ในรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model 3 ที่เพิ่งส่งมอบไปเมื่อสิ้นเดือนที่แล้ว มีคนพบว่าบริเวณก้านกระจกมองหลังมีกล้องเล็กๆ ฝังอยู่ โดยที่ในงานเปิดตัวไม่มีการพูดถึงกล้องนี้แม้แต่นิดเดียว จึงทำให้มีความกังวลเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวของผู้โดยสาร
ล่าสุด Tesla ยืนยันแล้วว่านั่นคือกล้องจริงๆ แต่ตอนนี้ยังไม่ได้เปิดใช้งาน นอกจากนี้ยังระบุว่ากล้องนี้สามารถมองเห็นผู้โดยสารได้ทั้งคันอีกด้วย ซึ่งเว็บไซต์ Electrek คาดว่ากล้องนี้จะเปิดใช้งานในอนาคต เมื่อซอฟต์แวร์ของรถพร้อมสำหรับการขับอัตโนมัติเต็มรูปแบบ คือคนในรถไม่ต้องสนใจการขับเลย และการมีกล้องนี้ก็จะช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถตรวจสอบเหตุการณ์ภายในรถได้หากเกิดอุบัติเหตุ อย่างไรก็ตาม Tesla ระบุว่าไม่มีกล้องดังกล่าวใน Model S และ X
การขับอัตโนมัติถูกแบ่งไว้ 6 ระดับ ตั้งแต่ 0-5 โดยขณะนี้ระบบ Autopilot ของ Tesla ถูกจัดอยู่ในระดับ 2 คือ Partial Automation หรืออัตโนมัติบางส่วน กล่าวคือรถสามารถเร่งและเลี้ยวเองได้ แต่ต้องมีมนุษย์ให้ความสนใจกับการขับตลอดเวลา โดย Elon Musk เคยบอกว่า Tesla จะไปถึงระดับ 5 ได้ในอีก 2 ปีเท่านั้น (อัตโนมัติทุกอย่าง ทำงานได้ทุกสถานการณ์ คนในรถหลับได้เลย)
ที่มา - SlashGear
Comments
นายคิดเหมือนชั้นมั้ย B1?
คงต้องเปลี่ยนไปบนฝากระโปรงรถล่ะครับ
มันไม่ง่ายเลยที่จะทำ GIF ให้มีขนาดน้อยกว่า 20kB
มันก็มีกล้องหน้าอยู่ดีนิครับ
ภรรยาบอกติดไว้เผื่อเจออุบัติเหตุ(ใช่เหรอ)
ขึ้นหลังคาเลยครับ ชัวร์สุด
เอ้อ พอมาตรงนี้ไม่มีกล้องก็ค่อยสบายใจหน่อย
งี้ก็แอบเอากิ๊กขึ้นรถไม่ได้อ่ะจิ -3-
บล็อกส่วนตัวที่อัพเดตตามอารมณ์และความขยัน :P
ก็ดีนะ เมื่อซอร์ฟแวร์พร้อมก็ใช้งานได้เลย ไม่ต้องเสียตังค์เพื่อติดตั้งเพิ่มอีก(มองในแง่ดี) ระหว่างนี้ก็หาสติ๊กเกอร์ทึบแสงไปปิดกันโดนแฮกไว้ก่อนละกัน
นึกถึงว่าเวลาเปิดระบบไร้คนขับแล้วประสบอุบัติเหตุ คนที่เอาอะไรไปปิดกล้องจะต้องถูกตำรวจสงสัยไว้ก่อนว่ามีเจตนาไม่บริสุทธิ์ และทำให้ Tesla รอดจากการถูกฟ้อง เพราะบางทีศาลอาจจะชอบหลักฐานที่เป็นวิดีโอมากกว่าที่เป็น log
ถ้าไม่ได้ทำผิด จะกลัวอะไรนี่เอง
ทุกวันนี้กล้องวงจรปิดก็มีอยู่ทั่วไปอยู่แล้วครับ แค่เดินออกไปนอกห้องก็เจอละ
กรณีนี้ถ้าเป็นรถส่วนตัวของเราก็แค่หาอะไรไปปิดไว้ก็จบละ
ผมรอวันที่จะหลับได้เลย
ดีเลยครับ ขึ้นรถนอนหลับ ตื่นมาอีกทีถึงที่หมายเลย
ตื่นมาก็ยังอยู่ไฟแดงเดิม สู้ขับเองปาดไปมา เบียดคอสะพาน ไวกว่าเยอะ ขำๆ นะ
เอาแบบไม่ขำนะ ในฐานะคนรักการขับรถอย่างผม รถอัตโนมัตินี่มันฝันร้ายชัดๆเลย
เพราะอะไรครับ?
ผมนี่อยากให้เป็นอัตโนมัติให้หมดเลยนะ
แต่คงต้องรอให้มอเตอร์ไซค์ขี่อัตโนมัติได้ก่อน :P
เพราะอะไรนี่คงตอบสั้นๆยาก เอาเป็นว่าการขับรถมันก็เป็นศิลป์อย่างหนึ่งที่มีคนจำพวกนึงพึงพอใจที่จะเสพย์น่ะครับ ผมไม่ได้พูดถึงพวกที่ไปซิ่งปาดชาวบ้านคึกคะนองอะไรนั่นนะครับ แต่กำลังพูดถึงคนจำนวนหนึ่งที่ชอบฟีลลิ่งที่แรงบิดเริ่มทำงาน ชอบจังหวะการเปลี่ยนเกียร์ ชอบฟังเสียงเครื่องยนต์ (เฟอร์รารี่ถึงกับเคยโฆษณาว่า เครื่องเสียงที่ดีที่สุดในเฟอร์ฯ คือเสียงเครื่อง V8 หาใช่วิทยุใดๆไม่) มีความเข้าใจพื้นฐานของเครื่องยนต์บ้างเพื่อให้รู้ว่ารถกำลังทำอะไร ขณะที่เรากดคันเร่งลงไป หรือ กำลังสับเกียร์ (คนที่เข้าใจสิ่งเหล่านี้ดี ผมยกให้เป็นบริษัท BMW เพราะเขาเคยมีสโลแกนว่า "สุทรียภาพแห่งการขับขี่" <==ก็ความหมายตามนั้นเป๊ะๆครับ)
ถ้าไม่ใช่คนที่ชื่นชอบการขับขี่ก็ไม่แน่ใจจะอธิบายยังไงให้ร้องอ๋อ! แต่ผมเข้าใจว่ามันคือ อารมณ์เดียวกับคนบางคนชอบนั่งลูบ นั่งมองนาฬิกาจักรกลแทนที่สมาร์ทวอช หรือ คนที่แม้จะมีคนมาบอกว่า อีบุคส์ดียังไง ก็ยังชอบกลิ่นกระดาษของหนังสือจริงอยู่อะไรประมาณนั่นล่ะมังครับ เพียงแต่การขับรถมันยังไปไม่ถึงขั้นที่มีอะไรมาทดแทนชัดเจนอย่างนาฬิกา หรือ แท็ปเลท ดังนั้นการมีอยู่ของคนกลุ่มนี้ก็จึงยังไม่ชัดเจน แต่เมื่อไหร่ที่รถอัตโนมัติมาเต็มตัวแล้ว เมื่อนั้นคงจะมีเสียงบ่นมาบ้างจากคนที่เกิดในยุคกลางเก่ากลางใหม่อย่างผมเป็นแน่แท้
ผมชอบขับรถนะ สนุกดี แต่ถ้ารถติดผมคงใช้ Auto Pilot
รถอัตโนมัติในข่าว ถ้าเลือกจะขับเองก็ขับได้นะครับ ไม่ได้บังคับว่าห้ามขับเอง
ไม่ว่าจะเป็นรถอัตโนมัติแบบไหน สุดท้ายก็ไปบรรจบตรงที่รถไม่มีพวงมาลัยนั่นล่ะครับ คือผมมโนเอาตามนี้ครับว่าถ้ากรณีที่ดีหน่อย เนื่องจากความสะดวกสบายเป็นหลัก ต่อไปรถใช้มนุษย์ขับก็จะกลายเป็นของ rare เหมือนรถเกียร์กระปุกในทุกวันนี้ กล่าวคือ กับบางคนมันไม่สะดวกและเริ่มหาคนขับเป็นยากขึ้นทุกวัน
กรณี Worst case scrnario เลยคือ ต่อไปเมื่อ Ai ฉลาดพอที่จะขับรถแทนคนได้และไม่มีอุบัติเหตุด้วย รถที่ใช้มนุษย์ขับ(และไปชนอะไรเข้า)จะถูกต่อต้านจากสังคมขึ้นเรื่อยๆจนละอายและไม่อยากใช้ไปในที่สุด
รถในข่าวนี้ก็เป็นหนึ่งสะพานที่จะไปสู่จุดเหล่านี้น่ะครับ
ถ้าถึงตอนนั้น คนที่ขับรถเพราะอยาก"ขับรถ"ไม่ใช่เพราะอยาก"เดินทาง"ก็คงต้องไปขับในที่ๆ จัดไว้ให้ เช่น สนามแข่ง แล้วล่ะครับ
ที่จริงแล้วทุกวันนี้ผมก็แนะนำให้ทำแบบนั้นจากที่คุณว่ามา เรื่องความสุนทรีย์จากการเร่งเครื่อง เข้าเกียร์ ฯลฯ มันมีความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดพฤติกรรมการขับขี่ที่อันตรายบนท้องถนนได้ (เช่น ขับรถเร็วเกินกำหนด) ดังนั้น ใครใคร่ขับก็อยากให้ไปขับกันในสนามที่จัดไว้เฉพาะเลยจะดีกว่าครับ เห็นใจเวลาอัดมาแรงๆ ไม่ทันไรติดไฟแดงแล้วเหมือนกันด้วย
คุณกำลังเข้าใจไปว่าคนขับรถซิ่ง กับคนชอบการขับรถเป็นคนเดียวกัน ผมใจไม่กล้าพอที่จะไปขับในสนามแข่งครับ (ฝีมือไม่ถึง) และก็ไม่มีรถที่แว๊นพอจะทำแบบนั้น อันที่จริง ผมสามารถพอใจกับการขับรถที่ความเร็ว 80 ได้ครับ (เกินกฏหมายกำหนดเล็กน้อย) แต่ผมเห็นด้วยว่าในอนาคตเรื่องพวกนี้มันคงไปอยู่ในที่เฉพาะของมัน
ก็คงต้องยอมรับความเป็นไปของโลกแหละครับ ถ้ามัน Mass กลายเป็นกระแสหลักขึ้นมาก็คงจะไม่สามารถยับยั้งได้ หรือเอาจริงๆ กลุ่มคนทีชื่นชอบในการขับขี่แบบคุณก็ไม่ได้เป็นกลุ่มหลักของสังคมอยู่แล้วในทุกวันนี้ ซึ่งถ้าในอนาคตมันจะมีการเปลี่ยนแปลงยังไงต่อไปผมว่ามันก็อาจจะไม่น่ามีผลกระทบมากมายเท่าที่คิด เพราะกลุ่ม niche นี้ก็น่าจะสามารถรวมตัวเพื่อเสพย์หรือซื้อขายรถยนต์แบบดั้งเดิมได้อยู่แล้ว เหมือนๆ กับกลุ่มที่ใช้กล้องฟิล์มหรือกลุ่มที่เล่นแผ่นเสียงกำลังทำกันอยู่
ใช่ครับ ก็ตามนั้นแหล่ะ กระแสน้ำเชี่ยวจะเอาเรือขวาง ถ้าไม่รวยมาก ก็คงต้องเป็นไดโนเสาร์เท่านั้นถึงจะทำได้
แบบนั้นไม่ต้องถึงขั้นออโต้ครับ แค่รถไฟฟ้าฟีลการขับก็เปลี่ยนไปหมดแล้ว
May the Force Close be with you. || @nuttyi
จริงๆแล้วรถไฟฟ้าขับสนุกมากนะครับ ถ้าเคยเล่นทามิย่าจะเข้าใจเลย (พอเปิดสวิชปุ๊ปล้อหมุนจี๋เลย = สร้างกำลังได้เร็วมาก ถ้าขนาดเครื่องเหมาะสมกับน้ำหนักตัวรถ) แต่ก็แล้วแต่ครับบางคนเขาก็ชอบเสียงเครื่องสันดาปทุ้มๆมากกว่าเสียงสว่าน แต่ไม่ว่าจะยังไง สุดท้ายจริงๆมนุษย์คงจะหาความพึงพอใจอย่างอื่นมาทดแทนของเดิมจนได้นั่นล่ะครับ อาจจะเฮโลไปขี่มอเตอร์ไซค์แทนก็ได้ (ฝั่งนั้นเห็นเขาก็มีการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆออกมาเรื่อยๆเหมือนกัน) แต่เนื่องจากเทสล่าพัฒนาตัวเองได้เร็วมาก ผมเลยช็อคนิดนึงกับความเปลี่ยนแปลงอันรวดเร็วนี้
เอาสติ๊กเกอร์แปะ..
May the Force Close be with you. || @nuttyi
ผมว่าเขาเตรียมทำแท๊กซี่อัตโนมัติน่ะครับ
ขอถามนิดนึงครับ
ถ้าในอนาคต มีรถขับอัตโนมัติระดับ5 แล้วอย่างนี้ใบขับขี่จะเป็นของใคร ของรถ หรือของคนที่นั่ง
ถ้าคนทั้งหมดในรถไม่มีใบขับขี่เลยสักคนจะผิดกฎหมายไหม ในอนาคตจะมีกฎหมายอะไรรองรับ เวลาตำรวจเรียกตรวจ
อนาคตผมว่ารถจะเหมือนซื้อที่นั่งเรียกแล้วมามากกว่า ถ้าขับเองจะเหมือนเป็นเรื่องที่มีเฉพาะคนรวยจริงๆเท่านั้นถึงทำได้
อนาคตรถยนต์จะกลายเป็นขนส่งสาธารณะประเภทหนึ่ง ที่มีความเป็นส่วนตัว จะใช้เมื่อไหร่ก็เรียกมา ถ้าไม่ใช้ก็ส่งกลับศูนย์ ไม่ต้องหาที่เก็บ Model จะออกมาแนว Taxi ไร้คนขับในรูปแบบ Car sharing มากกว่า ดีไม่ดีรถยนต์ยี่ห้อต่างๆ ในปัจจุบันก็จะผันตัวมาให้บริการนี้หมด เพราะจำนวนการผลิตจะลดน้อยลง
สรุปใบขับขี่ไม่ต้อง ยกเว้นช่วงรอยต่อ ถ้าจะขับเองคงยังต้องมี ส่วนผู้ประกอบการก็ต้องประมูลใบอนุญาติ และเป็นผู้รับผิดชอบความเสียหายที่เกิดจากระบบอัตโนม้ติ)
สุดท้ายคนที่ขับเองจะโดนบีบเรื่อยๆ เช่น ห้ามขับเองในเมืองหลวง ห้ามขับบนเส้นทางรถอัตโนมัติวิ่ง ฯลฯ
ถ้าเทียบกับเครื่องบินที่มีระบบออโต้ไพลอทมานานกว่ารถยนต์จนถึงทุกวันนี้นักบินก็ยังต้องมีใบอนุญาตอยู่ดี อย่างน้อยก็ต้องบังคับด้วยตัวเองเมื่อลงจอดหรือเมื่อสถานการณ์ฉุกเฉิน ผมว่ารถยนต์ก็คงเช่นกัน
ในอนาคตถึงการขับขี่อัตโนมัติจะมีใช้อย่างแพร่หลาย แต่อาจจะอนุญาตให้ใช้ในบางพื้นที่เช่นบนถนนหลวงหรือบนทางด่วนเท่านั้น ส่วนในซอกซอยในชนบท อาจจะยังไม่นิยมใช้ หรือในบางพื้นที่อาจจะถึงกับไม่อนุญาตให้ใช้ ดังนั้นผมคิดว่าอย่างน้อยเจ้าของรถก็ต้องรู้วิธีควบคุมรถด้วยตนเอง เผื่อในกรณีฉุกเฉินหรือในกรณีไม่สามารถใช้ฟังค์ชั่นอัตโนมัติได้
ใบขับขี่ก็น่าจะต้องมีอยู่นะ อย่างน้อยก็เพื่อรับรองว่าสามารถใช้ฟังก์ชั่นต่างๆ ในรถเป็น หรือในกรณีฉุกเฉินหรือกรณีที่ต้องบังคับเองเช่นขับเข้าป่า เข้าสวน ที่ไม่มีสภาพถนนให้รถมันตรวจจับเจอ ก็ต้องขับเองได้
ทำ plugin ภรรเมีย แล้ว buildin ให้ด้วย
ขายดีแน่นอน ( ภรรเมียสนับสนุนค่าใช้จ่าย)
ส่งmailแจ้งเตือนไปยังภรรเมีย ว่า face detectแล้วผู้นั่งไม่ใช่เมีย