บริษัทความปลอดภัย Darktrace ระบุว่าเริ่มค้นพบมัลแวร์รูปแบบใหม่ๆ ที่นำเทคนิคด้าน AI มาใช้งาน เพื่อให้มัลแวร์สามารถเรียนรู้สภาพแวดล้อม และปลอมตัวได้เนียนกว่าเดิม
Nicole Eagan ซีอีโอของ Darktrace บอกว่ามัลแวร์กลุ่มนี้จะปรับพฤติกรรมไปเรื่อยๆ เพื่อให้อยู่ในระบบโดยไม่ถูกตรวจจับได้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ อย่างไรก็ตาม มัลแวร์กลุ่มนี้ยังไม่ได้มีศักยภาพด้าน AI เต็มขั้น แต่ก็เริ่มหยิบบางส่วนมาใช้งาน
อีกประเด็นที่น่าสนใจคือมัลแวร์เหล่านี้ถูกพบในประเทศกำลังพัฒนา มากกว่าประเทศพัฒนาแล้ว เนื่องจากบริษัทยักษ์ใหญ่ในประเทศพัฒนาแล้วมีระบบป้องกันทางไอทีที่เข้มแข็งกว่า ส่งผลให้แฮ็กเกอร์หันไปทดสอบมัลแวร์ของตัวเองในประเทศที่ไม่ได้สนใจความปลอดภัยไซเบอร์มากนัก ตัวอย่างที่โด่งดังคือ การแฮ็กธนาคารกลางของบังกลาเทศ ที่ในภายหลัง Symantec พบการโจมตีรูปแบบเดียวกัน ถูกใช้ในอีก 31 ประเทศ
ที่มา - The New York Times
ภาพจาก Pixabay
Comments
เริ่มเรียนรู้การพลางตัวด้วยตัวเอง ต่อไปก็เริ่มหาช่องโหว่บนระบบที่ตัวเองอยู่และระบบข้างเคียงด้วยตัวเองเพื่อหาทางกระจายตัว พอกระจายตัวได้เร็วก็เริ่มช่วยกันวิเคราะห์ข้อมูลแบบกระจาย ทำให้กระจายตัวเร็วขึ้นไปอีก อยู่ๆ ไปสักพักก็คงเริ่มคิดสร้างความหายนะ แล้ววันนั้นเราจะยังคุมมันอยู่หรือเปล่า ถ้า Quantum Computing มาจริง รวมร่างกับ AI สายทำลาย ผมว่าโลกนี้ยุ่งแน่ๆ
SPICYDOG's Blog
Hello Skynet
อาจเป็นงานอดิเรกของ AlphaGo ..
my blog
SkyNet จะยึดโลก 555
นึกถึงทรานฟอร์เมอร์ภาคแรก
และไทยก็กำลังจะเป็นหนึ่งในสนามทดสอบของแฮ็กเกอร์ ถถถถ
แค่ F5 ก็บินแล้วครับ
ในที่สุด malware ก็ฉลาดพอที่จะหลบเลี่ยงการตรวจจับได้หมดและเจาะช่องโหว่ได้ทุกทาง และได้เข้าไปยึดครองเครื่องเจ้าของที่เขียนมันขึ้นมาเองกับมือ