่าจะเอาจริงกับเรื่องนี้ ตามนโยบายที่เกี่ยวกับคนต่างชาติ ตอนที่หาเสียงไว้
จริงๆแอปเปิลน่าจะเตรียมการไว้นานแล้วนะครับ
พอสร้างยานเสร็จก็บินไปนอกโลกเลย
Trump เหมือนคนที่มีความคิดที่ยังอยู่ในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม
เปลี่ยนจาก บ. เอาคนต่างประเทศเขาไปทำงานในประเทศ เป็น งานย้ายไปอยู่ในต่างประเทศ
อืม ... ฉลาดล้ำ
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
Canada นี่ยิ้มเลย :)
ถ้าย้ายเยอะๆคงมีมาตรการตามมา
เจอแบบนี้น่าย้ายคนไป Canada นะ
ถ้าย้ายไปจริงๆ ประเด็นภาษีจะเป็นยังไงบ้าง
บ้านเขาเรียกคนไอที เงินเดือนขนาดนั้นว่าแรงานราคาถูก พอมาดูบ้านเรา ถถถถถ
ต้นทุนเพิ่มเมื่อไหร่ เตรียมลุ้นกับราคาสินค้าได้เลยครับ
อย่างนี้ค่ายจีนคงนั่งยิ้มเลย ขายสินค้าตลาดโลกมีช่องว่างให้แข่งได้มากขึ้นอีก
จีนก็โดน Vat Wall, License Wall
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ความคิดบางอย่างเหมือนจะดี แต่ทำทันทีกระทันหันมันเหมือนจบเห่ทันที
ปัญหาของวงการไอทีคือหาคนมาทำงานไม่ได้นี่แหละครับ
เด็กอเมริกันในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ติดนิสัยไปทาง Law หรือทางบริหารธุรกิจกันซะมากจนฟองสบู่แตก งานพวกวิศวกรรมขาดแคลนมาก พึ่งจะเริ่มมา rebound ทีหลัง
Shut up and ヽ༼ຈل͜ຈ༽ノ raise your dongers ヽ༼ຈل͜ຈ༽ノ
ก็เพราะ LAW ART และ Business ผ่านไปร้อยปีมันแทบไม่เคยเปลี่ยน แต่ IT มันเปลี่ยนกันทุกปีนี่ครับ... ผมคนนึงล่ะที่จบ IT แต่ไปทำงานสายบริหารธุรกิจ เด็กสมัยใหม่ๆ ก็อยากหาอะไรที่มันสบายๆ ทั้งนั้น
แล้วประชาชนอเมริกาว่าไงครับ ใครพอติดตามข่าวสารช่วยเล่าหน่อย
ขอบคุณครับ
นี่เป็นหนึ่งในนโยบายตอนหาเสียงของทรัมป์
และก็เป็นหนึ่งในนโยบายที่ทำให้ทรัมป์ชนะด้วยครับ
หางานให้คนเมกา ลดโอกาสการถูกชาวต่างชาติแย่งงาน มีใครบ้างไม่ชอบ
เพราะในเมกาตอนนี้ อัตราคนว่างงานสูงมาก
เหล่าบรรดาคนวัยกลางคนขึ้นไปน่าจะชอบ
แต่บรรดาคนรุ่นใหม่ก็ต่อต้านกันละครับ
ปัญหาคือ ไอ้งานที่มีความต้องการมากดันไม่มีคนไปทำ 55
ถูกต้องนะครับ ที่ตกงานอย่างแรกก็คือมันเลือกงาน+เรื่องมาก
นโยบายทรัพมป์เหมือนจะดี แต่มันคือยาพิษเคลือบน้ำตาลดีๆนี่เอง
อุ๊ย รู้สึกเหมือนคนประเทศแถวๆ นี้
ปัญหาแรงงานต่างด้าวไทยกับอเมริกานี่เหมือนกันเป๊ะครับ
คนเขาโวยตั้งแต่ตอนหาเสียงแล้ว
เมืองที่ผมอยู่พวกเม็กซิกันที่เป็นซิติเซ่นยังโวย แฉแหลกอีกต่างหากว่า ปัญญานิ่ม (เขาด่าทรัมป์ประมาณนี้นะ) เพราะงานที่อ้างว่าโดนแย่งเนี่ย คนอเมริกันไม่ไปทำครับ ทั้งเลือกงานและเรื่องมาก คนที่ไม่เรื่องมากก็ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องตกงาน คืองานมันมีให้ทำเยอะแต่พี่ท่านเลือกจะเอางานเงินเดือนเยอะๆอย่างเดียว
ทำไมนายจ้างไม่อยากจ้างแพงก็คุณพี่ท่านทำงานทำงานให้ได้มาตรฐานไหม พอได้มาตรฐานก็เรียกค่าแรงสูงจนนายจ้างหน่าย
ผมอยากถามจริงๆว่าพวกที่เห็นด้วยกับทรัมป์ ไปทำงานอย่างว่าไหม อยู่ตามไร่น่าอยู่ตามไร่ส้ม
งานที่พวกเม็กซิกันทำก็คืองานที่พวกคนอเมริกันไม่ทำครับ
คือถ้ามาแย่งงานแล้วพอไล่กลับไปตนเองก็ไปทำงานงานแทนจะไม่ว่าอะไรเลย
นี่พอไล่กลับตนเองก็เลือกงานไม่ไปทำงานที่ว่าเหมือนเดิม
ปัญหาเดียวกับไทยเลยเด๊ะๆ
พวกที่เลือกทรัมป์ส่วนใหญ่เป็นผลผลิตมาจากยุค Baby Boomer ที่ชอบยกตัวเองกันว่าทำงานหนักนั่นแหละ
เขาเกิดมาในยุคที่งานในไลน์การผลิตยังเยอะและทำรายได้ดี... พองานพวกนี้หายไปสังคมก็เริ่มมีปัญหา
งานมีอีกมากมายที่คนอเมริกันไม่ยอมทำ เช่นงานบริการ ว่ากันว่าถ้าเนรเทศคนเม็กซิโกออกจริง ธุรกิจร้านอาหารและโรงแรมพังพินาศก่อนเลยครับ
หรืออย่างงานด้าน STEM ทั้งหมด ส่วนใหญ่เป็นคน เอเซีย... ภาควิชาผม Prof 4 คนมีอเมริกันคนเดียวนะครับ นักเรียนเอง ในระดับ Grad School ก็คนอเมริกันน้อยมาก พึ่งกลับมามีก็ปี 2 ปีนี้เองและเป็นคนผิวสีซะเยอะ
ไม่ต้องนับพวกไร่มะเขือเทศ ไร่ส้ม ไร่พริกนรก ทั้งหลาย อันนี้หนักแน่นอน
Shut up and ヽ༼ຈل͜ຈ༽ノ raise your dongers ヽ༼ຈل͜ຈ༽ノ
ย้ายที่ตั้งบริษัทไปอยู่ต่างประเทศแทนดีไม่ดีต้นทุนถูกกว่าอีก
เดี๋ยวนะ!!! ปกติเค้าก็เขียนไว้ชัดเจนไม่ใช่เหรอครับ ว่าต้องหาคนสัญชาติอเมริกันก่อน ถ้าหาไม่ได้ค่อยนำเข้าแรงงานจากสัญชาติอื่น บริษัทส่วนใหญ่ก็เลยให้ยื่น B1/B2 แทน ตอนเข้าประเทศก็บอกไปคุยธุรกิจกับคู่ค้าแทนที่จะบอกว่าไปทำงาน
ปัจจุบันนี้วีซ่า H-1B (วีซ่าทำงานยอดนิยมของ tech workers) มีการกำหนดเงินเดือนขั้นต่ำอยู่แล้วว่าถ้าไม่ให้เงินเดือน >= เท่านี้ จะไม่สามารถขอวีซ่าได้
เท่าที่ศึกษาข่าวมา มีโอกาสที่รัฐบาลจะเพิ่มจำนวนเงินเดือนขั้นต่ำนั้น ทำให้แรงงานไอทีที่มีเงินเดือนต่ำ (เท่าที่เข้าใจมักจะ < $100k/yr) น่าจะเป็นผู้ถูกกระทบมากที่สุด ซึ่งคนจำนวนมากเหล่านั้นก็มักมาจากบริษัท outsource ตามที่เนื้อข่าวปรากฏ เพราะฉะนั้นพวกบริษัท tech ยักษ์ใหญ่ทั้งหลายที่จ่ายเงินเดือนพนักงานได้สูงกว่านั้นอยู่แล้ว (ใน Silicon Valley เงินเดือนของ SWE มักจะ > $100/yr) ไม่ควรจะมีผลกระทบในด้านร้าย แต่กลับจะเป็นผลกระทบในแง่ดีด้วยซ้ำไป แต่ก็อาจจะไม่เสมอไปเพราะบริษัทนอก SV อาจจะจ้างพนักงานด้วยเงินเดือนที่ต่ำกว่านี้ เนื่องจากค่าครองชีพที่แตกต่างกัน
ผู้อพยบเก่ารู้สึกว่า ผู้อพยบใหม่แย่งงานหนะเหรอ เอออก็แปลกดี
ไม่น่าแปลก อินเดียแดงก็คงรู้สึกว่าพวกเขาถูกแย่งดินแดนและอาชีพเหมือนกัน
ของแบบนี้อยู่ที่ใครเขี้ยวและไหวตัวทัน หรือปรับตัวแก้ปัญหาได้ ถ้าทำไม่ได้ก็คงมีสภาพเหมือนอินเดียแดง
ถ้าตอนนั้นอินเดียแดงไม่ไปช่วยพวกคนขาวจนตั้งถิ่นฐานสำเร็จ ทุกวันนี้อเมริกาอาจจะยังเป็นของอินเดียแดงก็ได้