ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จัดงานทอล์คในหัวข้อ “Millionaire Millenials” การสร้างธุรกิจให้มั่งคั่งด้วยพลังคนยุค Gen M เปิดให้ลูกค้า “Krungsri Guru Fanpage & Krungsri Prime เข้าชม โดยมีวิทยากรที่มีประสบการณ์ด้านการเงิน การทำสตาร์ทอัพ และการทำธุรกิจมาพูดคุยแลกเปลี่ยน สร้างแรงบันดาลใจทางการเงิน
การพูดคุยแบ่งเป็นสองช่วง ในช่วงแรกเป็นการพูดคุยเรื่องการลงทุนของคนยุค Gen M ที่คาดว่าจะเป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมยุคใหม่ วิทยากรที่เข้าร่วมพูดคุยในช่วงแรกคือ
คุณฐากร ปิยะพันธ์ กูรูด้านนวัตกรรมและประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านกรุงศรี คอนซูมเมอร์ และผู้บริหารสายงานดิจิทัลแบงก์กิ้งและนวัตกรรม ธนาคารกรุงศรีอยุธยา
คุณพรทิพย์ กองชุน ผู้ก่อตั้ง Jitta เว็บไซต์การเงินการลงทุน
คุณสืบศักดิ์ ลิ่วลักษณ์ (คุณวี) ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ vcommerceclick เว็บไซต์วางแผนให้คำปรึกษาธุรกิจออนไลน์
ฐากร ปิยะพันธ์ กูรูด้านนวัตกรรมและประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านกรุงศรี คอนซูมเมอร์ และผู้บริหารสายงานดิจิทัลแบงก์กิ้งและนวัตกรรม ธนาคารกรุงศรีอยุธยา
คุณฐากรบอกว่า การออมเงินในยุคใหม่เริ่มต้นที่สมาร์ทโฟน เทคโนโลยีสำคัญกับการลงทุนมาก ไม่ว่าการลงทุนรูปแบบไหนก็ต้องสมัครผ่านธนาคารก่อน เช่น เล่นหุ้น ประกัน ธนาคารจึงต้องมีเทคโนโลยีรองรับการลงทุนของคนยุคใหม่ด้วย ทำแพลตฟอร์มการลงทุนให้ลูกค้าเข้าถึงได้ผ่านสมาร์ทโฟน และควรมีฟีเจอร์ให้ข้อมูลการลงทุนแก่ลูกค้าครบถ้วน เช่น แจ้งลูกค้าแบบเรียลไทม์หากมีเหตุการณ์ที่อาจส่งผลกระทบต่อราคาหุ้น มีบิ๊กดาต้ารวบรวมทั้งข้อมูลลูกค้า และข้อมูลข่าวสารจากภายนอก ประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมูลด้วยซอฟต์แวร์ เพื่อความรวดเร็วในการทำงานและแจ้งข้อมูลลูกค้า
อย่างไรก็ตาม คนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะคน Gen M มีความน่าเป็นห่วงอยู่อย่างหนึ่งคือ เน้นใช้ชีวิตมากขึ้น อัตราการออมเงินต่ำลง เพราะฉะนั้นเมื่อมองจากแง่มุมของผู้วางกลยุทธ์การลงทุน ต้องคิดว่าจะทำอย่างไรให้พวกเขาอยู่รอดยามเกษียณได้ ซึ่งเป็นเรื่องยากและไม่มีสูตรสำเร็จ การออมเงินผ่านธนาคารก็อาจไม่ดีเสมอไปด้วย
พรทิพย์ กองชุน ผู้ก่อตั้ง Jitta เว็บไซต์การเงินการลงทุน
ด้านคุณพรทิพย์ ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ Jitta บอกว่า คน Gen M เห็นความสำคัญของการลงทุนมากขึ้น ไม่รอให้อายุมากค่อยเริ่มการลงทุน เพราะคนรุ่นใหม่เข้าถึงข้อมูลการลงทุนได้ตลอดเวลา พวกเขาเชื่อมั่นในเทคโนโลยีมากกว่าคนด้วยกันเองเสียอีก และเชื่อว่าการลงทุนสามารถควบคุมได้โดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี
คน Gen M เชื่อว่า เงินมรดก เงินลงทุนต่างๆ จะถูกย้ายจากคนรุ่นเก่ามาที่คน Gen M ภายในปี 2020 และพวกเขาจะใช้เทคโนโลยีช่วยวางแผนการลงทุน บิ๊กดาต้าที่รวบรวมข้อมูลโปรโมชั่นจากธนาคาร จะช่วยเสนอการลงทุนที่เหมาะกับผู้ใช้ ให้คนรุ่นใหม่ยังรู้ด้วยว่าหุ้นตัวไหนดีหรือไม่ดีผ่านการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี เพราะมีข้อมูลมากและเป็นข้อมูลโปร่งใส เพราะอัพเดตราคาหุ้นแบบเรียลไทม์
คุณสืบศักดิ์ ลิ่วลักษณ์ ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ vcommerceclick
นอกเหนือจากการลงทุนแล้ว คน Gen M ยังสนใจอีคอมเมิร์ซ คุณสืบศักดิ์ จากเว็บไซต์ vcommerceclick พูดถึงเรื่องคนรุ่นใหม่ที่อยากจะขายของออนไลน์ ว่าคนค้าขายออนไลน์กันเยอะมากขึ้น เพราะมีปัจจัยทางเทคโนโลยีช่วยส่งเสริมการค้าออนไลน์ ไลฟ์สไตล์การซื้อของของคนเปลี่ยนไป ถูกรบเร้าให้ซื้อของง่ายขึ้น ในขณะเดียวกันลูกค้าก็สามารถเลือกร้านค้าได้เอง ไม่ถูกยัดเยียด
หากจะแนะนำคนที่เริ่มอยากขายของอะไร ให้ขายสิ่งที่ตัวเองชอบ สิ่งที่ตัวเองสะสม หรือมีความรู้ในสิ่งนั้น เพราะจะทำให้ตอบลูกค้าได้ดีเวลาโดนถามคำถาม เพิ่ม loyalty แก่คนขายและแบรนด์
ทอล์คช่วงที่สองเป็นการแบ่งปันแรงบันดาลใจในการทำธุรกิจ จากผู้ประสบความสำเร็จในวงการต่างๆ
เริ่มจาก สรณัญช์ ชูฉัตร (เอิร์ธ) ผู้ก่อตั้ง อีทราน (ไทยแลนด์) StartUp ด้านสกูตเตอร์ไฟฟ้า เริ่มทำสกูตเตอร์จากประสบการณ์นั่งรถจักรยานยนต์สาธารณะที่ไม่สะดวก นั่งไม่สบาย และปล่อยควันมลภาวะมากมาย จึงเริ่มออกแบบสกูตเตอร์ที่นั่งสบายๆ กับกลุ่มเพื่อน จุดเด่นของสกูตเตอร์นอกจากประหยัดพลังงานแล้ว ยังแยกเป็นสองเบาะชัดเจนระหว่างคนขับและคนซ้อน เพราะนำถังน้ำมันออกทำให้มีเนื้อที่มากขึ้น
ภาพจาก Facebook Etran
อีทรานระดมทุนมาได้ปีครึ่งแล้ว กำลังอยู่ระหว่างผลิตให้ได้ 50 คันเพื่อเป็นโมเดลทดสอบว่าแบบไหนดีที่สุด สรุปในภาพรวมคือ เอา pain point ของผู้โดยสารในกรุงเทพฯ รวมถึงประสบการณ์ตัวเองมาทำสกูตเตอร์ไฟฟ้า
แขกรับเชิญคนต่อมาคือ คุณนิลทิตา เลิศเรืองศุภกุล (โอปอล์) จาก Refinn ระบบรีไฟแนนซ์บ้าน คุณ นิลทิตาบอกว่า เริ่มทำ Refinn จากความรู้สึกอยากช่วยคนที่เป็นหนี้ เพราะปัญหาหนี้บ้านเกิดจากคนไม่ค่อยรีไฟแนนซ์ ทั้งที่อาจจะประหยัดเงินได้เป็นล้าน เนื่องจากคนส่วนใหญ่ไม่รู้จักการรีไฟแนนซ์ เพราะมองว่าเป็นเรื่องการเงินที่ยุ่งยากซับซ้อน
Refinn ช่วยแก้ปัญหาได้คือ เป็นแพลตฟอร์มรวบรวมโปรโมชั่นและสินเชื่อจากธนาคาร ใช้บิ๊กดาต้าคำนวณเปรียบเทียบเพื่อนำเสนอโปรโมชั่นที่เหมาะสมที่สุด สมัครกรอกข้อมูลลงออนไลน์ ระบบจะแสดงผลทันทีว่าข้อมูลของผู้ใช้สามารถทำรีไฟแนนซ์ได้หรือไม่ ไม่ต้องไปลุ้นกับธนาคารว่าโปรไฟล์จะผ่านหรือไม่ และจะเปรียบเทียบสินเชื่อที่ดีที่สุดให้ หรือให้ลูกค้าปรับปรุงระบบการเงินใหม่ให้ช่องว่างระหว่างรายได้และรายจ่ายแคบลง โดย Refinn สามารถประหยัดเงินให้ลูกค้าไปได้แล้วกว่า 500 ล้านบาท
เนื่องด้วยประเทศไทยกำลังเข้าสู่ยุคไทยแลนด์ 4.0 ในงานกรุงศรีทอล์คจึงมีแขกรับเชิญจากภาครัฐเช่นกัน ดร.รัฐศาสตร์ กรสูต (เปปเปอร์)
ผู้อำนวยการอาวุโส ETDA หรือสำนักส่งเสริมธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ มาเน้นความสำคัญของเทคโนโลยีและไทยแลนด์ 4.0 ในยุค digital disruption ทำให้ความสำคัญของเงินสดน้อยลง เงินอยู่ในระบบดิจิทัล รัฐต้องเปลี่ยนแปลงตาม ยิ่งประเทศไทยมีปัญหาคอร์รัปชั่นที่อาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ไทยโตช้า
เชื่อว่าถ้าเงินเข้าระบบดิจิทัล จะสร้างความโปร่งใสมากขึ้น รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานหรือ internet access ต้องส่งเสริมให้ภาคธุรกิจเข้ามาใช้เทคโนโลยี รัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์จึงสำคัญมากในการพัฒนาเศรษฐกิจ
ปิดท้ายงานที่ คุณจักรพงษ์ เมษพันธุ์ ผู้ก่อตั้ง Money Coach โรงเรียนสอนความรู้ทางการเงิน มองปัญหาคนส่วนใหญ่ว่า ขาดความรู้ทางการเงิน ไม่เก็บออมเงิน สังเกตกลุ่มลูกศิษย์ของตนคือส่วนใหญ่ทำงานเป็นสิบปี ถึงจะเริ่มเข้าใจการเงินหลังจากใช้ชีวิตมาได้ระยะหนึ่ง
สิ่งที่แนะนำคือ คนเราควรมีรายได้หลายทาง ไม่ใช่เพราะต้องการความมั่งคั่ง แต่เป็นเพราะต้องบริหารความเสี่ยงของชีวิต เพราะธุรกิจ องค์กร บริษัท ในยุคปัจจุบันล้มง่ายมากขึ้นกว่าเดิม คนเราจึงควรสร้างรายได้หลายทาง
โมเดลการสร้างอิสรภาพด้านการเงินในยุคใหม่เปลี่ยนไป ไม่ได้เริ่มจากทำงานในบริษัทที่ดี มีผลตอบแทนสูง และหวังว่าเงินเดือนจะเพิ่มขึ้น เพราะคนเรามักจะดันรายจ่ายขึ้นไปเทียบเท่ารายได้เสมอ ปัญหาคือถ้าเกษียณไปแล้ว ไม่มีทักษะที่จะทำรายได้เพิ่มเติม ก็ต้องใช้เงินเก็บที่ทำงานมาตลอด 40 ปี จึงควรมีรายได้หลายทาง เพื่อบริหารความเสี่ยงไว้ ไม่ใช่เพื่อมีรายได้เพิ่มขึ้น แต่มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นต่างหาก
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่
Krungsri Guru Fanpage และ เว็บไซต์ Krungsri Guru