เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มีประเด็นเป็นที่ถกเถียงในบ้านเราที่ BTS ประกาศงดรับเติมเงินบัตร Rabbit ด้วยบัตรเครดิต ว่าเป็นการถอยหลังลงคลอง ในความพยายามผลักดันการเป็น Cashless Society
ล่าสุดมีอีกกรณีที่มีความคล้ายแต่สวนทางกัน เมื่อสิงคโปร์เตรียมจะเปิดให้ประชาชนสามารถใช้บัตรเครดิตหรือเดบิตแบบ contactless ของ Mastercard ในการจ่ายค่าบริการรถสาธารณะได้โดยตรง ทั้งรถเมล์และ MRT โดยไม่จำเป็นต้องผ่านตัวกลางอย่างบัตรเติมเงินอีกแล้ว
ภาพจาก Pixabay
กรมการขนส่งทางบกของสิงคโปร์เตรียมจะทดสอบระบบ Account-Based Ticketing (ABT) ที่ผู้ใช้สามารถแตะบัตรเครดิตแบบ Contactless เพื่อผ่านประตูหรือใช้บริการรถสาธารณะได้โดยตรงในวันที่ 20 มีนาคมนี้ โดยผู้ใช้จะถูกเรียกเก็บเงินเมื่อตัดรอบบิลตามปกติของบัตรเครดิต
ทางกรมการขนส่งและ Mastercard ตั้งเป้าว่าจะมีผู้เข้าร่วมทดสอบราว 100,000 คน โดยสิงคโปร์เป็นประเทศแรกในเอเชียและเป็นเพียงไม่กี่ประเทศในโลกที่นำร่องระบบนี้ และเมื่อถูกถามถึงการร่วมมือกับ VISA ที่มี PayWave เช่นกัน กรมการขนส่งระบุว่า มีแผนจะขยายความร่วมมือกับผู้ให้บริการทางการเงินเจ้าอื่นๆ เมื่อเปิดใช้งานระบบอย่างเป็นทางการแล้ว
ที่มา - The Strait Times
Comments
ผมว่าไม่ได้สวนทางกับ bts นะ ของ bts เค้าไม่ให้เติมผ่านบัตรเครดิตเพราะเรื่องเอาไปจ่ายอย่างอื่นมากกว่า ถ้าจ่ายบัตรเครดิตแล้วมาซื้อบริการเค้าต่อ หรือเติมเที่ยวกับยังรับ
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
BTS เป็นคนตัดสินใจเอาบัตรเติมเงินไป "ขยาย" บริการเองครับ เพราะอยากได้ผลประโยชน์เพิ่มเติม
แต่พอผลประโยชน์เพิ่มเติมไม่พอ หรือมองว่าไม่คุ้มก็มาเพิ่มข้อจำกัด กับคนที่เดินทางไม่บ่อยนัก หรือเดินทางสั้นๆ (ซึ่งไม่มีบัตรเติมรอบที่คุ้มค่าเลย)
lewcpe.com, @wasonliw
โดนใจใช่เลย ไม่ยอมเอาตู้ที่เติมเงินในบัตรอัตโนมัติและรับธนบัตรได้มา บีบบังคับให้เอาเงินไปฝากเค้าแล้วได้เป็นบัตรแครอทออกมา คนเดินทางไม่บ่อยที่ไม่ยอมเอาเงินไปวางไว้ก็ต้องมาต่อคิวสองเด้ง ทำให้มันยากเข้าไว้
คือผมไม่ได้สนใจแครอทอะไร ไม่เคยคิดจะเอามันไปซื้อบริการอื่นใด แค่จะใช้มันเป็น stored value card สำหรับเดินทาง BTS เพื่อประหยัดเวลา/ค่าใช้จ่ายในการเดินทางในกรุงเทพชั้นใน ทำไม BTS ต้องทำให้มันยุ่งยากขึ้นไปเรื่อยๆ
ใช่ครับ ผมก็เห็นด้วย แต่ผมคิดว่าคนละเรื่องกับข่าวนี้
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
คนละเรื่องอย่างไรหรือครับ สุดท้ายคือผู้บริโภคที่ไม่ได้มีเส้นทางชีวิตตรงกับบัตรโปรโมชั่นต่างๆ ของบริษัทเดินรถก็สามารถใช้งานได้อย่างสะดวก
ส่วน BTS กำลังสร้างความลำบากให้กับคนที่ไม่ได้ใช้ชีวิตตรงกับโปรโมชั่นบัตร 30 วันของตัวเองอย่างต่อเนื่อง ยกเลิกบัตรเติมเงินที่ไม่ใช่ Rabbit ไปเอง แล้วมาสร้างเงื่อนไขเพิ่มเติมโดยไม่เปิดทางเลือก
ถ้า BTS แบกรับค่าธรรมเนียมอื่นไม่ไหว บริษัทมีทางเลือกคือกลับมาออกบัตรเติมเงินที่ใช้ขึ้น BTS ได้อย่างเดียวครับ (ซึ่งบริษัทยกเลิกไปเองตั้งแต่ปี 2555) เปิดทางให้ผู้ถือบัตรเดิมเปลี่ยนบัตรได้ฟรีหรือ convert บัตรได้อะไรก็ว่าไป
แต่บริษัทไม่ทำเพราะอยากขยายธุรกิจรับจ่ายเงินแล้วก็โยนภาระให้ผู้บริโภค
lewcpe.com, @wasonliw
เพราะผมเห็นว่ามันเป็นเรื่องเติมเงินนั่นแหละครับ ที่ BTS ไม่ยอมรับบัตรเครดิต สร้างปัญหาให้กับคนใช้หลายๆ คน ซึ่งมันตรงกันข้ามกับสิงคโปร์ไงครับ
ก็เค้าเปลี่ยนพอซิชั่นผลิตภัณฑ์ตัวเอง กฎเกณฑ์ก็ต้องย่อมเกี่ยวด้วยสิครับ
ครับ พอเปลี่ยนแล้วลูกค้าที่ได้รับความลำบากด่า (และเป็นลูกค้าในธุรกิจหลัก) ก็สมควรโดนแล้วครับ
lewcpe.com, @wasonliw
ลูกค้าก็มีสิทธิ์บ่น/ด่า สิครับ ไหนจะเรื่องโฆษณาในตู้โดยสารที่ดังมาก นี่ประหนึ่งว่าเราไปขึ้นรถฟรีแล้วมีโฆษณาอะไรอย่างงั้นเลย
แถมเรื่องอีกเรื่อง BTS นี่เสียบ่อยมากและเลือกเวลาเสียได้ดีมาก
ลองไปดูประเทศใกล้ๆนี่อย่างในรูปประกอบข่าวสิครับ เงียบเรียบร้อยและสะดวกกว่ามาก
ที่ไม่โอเคเอามากๆ คือเสียงโฆษณาที่ต่อท้ายการประกาศชื่อสถานี แต่ดังกว่าเสียงชื่อสถานีอีก
โห!!! เรื่องเสียงโฆษณานี่รำคาญมาก เห็นด้วยกับคำว่า เราขอไปขึ้นฟรีอย่างงั้นเลย
ล่าสุดไป ฮ่องกงมา รถเงียบมาก (มีการคุยบ้าง เป็นธรรมดา) ประทับใจ
// ไว้อาลัยแด่โลกที่ 3
ของไทยนี่สุดๆ ตั้งแต่ผ่านประตูทางเข้า ก็เจอ ป้ายกันตรงชานชาลาก็เจอ ในตู้โดยสารก็เจอ แถมมีทั้งภาพ ทั้งเสียง
แต่ขอโทษ คิดสถาพดู ถ้าเป็นคนไม่เคยขี้น ไม่คุ้นทาง เราอยากได้ยินโฆษณาเครื่องซักผ้า น้ำยาปรับผ้านุ่มไหม เราอยากได้ข้อมูลที่บอกว่าเราอยู่สถานีไหน ป้ายที่กำลังจะไป ชื่ออะไร (จะได้เตรียมตัวลง) ปรากฎว่ามันเอาแต่ขึ้นโฆษณาตลอดเวลา ขึ้นชื่อสถานีเป็นแค่ตัววิ่ง ถ้าคนแน่นๆ มองไม่เห็นหรอก พอบอกเป็นเสียง ก็แค่สั้นๆ บอกตรงๆ น่าอนาถมาก
อยากให้ ถึงวันที่ ทุกอย่างผูกกับ บัตรประชาชน ที่ ไปไหนมาไหนก็ ต้อง รูดบัตร ปชช ก่อนแล้วค่อย รูด บัตร เดบิต หรือ ใช้ NFC
ผมว่าบัตรประชาชนนี่น่ากลัวกว่าบัตรเดรดิตอีก บัตรเครดิตหาย โทรไปยกเลิกได้ยี่สิบสี่ชั่วโมง พอบัตรประชาชนล่ะ โน่นไปติดต่อเขต หอบทะเบียนบ้าน หนังสือเดินทาง/ใบขับขี่ไปยืนยันตัว แถมบริการไม่ดี ด่าไม่ได้ ไม่มีตัวเลือก
ครับผมหมายถึง ใช้ ด้วยกัน พร้อมกัน ยืนยันตัวตันก่อนใช้นะครับ จะจ่ายอะไร จะซื้ออะไร แบบนี้ ไม่ใช่ เอาไปจ่ายเงินนะครับ
แล้วถ้าบัตรหาย ไปอยู่กับมือคนอื่น ผมต้องไปแจ้งยกเลิกไหมครับ?
ผมอยากได้มากเลยนะครับระบบยกเลิกบัตรประชาชนใบเก่าเนี่ย ทุกวันนี้ทำหายแล้วกลัวมากเพราะแค่เขาเอาไปถ่ายเอกสารแล้วเซ็นๆก็ได้สำเนามาละ
ผมว่า เดี๋ยวนี้เจ้าหน้าทร่เค้าบริการดีนะ สุภาพมาก
ปล.ผมใช้เขตหลักสี่
อาจจะไม่มีวันนั้นครับ 555+
แล้วแมงมุมมา ไม่ยุ่งกว่านี้หรอคับ
เวลาดูสาวชอบดูสาวขาวๆ Sex Sex เวลาดู Notebook ชอบแบบ"ถึกๆดำๆ"
Twitter : @Zerntrino
G+ : Zerntrino Plus
BTS ปอดไงครับ อยากได้เงินมาหมุนก่อนแต่ไม่ยอมเสียค่าธรรมเนียม เอาแต่ได้ จริงๆเอาเงินมาหมุนแล้วเสียค่าธรรมเนียมยังถูกกว่ากู้ธนาคารอีก
พวก e-Wallet ถูกควบคุมโดยแบงค์ชาติ เอาไปหมุนไม่ได้นะครับ
lewcpe.com, @wasonliw
อันนี้เพิ่งรู้ ขอบคุณครับ
แต่บ้านเรา กำลังจะจ่ายค่าทางด่วนด้วยบัตร VisaPayWave ได้แล้วนะครับ เอาบัตรแตะที่เครื่องอ่านได้เลย กำลังทดสอบกันอยู่ แต่จะมีค่าธรรมเนียม 2% คือค่าทางด่วน 50 บาท ถ้าจ่ายด้วย PayWave จะเสีย 51 บาท
ทางด่วนแตะเอาหรอมันคงเร็วน้อยกว่าจ่ายโดยไม่ต้องทอนเงินนิดนึง แต่ก็ยังไม่เท่า easypass น่าจะทำให้ easypass แตะแล้วหักผ่านบัตรไปเลยก็น่าจะดี
อย่าเลยครับ เดี๋ยวคันหลังรู้หมดว่าวงเงินเต็ม
ผมว่าอันนี้ไม่เวิร์ค ถ้าจะทำก็ควรเป็นแบบ EasyPass ไปเลยมากกว่าครับ (แต่อยากให้ใช้ solution ที่แม่นกว่านี้ กับทำให้คนเลิกโบกบัตรซะที เอาแบบฝังไว้ใต้เสา A ไปจะขอบคุณมาก)
สุดท้ายแล้วก็ติดหน้าด่านเหมือนเดิม
ถ้าเทียบกับคูปองกระดาษแบบเมื่อก่อนแล้ว แบบกระดาษยังน่าจะไวกว่าอีกครับ
ผมไม่เคยจอดรถนะครับ ขับผ่านด้วยความเร็ว ~30 km/hr ตลอด ยังไงก็น่าจะเร็วกว่าคูปองกระดาษ (ที่ผมไม่เคยใช้)
แต่ว่ามันเปิดช้าและระยะประชิดมากครับ ถ้ายื่นระยะสแกนให้ไกลจากเสาประตูเปิด-ปิดมากกว่านี้ได้ก็จะดีมาก
สังเกตว่ารูปภาพในข่าวไม่มีจอโฆษณาแบบ BTS บ้านเรา
บางประเทศอย่างญี่ปุ่น ไม่ใช้บัตรเครดิตแตะเข้าระบบรถไฟฟ้าเพราะมีข้อจำกัดทางเทคนิคว่าต้องประมวลผลเวลาผ่านประตูตั๋วสถานีให้ได้ภายใน 1.15 วินาที ประตูตั๋วสถานีความยาว 1.15 เมตร ก็คือให้เซนติเมตรละ 10ms (ปัจจุบันทำได้อยู่ที่ 700ms)
แต่เวลาใช้บัตรโดยสาร ต้องคำนึงเวลาที่ใช้ในการอ่านบัตร (และต้องให้สามารถแตะแล้วเดินผ่านเลย ไม่ใช่แตะแล้วรอแล้วค่อยเดินผ่านแบบบ้านเรา) ทำให้มีเวลาประมวลผลจริงๆ แค่ราวๆ 200ms
ซึ่งระบบตัดบัตรเครดิตใช้เวลาเกินนี้อยู่แล้ว เลยอดสงสัยไม่ได้ว่า Mastercard จะแก้ปัญหานี้ได้ยังไง ถ้าอยากให้การแตะบัตรเครดิตเข้าระบบรถไฟฟ้าเป็นที่นิยมขึ้น (เพราะเข้าใจว่า requirement นี้ บางประเทศก็มีเหมีอนกัน)
เหมือนกับว่าที่ london ก็แอบนานกว่าบัตรปกติ ยิ่งใช้พวก apple pay ยิ่งนาน เพราะพวกเวลา authenticate แต่ประตูไม่เหมือนที่ญี่ปุ่น
พวกบัตรชิปนี่เข้าใจว่ามันรองรับ offline authenticate กับรายการมูลค่าน้อยๆ นะครับ จ่ายเงินแบบนี้น่าจะเข้าข่าย
แต่เรื่องความเสี่ยงพวก fraud นี่เวลาทำ offline แล้วจะจัดการกันยังไง?
lewcpe.com, @wasonliw
ผมไม่ค่อยรู้เรื่องฝั่ง offline authentication เท่าไหร่ แต่ลองค้นๆ ดูแล้วเจอบทความนึงบอกว่า ODA ทำได้ที่ราวๆ 500ms ถ้าหาก requirement ไม่โหดแบบญี่ปุ่นคงน่าจะพอไหวจริงๆ ครับ
เรื่อง fraud ถ้าเป็น ODA เท่าที่ลองอ่านดูจำเป็นต้องมีการตรวจ signature ของบัตรทุกครั้งที่เกิด ODA ขึ้น น่าจะปลอดภัยพอสมควรกับเรื่องบัตรปลอม แต่ที่น่าเป็นห่วงคือ operator ไม่สามารถเช็คได้ทันทีว่าบัตรใช้ได้จริงหรือเปล่า (เช่นบัตรไม่ถูกอายัต หรือมีวงเงินเหลือพอ เพราะจะรู้ยอดที่ต้องหักเมื่อผู้โดยสารออกจากระบบรถไฟฟ้า) ส่วนนี้สงสัยเหมือนกันว่าจะแก้ยังไง
ก่อนที่จะยกเลิก น่าจะลองนำร่องด้วยการ เสียค่าธรรมเนียมสำหรับการเติมเงินเพิ่มด้วยบัตรเครดิตก่อนนะ เผื่อจะลดกระแสลงได้บ้าง
/มอง
แต่บ้านเราคนกลับไม่นิยมใช้ contactless บนบัตรเครดิตเท่าไร Visa Paywave นี่แทบไม่เคยเห็นคนใช้
That is the way things are.
ผม "พยายาม" ใช้อย่างหนักนะครับ (เพราะบัตรที่ใช้ส่ง SMS ฟรีทุกครั้งถ้าใช้ contactless)
ปรากฎว่าแคชเชียร์ "พยายาม" ไม่รับอย่างหนักเช่นเดียวกัน ทั้งที่ติด EDC แยกไว้ข้างหน้า สารพัดทั้งหาเมนูไม่เจอ ใช้ไม่เป็น เดี๋ยวแตะบัตรไม่ผ่าน ฯลฯ
lewcpe.com, @wasonliw
ผมไม่เคยใช้แต่เคยสอบถามพนักงานออยู่เรื่อย ๆ ว่ามีคนใช้บ้างไหม ทุกครั้งที่ถามพนักงานก็บอกไม่ค่อยมีคนใช้ตลอด ก็ไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกันครับว่าทำไม อาจจะสมัครบัตรยาก มีเงื่อนไขการใช้งาน ยอดการใช้งานไม่สอดคล้องกับจุดรับบัตร เช่น ไปตั้ง EDC ในห้างที่ยอดการใช้จ่ายเกินระดับ micro payment ไปแล้ว เป็นต้น
แต่อีกใจหนึ่งก็ไม่ค่อยอยากสนับสนุนบัตรเครดิตมากนัก มีอยู่แค่ไม่กี่เจ้า Visa, MasterCard, Amex เหมือนเราเอาเงินส่งออกนอกประเทศฟรี ๆ อย่างไรก็ไม่รู้
That is the way things are.
ผมไม่อยากคิดมากเรื่องต่างชาติมากนะ คือมองว่าเขาก็ขายสิ่งที่เขาทำ ก็มีค่าตอบแทนบ้าง แต่ก็ยอมรับว่าเป็นเหตุผลที่ถูกต้องว่าเงินมันไหลออก
ไม่แน่ว่าระบบอย่าง blockchain น่าจะเข้ามาช่วยได้ ... ไม่รู้เหมือนกันแฮะว่าจะเป็นในรูปแบบไหน
ความไม่สะดวกในมุมลูกค้าคือ
ต้องรอ "จังหวะ" ในการแตะบัตรครับ
ซึ่งมันคนละแบบกับการยื่นบัตรให้พนักงานไปรูดให้เลย ซึ่งสะบายกว่า
เพราะถูกทำโดยคนคนเดียวตั้งแต่ต้นจนจบ
อย่างผมใช้ SAMSUNG PAY ก็รำคาญการรอจังหวะแตะบัตรเหมือนกัน เพราะมันต้องถือบัตรค้างไว้ ซึ่ง เมื่อยมือ ฮ่าๆๆ
แต่พอไปต่างประเทศแล้วใช้บัตร cash card พวกนี้ ก็รู้สึกสะดวกดีนะครับ
จริงๆแล้วมันดีสำหรับลูกค้ามากครับ ไม่ต้องหยิบบัตรออกมา (ถ้าบัตรไม่ตีกัน) แตะทั้งกระเป๋าเงินได้เลย
ยิ่งใช้ Android Pay แล้วดีมาก ไปวิ่งออกกำลังกาย พกมือถืออย่างเดียวอยู่ (ต่างประเทศนะ)
ส่วนมากพนักงานไม่ยอมให้ใช้ครับ แต่ที่ได้รับความร่วมมือดีมากจะเป็น SF, McDonald, MaxValue
ส่วนที่อื่นๆ (TOPS, BigC) จะชอบอ้างว่าเครื่องเสีย, เงียบทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้, ใช้ไม่เป็น
เช่นเดียวกับ Samsung Pay ครับ
ใช้ไม่ได้ ไม่รองรับ
ป้าย Samsung Pay ใหญ่เบ้อเริ่ม พอใช้จริง Cashier ทำไม่เป็น จนต้องหยิบกระเป๋าสตางค์มาอีก
ที่ ISETAN CTW มีที่แทบทุกเคาน์เตอร์เลยนะครับ เพิ่งไปใช้มา
พาดหัวได้สะเทือนใจมาก
ด่าว่ารัฐบาลเรากระจอก ไม่สามารถควบคุมปัจจัยพื้นฐาน จะด่าได้มั้ยครับ?