ผู้ใช้หลายคนต้องบูทเครื่องขึ้นมาพบกับ wallpaper สีดำสนิท มาพร้อมกับคำเตือนว่าคุณอาจเป็นเหยื่อของการปลอมแปลงซอฟต์แวร์ นับว่าเป็นอีกขั้นนึงของการตอบโต้การละเมิดลิขสิทธิ์ของไมโครซอฟท์ ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องขึ้นมาในจีนก็เพราะจีนเป็นหนึ่งในประเทศที่ละเมิดลิขสิทธิ์มากประเทศหนึ่ง ตามรายงานจาก BSA บอกว่า 82% ของซอฟต์แวร์ที่ใช้ในจีนนั้นละเมิดลิขสิทธิ์ (ประเทศไทย 78% ครับ)
เรื่องนี้กำลังเป็นประเด็นร้อนในประเทศจีน ชาวเน็ตพากันกล่าวหาว่าไมโครซอฟท์เป็นผู้ผูกขาด รวมไปถึงเหตุผลเดิมที่พูดกันซ้ำและยังไม่จบคือ "ของแท้ราคาแพงเกินไป" รัฐบาลได้ทำโพลขึ้นในเว็บหลักของรัฐบาล จาก 11,600 โหวต 79% บอกว่าไมโครซอฟท์ก็แค่ลดราคาลง มี 12% ที่บอกว่าเป็นการกระทำที่ถูกกฎหมาย
การเปลี่ยน wallpaper ให้เป็นสีดำนี้มากับ WGA ที่ออกเมื่อปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมานี้ สำหรับประเทศไทยลองอ่านข้อมูลดูในนี้ครับ
Comments
ถ้าไปเดินห้าง Pantip (ไม่ใช่เว็บ) ก็จะเห็นป้ายโฆษณา Wallpaper สีดำแปะอยู่แทบทุกบันไดเลื่อนเลย
ezybzy.info blog
กลยุทธของ MS เพื่อให้คนเปลี่ยนมาใช้ Vista (No more new XP in the market) Thailand is getting poorer, to buy Vista for all PCs, especially in government and educational sectors.
อยากให้ทุกคนเปลี่ยนไปไช้ linux ... อะ ^^
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
อ่านแล้วงงๆ นะครับ ว่าเนื้อหาใหม่ในข่าวนี้นอกจาก WGA เมื่อเดือนสิงหามันคืออะไร?
LewCPE
lewcpe.com, @wasonliw
ลองเพิ่มอีกย่อหน้านึงแล้วครับ ประเด็นคือชาวจีนโวยเรื่องนี้ขึ้นมา - จาก Google News
เมื่อปีกว่าๆเกือบ2ปีก็มีข่าวแบบนี้เหมือนกันครับ
แต่เป็นของ Vista
ซึ่งตอนนั้นผมก็เพิ่งเริ่มใช้ Vista ก็เกือบเชื่อไป
แต่ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ผมก็ไม่เคยเจออาการจอดำเลยครับ
เลยไม่ค่อยอยากเชื่อเท่าไหร่
ผมเคยเจอ Vista จอดำ
บูทได้ปกติ icon วิ่งๆ แต่พอถึงจะขึ้นหน้า desktop จอดำสนิท
ใช่ครับ Vista แรกเป็นอย่างงั้น Vista SP1 หลังโหดน้อยกว่านั้นนิดหนึ่ง
เรื่องจอดำนี่มันแก้กันได้อยู่แล้ว แต่ที่อยากจะรู้ก็คือว่า BSA เค้าจับจริงๆ หรือว่าแค่แกล้งขู่ไปงั้นๆ ครับ
จะจับจริงหรือแกล้งขู่เราไม่รู้หรอกครับ
แต่ถ้าเค้ามาเมื่อไหร่ ก็งานเข้าเมื่อนั้น เรื่องแบบนี้ต้องปลอดภัยไว้ก่อน ไม่งั้นเสียหลายตัง
เป็นไปได้หันไป อย่างอื่นๆ กันเถอะ เริ่มจากของฟรีเช่น openoffice ดีไหม
คือจะว่าไงดีละครับ เค้าก็ขายราคานี้ของเค้ามานานแล้วนะ ตัวเองใช้ของเถื่อนเอง พอเค้าจะเรียกร้องสิทธิของเค้าบ้างกลับกลายเป็นเรื่องซะอีก
ผมคิดว่า แม้จะลดราคาไปขนาดไหน ถ้าคนมันอยากใช้ของก๊อปมันก็ใช้อยู่ดีนั่นแหละ
สังเกตง่ายๆ แผ่นเกม PC ของ EA เมืองนอกขายเป็นพัน เอามาขายในไทยทำภาษาไทยเรียบร้อยขายแค่ประมาณ 600 +- 200 มันก็ยังจะมีแผ่นก๊อปอยู่ดี
แต่มันทำให้คนซื้อแผ่นจริงเยอะขึ้นนะครับ เทียบกับสมัย Warcraft 2 ที่ราคาสองพันในสมัยนั้นถ้าบ้านไม่รวยจริงก็คงซื้อของปลอมกันแหละครับ
LongSpine.com
จะเอาไรมาก แค่ CD หนังแผ่นล่ะ 100 คนมันก็ยังไปซื้อแผ่นเืถื่อน 50 บาท คิดเอาละกัน
เพื่อนผมเจ๋งกว่าอีก ซื้อแผ่นเกมของเถื่อนราคาเกือบเท่าของแท้เลย(ตั้งแต่ตอนที่แผ่นซีดีเกมแผ่นละ 150 บาทน่ะ 4 แผ่น 600 แผ่นแท้ 600 กว่า ๆ นี่แหละ)
รุ่นน้องผมเจ๋งกว่า ถ่ายเอกสารหนังสือสองร้อยหน้า ทั้ง ๆ ที่ราคาเต็ม 120 บาท (แถมปก พร้อมเย็บสันอย่างดี)
แถมหนังสือที่ว่าหาได้ตามร้านหนังสือทั่วไป
มันอยู่ที่จิตสำนึก
ไมโครซอฟท์มอบจอดำสำหรับ Windows XP เถื่อน
ของขวัญทิ้งท้าย XP :)
ผมหันมาใช้ Linux Mint มาตั้งแต่เดือนพฤษภาคมแล้วครับ เบื่อ XP ผมว่าตราบใดยังมีแผ่นเถื่อนขายอยู่ คนไทยเราก็ยังนิยมของก็อปอยู่ดี ใช้จิตสำนึก อย่างเดียวคงไม่พอ ต้องเอาจริงกับการปราบปรามด้วย คนถึงจะกลัว
การละเมิดลิขสิทธิ์มันให้ความรู้สึก soft (Psychological) ต่างกับการขโมยอย่างอื่นที่มันเป็น hard (Physiological) คุณสามารถขโมย software เถื่อนมาใช้โดยไม่รู้สึกหรือได้รับผลกระทบอะไร แต่คุณไม่สามารถเดินไปขโมยแผ่น software ในร้านโดยไม่รู้สึกหรือได้รับผลกระทบอะไร
เหมือนกับการที่คุณสามารถฆ่าใครก็ได้ในเกมส์ ด้วยอารมณ์ที่อยากฆ่า โดยไม่รู้สึกผิดอะไร แต่ไม่ใช่เดินไปในชีวิตจริงแล้วฆ่าใครก็ได้แบบนั้น ปัญหาตรงนั้นมันเกิดก็เพราะว่าบางคนไม่มีวุฒิภาวะพอที่จะแยกสิ่งเสมือนเหล่านั้น กับสิ่งที่อยู่จริงๆ
ถ้า software ให้ความรู้สึกเป็นชิ้นเป็นอันแบบ Hardware และให้คนได้รู้คุณค่าและความยากลำบากของการสร้าง software วันนึง...ด้วยจริยธรรมปกติของคนทั่วไป การละเมิดลิขสิทธิ์ก็คงเป็นอาชญากรรมอย่างที่เจ้าของต้องการให้เป็นจริงๆ
ราคาเป็นแค่ข้ออ้าง ก็เหมือนกับที่ถ้าเรามีเงินน้อยเราก็ขับแค่โตโยต้า ฮอนด้า ไม่ไปขโมยเบนซ์ใครเค้ามาขับ...เนอะ...
ด้วยการกดดันและเอาจริงแบบนี้ไม่นาน คนก็ต้องหาทางเลือกใหม่อยู่ดี...ไม่จ่ายใช้ไม่ได้ คนก็ต้องจ่าย หรือไม่ก็หาที่ไม่ต้องจ่าย จุดเริ่มต้นง่ายๆ ก็คืออยู่ที่เราเอง....และจุดเริ่มต้นที่ดีก็อยู่ที่ตอนนี้...
ฮ่าๆ..ผมกำลังเริ่ม...ค่อยๆ ลด ครับ :P
+1 เห็นด้วยครับ
เห็นด้วยครับ เพราะว่าการละเมิดลิขสิทธิ์ (ทุกๆ อย่าง ไม่ใช่แค่ซอฟต์แวร์) เป็นลักษณะของการคัดลอก ที่ไม่เห็นทางกายภาพว่าเป็นการขโมย
ราคาเป็นแค่ข้ออ้างครับ
ผมพูดมาตลอดว่า ผมไม่เชื่อ และไม่มีวันเชื่อว่า คนที่มีเงินซื้อคอมพิวเตอร์หลักหมื่น (หรือบางคนเป็นหลักแสน) จะไม่มีเงินซื้อซอฟต์แวร์ราคาหลักพัน
คอมหลักหมื่น ซอฟท์แวร์ 30 โปรแกรม แพงกว่าตัวคอมนะครับ
ตัวคอมหลักหมื่นนี่บางคนทั้งเจียดทั้งกระเบียดกระเสียรเป็นปีๆ ไม่ก็ต้องขอพ่อแม่
ผมคิดว่าส่วนนึงที่จิตสำนึกของเราถูกสร้างมาให้ใช้ของปลอมเพราะ ของจริงมันแพงเกินไปมาตั้งนานแล้ว และโอเพนซอร์ซสมัยก่อนก็ไม่ได้แพร่หลายเท่าสมัยนี้
ไม่ต้องเอาไกลเลย เอาแค่แปดปีก่อนก็พอ ผมเริ่มจับคอมจริงๆจังตอนช่วงนั้น
และ เมื่อก่อนนี้ จะเป็นมืออาชีพมีเงินเดือนเป็นแสน หรือนักเรียนนักศึกษาใช้เงินที่พ่อแม่ อยากจะลงมือศึกษา หัดใช้โปรแกรม ก็ต้องซื้อซอฟท์แวร์ราคาแพงเท่ากัน
ถ้าเราไม่ได้มีจิตสำนึกอะไรเลยมาแต่ต้น จะให้เปลี่ยนไปใช้จิตสำนึกอะไรซักอย่าง ก็คงทำได้ง่าย
แต่ถ้าเป็นค่านิยมฝังหัวไปแล้ว มันยากกว่านะ
.
อย่าพูดแค่คำง่ายๆว่า "มีเงินซื้อคอมหลักหมื่น" สิครับ
คนหลายคน มีเงินอยู่แค่ "ซื้อคอมหลักหมื่นได้" เท่านั้นแหละ
ถ้าไม่ใส่โปรแกรมอะไรเลย คอมก็เป็นแค่กล่องอะไรไม่รู้ ทำอะไรก็ไม่ได้
ต้องอดทนซื้อโปรแกรม ตัวละเดือนๆ เดือนนี้ซื้อออฟฟิศ ก็ใส่โฟโต้ชอปไม่ได้ ไม่มีดรีมวีฟเวอร์ ถ้าจะใช้ 3DMax หรือ Maya อีกล่ะ??? จะทำงานยังไง
.
ป.ล. แต่ผมเห็นด้วยกับวิธีของไมโครซอฟท์นะ
ก็นั่นมันซอฟท์แวร์เค้า คนใช้ไม่มีสิทธิ์โวยวายหรอก
เพียงแต่ ถ้าไม่ทำบุญบ้าง ระวังต่อไปจะไม่มีใครใช้ละกัน
ป.ล.2 ตอนนี้ผมใช้ UBUNTU
ต่อให้อยากใช้ซอฟท์แวร์พันธิปก็ใช้ไม่ได้ = =a
ถ้าคุณมีความต้องการใช้โปรแกรมระดับนั้น ก็ควรมีศักยภาพในการซื้อซอฟต์แวร์ราคานั้ันๆ เช่นกันครับ
หากคุณทำงานระดับ 3DMax หรือ Maya ได้แล้วจะไม่มีทางหาเงินมาซื้อโปรแกรมพวกนั้นได้เลยหรอครับ .. อย่างน้อยองค์กรของคุณก็ควรจะซื้อได้ ถูกไหมครับ คือมันไปในทิศไทยเดียวกันหน่ะครับ ราคา กับศักยภาพในการหาเงิน ถ้ามันไม่ไปในทิศทางเดียวกัน บริษัทซอฟต์แวร์เจ๊งไปหมดแล้วครับ
อันนี้อาจจะไม่ถูกทั้งหมดครับ อาจจะถูกซักครึ่งนึ่ง เพราะมันต่างกันตรงที่ค่าของชีพของเราต่ำกว่า ทางเลือกของเราก็คือ 1. ละเมิดลิขสิทธิ์ 2. หาตัวเลือกที่ถูกกว่าหรือฟรี
ส่วนทดลองใช้หรือใช้เพื่อศึกษานั้นเค้ามี Free Trial กันอยู่แล้วครับ... เอามาเป็นข้ออ้างในการละเมิดลิขสิทธิ์ไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับสถาบันการศึกษาหรือใช้ในการศึกษา บางตัวยกเว้นให้ซะด้วยซ้ำ ถ้าไม่ได้เอาไปใช้ในการค้า แต่ที่น่าเกลียดก็คือละเมิดลิขสิทธิ์ ทั้งๆ ที่เอาไปทำเงินให้กับตัวเองได้มากมายนี่ล่ะครับ
อ๊า ด่าตัวเองซะมันส์เลย
ผมไม่เคยต้องใช้โปรแกรมถึง 30 โปรแกรมนะครับ
สมัยก่อนนี้โปรแกรมแจกฟรีก็เยอะแยะครับ อีกประเด็นคือ เราหัดใช้โปรแกรมเพื่อไปทำเป็นอาชีพ เพื่อได้เงินเดือนกลับมา มันก็คือการลงทุนธรรมดา มีค่าใช้จ่าย คำว่า "การศึกษา" มันแค่ข้ออ้างเท่านั้นล่ะ
ก็ไม่มีทางเลือกอื่นครับ หาเงินเพิ่มขึ้นให้มันพอ มันไม่ใช่เกมของเรา ต้องเล่นตามกฎของเค้า ถ้าอยากคุมกฎเอง ก็สร้างเกมขึ้นมาเอง เช่น โอเพนซอร์ส ไม่มีปัญญาก็ยอมรับกรรมไป
ปกติฝรั่งเค้าก็ทำกันแบบนั้นนี่ครับ เรามีสิทธิพิเศษอะไรเหนือฝรั่ง?
ยอมรับว่าคุณ mk มีแนวความคิดเกี่ยวกับเรื่องลิขสิทธิ์ซอฟท์แวร์ที่ แรงดีทีเดียวครับ (สังเกตมานาน)
แน่นอนครับ การเคารพกับความถูกต้องเรื่องลิขสิทธิ์ซอฟท์แวร์เป็นเรื่องที่ดีมาก ผมเองเห็นด้วย สนับสนุน และตนเองก็พยายามทำอยู่ (ที่ผ่านมาก็ใช้วินโดวส์,ออฟฟิต และแอนตี้ไวรัสลิขสิทธิ์ เพราะราคายอมรับได้ และก็พยายามใช้โปรแกรม Open source มากขึ้นอย่างการหักดิบมาใช้ GIMP, InkScape)
ที่อยากเสนอก็คือ ..แน่นอนครับว่าใครหลายๆ คนก็อยากที่จะรณรงค์ให้ใช้ซอฟท์แวร์ที่ถูกลิขสิทธิ์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีมาก แต่บางครั้งผมมองว่าการเสนอความคิดบางอย่างของเราๆ นั้นอาจจะสุดขั้วเกินไป เช่น ถ้าไม่ใช้ซอฟท์แวร์ลิขสิทธิ์ก็ขอเลิกคบ , การใช้ซอฟท์แวร์เพื่อการศึกษาเป็นแค่ข้ออ้าง (เรื่องนี้ขอค้านครับ กฏหมายคุ้มครองลิขสิทธิ์ฉบับล่าสุดปี 37 ระบุชัดเจนว่า กฏหมายคุ้มครองลิขสิทธิ์ได้รับการยกเว้นถ้าใช้ทางการศึกษา ไว้ถ้าใครต้องการอ้างอิง เดี๋ยวจะคัดมาให้ดูครับ) หรือใช้คำพูดต่อเรื่องนี้ที่อาจดูไม่ให้เกียรติกันและกัน เช่น ไม่มีเงินซื้อซอฟท์แวร์ก็ให้ยอมรับกรรมไป ผมมองว่า มันแรง และคนฟังเขาจะรู้สึกอย่างไร เราอาจจะมองว่าความคิดเรานั้นถูกต้อง แต่สำหรับผู้ที่ได้ยินก็อาจจะรู้สึกไม่ชอบต่อคำพูดจาที่ดูถากถาง เกิดความคิดต่อต้าน แล้วก็จะใช้ซอฟท์แวร์เถื่อนเช่นนั้นต่อไป ปัญหาก็แก้ไม่จบ ทั้งยังผิดใจกันอีกต่างหาก
ผมกลับชอบใจแนวความคิดในการชักจูงให้คนทั่วไปเปลี่ยนมาใช้ซอฟท์แวร์ Open Source ด้วยวิธีอื่นๆ ที่นุ่มนวลกว่าเช่น เสนอเรื่องความเป็นมาตรฐานอย่างเช่น OpenOffice หรือ Firefox, คุณภาพซอฟท์แวร์ที่เท่าเทียมหรือเหนือกว่า, การที่มีชุมชนคอยให้การสนับสนุน (ภาษาไทยอาจจะน้อยไปนิด), โปรแกรม Open source หลายๆ โปรแกรมมีภาษาไทย ทั้งๆ ที่โปรแกรมเทียบเท่ากันแบบ payware ไม่เคยสนหัวคนไทยเลย ฯลฯ
อย่างตาบิล เกตส์เองก็ใช้ความนุ่มนวลจัดการกับปัญหาลิขสิทธิ์ล่ะครับ จนในที่สุดวินโดวส์ได้รับความนิยมถึงวันนี้ ถ้างัดไม้แข็งมาใช้ตั้งแต่แรกก็คงไม่มีวันนี้แน่นอน แน่นอนครับ...ความนุ่มนวล ย่อมแก้ปัญหาได้ดีกว่าความแข็งกระด้าง อยากจะขอฝากเอาไว้ครับ :)
ผมคิดว่าการอ่อนให้ จะเป็นการสนับสนุนโดยอ้อมๆ ว่า mindset เหล่านี้เป็นสิ่งที่ควรกระทำครับ
เหมือนกับการรณรงค์เมาไม่ขับ ถ้าตำรวจเจอคนเมาขับรถแล้วปล่อยไป คิดว่าครั้งต่อไป คนขับคนเดิมจะยังเมาแล้วขับหรือเปล่า?
ส่วนประเด็นเรื่องกฎหมาย ผมก็คิดว่ามันยังอ้างอยู่ดีนั่นล่ะครับ (อ้างข้อยกเว้นในกฎหมาย) คือถ้าจะดิ้นรนกันจริงๆ มันก็มีทางเลือกมากมาย ทั้งพวก trial, educational edition ขึ้นอยู่กับว่าเรามีจิตสำนึกกันหรือเปล่าเท่านั้น
ถ้าคุณไม่ยอมรับกฎหมาย ก็ไม่ต้องพูดเรื่องลิขสิทธิหรอก
สงสัยนิดนึง คุณ mk มีมาตรฐานเหนือกว่ากฏหมายนี่เป็นการ "ไม่ยอมรับ" กฏหมายหรือครับ?
LewCPE
lewcpe.com, @wasonliw
อย่างนี้ผมไม่ถือว่ามีมาตรฐานเหนือกฎหมายนะครับ เป็นเรื่องของความสุดโต่ง ตึงเกินไป คุณทำงานต่อไปอีกพักหนึ่ง อาจจะหลายปี คุณจะเข้าใจมากขึ้น
การสนับสนุนเราไม่ดีพอ
สาเหตุหนึ่งที่ไม่ใช้ของแท้เพราะ
1) หายาก
2) ไม่มี Support เทียบเท่ากับ ตปท
3) ไม่มีเวอร์ชั่นที่ลดราคาสำหรับนักเรียน นักศึกษา
4) สถาบันการศึกษาไม่ยอมซื้อ Volume License ให้นักศึกษาใช้่
5) ค่าแรงเราต่ำ งานดีไซน์เว็บต่อหน้าของเราถูกกว่าของเขาเยอะ แต่ราคา Software ของเราส่วนใหญ่ยังราคาเทียบเท่าหรือแพงกว่าที่เขาจ่ายทุกวันนี้ ว่าง่าย ๆ ผลงานเหมือนกันเรากับเขา แต่ของเราจะใช้เวลานานกว่าในการคืนทุนมาก
6) มาตราฐานของเมืองไทยคือ เมื่อซื้อคอมต้องแถมโปรแกรมให้ มันเลยติดมาตลอด เอาคอมไปซ่อมก็ต้องลงโปรแกรมให้ใหม่หมด บางครั้งลงมาให้แม้ไม่ได้ขอ บางคนยกเครื่องไปร้านเพื่อให้ลงโปรแกรมให้ เลยไม่เห็นค่าของโปรแกรม
7) องค์กรต่าง ๆ ไม่ใช้ของลิขสิทธิเป็นตัวอย่าง รวมไปถึงรัฐบาล โรงเรียน ตำรวจ
8) คนไทยยึดติด เพราะส่วนใหญ่จะเริ่มใช้ Windows มาก่อน (เพราะหาง่ายและแผ่นก็อบถูก) เลยไม่ยอมเปลี่ยนไปใช้ระบบปฏิบัติการ OpenSource อื่น ๆ
9) ไม่มีจุดยืนที่ชัดเจนของรัฐบาล ว่าจะเอาระบบอะไรเป็นหลักกันแน่ ถึงจะมีการประกาศให้ใช้ Linux (มีหรือยังตอนนี้?) ก็ตาม แต่หน่วยงานระดับร่างระดับภูมิภาคยังใช้ Windows อยู่
แต่!!! เมื่อเข้ายุค Laptop ส่วนใหญ่แล้วคนมักจะซื้อ Laptop ที่มีแบรนด์ (ไม่มีค่อยมีเครื่อง Noname ประกอบเองเหมือนสมัย Desktop แล้ว) ทำให้อัตราการใช้งาน MS Windows ของแท้มากขึ้น (จาก OEM) แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าความอยากใช้ของแท้ของคนมากขึ้นแต่อย่างใด
วิธีที่เร็วที่สุดดูเหมือนจะเป็นวิธีลดราคาให้คนไทยพอใช้ได้ แต่สุดท้ายจะติดปัญหาอีกต่อหนึ่ง คือทุกอย่างจะกลายเป็นภาษาไทยไปหมด (เหมือนกับเกมของ EA)
@TonsTweetings
ผมเห็นฝรั่งใช้ของก็อปก็เยอะแยะ
อย่าลืมว่าทั้ง Warez Crack Serial Keygen เต็มไปหมด มันก็ของฝรั่งทั้งนั้น
.
ถามนิดนึง
ตอนผมเป็นนักเรียน อยากทำเกม ต้องใช้โปรแกรม Maya ทำ 3D และต้องเอ็กซ์พอร์ทเป็นไฟล์ .X
ผมไม่ได้เอาไปใช้เพื่อการค้าใดๆทั้งสิ้น แต่ Free Trial มันทำอะไรไม่ได้เลยนอกจาก Print ScreenShot กับ Export เป็นไฟล์ .jpg แบบมีติดลายน้ำ
ตอนหกปีก่อน ผมควรจะใช้โปรแกรมอะไรดี???
.
และอย่าลืมสิครับว่า บริษัททั่วไป ใช้ Microsoft Office ไม่ใช่ OpenOffice
ตอนเราเดินเข้าไปบอกเค้า เราบอกว่า "ผมใช้ OOffice เป็น แต่ผมใช้ MS Office ไม่เป็น" แล้วทั้งบริษัทมีแต่ MS Office เจ้านายจะรู้จักมั้ยว่า OOffice คืออะไร?
"ผมใช้ Linux เป็น แต่ผมไม่เคยใช้ Windows" แล้วทั้งบริษัทมีแต่ Windows เจ้านายจะคิดยังไง?
และอย่าลืมครับว่า "ค่าเงิน" "ค่าครองชีพ" "ภาษีนำเข้า" เจ้าของประเทศที่ทำน่ะ มันไม่มี
แต่เรามี
.
ผมอาจจะเวอร์ไปเรื่อง 30 โปรแกรม แต่มันก็มีโปรแกรมเล็กๆอีกนะ พวก Antivirus และอื่นๆ อย่างน้อย ออฟฟิศก็ราคาประมาณหมื่นนึง
สมัยก่อนนี้โปรแกรมแจกฟรีเยอะครับ แต่ หาได้ง่ายรึเปล่า? โหลดผ่านเน็ตง่ายรึเปล่า? เน็ตบ้านเราฝืดรึเปล่า? ไม่ใช่ว่าโหลดไป 10% ก็ค้างหรอกรึ? ให้ใช้แฟลชเก็ท ก็ ไปซื้อแฟลชเก็ทอีกสิ?
เอาแค่วินโดว์ ในประเทศไทยมีโรงเรียนไหน ให้นักเรียนขอวินโดว์ใช้ฟรีได้มั่งครับ???
บางโรงเรียนยังใช้ Windows 95 อยู่เลย
ใช้ Blender ครับ ไม่งั้นก็เขียนโปรแกรมทำ 3D เองก่อนชั้นหนึ่งก็ยังได้ครับ ทางเลือกมีเสมอสำหรับคนดิ้นรน
สอนเจ้านายครับ ผมสอนมาประมาณ 10 กว่าองค์กรแล้วตั้งกะ CEO ยันผู้จัดการ
ไม่ลืมครับ แต่ไม่ควรเอามาเป็นข้ออ้าง อย่างที่ผมบอกว่า เราไม่ใช่คนกำหนดเกม ก็ดิ้นรนสู้ตามกฎที่เขามีกันต่อไป
ถ้าถามเรื่องวิธีการ distibution ก็เท่ากับซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์ในสมัยนั้นล่ะครับ ไม่ว่าโปรแกรมฟรีไม่ฟรีก็เขียนลงซีดี หรือเปิดให้โหลดออนไลน์เหมือนกัน ใช้เน็ตความเร็วเท่ากัน ไม่ใช่ว่าโหลดซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์แล้วมันจะไม่ค้าง
Warez Crack Serial Keygen--> ฝรั่งกลุ่มนี้คือ กลุ่ม รัสเซียครับ ประเทศที่ไม่เหมือนชาวบ้าน
และประชาชนก็มีข้ออ้างที่เยอะพอๆกับคนไทยครับ :)
======================================================
ตอนผมเป็นนักเรียน อยากทำเกม ต้องใช้โปรแกรม Maya ทำ 3D และต้องเอ็กซ์พอร์ทเป็นไฟล์ .X
ผมไม่ได้เอาไปใช้เพื่อการค้าใดๆทั้งสิ้น แต่ Free Trial มันทำอะไรไม่ได้เลยนอกจาก Print ScreenShot กับ Export เป็นไฟล์ .jpg แบบมีติดลายน้ำ
ตอนหกปีก่อน ผมควรจะใช้โปรแกรมอะไรดี???--->
ถ้าสถาบันการศึกษาไม่มี Volume License ให้ นศไปใช้ ก็ควรโทษ สถาบัน ไม่ใช่ตัวเด็กครับ อีกอย่าง Blender ก็ทำงาน 3D ได้ดีทีเดียว
======================================================
ละอย่าลืมสิครับว่า บริษัททั่วไป ใช้ Microsoft Office ไม่ใช่ OpenOffice
ตอนเราเดินเข้าไปบอกเค้า เราบอกว่า “ผมใช้ OOffice เป็น แต่ผมใช้ MS Office ไม่เป็น” แล้วทั้งบริษัทมีแต่ MS Office เจ้านายจะรู้จักมั้ยว่า OOffice คืออะไร?
“ผมใช้ Linux เป็น แต่ผมไม่เคยใช้ Windows” แล้วทั้งบริษัทมีแต่ Windows เจ้านายจะคิดยังไง?
--->
ผมเองไม่เชื่อหรอกว่า ถ้าคุณใช้ software เป็นจะมีปัญหาในการทำงาน ผมเองเพิ่งเริ่มใช้ OO.o 3 ตั้งแต่มันออก แค่ 1 อาทิตย์ก็ทำงานคล่องเกือบจะัทั้งหมดแล้ว ทั้งที่เมื่อก่อนแทบไม่เคยใช้
คนทั่วไปติดกับความ "คุ้นเคย" และที่สำคัญ "อ่านภาษาอังกฤษไม่ออก" เลยต้องคลิกตามๆกัน
(ไม่รู้ว่าจะพูดแรงไปในสามัญสำนึกคนทั่วไปหรือป่าว แต่สำหรับผม อะไรที่เป็นจุดอ่อนของตัวเอง
ก็ควรจะยอมรับได้ และควรแก้ไข ไม่ใช่แสดงอารมณ์เกรียนๆออกมา)
======================================================
สมัยก่อนนี้โปรแกรมแจกฟรีเยอะครับ แต่ หาได้ง่ายรึเปล่า? โหลดผ่านเน็ตง่ายรึเปล่า? เน็ตบ้านเราฝืดรึเปล่า? ไม่ใช่ว่าโหลดไป 10% ก็ค้างหรอกรึ? ให้ใช้แฟลชเก็ท ก็ ไปซื้อแฟลชเก็ทอีกสิ?
--->
ตะกี้ยังโหลด 3D Max กับ Dream weaver มาได้อยู่เลย กะแค่จะโหลดโปรแกรมขนาดเล็กกว่าครึ่ง คงไม่มีปัญหามั้งครับ หรือจะบอกว่า Open source มัน "ไม่มีแผ่นวางขาย" ก็เลยไม่ฮิต ... ??
======================================================
เอาแค่วินโดว์ ในประเทศไทยมีโรงเรียนไหน ให้นักเรียนขอวินโดว์ใช้ฟรีได้มั่งครับ???
บางโรงเรียนยังใช้ Windows 95 อยู่เลย
--->
อันนี้แหละ ปัญหาที่คุณพูดมาทั้งหมดแล้วเข้าตาผม ... ตรงนี้แก้ยาก และยังไม่เห็นมีใครแก้
Warez Crack Serial Keygen มันก็มีแจกกันทุกโซน ทุกประเทศล่ะหน่า เพี่ยงแต่เจ้านี้ขยันทำตัวแคร็ก
จากข้อความ "..สถาบันการศึกษาไม่มี Volume License ให้ นศ.ไปใช้ก็ควรโทษ สถาบัน ไม่ใช่ตัว
เด็ก"
จะให้สถานศึกษาซื้อคงเป็นไปไม่ได้หรอกครับ นักศึกษษก็มีใช้โปรแกรมร้อยแปดพันเก้า พอดีไม่ต้องเอาเงินไปใช้อย่างอื่นแล้วล่ะ หมดกับการซื้อซอฟแวร์ แต่ไม่ได้บอกว่าให้ใช้ซอฟแวร์เถื่อนต่อไปน่ะ ถ้ามันใช้ของฟรีได้ก็ใช้ไปมีเดี่ยวนี้มีให้เหลือตั้งเยอะ แต่ๆ ถ้าเลี่ยงไม่ได้จริงๆ ก็ใช้มันเพื่อการศึกษาจริงๆ ทำโปรเจ็คส่งงานแค่ชิ้นสองชิ้น ไม่ได้เอาไปขายที่ไหน ก็ใช้ได้ เป็นผมผมก็ยอมรับได้น่ะ
ส่วนตัวแล้วก็เข้าใจและตระหนักเรื่องนี้มาก เพราะมันก็อาชีพเดี่ยวกันทั้งนั้น โกงเพื่อนโดยกันเอง
เดี่ยวนี้ผมพยายามเอาโปรแกรม(ผิดลิขสิทธ์)ที่ไม่จำเป็นออกและใช้โปรแกรมที่ไม่เกินการใช้งานเพื่อจะได้หันไปใช้ซอฟแวร์ฟรีหรือซื้อซอฟต์แวร์ราคาถูกแทน
เรื่องนี้ก็พูดกันอยาก แล้วแต่จิตสำนึกของแต่ละคน เพราะซอฟต์แวร์มันละเมิดได้ง่ายกว่าพวกวัตถุจึงทำให้ไม่เห็นคุณค่าของมัน ตราบใดถ้าคนบ้างคนยังไม่เคนโดนโกงผลงานตนเองก็คงยังไม่รู็คุณค่าของมัน
</mOkin™>มีความสุขที่พอดี กับชีวิตที่พอเพียง</mOkin™>
ผมอ่านแล้วงง ตกลงว่าคุณ mokin คิดว่าการใช้ซอฟต์แวร์โดยไม่ซื้อสิทธิ์เพื่อนำไปใช้ทางการศึกษานี่ "ผิด" รึเปล่าครับ
LewCPE
lewcpe.com, @wasonliw
อ้อๆ ความจริงมันผิด แต่ผมบอกว่ามันคงอนุโลมได้น่ะ เพราะเราเอามาทำงานส่งแค่ครั้งสองครั้ง และก็ไม่ได้ทำเพื่อการค้า ไม่ได้ใช้โปรแกรมของเขาเป็นปีหรือนำโปรแกรมเพื่อทำงานวิจัยอะไรใหญ่โตแล้วได้ผลตอบแทนมา คือ ถ้าบอกว่าไม่มีเงินซื้อก็ใช้ของฟรี แต่ถ้าของฟรีไม่มีให้ใช้ล่ะครับ ทำอย่างไหรซื้อโปรแกรมครั้งเดี่ยวราคาเป็นหมื่นแล้วก็ทิ้งไป ผมคงไม่ทำอย่างนั้นแน่ครับ
</mOkin™>มีความสุขที่พอดี กับชีวิตที่พอเพียง</mOkin™>
ความเห็นล่างๆ คุยกันเยอะแล้ว ผมคงไม่ซ้ำอีกทีนะครับ แต่สำหรับเรื่องการศึกษา ถ้าเห็นว่าการใช้งานโดยไม่ได้ซื้อสิทธิเป็นความผิด (แม้จะไม่ผิดกฏหมายเพราะมีบทยกเว้นเป็นการเฉพาะก็ตาม) มีทางเลือกสองสามทางครับ
อันนี้ถ้าเห็นว่าเป็นความผิด (จริยธรรม, คุณธรรม, ฯลฯ อะไรก็ว่ากันไป) แต่ถ้าเห็นว่าไม่ผิด อันนั้นคงไม่ต้องคิดมากให้ปวดหัว
ผมไม่แน่ใจว่า คำว่า "ทำงานส่ง" ของคุณ mokin นะครับ ถ้าทำงานส่งเพื่อการศึกษาเป็นการบ้านนี่ ผมยังไม่เคยเห็นงานไหนที่ "จำเป็น" ขนาดนั้น อย่างสมัยผมเรียน Com Eng. มี ลินุกซ์ + GCC นี่ก็เรียนจบได้เหมือนกัน ส่วนสายศิลป์นี่ไม่แน่ใจว่าเนื้อหาวิชาไปจนผูกติดกับ Photoshop หรือซอฟต์แวร์เฉพาะทางอื่นๆ แค่ไหนกัน อันนี้ไม่มีข้อมูลคงบอกไม่ได้ครับ
แต่ถ้าเชิงการค้านี่อีกเรื่องนะครับ อันนั้นแม้ในกฏหมายเองก็คงไม่อยู่ในข้ออนุโลมเชิงกฏหมายอยู่แล้ว จะครั้งเดียว สองครั้ง หรือกี่ครั้งนี่ เจอจับยังไงก็คงผิดล่ะครับ
LewCPE
lewcpe.com, @wasonliw
ถ้าผมบอกว่า ได้รับทำรายงานให้เวลาสองสัปดาห์ในการทำ
โดยได้รับทำเรื่องเกี่ยวกับ การสร้างแบบจำลองของโมเลกุล
ก็ไปเจอโปรแกรมชื่อหนึ่งที่สามารถตอบโจทย์และแก้ปัญหาได้
โดยที่โปรแกรมนั้น ราคามากกว่าสองหมื่น ท่านจะทำอย่างไหร
โปรแกรมทั่วไป ผมก็พอหามาทดแทนได้ครับ และผมก็เข้าใจว่าเอาโปรแกรมที่เขาขายมาทำก็ผิดทางกฎหมายอยู่แล้ว แต่จะให้ทำอย่างไหรดีล่ะ เมื่อมันจำเป็นต้องใช้ต้องใช้
</mOkin™>มีความสุขที่พอดี กับชีวิตที่พอเพียง</mOkin™>
ปรึกษาอาจารย์ที่สั่งงานครับ อาจารย์จะช่วยได้ครับ ผมเคยเจอการบ้านที่ต้องใช้ Mathematica วาดกราฟ (เกิดมาไม่เคยได้ยิน เคยได้ยินแต่ Math Lab) อาจารย์ก็แนะนำให้ไปหาจากห้องสมุดภาควิชา มีหนังสือพร้อม cd โปรแกรมครบเลยครับ
ว่าแต่ว่า Mathematica มันขายไม่ใช่หรือครับ ประเด็นเรื่องหาโปรแกรมผมหาได้ไม่ว่ามันจะแปลกขนาดไหน (โดน อ.ที่คณะใช้ให้หาประจำ)แต่ที่คุ้้ยกันคือ เอามาใช้เพื่อการศึกษา จะไม่สามารถนำของเถื่อนมาใช้ไม่ได้เลยหรือ มีทางออกแค่ซื้อกับฟรีแวร์แค่นั้น ทั้งที่โปรแกรมเองมันก็หายากอยู่แล้ว
</mOkin™>มีความสุขที่พอดี กับชีวิตที่พอเพียง</mOkin™>
ปกติงานวิจัยจะตั้งงบประมาณรวมถึงค่าโปรแกรมพวกนี้ด้วยครับ
ถ้าไม่มั่นใจว่าโปรแกรมทำงานอย่างที่เราต้องการได้หรือไม่โทรไป
เรียกตัวแทนจำหน่ายมา demo ได้ครับ ยิ่งแพงยิ่งเรียกง่าย
ทางออกคืออาจจะซื้อเขาไว้ใช้หนึ่งไลเซนต์ ก็น่าจะพอได้ ส่วนโปรแกรม
เฉพาะทางอย่าง ProEng อะไรพวกนี้ อย่าไปใช้ของเถื่อนเลย สงสารคนเขียน
อนึ่ง MATLAB ย่อมาจาก MAtrix LABoratory ไม่ใช่ Math Lab
ส่วน Mathematica มี student version น่าจะแถมมากับหนังสือได้
ผมทำรายงานส่งครับคุณ p-joy ลองอ่านคำตอบที่ผมตอบน่ะครับที่ comment 69511 ตัว demo ส่วนใหญ่จำกัดการทำงานบ้างอย่างทำให้ไม่สามารถนำมาใช้ได้ ได้แต่ลองเล่น ส่วนเรื่องโปรแกรมที่แถมมากับหนังสือนั้นผมไม่รู้น่ะว่าจะมีหรือปล่าว แต่ที่เคยซื้อมาก็ รุ่นทดลองหมด อันนี้ครับ ราคาของ Mathematica (student version)
อนึ่ง ใช่ว่าผมจะแนะนำ้ให้ใช้ของเถื่อนน่ะครับ
---- มีความสุขที่พอดี กับชีวิตที่พอเพียง
ผมว่าขอบเขตของรายงานมันน่าจะชัดนะครับ เวลานำเสนอ สามารถบอกได้เลยครับว่าโปรแกรมไม่มี เวอร์ชัน demo ทำได้แค่นั้นแค่นี้
คงไม่มีอาจารย์คนไหนบอกว่า ก็ไปโหลดของเถื่อนมาสิ
แสดงความเห็นสักหน่อยเรื่องของไมโครซอฟท์
โดยส่วนตัวแล้วผมชื่นชมไมโครซอฟท์ในแง่ของการศึกษามากนะครับ ไมโครซอฟท์เป็นบริษัทเดียวที่ผมเห็นในตอนนี้ที่ทำตลาด Student Edition อย่างจริงจังมากในบ้าน ราคาเท่าที่ผมเห็นแล้วถ้าซื้อคอมพิวเตอร์มาใช้ได้นี่ ราคามันน่าจะรับได้แน่ๆ
ถ้าลองมองย้อนกลับไปดูดีๆ ว่า MS Office นี่ความสามารถข้างในมันสูงแค่ไหน เราน่าจะเห็นกันนะครับ ว่าราคาที่เค้าขายก็ไม่ได้แพงอะไรขนาดนั้น ถ้าใช้งานนิดๆ หน่อยๆ นี่ใช้ MS Work ก็สมเหตุสมผลดีราคาแค่ 40$
Adobe เองตัวเล็กสำหรับใช้งานในบ้านราคาก็ไม่ได้เว่อร์แบบเกินค่าเครื่องนะครับ ผมจำไม่ได้ว่าเท่าใหร่แค่ไม่เกิน 150$ ไปไกลนัก
เงินน้อยกว่ามันก็มีทางเลือกแบบประหยัดๆ ครับ อาจจะลำบากกว่าในบางเรื่องบ้าง แต่ผมว่ามันก็แฟร์ดีนะ
LewCPE
lewcpe.com, @wasonliw
สำหรับคอมตามบ้าน ผมบอกได้เลยว่าซื้อแค่ Windows อย่างเดียวก็พอ โปรแกรมที่เหลือมันมี FOSS ที่ทดแทนกันได้ทั้งนั้นแหละ (เครื่องผมก็ใช้แต่ Windows กับ Office KU License นอกนั้นเป็น FOSS หมด)
สำหรับโปรแกรมหรูๆอย่าง Photoshop, 3DMax, Maya ผมมีความเห็นเหมือน mk คือถ้าคุณทำงานที่จำเป็นต้องใช้โปรแกรมระดับนี้จริงๆ คุณหรือบริษัทคุณก็ควรจะมีกำลังซื้อโปรแกรมพวกนี้ได้เช่นกันครับ
ตอบแบบคนทำเว็บและทำ 3D นะครับ
ทำ 3D ไม่มี 3ds max ไม่ตายหรอกครับ ส่วนใหญ่มันพวกจะใช้แล้วแห่ตามกันไปใช้ เพราะไม่ได้ซื้อ แต่เพราะมันไม่ซื้อ มันเลยใช้ของใหญ่ๆ อย่าง 3ds max ทำได้แต่โลโก้หมุนติ้วๆ ได้เท่า xara 3D กัน ลองดูสิครับ คนใช้ 3ds max, maya, photoshop สักกี่เปอร์เซ็นต์ที่กล้าตอบว่าไอ้ทีทำๆ อยู่มันต้องใช้ 3ds max อย่างเดียว แล้วไอ้ lightwave, modo, cinema4d, softimage, blender ก็ทำได้ ก็อ้างกันไป หนังสือมั่งหล่ะ ไม่มีเพื่อนเล่นมั่งหล่ะ ฯลฯ
ผมมี max x2, lw x1, modo x1, zbrush x3, eias x1, cinema 4d x1, formz x1 ซื้อของแท้หมด แต่ไม่ได้อัพเกรดมันทุกๆ ตัว ก็ซื้อและใช้ตามสภาพงาน ก็เป็นคนทำงานตัวเล็กๆ แหละครับ แต่ก็ไม่ได้ขาดทุนอะไรจากการซื้อซอฟต์แวร์แท้ เลยไม่เห็นด้วยกับทุกข้ออ้าง โดยเฉพาะในงาน 3D ครับ
ส่วน dreamweaver นั้น ถ้าทำเว็บจริงๆ eclipse + aptana ก็โค้ดได้ดีกว่า dreamweaver แล้วครับ ฟรีอีกต่างหาก มีหมดทุก os ครับ แม้กระทั่ง flash หากไม่มีตังค์ซื้อและทำนิดๆ หน่อยๆ เช่น banner ก็ใช้พวก shareware ได้ตั้งเยอะแยะครับ
ดังนั้นไอ้ 30 โปรแกรมนั้นก็ไม่ได้มีใครยัดเยียดมาให้หรอกครับ ซื้อบ้าน ก็ต้องหาตังค์ซื้อเฟอร์ฯ อยู่ดี จะไปซื้อบ้าน แล้วไปขโมยฟอร์ฯ เพราะบอกว่าไม่มีตังค์ แต่อยากนั่ง lazyboy ก็คงคุยยาวที่ สน. ล่ะครับ
ปล.2.1 ผมใช้ mandriva/mac อยู่ครับ เช่นกัน
-- Flex | Java | REALBasic --
Adobe Creative Suite โปรแกรมเดียวมันราคาแพงกว่าเครื่องผมสองเครื่องรวมกันอีกนะ
LongSpine.com
มันอยู่ที่ว่าเอามารับงานสมกับราคาซอร์ฟแวร์หรือเปล่า ถ้าเอามาออกแบบโฆษณาชิ้นละแสน งานเดียวก็คืนทุน แต่ถ้าเอามาแต่งรูปสติกเกอร์ตามร้านห้องแถว ทำทั้งปีก็ยังไม่คืนทุน
ไม่ตายไม่เลิก
ก่อนที่จะได้ทำงานโฆษณาชิ้นละแสน ต้องฝึกกี่ปีครับ??? ก่อนหน้านั้นจะใช้อะไรไปพลางๆดีล่ะ???
Adobe ตัว trial ที่ใช้ได้แค่ 30 วัน?
ใช้ Student Edition ครับ ส่วนมากลดกัน 80-90% อยู่แล้ว แต่จริงๆ ผมเห็นด้วยกับกฏหมายบ้านเรานะ ที่ให้ใช้ในเชิงการศึกษาได้
ผมไม่แน่ใจว่ากฏหมายตรงนั้นครอบคลุมแค่ไหนเพราะเคยมีข่าวโรงเรียนถูก BSA บุกอยู่เหมือนกัน [citation needed] แต่ผมว่ามันโอเคกับการใช้แบบไม่หากำไร
แต่เรื่องหากำไรนี่ผมไม่เห็นด้วยเลยครับ ยังไงเสียรับงานค่าซอฟต์แวร์ก็ต้องเป็นต้นทุนอยู่แล้ว ถ้ายังไม่เก่งวิธีการคือไม่ควรออกบินเดี่ยวไปรับงานเอง อยู่กับบริษัทก็เป็นหน้าที่ของบริษัทต้องจัดหาซอฟต์แวร์มาให้เราใช้งานกันไป
LewCPE
lewcpe.com, @wasonliw
ทำงานแบบ ง่าวสุดๆ ก็ได้ชิ้นละ 5 พัน แล้วใช้เวลาไม่เกินสัปดาห์ ล่ะครับ
ย้ำว่าง่าวสุดๆ แล้วถ้าคิดจะทำงานไม่คิดจะลงทุนหรอครับ? โปรแกรมทั่วไปก็ใช้ได้ คุณอย่าบอกนะว่า ส่ง PSD ให้ลูกค้า ?
เคยเจอ ส่งมาเป็น .ai เลยครับ พอพี่เค้ามาปรึกษาผมก็บอกไปว่า
1. ให้ก็บอกให้เค้าส่งเป็น jpeg บริษัทเราไม่มีลิขสิทธิ์โปรแกรมนี้
2. ถ้าพี่จำเป็นต้องใช้ก็ทำเรื่องขอซื้อ ได้รับการอนุมัติมาแล้ว ก็มาบอกผมจะแอบลงให้แป๊บนึงก่อนเพราะเข้าใจว่าจำเป็น เพราะพี่ไม่ได้วางแผนไว้ (แอบเหน็บอีก)
3. ถ้าอ้างว่าใช้น้อย ก็บอก ตามข้อหนึ่ง อีกรอบ ใช้เยอะเมื่อไหร่ ค่อยซื้อ แล้วอย่าลืมงบค่า ไปเทรนนิ่งด้วย
แอบบอกไว้ตรงนี้ถึงคนที่รับทำงานพวกนี้นะครับว่า รบกวน แปลงเป็น jpeg หรือ pdf ที่เปิดอ่านด้วยโปรแกรมบ้านๆได้ด้วยนะครับ แล้วปัญหาจะลดลงไปอีกเยอะ (คิดว่านะ)
แปลงเป็น SVG ดีกว่าไม่ครับ จะได้แก้ไขได้ด้วย
</mOkin™>มีความสุขที่พอดี กับชีวิตที่พอเพียง</mOkin™>
ถ้าลงทุนซื้อ CS ชุด ใหญ่สุด
ทำอาร์ทเวิร์คส่งลูกค้าใช้แต่ indesign/photoshop ปกติชิ้นนึงก็ไม่ต่ำกว่า 5 พัน 10 ชิ้น คุณได้เกินครึ่งแล้ว
ถ้าทำงานจริงๆ อย่างโง่สุดๆ ปีนึงคุณได้กำไร ค่าเครื่อง+ ซอพ์ทแวร์แล้วครับ
เห็นด้วยกับเรื่องเทียบกับซื้อรถครับ
-- Flex | Java | REALBasic --
Don't fall into the dark side. เหรอ - -"
นี่แปลว่าเราเป็น Sith เหรอเนี่ย ^^
ราคาเป็นกลไกอย่างหนึ่งที่จะทำให้คนใช้ของแท้หรือของเถื่อนครับ เรื่องนี้ใช้วิชาเศรษฐศาสตร์อธิบายได้ พฤติกรรมต่างๆมันมีแรงจูงใจทั้งนั้นแหละ
ตลกดี
@TonsTweetings
ต้องบอกว่า ตัวผมนั้นเป็น MSP (Microsoft Student Partner) พูดง่ายๆ คือเป็นทูตของทางไมโครซอฟต์ที่จะเผยแพร่เทคโนโลยีใหม่ในหมู่ นศ ซึ่งในขณะนี้นั้น MS ได้มีโครงการที่จะแจกจ่ายซอฟต์แวร์ของทางไมโครซอฟต์ที่ถูกลิขสิทธิ์เกือบทุกตัว ให้แก่นักศึกษาในโครงการ โดยที่มีมหาวิทยาลัยต่างๆ ที่ได้ร่วมมือกับไมโครซอฟต์อยู่หลายแห่งพอสมควร ผมคิดว่าก็เป็นหนึ่งนโยบายที่ดี ที่จะให้มีคนใช้ซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์มากขึ้น แต่ในมุมมองของผม ผมก็ยังคิดว่า มันยังเป็นอะไรที่ยากสำหรับคนไทยอยู่ดีครับ เพราะความรู้สึกของคนไทยส่วนใหญ่ที่ไม่มีความรู้ทางด้านเทคโนโลยี ยังมองไม่เห็นถึงข้อแตกต่างของการใช้ซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์กับการใช้ซอฟต์แวร์เถื่อน คนทั่วไปบางคน เช่นเพื่อนผมที่เรียนด้านคอมพ์หลายคนโดยเฉพาะผู้หญิง ยังไม่รู้จัก OS ฟรีๆ อย่าง Linux หรือ Unix เลยครับ ยังมีคนมองว่า WIndow เป็นระบบปฏิบัติการที่ครองโลกอยู่ การใช้ซอฟต์แวร์เถื่อนยังมีให้เห็นในทุกเครื่อง ทั้ง photoshop หรือซอฟต์แวร์ต่างๆที่มีอยู่ในเครื่องก็ล้วน เถื่อนทั้งนั้น จึงเป็นการยากมากๆที่จะให้คนไทยมีจริยธรรมในการใช้ของถูกลิขสิทธิ์ ในเมื่อเรามองสิ่งที่ผิดเป็นสิ่งที่ถูกต้องมาตลอด
เอาง่ายๆ เพื่อนผม (ผู้หญิง) เอาคอมพิวเตอร์โน๊ตบุคซึ่งโดนไวรัสมาให้ผมแก้ ถ้าผมลง Linux ให้เขา ซึ่งไม่มีโอกาสที่จะติดไวรัสดั่งเช่น Window ไปให้กับเพื่อนคนนั้น รับรองได้เลยว่า ไม่เกิน 1 วัน เขาต้องเอาเครื่องมาคืนผม พร้อมบอกให้ผมลงใหม่ แน่ๆ ซึ่งแน่นอน การที่จะลงให้เขานั้น ก็ไม่พ้น Software เถื่อนนั้นเอง ขนาดร้านขายคอมพิวเตอร์หรือร้าน ซ่อมคอมพิวเตอร์ ยังลง Window เถื่อนเลยครับ จริยธรรมด้านซอฟต์แวร์ของคนไอที ยังมีน้อยอยู่เลย การจะเปลี่ยนแปลงคนทั้งโลกจึงเป็นอะไรที่ยากอยู่ดีครับ ถึงผมเข้ามาบ่น ผมก็ยังใช้ Software เถื่อนอยู่บ้าง อยู่ดีครับ เช่น Photoshop แต่ตอนนี้ผมก็พยายามเลี่ยง หาฟรีโปรแกรมมาใช้ในเครื่องให้มากที่สุดอยู่ดี (แต่ที่ขาดไม่ได้ก็คือ MS Office , Photoshop , edit+ ล่ะครับ )
จริยธรรมมีน้อย ก็ต้องช่วยกันทำให้มีมากขึ้นครับ อย่าปล่อยไว้ อย่าเพิกเฉย อย่าหาข้ออ้างที่จะไม่ทำ
เพราะคนส่วนใหญ่คิดแค่ว่าทำไมต้องเสียเงินมากๆ ในเมื่อสามารถหาฟรีได้
และบางที บางคนก็มองว่า เสียเงิน = โง่
ใช่ครับ โดยถ้าคนที่กุม(หัวใจ) เราไว้เนี่ย ถ้าไม่เข้าใจ จะพาลครอบครัวมีปัญหาได้ :P
ไม่มีเงินหรือไม่อยากเสียตังค์ เลยให้คนอื่นเจ๊งแทน...อย่างนั้นหรือ
ไม่ว่าจะเอาไปใช้ในลักษณะไหนก็ตาม เจ้าของเค้าว่าไงก็ต้องว่าตามนั้น
ผมว่าการรณรงค์เรื่องนี้ดีมากๆครับ บ้านเรา 100 คนใช้เถื่อน 90% ขึ้น
ลองคิดว่าถ้า 100 คนใช้เถื่อน 10 % คงจะเริ่มไม่กล้าใช้แน่ๆ เพราะทุกคนเคารพหมด
Software ลิขสิทธิ์ใช้ยากจริงหรือ? Ubuntu เปิดไว้ในโรงเรียนตอนไปค่าย เด็กป.3 เปิดเล่นเกมส์หน้าตาเฉย -*-? มันหาเจอเองอีกตะหาก? apt-get game มาหลายเกมส์หน่อย
ผมว่าจะใช้อะไรมันอยู่ที่การเห็นครั้งแรกๆ การปลูกฝัง การสอนมากกว่านะ จับคอมพ์แรกๆ ผมไม่รู้หรอกว่ามันคืออะไร แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่ามันคือ Windows ต่างจาก Linux ผมเริ่มรู้ตอนอยู่ วิทย์คอมปี 2 ว่ามันต่างกัน(ก่อนหน้านั้นผมรู้แค่ว่ามันคือ computer)
แล้วถ้า MS เข้มงวดมาตั้งแต่สมัยก่อน(ที่ผมรู้แค่ว่ามันคือ computer) ประมาณว่าเข้มงวดถึงขนาดหาแผ่น crack ไม่ได้ ผมว่าคนก็ดิ้นรนใช้ linux กันตั้งแต่ตอนนั้นแหละ
เครื่องลงมาเมื่อก่อน windows ใช้มานานแล้วมันก็ฝังอยู่ในรากของเรานี่แหละผมว่า ถ้าถึงขนาดที่ยากที่จะเปลี่ยนไปใช้อย่างอื่นไม่ได้แล้ว(เสียเวลาในการเีรียนรู้ใหม่ต่างๆ นานา) มันก็คงต้องเริ่มมีการซื้อกันขึ้นมาบ้างแหละ(ถ้าเค้าเข้มงวดจริง) มันกลายเป็นของที่ขาดไม่ได้ไปแล้วนิ
ไม่เหมือนเด็กที่เปิดอะไรมา เค้าก็รู้แค่ว่ามันคือ computer มี mouse มีปุ่มให้ click(เหมือนผมที่เมื่อก่อนก็รู้แค่นั้น) เห็นเขียนว่า game เห็น icon สวยๆ อ่านออกบ้างไม่ออกบ้างอาศัยเดาบ้าง มันก็เอาเกมส์ที่อยู่ในเครื่อง Ubuntu เปิดขึ้นมาเล่นได้สำเร็จ
ถ้ามันไม่มี Dream Maya Ms-Office ต่างๆ นานา รุ่นผิดลิขสิทธิ์ ให้เราได้หัดใช้กันก่อนที่จะเข้าไปทำงานที่ ที่ทำงานต่างๆ
เราจะมีปัญญาบอกกันหรือเปล่า ว่าเราใช้ของพวกนั้นเป็น เราจะมีปัญญา ไปต้องการ โปรแกรมพวกนั้น แบบลิขสิทธิ์ มาใช้หรือเปล่า? ในเืืมื่อเรา ใช้มัน ไม่เป็น.
ในเมื่อเราใช้เป็นแต่โปรแกรม open source เพราะเรา ไม่มีปัญญา ไปหาโปรแกรมเหล่านั้นมาใช้ (เริ่มเวอร์)
ปล.ทุกวันนี้ผมยังใช้ Windows รุ่นผิดลิขสิทธิ์อยู่ด้วย กล้าทำกล้ารับ ไม่อยากเสียตังซื้อ แต่ติดมันแล้ว ปล2. Ubuntu และ Windows ลิขสิทธิ์ก็ใช้ด้วยนะ
อย่าเข้าไปอ่านนะ บทความของ Rookie
สมัยผม ป. 5 ด้วยความที่เล่น Doom ไม่ผ่าน ผมนั่งอ่านหนังสืออยู่ค่อนคืนไป ATDT > FTP CDROM.COM > GET > SZ/RZ ไฟล์สูตรกลับมาอ่านที่เครื่องตัวเองได้
มันไม่มีอะไรยากเกินไปหรอกครับ เพียงแต่มันมีทางที่ง่ายกว่าคนเลยพยายามเลือกทางที่ง่ายๆ กัน
นึกถึงความหลัง สมัยนั้นผมจัดแรมเซียนมากเลยนะ config.sys กับ autoexec.bat นี่จัดแรมหลบกันไปมาให้สนุก
LewCPE
lewcpe.com, @wasonliw
เอ๊ะ? Doom เถื่อน กับ DOS เถื่อน หรือเปล่าเนี่ย :P
โอ้ จริง สารภาพบาปก่อนเลยครับ ว่าสมัย ป. 5 ผมเล่น Doom เถื่อน :P
DoS นี่จำได้ว่าของแท้นะครับ มันติดมากับเครื่อง แผ่นน่าจะอยู่ในตู้ (คงเจ๊งไปแล้ว)
LewCPE
lewcpe.com, @wasonliw
DOS นะพี่ ไม่ใช่ DoS
:P
อีกอย่างนั้นคือ ตัวผมเรียนอยู่ทางสาขาวิชา SE เสียด้วยซ้ำ ผมลองมองถึงอนาคตตัวเองอยู่เช่นกันครับ ว่า อนาคตต่อไป จบมาทำงานต้องเขียนโปรแกรมขายทั่วไปจริงๆ ก็อยากรู้ว่า มันจะขายได้ซักเท่าไหร่เชียว ถ้าไม่ได้เขียนโปรแกรมเฉพาะด้านให้กับลูกค้าที่ Req มา เพราะถ้าเขียนโปรแกรมทั่วไปแล้วนำไปขาย แน่นอน ว่าโอกาสถูก Copy มีสูง ถามว่ามันเป็นเพราะอะไร ผมว่าเหตุผลมีอยู่สองอย่างนั้นคือ 1.จริยธรรมในการใช้งานซอฟต์แวร์ของตัวบุคคล 2.การหา Software ที่ผิดลิขสิทธิ์มาใช้ทำได้ง่ายกว่าโปรแกรมถูกลิขสิทธิ์
ผมไม่ได้มองนะครับว่าตัว Linux เองใช้งานง่ายสำหรับผู้ใช้งานทั่วไป ดังเช่นด้านบนกล่าวไว้ว่า WIndow มันดันฝังรากเหง้า มากับคนไทยเสียแล้ว การจะเปลี่ยนแปลงระบบปฏิบัติการที่คนไทยใช้เป็นไปค่อนประเทศมาเป็น Linux คงจะยากมากๆแล้วครับ มันเหมือนกับคุณเขียนหนังสือด้วยมือขวา แล้วมีคนบอกให้คุณเปลี่ยนไปเขียนด้วยมือซ้ายแทนนั้นล่ะครับ แต่ผมมองเหมือนพี่ๆ ด้านบนว่า หากโปรแกรมไหนที่เราใช้พวกหารายได้ ได้จริงๆ เราก็ควรจ่ายตังเพื่อซื้อซอฟต์แวร์ตัวนั้นๆ มา เพราะถือว่าเป็นเครื่องมือที่ทำให้เราหารายได้ได้ ก็เหมือนเราทำงานชนิดอยู่ เราจะเขียนแบบได้ เราก็ต้องซื้อกระดาษ ปากกา โต๊ะเขียนแบบ เช่นเดียวกับคอมพิวเตอร์ เราจะสร้างผลผลิตขึ้นมาได้ ก็ต้องซื้ออุปกรณ์ก็คือตัว Hardware และ Software การจะสนับสนุนให้คนมาใช้ OS Linux คงจะยาก หรือทำได้ก็ต้องเริ่มตั้งแต่ ให้รุ่นน้องๆ ต่อจากนี้ ได้เรียน Linux กันตั้งแต่เด็กทุปโรงเรียน แล้วมาดูกันอีกทีว่า 15 ปีข้างหน้า คนไทยจะใช้ Linux เพิ่มมากขึ้นไหม ผมอยากให้ช่วยรณรงค์ในการใช้ Software ฟรี ซะมากกว่า ที่จริงซอฟต์แวร์ฟรีดีๆ ก็มีเยอะ อย่างที่พี่ๆ ว่ากัน แต่คนหลายคนดัน ไม่รู้เอง ว่ามีซอฟต์แวร์เหล่านั้นอยู่ อย่างเช่นว่า คนจะเล่น Internet => เรียกหา IE --> ทำไมไม่แนะนำให้ใช้ Firefox แทน คนต้องการฟังเพลง => เรียกหา Winamp แล้วแคร๊ก --> ทำไมไม่ใช้ Aimp2 หรือ iTune แทน คนต้องการอ่าน PDF => เรียกหา Adobe Reader , Acoblet --> ทำไมไม่ใช้ Foxit แทน คนจะแต่งรูปภาพ ==> เรียกหา Photoshop --> ทำไมไม่ใช้ Photoscape แทน ฟรีแถมดีด้วย คุณก็ไม่ได้แต่งรูปอะไรเทพมากมายซักหน่อย ต้องการหาโปรแกรมช่วยโหลด --> Flashget มันก็ฟรีอยู่แล้วนะครับ แค่มีโฆษณาเท่านั้นเอง บีบอัดไฟล์ --> ผมยังไม่เห็นตัวไหนที่ดีกว่า winrar ซักที ทั้งที่ 7zip มันฟรี
จะดีไหม ถ้าเราทำเว็บที่จะแนะนำ Free Software ที่สามารถใช้แทนกันได้
จริงๆ ผมเขียนเรื่องนี้มาหลายครั้งแล้วกลัวคนอื่นจะเบื่อ แต่ก็ขอเขียนอีกรอบละกัน
ส่วนเรื่องเว็บรวมซอฟต์แวร์ทดแทน ถ้าอยากทำก็ยินดีช่วยโปรโมตให้ครับ ในกระทู้เก่าๆ เคยรวบรวมไว้บ้างแล้ว มีเยอะพอสมควร ลองหาดูครับ
ผมว่าใช้ซอฟต์แวร์อะไรก็ใช้ไปเถอะ แต่ก็ของให้อย่าละเมิดลิขสิทธ์แล้วกัน
ซอฟต์แวร์เขาขาย ก็ชั่งเขาผู้ที่ทำธุรกิจจริงๆ เขาก็คงเลือกใช้ถ้ามันตอบโจทย์การทำงานได้ดี
แล้วก็มันขึ้นชื่อ ทำตลาดได้ดีก็เป็นสิ่งที่จดจำง่ายน่ะ
เว็บที่จะแนะนำ Free Software ประเทศไทยเหมือนมีแล้วเลยน่ะ
แต่มีแล้วก็ทำได้ เพื่อเป็นการเผยแพร่ขอมูลอีกเว็บหนึ่ง
</mOkin™>มีความสุขที่พอดี กับชีวิตที่พอเพียง</mOkin™>
อยากให้ทำเว็บครับ +1
จริงๆมีโครงการจะทำอยู่้แต่ก็ไม่ได้ทำสักที ถ้ามีใครทำจะช่วยโปรโมทเต็มที่เลยครับ
+1 ครับ
นี่คือความคิดเห็นส่วนหนึ่งของผมครับ สิ่งของทุกอย่างมีค่าในต้วมันเอง จะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับการตีค่าหรือราคาของเรา ทุกคนต้องการให้ของที่ตนครอบครองมีค่ามากที่สุด และไม่อยากให้ใครมาลักขโมย หากต้องการก็ต้องมีการแลกเปลี่ยน ไม่ว่าจะด้วยการซื้อขายหรือวิธีการอื่นใดๆ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ก็เช่นกัน ผมเคยสัมผัสครั้งแรกก็ โฟรแทรน ที่รันบนเมนเฟรมแต่ก็จำไม่ได้แล้วว่าคอมไพล์ด้วยอะไร ต่อมาก็ แอสเซ็มบลี โคบอล เบสิก ปาสคาล จนเริ่มเป็น ดอส วินโดวส์ แมคโอเอส จากจุดเริ่มต้นของดอส เราก็เริ่มก้อบปี้ด้วยแผ่น 1.2 1.44 ไม่ว่าจะเป็นดอสเวอร์ขั่นไหน ต่อมาก็วินโดวส์ 3.1 โอเอส/2 จนถึง วิสต้า ผมเคารพสิทธิ์ของเจ้าของโปรแกรมเหล่านี้ครับ บอกได้เลยว่า 90 เปอร์เซ็นต์ของโอเอสเหล่านั้นผมซื้อมาเป็นของแท้ บางอันก็ซื้อมาใช้ ตัวบางอันก็ซื้อมาเพื่อเรียนรู้ แต่ก็เห็นว่าโปรแกรมเหล่านี้แพงเกินไปสำหรับคนไทยจริงๆ ผมแน่ใจว่าคนไทยเราติดวินโดวส์เกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ และการก้อบปี้เราก็เริ่มตั้งแต่ ดอส แล้ว มันก็เลยติดต่อกันมาตั้งแต่นั้น หากจะเริ่มใช้ฟรีแวร์มันก็ต้องเริ่มจากที่โรงเรียนครับ แต่ก็ไม่เห็นจริงจังซักที (เสียดายภาษีที่ต้องจ่ายให้รัฐก็ตรงนี้แหละ) โอเพนซอสที่แจกฟรีก็ไม่มีใครใช้ พัฒนากันจนถึงเวอร์ชั่นเท่าไหร่ก็ไม่มีใครใช้ (เพราะไม่รู้ และนึกว่าไม่มี และคิดว่าไม่ดีเหมือนของไมโครซอฟท์)การเริ่มต้นที่จริงจังในบ้านเราก็ไม่มี และก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มกันที่ไหน เจ้ากระทรวงก็ไม่มีความจริงจังจริงใจ ไม่มีความรู้จริงๆซักคน ปัญหามันก็เลยไม่มีที่จบ สรุปก็คือต้องมีจุดเริ่มต้นซักแห่งทุ่มทุนให้จริงจัง ของฟรีที่ดีก็ทำแจกและพัฒนาคนให้ใช้ได้อย่างจริงจังและต่อเนื่อง จะใช้เวลานานเท่าไรก็ต้องทำครับ
ผมขอ Quote คำพูดของท่าน putchonguth ครับ "อือม ผมว่าตรงนี้แหละยากที่สุดสำหรับประเทศไทยเรา เราเป็นสมาชิกระดับก่อตั้ง NATO เลยครับ (NATO = NO ACTION TALK ONLY)" และก็คงจะเป็นอย่างนี้อีกนานครับ
ผมมองว่าทางสายกลาง หรือสิ่งที่เหมาะสมต่อภาพรวมที่สุด เป็นสิ่งที่ดีครับ ในแง่ของบุคลากรทางสายคอมพิวเตอร์โดยตรงอย่างโปรแกรมเมอร์ ก็อาจจะมองเรื่องนี้ว่าการละเมิดลิขสิทธิ์นั้นแย่ในทุกๆ กรณี และมีความเห็นว่า ถ้าไม่มีเงินก็เขียนโปรแกรมเองสิ
....ท่อนนี้สะดุดครับ การเขียนโปรแกรมมันทำได้ง่ายเหมือนเขียนหนังสืออย่างนั้นเลยหรือ? คนเรียนทางด้านการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์มี่กี่ % ของประเทศครับ? แล้วคนที่เขาไม่ได้เรียนทางด้านการเขียนโปรแกรม แต่เรียนทางสาขาวิชาอื่นๆ เขาจะทำอย่างไร? ถ้าจะกล่าวว่า ก็ต้องฝึกเขียนสิ ถ้างั้นอาชีพอื่นๆ ที่เขาก็ต้องมีหน้าที่รับผิดชอบในด้านอื่นๆ ที่จะมาเติมเต็มให้สังคมนั้นสมบูรณ์ เขาจะต้องมาเรียนเขียนโปรแกรมอย่างนั้นหรือครับ? ถ้างั้นเป็นโปรแกรมเมอร์ทั้งประเทศเลยดีไหม แล้วก็ไม่ต้องมีหมอ นักกฏหมาย วิศวกร นักวิทยาศาสตร์ แม่ค้า แม่ครัว ฯลฯ แน่นอนว่าสังคมจะอยู่ไม่ได้ การที่กล่าวมาก็อาจจะถูกต้อง ที่ว่า "ถ้าไม่มี ก็ให้ทำเอง อย่าไปขโมย" แต่มองจากความเป็นจริงจะพบว่า มันเป็นไปไม่ได้ทั้งหมดหรอกครับ
โปรแกรมเมอร์ ก็มองแบบโปรแกรมเมอร์ แต่ผมอยากจะมองแบบคนทั่วไป คือหาแนวทางที่เหมาะสมที่สุด ที่มันดีต่อการพัฒนาประเทศที่สุด ไม่ใช่เพื่อคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง และสิ่งที่ผมมองว่าเหมาะสมคือ การยกเรื่องของการศึกษามาเป็นประเด็นที่ต้องให้ความสำคัญที่สุด ความสำคัญทางด้านลิขสิทธิ์เป็นเรื่องรองลงมาสำหรับการศึกษา เพราะเราทุกคนแม้แต่โปรแกรมเมอร์เองก็ต้องการให้ประเทศก้าวหน้าด้วยการศึกษา อะไรมีข้อยกเว้นเพื่อการศึกษาได้ผมมองว่าสมควรครับ (แต่แน่นอน นี่ไม่ใช่กรณีในการใช้เชิงพาณิชย์ ถ้าเป็นเช่นนั้นละก็ การละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟท์แวร์ก็เป็นเรื่องที่รับไม่ได้)
ดังนั้นประเด็นสำคัญคือเรื่องการศึกษาเนี่ยล่ะครับ ผมเห็นด้วยที่กฏหมายจะยกเว้นการคุ้มครองลิขสิทธิ์ให้กับการใช้ในเชิงการศึกษา ขอยกตัวอย่างที่เห็นชัดเจนว่า ถ้าเปรียบการเขียนหนังสือ เหมือนกับการเขียนโปรแกรม สองอย่างนี้คล้ายคลึงกัน แน่นอนว่าผู้เขียนหนังสือ ก็เหมือนกับโปรแกรมเมอร์ คือต้องใช้ความรู้ความสามารถ ใช้ความพยายามต่างๆ นาๆ กว่าจะเป็นหนังสือหรือโปรแกรมซักโปรแกรม และก็แน่นอน สองอย่างนี้ก็มักจะมีการคุ้มครองลิขสิทธิ์เสมอ แต่แน่นอน ถ้าหนังสือนี่มีการคุ้มครองลิขสิทธิ์อย่างจริงจัง เวลาเราเรียนก็คงต้องไปซื้อหนังสือหรือตำรามาอ่านเอง ห้ามอาจารย์หยิบยืมตำราใดๆ มาใช้สอน ห้ามเราถ่ายเอกสารตำรา (เคยถ่ายเอกสารตำราไหมครับ? คุณมองว่าละเมิดลิขสิทธิ์ไหม? ไม่...เพราะเราใช้เพื่อการศึกษา ถ้างั้นทำสำเนาซอฟท์แวร์เพื่อการศึกษาล่ะ?) ห้ามจำคำในตำราไปใช้สอบ ห้ามอ้างอิง ห้าม... ฯลฯ เพราะผิดลิขสิทธิ์ อย่างนี้เสื่อมถอยแน่ๆ ครับ จริงหรือไม่? มนุษย์เราคงเหมือนอะไรซักอย่างที่พัฒนาไม่ได้เต็มศักยภาพ เพราะเราสร้างความรู้เองไม่ได้ทุกอย่าง ต้องเรียน ต้องหยิบยืมความรู้ที่มีแล้วมาใช้ นี่ล่ะครับคือการศึกษา เพราะอย่างนี้กฏหมายจึงต้องยกเว้นการคุ้มครองลิขสิทธิ์ให้กับการศึกษา และเช่นกัน กฏหมายคุ้มครองลิขสิทธิ์ มองหนังสือ-ตำรา กับซอฟท์แวร์คอมพิวเตอร์เหมือนๆ กันครับ ไม่มีสิทธิพิเศษใดสำหรับซอฟท์แวร์คอมพิวเตอร์ เหนือกว่าหนังสือ-ตำราหรอกครับ (พรบ. คุ้มครองลิขสิทธิ์ ปี 2537)
ดังนั้น การเขียนหนังสือซักเล่ม ผู้เขียนก็ต้องเต็มใจให้ใช้กับการศึกษาอยู่แล้ว เพราะกฏหมายมันเปิดช่องให้ไว้นานแล้ว และการใช้เพื่อการศึกษาซึ่งไม่แสวงหาผลกำไรนั้นเป็นสิ่งที่ดี (แต่ถ้าใช้ในเชิงพาณิชย์ละก็ ผู้เขียนมีสิทธิ์ฟ้องแหลก ได้เงินค่าเสียหายเยอะด้วย บางคนเขียนตำราดีๆ แล้วก็ไม่ต้องทำอะไรอีก เดี๋ยวก็มีคนลอกเลียนเอง แล้วก็ได้ฟ้องเรียกเงินกันสนุก) ถ้างั้นสำหรับซอฟท์แวร์คอมพิวเตอร์ล่ะครับ โปรแกรมเมอร์มองเหมือนผู้เขียนหนังสือหรือไม่ ใจกว้างเหมือนผู้เขียนหนังสือหรือไม่ ทั้งๆ ที่โปรแกรมเมอร์ทุกคนกว่าจะเรียนจบมาได้ ก็ต้องถ่ายเอกสารหนังสือตำรา(ที่มีลิขสิทธิ์)เพื่อการศึกษาของตนทั้งนั้นล่ะ (หรือมีใครเขียนตำราได้เองตั้งแต่ตอนเรียนเลยไหมครับ?) แล้วถ้าจะทำสำเนาซอฟท์แวร์เพื่อใช้เรียนรู้เนี่ย มันทำไม่ได้หรือครับ? และมองกันว่ามันผิดจริยธรรมมากขนาดนั้นเลยหรือครับ? อันนี้ขอฝากไว้ด้วยครับ
ตัวอย่างที่ผมมองว่าสมควร ตัวอย่างเช่น... มหา'ลัยหนึ่ง สอนโปรแกรม Maya ที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ทำได้เพราะใช้เชิงการศึกษา / นักศึกษาเอาโปรแกรม Maya ละเมิดลิขสิทธิ์ไปลงที่บ้านเพื่อศึกษาและทำ Course work ส่ง ทำได้เพราะใช้ในการศึกษา / พอนักศึกษาจบไปแล้ว ไปใช้โปรแกรม Maya ในบริษัทหนึ่ง บริษัทนี้ "ต้อง" ใช้โปรแกรมที่ "ไม่ละเมิดลิขสิทธิ์" เพราะใช้ในเชิงพาณิชย์ / และเช่นกัน ถ้านักศึกษาคนเดิมจะเป็น Freelance ทำงานที่บ้าน โปรแกรม Maya ที่บ้าน "ต้องไม่ละเมิดลิขสิทธิ์" เช่นกัน เพราะใช้ในเชิงพาณิชย์ ผมมองอย่างนี้ครับ (แต่จริงๆ ถ้าสามารถใช้ Student Edition หรือซอฟท์แวร์สิทธิพิเศษสำหรับนักเรียนนักศึกษาได้ก็เป็นเรื่องที่ดีครับ ก็ถือว่าสนับสนุนกันทั้งสองฝ่าย)
ผมอาจสื่อสารได้ไม่ดีนัก แต่สรุปสั้นๆ ว่า การศึกษานั้นควรใดรับสิทธิ์เหนือสิ่งใดๆ เพราะมันจะส่งผลต่อการพัฒนาในภาพรวมของประเทศครับ
กรณีนี้ผมเองก็ไม่อยากให้วงการการศึกษาไปใช้ซอฟท์แวร์ที่ใช้ในเชิงพาณิชย์และ "เหมือนจะ" ไปละเมิดลิขสิทธิ์หรอกครับ ผมอยากให้นักเรียนนักศึกษาได้ใช้ Linux/Uubuntu, OpenOffice ฯลฯ โปรแกรม Open source มากกว่า เพราะมันเป็นการเรียนที่ยั่งยืนกว่าอยู่แล้ว มากกว่าการไปผูกติดอยู่กับสินค้าของบริษัทใดบริษัทหนึ่ง แต่ในเมื่อยังไม่มีนโยบายของรัฐบาลที่ชัดเจนออกมา กับหลายๆ อย่างที่ยังไม่เข้าที่ (เช่น สอนให้นักเรียนหัดใช้ Uubuntu แต่กลับไปบ้านนักเรียนก็เจอ Windows อยู่ดี อีกอย่าง Ubuntu ในวันนี้ ก็ยังไม่ใช้ OS สำหรับทุกๆ คน) บางทีก็ต้องให้มันเป็นสภาพเช่นนี้ไปก่อนครับ
ผมขอตอบสั้นๆ แค่ว่า
เขียนเกม 3D ธรรมดา ยังไม่เสร็จ จะให้ไปเขียนโปรแกรม Maya
แน่จริงช่วยเขียนให้หน่อยสิครับ
ถ้าคิดว่าแค่ชื่อ Programmer ต้องเขียนได้ทุกอย่าง
ช่วยไปเขียนลินุกซ์ใหม่ กับโปรแกรม 3D Max และก็ Paint.Net ดูหน่อยได้มั้ยครับ ว่ามันจะใช้เวลากี่ปี
และช่วยเขียนเกมออนไลน์ 3D ซักเกม กับเว็บมันด้วยก็ดีนะครับ เขียนเว็บก็เป็นโปรแกรมเมอร์เหมือนกันนี่???
ถ้าจะให้ดี ขอให้ใช้สมองและความรู้เท่าที่คุณมีเมื่อห้าปีที่แล้วหน่อยนะครับ เผื่อจะเข้าใจอะไรๆมากขึ้น
ไม่ได้จะค้านหรือตั้งแง่กับท่านคนโพสต์นะครับ แค่ reply เพื่อให้เกี่ยวเนื่องกัน
เรื่อง Maya...
ไม่มีความจำเป็นต้อง maya กะไอ้แค่จะสอนทำเกมส์ เด็กไม่ผิด แต่มหาลัยผิด เพราะดันไม่ซื้อ และ อ.มันไม่แสวงหาอย่างอื่นมาสอน blender ก็ดีพอจะตายแล้วครับ เอา maya มาทำก็ยังไม่ได้ทำอะไรเป็น thesis เหนือกว่า blender ทำได้ แล้วจะอ้างเพื่อ? อีกอย่าง หากมันไม่พอซะจริงๆ หรือมันไม่ "เท่ห์" ก็ใช้ Softimage XSI Mod Tool สิครับ ฟรี แล้วได้ความสามารถสุดๆ เทียบได้กับ Softimage ตัวเต็มด้วยซ้ำ อ้างไม่ขึ้นครับ แต่ไม่โทษเด็ก เพราะคนกำหนดกติการการเรียนการสอนอยู่ที่คุณภาพกับสำนึกของคนร่างหลักสูตรครับ
เรื่องการศึกษาควรได้รับอภิสิทธิ์ ไม่เห็นด้วยครับ
อาจารย์ได้ของมาอย่างง่ายดายด้วยการก๊อป มหาลัยไม่ลงทุน ก็ไม่ "สำนึก" ทุนที่ต้องลงกับซอฟต์แวร์ ทำให้ไม่มีความชัดเจนของ direction ของการพัฒนาด้านการศึกษาด้านนี้ของมหาลัย และการศึกษาก็ไม่ได้ฟรี ก็เป็นหน้าที่ของรัฐและมหาลัยต้องนำเอาปัจจัยที่มีมาทำให้มันเกิดครับ จะไปเจรจากับบริษัทซอฟต์แวร์ หรือซื้อ หรือขอ ฯลฯ ก็ไม่จำเป็นต้องทำผิดกฏหมายครับ
เรื่องการใช้ opensource ผมเห็นด้วย แต่ก็ไม่ได้คิดว่าต้อง ขาว ดำ สุดๆ จะผสมกันก็ได้ ไม่เห็นต้องไปรังเกียจ เช่น ถ้าต้องสอน asp.net, vb.net ก็ควรทำไปกับ ms visual studion ซึ่งก็มีเวอร์ชั่น express (free) ก็เอามาสอนสิครับ ส่วน windows ก็ซื้อไป ทีทำสวนหย่อมหน้าคณะฯ บางที่ยังลงทุนไปตั้งเป็นแสนเป็นล้าน เพื่อสร้างเปลือก ว่าคณะฯ / มหาลัย มันทันสมัย
คือ มองแบบตรงๆ ไม่อ้อมก็คือ หากไม่ได้เอาไปหาตังค์ เช่น การศึกษา ก็ต้องให้สถานศึกษาเป็นเจ้าภาพ ในการดิ้นรนหามาเรียนมาสอน >>>> แบบถูกกฏหมาย
ถ้าเอามาหาตังค์ ก็จ่ายไปซะ ไม่มีข้ออ้าง ทำป้าย 500 บาท จะบอก photoshop แพง ก็ใครให้ใช้ photoshop ล่ะครับ ผมเอง ใช้เป็นแต่ photoshop ก็ซื้อแค่ photoshop ในตอนนั้น เพราะไม่รู้จะซื้อมาทำไมทั้งชุด แต่พอทำอย่งอื่นเป็น ก็อัพเกรดทั้งชุด เช่น adobe web suite 55,000 ทำงานซัก 5 เว็บมันไม่ได้ก็ไม่แปลกเหรอครับ
คือมัน "ง่าย" ในการก๊อป เราถึงได้งอแง ทีเรื่อง hardware ซึ่งก๊อปไม่ได้ก็ยังยอมรับกันได้ ตังค์ไม่พอ ก็ซื้อจอเล็กหน่อย ถ้าอยากได้ก็เก็บตังค์หน่อย ไม่เห็นต้องงอแงกันเลย
คือผมเห็นด้วยกับการสร้างจิตสำนึกแบบ "แรงๆ หน่อย" หรือ "ตรงๆ หน่อย" แบบคุณ mk เลยต้องมาพิมพ์เสริมครับ
-- Flex | Java | REALBasic --
เพราะ software เป็นนามธรรมจับต้องไม่ได้ ก้เลยเกิดการเสียดายเงินที่จะซื้อ (ไม่เหมือน hardware หรือตัวเครื่องที่บางท่าน mod กันสุดๆ) computer เมื่อก่อนหลายคนก็คิดว่ามันใช้ยาก เดี๋ยวนี้เด็กๆก็ใช้เป็น โดยไม้รู้ด้วยซ้ำว่ามันมี software อยู่ข้างในมันถึงทำงานได้ (ไม่เหมือนกับ หลอดไฟฟ้าไม่มี software แต่ทำงานได้) เครื่องเล่น MP3, VCD ซึ่งมี software อยู่ข้างในแต่เราเปิดเครื่องใส่แผ่นกดปุ่มเล่นมันก็ทำงานแล้ว เครื่องเหล่านี้มันบันเดิล software มาให้จนเราคิดว่ามันเหมือนหลอดไฟฟ้าธรรมดาหลอดนึง งงเหมือนกัน...
ขณะนี้ผมกำลังมองหาโปรแกรมที่มีความสามารถเหมือน Photoshop ครับ และกำลังลองใช้ Gimp อยู่ แต่ก็ยังไม่ใช่ มีท่านใดพอจะช่วยแนะนำมั้ยครับ
ถ้าใช้ OSX ผมจะแนะนำ http://www.pixelmator.com/ 60 USD *40 ก็ราวๆ 2400 บาท อย่างแพง
ยิ่งถ้าซื้อช่วง จัดบันเดิ้ล สารพัดอย่าง ยิ่งถูกสุดๆเลยครับ
อยากใช้ OSX บน ThinkPad
ชีวิตบางทีมันเลือกไม่ได้ - -"
LewCPE
lewcpe.com, @wasonliw
เท่าที่ใช้มาดีที่สุดคือ Paint.NET ครับ
ดีมากจนผมคิดว่าถ้าเรียนจบแล้วจะไปซื้อวินโดวส์มาลง .NET ใช้ตัวนี้ยังคุ้มเลย
ปล. ตอนนี้ที่ ม. มี site license ให้ใช้น่ะครับ
LewCPE
lewcpe.com, @wasonliw
Paint.NET +1
Pixelmator, Gimp (ที่จูน shortcut เหมือน photoshop ก็โอเคนะครับ เอา inkscape อีกตัว)
-- Flex | Java | REALBasic --
เครื่องผม windows มหาวิทยาลัย MATLAB มหาวิทยาลัย (ถ้าใ้ช้ที่บ้านต้องต่อผ่าน VPN)
SciLab Octave ใช้ไม่ไหวหรอก ห่วยเกิน
ที่เหลือใช้โปรแกรมฟรีหมด เอกสารใช้ LaTeX ถ้าต้องใช้ word ไปใช้ที่ทำงาน
ที่รู้สึกผิดมีอยู่เรื่องเดียวคือ อ่านการ์ตูน scan อยู่ 4 เรื่อง ส่วนหนังนั้นดูไม่ได้
ถ้าจะดูการ์ตูนกับลูกก็ซื้อแผ่นแท้
อันที่จริง ผมค่อนข้างชอบกับแนวทางของ บริษัท Microsoft ที่พยายามทำให้มี MSP หรือตัวแทนนักศึกษาจากทั่วโลก เป็นเป็นทูตในระดับนักศึกษาเพื่อแพร่ขยายเทคโนโลยีของ MS และมีการเชื่อมกับมหาวิทยาลัย หรือสถานศึกษาต่างๆ เพื่อแจกจ่ายซอฟต์แวร์ที่ถูกลิขสิทธิ์ ในการใช้เพื่อการศึกษาอย่างจริงจัง ซึ่งการทำแบบนี้ มันจะเป็นการดีกว่า ที่สถานศึกษาจะลงวินโดว์แท้ แล้วมาอ้างว่าใช้เพื่อการศึกษา ไม่ได้ทำผิดกฏหมาย แต่ถ้าคิดในหลักความจริง มหาลัยเก็บตังค่าหน่วยกิจนักเรียนไป นั้นก็น่าจะถือว่าใช้ในเชิงพาณิชย์แล้วหรือไม่? เฉพาะนักเรียนนักศึกษาหรอก ถึงจะใช้ในการศึกษาจริงๆ ฉะนั้น ตัว Software ทางมหาลัยต้องติดต่อกับทางบริษัทซอฟต์แวร์เองเพื่อขอใช้ซอฟต์แวร์เหล่านั้น ในเชิงเพื่อการศึกษา ผมก็เห็นซอฟต์แวร์ของไทยหลายตัวนะครับ มีเป็น LC Key ในลักษณะของสถานศึกษาไปเลย อย่างโปรแกรมจำลองเครื่องคิดเลขกราฟฟิกของโรงเรียนมัธยมเก่าผม ก็มี LC Key เป็นชื่อโรงเรียนไปเลย ผมว่าเป็นอะไรที่แฟร์ดี เรื่องการเปรียบเทียบ HW SW ก็เหมือนดังที่ด้านบนว่าแหละครับ HW มันถือว่าเป็นของที่จับต้องง่าย ละเมิดกันได้ง่ายๆ ไม่เหมือนกับสื่อต่างๆ เช่นซอฟต์แวร์ เพลง หนัง ซึ่งเมื่อละเมิดไป โอกาสที่จะจับมันมีน้อยกว่า แถมของพวกนี้ผมก็ไม่รู้มันมีมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่จำได้ก็คือ เทปผี (ที่เป็นม้วนๆ) วางขายกันในสมัยก่อน ต่อมาจึงเป็น CD
คุยกันยาวแต่น่าสนใจดีจริงๆ ... แต่ก็เป็นจุดเริ่มเรื่องลิขสิทธิ์ที่ดีในเมืองไทยนะครับ
---
Khajochi Blog : It's not a Bug ... It's a Feature
แฟนพันธุ์แท้สตีฟจ็อบส์ | MacThai.com