บริษัท Volvo ในประเทศออสเตรเลียได้ทดสอบระบบรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ และพบว่าระบบไม่สามารถตรวจจับจิงโจ้ได้ เนื่องจากรูปแบบการเคลื่อนไหวของจิงโจ้นั้นแตกต่างจากสัตว์ใหญ่ประเภทอื่น
David Pickett ผู้จัดการฝ่ายเทคนิคของ Volvo Australia ให้ข้อมูลกับ ABC Australia ว่าสัตว์ที่พฤติกรรมการกระโดดนั้นรอดจากระบบตรวจจับสัตว์ของรถยนต์ได้ เนื่องจากเมื่อมันกระโดดอยู่ในอากาศ จะเหมือนกับสัตว์อยู่ไกลจากรถยนต์ และเมื่อลงสู่พื้นดินจะเหมือนว่าอยู่ใกล้
ระบบนี้ได้ทดสอบกับสัตว์ป่าชนิดอื่น และพบว่าสามารถตรวจจับสัตว์อย่างเอลก์ (elk) หรือมูส (moose) ได้อย่างไม่มีปัญหา เนื่องจากตัวรถจะใช้วิธีการตรวจจับสัตว์โดยใช้พื้นเป็นจุดอ้างอิงในการระบุระยะของวัตถุ เมื่อระบบเจอการกระโดดของจิงโจ้จึงเกิดความสับสน
ที่มา - The Verge, ABC Australia
Comments
ข่าวต่อไป Volvo ทดสอบรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ พบปัญหากับการระบุตำแหน่งรถยนต์ในไทยเพราะการโดด(ข้ามเลน)
ในเมืองไทยโจทย์ใหญ่น่าจะเป็นมอเตอร์ไซล์
(- -')
มาไซ โดด ไม่ได้คงไม่เป็นปัญหามั้งครับ
ที่จะเป็นปัญหาจริงๆ (ซึ่งทุกวันนี้ก็เป็นอยู่) คือตำรวจอนุญาติให้คนทำผิดกฏจราจรจนเรื่องผิดกลายเป็นถูกมากกว่า แบบนี้รถมันจะกล้าทำตามไหม (เช่น วิ่งไหล่ทาง แล้วไปเบียดเข้าตามจุดตัด)
มาไซโดดได้สิครับ เป็นประเพณีของเค้าเลย
อันนั้น มาไซมาร่า ;D
ผมเห็นตำรวจก็จับอยู่เรื่อยๆนี่ครับ
ปัญหาที่แท้จริงคือคนที่โดนจับ โดนปรับแค่ไม่กี่บาท แล้วก็กลับมาทำใหม่มากกว่า
(Edited)
ตำรวจจับอยู่เรื่อยๆ คือ จับบ้างไม่จับบ้างครับ ไม่เช่นนั้นคงไม่ใช้คำว่า อยู่เรื่อยๆ ทีนี้ไอ่เดี๋ยวจับเดี๋ยวไม่จับเนี่ย ประชาชนลำบากใจยิ่งกว่าจับหมด รึไม่จับหมดอีกครับ ทำถูกก็ไม่ดี ทำผิดก็ไม่ได้ อารมณ์นั้นเลย
ทีนี้วกกลับมาที่เรื่องในข่าว ผมคิดว่า จิงโจ้กระโดดเดี๋ยวเขาคงหาทางแก้กันได้เพราะมันก็กระโดดตามธรรมชาติ แต่ไอ่การมีกฏหมายแต่ใช้บ้างไม่ใช้บ้างเนี่ย มันเหนือธรรมชาตินะครับ คอมพิวเต้อมันน่าจะสับสนหนักมาก เมื่อเทียบกับการกระโดดของจิงโจ้
ผมใช้คำว่าจับอยู่เรื่อยๆเพราะผมไม่ได้ไปเฝ้าดูตำรวจทุกท่านครับ นั่นข้อที่หนึ่ง
ข้อที่สองผมไม่คิดว่ากำลังตำรวจจะมีพอในการไปเฝ้าทุกจุด ตลอดเวลา
ข้อที่สาม เวลามีตำรวจ หมวกกันน็อคนี่ใส่กันทุกคน พอไม่มีตำรวจก็ไม่ใส่ สะพานที่ห้ามขึ้น พอตำรวจจับก็ด่าว่ามาดักทางลง พอดักทางขึ้น วันนี้ก็ไม่ขึ้น วันหน้าขึ้นใหม่
นั่นคือสันดานคนไทยที่ผมเรียนรู้มาครับ ถ้าจ่าไม่อยู่ ทำผิดได้
ถ้างั้นทำไมไม่แก้กฏหมายช่วยตำรวจบ้าง ไม่ใส่หมวกกันน็อค ขับย้อนศรก็ยึดใบขับขี่ได้เลย ไม่ต้องมีปรับ
ผมแจ้งมอเตอร์ไซค์วิ่งบนทรงเท้า เทศกิจก็ทำได้แค่ปรับ แล้วมันก็กลับมาใหม่
ตอนผมไปญี่ปุ่น ผมแทบไม่เห็นตำรวจแม้แต่คนเดียว (เห็นก็ตอนมีคนเมาตีกันแล้วมีคนเรียกมา) แต่รถก็ขับตามกฏดี
พอดีว่าถ้าโดนจับเข้าที่นึงมันโดนโทษแรงพอแบบไม่คุ้มที่จะโดนน่ะครับ ไม่ใช่นิดๆ หน่อยๆ โดนไม่กี่ทีก็ไม่เป็นไรอะไรแบบนี้
ใช่ครับ คือผมอยากจะสื่อแบบนี้
แทนที่จะบอกว่า เสี่ยงๆหน่อยละกัน ถ้าจ่าเจอก็เสียแค่ 500 ก็เปลี่ยนเป็นถ้าจ่าเจอ คือโดนยึดใบ ไม่ก็ติดคุกเลย
ไม่ยึดใบไม่ติดคุกแต่ปรับให้มันเข้ากับสภาวะเงินปัจจุบันหน่อยก็ยังดีครับ ห้าร้อยนี่ตั้งแต่ค่าแรงขั้นต่ำเท่าไหร่กันแล้วไม่รู้ :'(
ที่เคยคิดเล่นๆ คือปรับ 5000 จ่ายไม่ครบ ยึดรถไว้ก่อนครับ อีกวิธีคือปรับตามมูลค่าของรถครับ
ปะเด็นของผมไม่ใช่ว่า ตำรวจมีกำลังพอรึไม่พอ แต่เป็นเรื่องที่ว่าตำรวจเปลี่ยนกฏได้(ในบางสถานการ์ณครับ) เช่น ชม.เร่งด่วนให้วิ่งไหล่ทางบนทางด่วน แต่คราวนี้มันกลายเป็นว่า ไม่ด่วนพวกก็ยังวิ่งไหล่ทางกันอยู่ รึ ตอนเย็นๆอะลุ้มอร่วยให้วิ่งย้อนศรเปิดเลนพิเศษ กลายเป็นกลางวันก็มาสร้างแถวเรียงปึกกันหน้าตาเฉยยังงี้เป็นต้นครับ เสร็จแล้วพอเป็นแบบนี้มากๆเข้าตำรวจท่านก็ไม่จับแล้วครับ จับไม่ไหว รึบางที่ท่านก็ทำซะเองก็มี ไม่ใช่ภาพหาดูยากอะไรนะครับตำรวจทำผิดกฏจราจรน่ะ แบบนี้ประชาชนสันดานดีบางคนก็งงครับว่าตกลงความเข้มงวดมันมีรึเปล่า ทำถูกโดนล้ออีก ทำผิดก็มาเจอเอาวันเขากวดขันก็ซวย นี่คือที่ว่า จับไปเลย รึไม่จับไปเลย ยังลำบากใจน้อยกว่าจับบ้างไม่จับบ้างนี่ล่ะครับ
ไหล่ทางด่วนเห็นด้วยครับ บางคันวิ่งแล้วบีบแตรใส่รถเลนซ้าย
เลนสวนนี่ไม่เคยเจอ ปกติจะมีป้ายบอกว่าวิ่งได้เวลาไหนไม่ก็ป้ายไฟ
Double Standard ไงครับ
ถ้ามอไซอยู่ไกลๆระบบนี้อาจโอเค
แต่ผมหมายถึง
ตอนรถติด แล้วมอไซซอกแซกมา
หรือ ตอนรถชะลอตัว แล้วมีมอไซล้อมหน้าหลัง ระยะประชิด
ถ้าไม่ระวังปัญหานี้ มีโอกาสบี้มอไซสูงมาก
ถ้าจะมาไทย
ระบบระบุตำแหน่ง ต้องละเอียดระดับมิลลิเมตรนะครับ
ตรวจเจอไฟเหลือง ให้เร่งเครื่องพุ่งข้ามไปเลยครับ
บางจุดไม่มีตำรวจ เลี้ยวซ้าย ก็แอบฟ่าไฟแดงได้
ต้องวิ่งไหล่ทางซ้าย บนทางด่วนได้ บีบแตรด่าคันข้างๆ ที่พยายามแทรกเลนได้
ปาดหน้า 3 เลน เพื่อกลับรถได้ .. ครับ
"ใช้วิธีการตรวจจับสัตว์โดยใช้พื้นเป็นจุดอ้างอิงในการระบุความไกลของวัตถุ"
ไม่ได้ใช้ระบบคล้ายๆ พวกเรดาร์ด้วยการส่งสัญญาณไปกระทบวัตถุแล้วสะท้อนกลับเหรอครับ
เหมือนอ่านเจอว่า อย่างช่วงวิจัยของเทสล่า พบว่าการใช้เรดาร์อย่างเดียวเชื่อถือไม่ได้ เพราะแค่เจอกระป๋องตกบนพื้น หยุดรถหัวทิ่ม เช็คไปเช็คมา พบว่าเรดาร์สะท้อนก้นกระป๋องขยายสัญญาณจนระบบจะนึกว่าเจอกำแพงระยะไกลอยู่ มันเลยหยุดกึก
แต่ถ้าสลับมาใช้กล้อง จะพบว่าสิ่งกีดขวางมันเล็กนิดเดียว ข้ามได้
ไปๆมาๆ สุดท้ายทีมวัศวกรต้องพึ่งพา visual แทน ซึ่งในกรณีทั่วไปเชื่อถือได้มากกว่า
ต้องวิจัยและทดสอบกันไปอีกนานแค่ไหนนะครับว่าจะครอบคลุมทุกเคส เอามาใช้จริงนี่ผมก็มีหนาวๆ ร้อนๆ บ้างล่ะ ไม่รู้จะเจอ bug เข้าตอนไหน
จิงโจ => จิงโจ้