รัฐบาลเยอรมนีตีพิมพ์เอกสารข้อกำหนดให้ Facebook และ Twitter จ่ายค่าปรับกว่า 50 ล้านยูโร ข้อหาไม่สามารถจัดการข่าวปลอม ถ้อยคำแสดงความเกลียดชังเหยียดหยาม และคอนเทนต์อันไม่พึงประสงค์บนแพลตฟอร์มได้สำเร็จ
ในเอกสารมีกำหนดแนวทางบังคับใช้มาว่าเนื้อหารุนแรง ข่าวปลอม ต้องถูกลบออกภายใน 24 ชั่วโมง ส่วนเนื้อหาที่ผิดกฎหมายอื่นๆ ต้องถูกนำออกภายใน 7 วัน ฝ่ายรัฐบาลยังเรียกร้องให้ Facebook และ Twitter อธิบายแผนการและขั้นตอนการแก้ปัญหาอย่างละเอียดแก่ผู้ใช้ด้วย
Heiko Maas รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมด้านคุ้มครองผู้บริโภค และผู้ยื่นเสนอข้อกฎหมายดังกล่าวบอกว่า ทั้ง Facebook และ Twitter พลาดโอกาสปรับปรุงตัวเอง เพื่อสร้างความรับผิดชอบเราจำเป็นต้องมีข้อกำหนดทางกฎหมายมาเป็นแนวทางให้บริษัททั้งสอง
เรียกได้ว่าเป็นความท้าทายสำหรับบริษัททำโซเชียลมีเดีย ที่กลายมาเป็นสื่อช่องทางหลักของคนครึ่งโลก ไม่ใช่แค่ทางผ่านระหว่างข่าวสารและคนรับข่าวสารอีกต่อไป แม้ก่อนหน้านี้ Facebook จะพยายามปรับอัลกอริทึมจัดการข่าวปลอม คาดป้ายแสดงเนื้อหารุนแรงแล้วก็ตาม แต่ดูเหมือนในสายตาของรัฐบาลเยอรมนี Facebook ยังพยายามไม่มากพอ
ภาพจาก Stock snap.io
ที่มา - The Guardian
Comments
ผมมองว่าวิธีการปรับเงินดีกว่า ban เยอะครับ
รัฐไทยน่าเอามาใช้บ้าง
มันมีประเด็นต่อมาครับ ถ้าไม่จ่ายทำไงต่อ
อำนาจต่อรองต่ำ ทำไม่ได้หรอกครับท่าน
ถ้าเป็นประเทศไทยเหรอ
ปรับ 50 ล้านเหรอ
เอาไป 5 แสนทำเปนไม่เห็นแล้วกันนะ
Win - Win
ปล้นเงินบริษัทอเมริกันชัดๆ
ผมว่าSocial Media พวกนี้ควรประกาศจุดยืนของตัวเองไปเลยว่าไม่ใช่สื่อ น่าจะดีนะครับ
ถ้าประกาศแล้วยังมีคนหลงเชื่อข่าวปลอมอยู่ ก็ปล่อยให้มันเป็นไปตามกฏแห่งกรรม(การศึกษา)ของประเทศนั้นๆละกัน
ถ้า facebook ปิดไม่ให้ เยอรมนี ใช้ facebook ได้จะง่ายกว่ามั้ง
ปรับหนักขนาดนี้ เค้าจะยอมจ่ายหรือตรับ
ต้องฟังข่าวสารจากรัฐอย่างเดียวเลยสินะ
ผมว่าบางคนนึกว่าข่าวปลอมคือ "ข่าว" ในทีวี ที่จะมีคนมาเล่าข่าวแบบที่คุ้นเคยกัน ทั้งที่จริงข่าวปลอมคือ ทุกอย่าง ที่แชร์ผ่านโลกโซเชียล ข้อมูลผิดๆ ความเข้าใจผิดที่กระพือไปแล้วทำให้คนอื่นหลงผิดไปด้วย
โค้กกัดกระเพาะได้เหมือนกัดสนิมรถยนต์
อย่าใช้มือถือตอนฝนตกเพราะจะทำให้ถูกฟ้าผ่า
การสระผมทำให้เส้นเลือดในสมองแตก
เติมน้ำมันเต็มถังทำให้รถระเบิด
ภาพหอยแครงเป็นล้านๆ ตัวที่แหลมตะลุมพุกเมื่อคืนนี้
ช่วยกันแชร์ แล้วก็ช่วยกันปกป้องผลประโยชน์ให้เขาด้วย thailand only จริงๆ
เฮ้อ
สมกับเป็นประเทศคุณภาพ จริง มีกระบวนการคิดแบบ ไม่ใช่เออ บางประเทศเห็นข่าวปลอม ก็ปล่อยๆกันไป อยากจะเชื่อก็เชื่อ คนฟังต้องหูหนักเข้าไว้
เฮ้อ คอมเม้นมากก็ไม่ได้ ติด NDA
เอาเป็นว่า ผมงง มากกว่าว่าทำไม Facebook ถึงไม่จัดการอย่างจริงจังสักที ทั้งๆ ที่ ศักยภาพ และเครื่องมือภายใน ที่ Facebook มีตอนนี้ มันทำได้ไม่ยากเลย