ก่อนหน้านี้ไม่นานนัก Uber ต้องพบกับแคมเปญ #DeleteUber เพื่อต่อต้านท่าทีของผู้บริหารบริษัท Travis Kalanick ที่ไปสนับสนุน Donald Trump ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งทำให้สุดท้ายเขาต้องลาออกเพราะทานกระแสไม่ไหว
ล่าสุด ตอนนี้กระแส #DeleteUber กลับมาอีกครั้ง ด้วยเหตุการณ์ที่มีอดีตวิศวกรหญิงออกมาแฉปัญหาล่วงละเมิดทางเพศพนักงานหญิง และการปฏิบัติต่อพนักงานหญิงอย่างไม่เท่าเทียมกันของทางบริษัท ซึ่งใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีคนติดแท็ก #DeleteUber ถึง 1,000 คนบน Twitter ในโพสต์ทั้งหมด 1,388 โพสต์ และมี impression ต่อเรื่องดังกล่าวมากถึง 30 ล้านครั้ง ซึ่งสูงกว่ากระแสในครั้งแรกถึง 5 ล้านครั้ง (ข้อมูลจาก Keyhole)
ก่อนหน้านี้ แคมเปญ #DeleteUber ก็ทำให้ทางบริษัทเสียหายไปไม่น้อย เพราะว่ามีผู้ที่ไม่พอใจลบบัญชีไปถึง 2 แสนบัญชี และทำให้บริษัทคู่แข่งของ Uber อย่าง Lyft มียอดดาวน์โหลดพุ่งทันทีหลังจากแคมเปญนี้ เนื่องจากมีคนดังหลายคนเข้าร่วมแคมเปญด้วย ซึ่งก็ต้องรอดูต่อไปว่า Uber จะแก้ปัญหาภายในบริษัทได้เร็วแค่ไหน และผลกระทบในครั้งนี้จะสูญเสียต่อตัวบริษัทเป็นมูลค่าเท่าใด
ที่มา - The Verge
Comments
Uber เป็นบริษัทที่ไม่เคยเห็นข่าวดีเลย เจอแต่ปัญหาตลอดแต่บริษัทมันก็ยังคงอยู่ได้ เหลือเชื่อจริงๆ
เพราะผู้ใช้บริการอยากได้ทางเลือกที่ดีกว่า ซึ่งจะกลายเป็นประสบการณ์ตรงต่อตนเอง ส่วนเรื่องร้ายๆ เป็นประสบการณ์อ้อมครับ อันนี้พูดแบบใช้ภาษาอ้อมๆ อ่ะนะ ถ้าพูดตรงๆ ก็คือคนก็สนแต่เรื่องตัวเองอ่ะ
เห็นด้วยครับ... สำหรับผม UX สำหรับตัว Uber ยังดีกว่า Lyft และ Fasten อยู่จริงๆ เลยยังใช่บ่อยกว่าแอพอื่น
มีโอกาสได้แว๊บไปทำงานที่ซาน ฟรานซิสโกกับซานโฮเซ่อยู่ช่วงนึง แทบทุกคนใช้แต่ Uber ครับ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน อาจเป็นเพราะเค้าครองตลาดไปก่อน หรือผมอยู่ในวงแคบๆ
ผมเป็น Front-end engineer ให้เอเจนซี่ใน Singapore ที่มีลูกค้าอยู่ที่นั่น เลยได้ไปใช้แรงงานอยู่ช่วงนึง
ท่าที่ => ท่าที