เยอรมนีเป็นหนึ่งในประเทศที่ผลักดันด้านสิ่งแวดล้อมมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดรัฐ Hesse ทางตอนกลางของประเทศ (เมืองที่เรารู้จักกันดีในรัฐนี้คือ Frankfurt am Main) ได้ร่วมกับบริษัท Siemens ทดลองสร้าง eHighway เพื่อให้รถบรรทุกสามารถสลับไปวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนได้ เพื่อลดมลภาวะที่ปล่อยออกสู่อากาศ
ระบบ eHighway จะคล้ายๆ กับระบบจ่ายไฟฟ้าให้รถบัสและรถไฟในยุโรปที่เห็นกันทั่วไป แบบที่มีสายไฟอยู่เหนือรถและใช้ก้านรับไฟฟ้า (pantograph) ยกขึ้นไปแตะ โดย eHighway ที่กำลังสร้างนี้เริ่มต้นบนทางหลวงสาย A5 จากทางแยก Zeppelinheim/Cargo City Süd ใกล้ๆ สนามบิน Frankfurt ไปยังทางแยก Darmstadt/Weiterstadt รวมระยะทางราว 10 กิโลเมตร ซึ่งเป็นการสร้างบน Autobahn ที่มีอยู่เดิม ทำให้มีข้อดีที่ไม่ต้องตัดถนนใหม่ และรถยนต์อื่นก็วิ่งร่วมกันได้เหมือนเดิม
รถบรรทุกที่วิ่งได้เป็นรถบรรทุกไฮบริด เมื่อเข้าสู่โซนที่เป็น eHighway ก็จะยกก้านรับไฟฟ้าขึ้นเพื่อรับไฟและวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วน ทำความเร็วได้สูงสุด 90 กม./ชม. และหากต้องแซงหรือออกจากโซน eHighway ค่อยสลับกลับมาวิ่งด้วยเครื่องยนต์เหมือนเดิม นอกจากนี้เวลาเบรกยังสามารถปั่นไฟแล้วจ่ายกลับเข้าระบบไฟฟ้าได้ด้วย
Siemens ระบุว่าสามารถประหยัดค่าน้ำมันได้ถึง 20,000 ยูโร (ราว 7.9 แสนบาท) ต่อรถบรรทุกหนัก 40 ตัน 1 คัน เมื่อวิ่งเป็นระยะทาง 100,000 กิโลเมตรบน eHighway และจะลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 6 ล้านตัน หาก 30% ของรถบรรทุกทั้งประเทศเปลี่ยนมาใช้ไฟฟ้า
คอนเซ็ปต์ของ eHighway มีมาตั้งแต่ปี 2012 แล้ว ซึ่งประเทศสวีเดนก็เพิ่งทดลองติดตั้งเป็นระยะทางสั้นๆ 2 กิโลเมตรเมื่อปีที่แล้วใกล้ๆ เมืองสต็อกโฮล์ม
Comments
เจ๋งดีแหะ แต่ถ้าขับๆแล้วเผลอหลุดจากสายหนึ่งแล้วไปเกี่ยวกับอีกสายจะเป็นอย่างไรนะ...
ถ้าก้านนึงหลุดมาถึงอีกสายนึงได้อีกก้านนึงก็ลอยเปล่าๆ ไม่เกี่ยวกับสายแล้วครับ ก็ไม่ได้ไฟไปไม่มีปัญหาอะไรแค่เลี้ยวกลับมารับไฟเหมือนเดิมก็พอ
ต่างจากรถไฟยังไงหว่า นอกจากแค่ไม่ต้องวางรางเพิ่ม
ต่างตรงที่สินค้าส่งแบบ point-to-point เลยครับ หน้าโรงงานไปถึงจุดหมายได้เลยโดยไม่ต้องขนขึ้นขนลงรถไฟอีกที
คล้ายๆรถรางอะครับ
น่าเอารถไร้คนขับไปใช้มากกว่านะ จะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องการควบคุมรถ แล้วก็ทำขบวนได้ง่ายกว่า
ก็คงพัฒนาไปคู่ๆ กันนะครับ แต่อันนี้มันน่าจะทำง่ายและเร็วกว่า
ผมว่าแค่ช่วงแรก ที่รถยนต์ไร้คนขับยังไม่มานะครับ เดี๋ยวถ้ามาแล้วก็คงให้วิ่งเส้นนี้ไปเลย จะได้แยกกับรถยนต์ทั่วไปด้วย ลดการเกิดอุบัติเหตุไปในตัว ^ ^
กลับมามองบ้านเราละ มีอะไรบ้างแล้ว ฮ่าๆ
จะว่าดีก็ ดี จะว่า ดี ก็ ยังไม่ สุด
ผมแอบขำนิดนึงตรงที่เราพยายามเอาสายไฟลงดิน ไป ๆ มา ๆ ก็ต้องเอาสายไฟขึ้นมาบนดินอยู่ดี แถมรกกว่าเดิมไปอี๊กกกก ๕๕๕๕
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
มันใช้สำหรับบน Highway ไม่ใช่บริเวณบ้านคนอาศัย ตลกตรงไหน
รถบรรทุกบ้านเขา ดู ปกปิดมิดชิดเป็นระเบียบดีจัง
เหลือแต่ว่าจะคิดค่าพลังงานยังไง คิดตามระยะทางแบบ tollway หรือแบบไหน?