ปกติแล้วรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model S P100D สามารถวิ่งได้ระยะทางราว 500 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง แต่ล่าสุดมีชายสองคนจากประเทศเบลเยี่ยมได้ทดลองขับรถแบบตั้งใจประหยัดสุดๆ หรือที่เรียกว่า Hypermiling ผลออกมาว่าขับได้ไกลถึง 900 กิโลเมตร
สถิติการขับ Tesla แบบประหยัดเดิมเป็นของ Casey Spencer ที่ขับรถรุ่น Model S 85D ได้ระยะทาง 885.62 กิโลเมตร จากการชาร์จหนึ่งครั้ง ซึ่งขณะนี้ Steven Peeters และ Joeri Cools จากประเทศเบลเยี่ยมก็ทำลายสถิตินี้ได้สำเร็จ พวกเขาเลือกขับในเส้นทางที่เป็นรอบ แทนที่จะขับทางไกลไปเรื่อยๆ โดยให้เหตุผลว่าการขับวนซ้ำๆ อยู่ที่เดิมจะทำให้พวกเขาเข้าใจทุกๆ โค้ง และขับได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด ซึ่งระยะทาง 1 รอบคือ 26 กิโลเมตร
จากการทดลองก่อนขับจริง พวกเขาพบว่าความเร็ว 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเป็นความเร็วที่ประหยัดมากที่สุด เติมลมยางที่ 55 ปอนด์ และแน่นอนว่าต้องปิดแอร์ด้วย เมื่อเริ่มขับจริงพวกเขาได้ติดป้ายหลังรถว่า TEST เพราะต้องขับช้าตลอดเวลา ซึ่งเพื่อนร่วมทางก็เข้าใจและแซงไปโดยไม่เคยมีใครมาว่าอะไร โดย Steven เป็นคนขับหลักตลอดทั้งวันทั้งคืน และเปลี่ยนให้ Joeri มาขับแทนเพียงเล็กน้อย (นั่งไปด้วยกันทั้งสองคน)
Steven ระบุว่าอุณหภูมิมีผลอย่างมากต่อประสิทธิภาพของรถ หากอุณหภูมิภายนอกรถต่ำกว่า 20 องศาเซลเซียส รถจะใช้ไฟฟ้ามากขึ้น และหากอุณหภูมิเพิ่มสูงเกิน 20 องศาฯ ตัวเลขการบริโภคไฟฟ้าก็ลดลงอย่างเห็นได้ชัด
พวกเขาจบการทดสอบนี้ตอนแบตเตอรี่ของรถเหลือ 0% สรุประยะทางที่ขับทั้งหมด 901.2 กิโลเมตร ใช้เวลาไปทั้งสิ้น 23 ชั่วโมง 45 นาที มีอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยอยู่ที่ 108 วัตต์ชั่วโมงต่อกิโลเมตร ซึ่งพวกเขาบอกว่าพอใจและทึ่งมาก ที่รถยนต์หนัก 2.3 ตันจะทำผลงานได้ดีขนาดนี้
สุดท้ายมีเรื่องเล่าว่าตอนกลางคืนมีรถแวนขับตามหลังอยู่นาน และปรากฎว่าเป็นตำรวจเรียกให้จอดพร้อมถามว่าป้าย TEST มีไว้ทำไม โดยตำรวจนึกว่าเป็นการทดสอบรถยนต์ไร้คนขับ แต่หลังจากได้รับคำอธิบาย ตำรวจก็ขอโทษที่มารบกวนการทดสอบ พร้อมกับวิทยุแจ้งตำรวจนายอื่นว่าอย่ามายุ่งกับรถ Tesla คันนี้ด้วย
นอกจากนี้ Elon Musk ยังได้ทวีตว่าถ้าเป็นรุ่น 100D (ไม่มี P) และใส่ยางดีๆ น่าจะวิ่งได้เกิน 1,000 กิโลเมตรเลยทีเดียว โดยรุ่น P100D นั้นใส่มอเตอร์ประสิทธิภาพสูง ทำให้รถมีแรงบิดสูงแต่ก็กินไฟมาก ในขณะที่รุ่น 100D ใช้มอเตอร์ที่กินไฟน้อยกว่า แต่แรงก็น้อยกว่านั่นเอง
ที่มา - Silver Lining
Over 1000 km should be possible in a 100D with the right tires https://t.co/8czN3dVZE4
— Elon Musk (@elonmusk) June 21, 2017
Comments
น่ายินดี
จ๊ะ
คงจะคล้ายๆแข่งขับประหยัดน้ำมันด้วยรถกระบะบ้านเรา ตัวเลขออกมาห่างไกลกับการใช้งานจริงหลายเท่า
ถ้าความเร็วซัก 60 - 70 km/hr ค่อยน่าสนใจหน่อยยย
รถพวกนี้เวลา ขับไป มัน ชารท พลังงานจาก กลไกการวิ่งไปด้วยไหม ครับ
ชาร์จตอนเบรค ชะลอความเร็วครับ หรือจริงๆ คือดึงพลังงานกลับมานั่นแหละ
น้ำมันหนึ่งถัง ยังเหลือ อารมณ์นี้เลย แต่วิ่งจริงทำไม่ได้หรอก
ผมว่าเอามาวิ่งแบบโฆษณาอาจจะเหลือพลังมากกว่าน้ำมันก็ได้นะครับเพราะวิ่งขาลงบางจุดน่าจะชาร์จแบตด้วยซ้ำ
เหมาะสำหรับวิ่งบ้านเรามากๆ
แต่ถ้า 25 องศาฯ มันก็ยังปิดแอร์วิ่งได้ แต่ถ้าบ้านเรา 35 องศาฯ นี่ตายแน่
เข้าใจว่าแบตเตอรี่ประสิทธิภาพต่ำลงเมื่ออุณหภูมิต่ำเกินไปครับ แต่ถ้าร้อนมากๆ แล้วไม่เปิดระบบปรับอากาศ ก็ใช้งานจริงไม่ได้อยู่ดี
เอาแค่ชาร์จครั้งนึงวิ่งได้ 500 Km แล้วขายซัก 8 แสนผมก็ซื้อนะ เอาไว้ขับมาทำงาน
ตกเย็นก็ชาร์จที่บ้าน แค่คงอีกนานถึงจะมีรถไฟฟ้ารถาคานี้มาให้ใช้
แต่ถ้าเดินทางท่องเทียวคงต้องรถน้ำมันเหมือนเดิม มันสะดวกกว่า
ตรงไม่ต้องรอประจุไฟ
สองล้านผมก็ซ์้อครับ
BMW concept เดียวกันครับ(ตปท.) รับฝากรถไฟฟ้า(i3)เอาไว้แล้วเช่ารถแบบ ICE ออกไปเที่ยวแทน
mass product สำหรับคนทั่วไปที่เงินพอได้ คงต้องรอสัก 5-7ปี เพราะต้นทุนเทคโนโลยีที่ตอนนี้ยังสูงกว่าน้ำมัน ต่อ คัน.จริงๆอยากได้ไฮโดรเจนมากกว่า เพราะการต่อยอดไม่ยากเท่าแบต เพียงแต่ต้องทุ่มทุนทดลองมากๆ แต่ก็ยังเชื่อว่า ดีกว่าแบต.
ไฮโดรเจนจะมีปัญหาเรื่องถังเก็บแทนครับเพราะว่าเป็นก๊าซที่เบามาก ถ้าใช้ถังแบบเดียวกับ NGV ความดันขึ้นไปจนเท่าที่ถังจะทนได้แล้วก็ยังได้ตัวก๊าซแค่นิดเดียว ถ้าจะเอาก๊าซติดรถไปได้เยอะ ๆ ถังก็จะต้องหนามากเพื่อทนความดันที่สูงขึ้น แล้วถังก็จะหนักมากได้ระยะทางน้อยกว่าถังที่เบากว่า
เบลเยี่ยม => เบลเยียม
เมื่อวานเพิ่งเห็นข่าวว่าไทยประกาศลดอัตราภาษีสรรพสามิตสำหรับรถยนต์ไฮบริดและรถยนต์ไฟฟ้าพอดี เมื่อไหร่จะมาทำตลาดในไทย :P